ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comความรู้ทั่วไปSearch Engine Optimizationเทคนิค On-Page ที่กู๋ก็ว่าใช่ ผู้อ่านก็ชอบ
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 8   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เทคนิค On-Page ที่กู๋ก็ว่าใช่ ผู้อ่านก็ชอบ  (อ่าน 16296 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
nongkai27
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 116



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #80 เมื่อ: 01 ตุลาคม 2016, 22:42:07 »

มาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ค่ะ wanwan019
บันทึกการเข้า

eyejan
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 131
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,015



ดูรายละเอียด
« ตอบ #81 เมื่อ: 01 ตุลาคม 2016, 22:50:00 »

12. เมื่อชื่อเสียงของเวปกลายเป็นปัจจัยในการจัดอันดับ

อากู๋ชอบเข้าข้างแบรนด์ใหญ่ๆ จริงหรือไม่

ตอบเลยว่าจริง...

Google มีการจ้างเจ้าหน้าที่เพื่อทำการวิจัยโดยการให้คนทำการค้นหาตามคีย์ที่กำหนด แล้วประเมินว่าผลการค้นหาที่แสดงมามีคุณภาพหรือไม่

ผู้ที่มีหน้าที่ประเมินคุณภาพผลการค้นหาจะมีคู่มือที่เรียกว่า Quality Rater Guideline ซึ่งคู่มือดังกล่าว ได้หลุด (หรือจงใจทำหลุด) มาอยู่ในมือของนัก SEO

ตั้งแต่ปี 2008 คู่มือรุ่นล่าสุด ปี 2016 มีการให้ผู้ประเมินทำกาตรวจสอบ ชื่อเสียง หรือ "Reputation" ของแต่ละเวปด้วย โดยมีวิธีการดังนี้

- สมมุติว่าเวปท่านชื่อ hxxp://www.amazingapple.com

- เค้าจะให้ค้นหาโดยค้นว่า "amazingapple.com" -site:amazingapple.com คือการค้นว่ามีคำว่า amazingapple.com บนเวปอื่นๆหรือไม่ (โดยไม่ให้แสดงผลจากเวป amazingapple.com)

ซึ่งจะได้ผลออกมา 3 แบบคือ

1) bare url เช่น hxxp://www.amazingapple.com/contactus คลิ๊กได้ปกติ

2) unlink html  เช่น hxxp://www.amazingapple.com/contactus คลิ๊กไม่ได้ เป็น text เฉยๆ

3) amazingapple.com  ประมาณว่า ก๊อปบทความมาจากเวปนี้ แต่ไม่ link back

- ต่อมาให้ค้นคำว่า "amazing apple" -site:amazingapple.com ซึ่งจะเป็นการค้นว่า มีการกล่าวถึงชื่อเวปนี้ในที่ใดบ้าง (brand mention)

- จากนั้นก็ทำการประเมินผล ถ้าพบว่า มีการกล่าวถึงเวปนี้ บนเวปที่มีชื่อเสียง เช่นเวปข่าว, wikipedia , edu ,gov ,review site ทั้งแบบ bare url, unlink html, brand mention

แสดงว่า เวปนั้นๆมีชื่อเสียง ก็จะได้คะแนนเพิ่มขึ้น

บทสรุปก็คือ

- เวปไซด์ที่ดีมักโดนลอก ดังนั้นเราต้องพยายามเขียนบทความให้ดีเพื่อให้คนมาลอก

- ลอกแล้วไม่ link back ก็ได้ ไม่เป็นไร แค่กล่าวถึงเวปเราเฉยๆ ก็แสดงว่าเวปเรามีชื่อเสียง ได้คะแนนเพิ่ม

- ถ้าท่านไม่เล่น social แล้วใครจะมากล่าวถึงเวปท่านครับ

- ถ้าเปิดเว็ปมาปุ๊ป เจอ header ตัวการ์ตูนหวานเย็น, หรือ QR Code อันยักษ์ๆ ใครจะจำชื่อเวปท่านได้ครับ

การสร้าง "แบรนด์" และ ประสบการ์ณการใช้งานที่ดีของผู้อ่านและลูกค้า จึงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับนักทำ SEO และ Internet Marketing ยุคนี้

หวังว่าอธิบายคงไม่งงนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 ตุลาคม 2016, 11:47:26 โดย eyejan » บันทึกการเข้า
mango
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 83
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 948



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #82 เมื่อ: 02 ตุลาคม 2016, 04:41:09 »

ขอบคุณครับ  wanwan011 wanwan011
บันทึกการเข้า

~กaับกaๅe~
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 114



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #83 เมื่อ: 02 ตุลาคม 2016, 09:53:30 »

มาเก็บข้อมูลขอบคุณค่ะ wanwan017
บันทึกการเข้า

~กaับกaๅe~
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 114



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #84 เมื่อ: 02 ตุลาคม 2016, 13:28:52 »

อ่านจบสักทีก อ่านๆ หยุดๆ ถึงตัวจะไม่ว่างแต่ใจมันก็อยากจะอ่าน เนื้อหาดีมากค่ะ อ่านตั้งแต่เกือบ10โมงยันบ่ายกว่า และคาดว่าจะอ่านอีก ฮ่าๆ ขอบคุณค่ะ
บันทึกการเข้า

friendly
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11



ดูรายละเอียด
« ตอบ #85 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2016, 13:15:29 »

มีประโยชน์มาก และอธบายเข้าใจง่ายดี

ขอบคุณค่ะ
บันทึกการเข้า
eyejan
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 131
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,015



ดูรายละเอียด
« ตอบ #86 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2016, 13:47:04 »

13. หน้า 404 แบบไฮโซ

ท่านทราบหรือไม่ว่า กู๋เค้าดูคุณภาพของเวปไซด์ทุกหน้า แม้กระทั่งหน้าที่มันไม่อยู่แล้ว (เพราะโดนลบไปแล้ว)

จากที่ได้เคยกล่าวถึง คู่มือตรวจคุณภาพเวป หรือ Quality Rater Guideline ไปแล้วนั้น มีหลักเกณฑ์หนึ่งที่เพิ่งอ่านเจอ

(แบบว่ามันร้อยกว้าหน้า เลยดูผ่านๆ เพิ่งมีเวลามาดูละเอียดขึ้น) เค้าบอกว่า เวปที่มีคุณภาพ ต้องมีคุณภาพทุกหน้า แม้กระทั่งหน้า 404 Page Not Found

กู๋ได้ให้เกณฑ์การทำหน้า 404 ที่มีประโยชน์ดังนี้


- ต้องมีข้อความเป็นประโยคอธิบายให้ผู้อ่านได้ทราบว่า บทความที่เค้าพยายามจะอ่าน หรือ หน้าที่เค้าต้องการจะดูมันไม่อยู่แล้ว

(เขียนแค่ว่า 404, 404 Page Not Found, Oops...., โอ้ย!, จ๊าก! หรืออะไรก็ตามที่ไม่ได้อธิบายให้ชัดเจน ถือว่า... ไม่ผ่าน)

- ต้องมี Link ไปที่บทความ หรือ หน้าเวปที่ดีที่สุดของท่าน 1 Link

- ต้องมี วิธีในการที่จะให้ผู้อ่าน แจ้งให้ผู้ดูแลได้รับทราบว่า ลิงค์มันเสียด้วย

- หน้า 404 ต้องมีหน้าตาและการออกแบบที่เหมือนกับหน้าอื่นๆของเวป

- ต้องกันไม่ให้ bot ทำการ index หน้า 404 ด้วย (ต้อง remove url ใน search console)

- แถมเพิ่มให้เอง หน้า 404 แบบไฮโซที่ว่ามานี้ ต้องแสดงผลทั้งแบบ desktop แล้วก็ มือถือด้วยนะครับ

ท่านใดมีครบตามนี้บ้าง ยกมือขึ้น

อ้างอิงตามนี้

https://support.google.com/webmasters/answer/93641?hl=en

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 ตุลาคม 2016, 11:48:27 โดย eyejan » บันทึกการเข้า
~กaับกaๅe~
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 114



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #87 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2016, 14:53:43 »

ตามรออ่านเรื่อยๆค่ะ ขอบคุณค่ะ wanwan017
บันทึกการเข้า

eyejan
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 131
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,015



ดูรายละเอียด
« ตอบ #88 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2016, 18:52:00 »

14. มารู้จักกับ Entity Database

กู๋เคยทดลองเอา backlink ออกจากการจัดอันดับเวปไปเลย แล้วดูว่าจะเป็นอย่างไร ปรากฏว่า เค้าบอกว่า

ผลการค้นหาแย่มากๆ เพราะมันไม่มีอะไรไว้จัดอันดับได้นอกจาก on-page seo (เวปที่ยัดคีย์ยิ่งเยอะยิ่งทำอันดับดี)

ในปี 2013 เค้าเลยออกอัลกอมาตัวนึงเรียกว่า เจ้านกฮัมมิ่งเบิร์ด Hummingbird

Hummingbird มีหน้าที่ในการระบุตัวตนว่า ใครเป็นใคร เขียนบทความอยู่เวปไหน เขียนด้านไหน มีชื่อเสียงด้านไหน

ฐานข้อมูลตัวนี้เรียกว่า Entity Database เหตุผลที่จัดทำ Entity Database เพื่อที่จะให้น้ำหนักกับบทความของผู้เขียนที่มีชื่อเสียง

ในด้านนั้นๆ แทนการใช้ backlink

แล้วกู๋ก็ให้เราเอา Google  Profile ไปแปะไว้ที่เวปเราใช่ป่ะ เพื่อสร้างความเชื่อมโยงว่า เราคือใคร เขียนให้เวปไหน

แต่.... Google  ไปไม่รอด กู๋เลยบอกว่า งั้น Google  Profile ก็ไม่ต้องแปะไว้ที่เวปแล้วหละ ไม่ใช้แล้ว


แล้วแนวคิดของ Entity Database ยังอยู่หรือเปล่า ตอบเลยว่าอยู่ครับ

แล้วจะใช้อะไรแทน Google  Profile ตอบว่าใช้ Schema ครับ

Schema คืออะไร ก็คือ ป้ายกำกับครับ คล้ายๆ meta tag นั่นแหละ แต่มันมีหมวดหมู่มากกว่าครับ พวกที่โชว์ดาวสีส้มๆในผลการค้นหา

ก็คือ Schema ชนิดนึง

แต่ Schema ที่ไว้ใช้บ่งบอกตัวตน ในที่นี้ขอแนะนำ Schema Website ครับ

โค๊ด:
<script type='application/ld json'>
{
  "@context": "http://www.schema.org",
  "@type": "WebSite",
  "name": "Red Apple Inc",
  "alternateName": "RAI",
  "url": "http://www.redappleinc.com"
}
 </script>

จากโค้ดตัวอย่าง จุดที่เราต้องแก้คือ

- Red Apple Inc (ใส่ชื่อเป็นทางการของเวปของท่านไปแทน)

- RAI (ใส่ชื่อย่อหรือชื่ออื่นๆของเวปของท่านไปแทน)

- URL (ใส่ URL ของเวปของท่านไปแทน)

แล้วก็เอาไปแปะตรงจุดที่ติด Google Analytics ก็ได้ แค่นั้นจบ ไม่ทำให้เวปโหลดช้า ไม่ต้องแก้ template/theme อะไรทั้งนั้น

ลองดูนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 ตุลาคม 2016, 11:49:06 โดย eyejan » บันทึกการเข้า
~กaับกaๅe~
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 114



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #89 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2016, 03:24:27 »

ตามมาอ่านอีกแล้ว ขอบคุณค่ะ
บันทึกการเข้า

kingseo
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 10
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 230



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #90 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2016, 10:11:03 »

ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล จะเอาไปใช้
บันทึกการเข้า

eyejan
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 131
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,015



ดูรายละเอียด
« ตอบ #91 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2016, 09:34:07 »

15. URL แบบไหนดี

กู๋เค้าเคยออกคู่มือ SEO ฉบับทางการมาแล้ว คิดว่าทุกท่านคงเคยอ่าน แต่ถ้าไม่เคย ก็ตามลิงค์นี้ครับ

https://static.googleuserconte...optimization-starter-guide.pdf

ที่เอามาอ้างอิง เพราะอยากพูดถึงเรื่องโครงสร้างของ URL ครับ ตัวอย่าง

1. redappleinc.com/best-red-apple-in-the-entire-world.html และ

2. redappleinc.com/red-apple.html

ถ้าตามคู่มือของกู๋เค้าบอกว่า ให้ใช้แบบที่ 2 คือ ตามด้วย keyword = red apple ไปเลย (แบบที่ 1 มันยาวเกิน)

ทีนี้มีอีกแนวนึงคือทำแบบนี้ครับ

3. redappleinc.com/fruit/red-apple.html

คือมีอีก keyword ขั้น ก่อนจะถึง keyword จริง (เป็น subfolder)

แบบ subfolder นี่แหละที่เป็นแบบที่หวังให้ติด ทั้งสอง keyword คือ ทั้ง fruit และ red apple

แต่ถ้าแบบนี้เรียกว่า spam เต็มๆเลยครับ 4. redappleinc.com/red-apple/red-apple.html

ถ้าท่านใดยังใช้แบบที่ 1 อยู่ก็เป็นการเสียโอกาสในการทำอันดับนะครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 ตุลาคม 2016, 11:49:45 โดย eyejan » บันทึกการเข้า
perasak
Verified Seller
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 75
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 786



ดูรายละเอียด
« ตอบ #92 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2016, 10:32:15 »

ดีครับ
บันทึกการเข้า

Back link, Text Link Ads เพียง 800 บาทต่อปี เปลี่ยนคีย์ได้ฟรี
adsene5438
Global Moderator
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*****

พลังน้ำใจ: 3851
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,764



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #93 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2016, 10:49:05 »

อ้างถึง
กู๋เค้าเคยออกคู่มือ SEO ฉบับทางการมาแล้ว คิดว่าทุกท่านคงเคยอ่าน แต่ถ้าไม่เคย ก็ตามลิงค์นี้ครับ

https://static.googleuserconte ...optimization-starter-guide.pdf

ที่เอามาอ้างอิง เพราะอยากพูดถึงเรื่องโครงสร้างของ URL ครับ ตัวอย่าง

1. redappleinc.com/best-red-apple-in-the-entire-world.html และ

2. redappleinc.com/red-apple.html

ถ้าตามคู่มือของกู๋เค้าบอกว่า ให้ใช้แบบที่ 2 คือ ตามด้วย keyword = red apple ไปเลย (แบบที่ 1 มันยาวเกิน)


อย่าเชื่อที่ google บอกมากครับ

https://www.google.com/search?...=hp&q=best+double+stroller

ลองดูคีย์นี้ครับ คำยาวๆใน URL เพียบเลย

ปล. ผมเอามาให้ดูนะครับ บางจุด google ก็ไม่ได้ทำตามที่ตัวเองบอกหรอกครับ ไม่มีเจตนาดิสเครดิต เจ้าของกระทู้นะครับ

แก้ไข ปล. นะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 ตุลาคม 2016, 10:53:53 โดย adsene5438 » บันทึกการเข้า

โปรโมชั่นทุกคอร์สที่มีราคา 1000 บาท คลิก
คอร์ส affiliate marketing คลิก
วีดีโอสอน SEO อัพเดตให้ 14 ครั้งแล้ว ราคาหลักร้อยกำลังจะอัพเดตปี 2024 คลิก
Tanawatwt
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 217



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #94 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2016, 11:51:09 »

ขอบคุณครับ  wanwan020
บันทึกการเข้า

promotion lazada:   lazad http://letmecheck.in.th/lazada-code/
nong4534
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,453



ดูรายละเอียด
« ตอบ #95 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2016, 19:03:37 »

้เยี่ยมครับ  wanwan003
บันทึกการเข้า

Rangforever แจกโค้ดตัวอย่างโปรเจคPHPฟรี(เขียนโปรแกรมphp java C#)
PHP Future เขียนโปรแกรมภาษาphp (แจกโปรเจคฟรี แหล่งเรียนรู้ไอที เทคโนโลยี)
eyejan
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 131
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,015



ดูรายละเอียด
« ตอบ #96 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2016, 08:00:01 »

16. มารู้จัก Social Listening กัน

Social Listening พูดแบบง่ายๆก็คือ การตรวจสอบดูว่า มีใครพูดถึงแบรนด์ของเรา หรือ เวปไซด์ของเราตามเครือข่ายสังคมหรือไม่ อย่างไร

Social Listening Tool ปกติแพงมาก มักจะใช้กันในองค์กรที่มีฝ่ายประชาสัมพันธ์หรือสื่อสารที่่เป็นเรื่องเป็นราว

วันนี้ผมจะมาแนะนำ Tool ที่ไม่เสียเงิน เรียกว่า Social Bearing เจ้าตัวนี้มันใช้ติดตามบทสนทนาใน Twitter มีวิธีใช้คือ

- เข้าไปที่

โค๊ด:
https://socialbearing.com

- ใส่ชื่อเวปไซด์ของเราเข้าไป มันก็จะแสดงว่ามีใคร tweet บทความจากเวปไซด์เราบ้าง

- พยายามดู Twitter Profile ว่าเขาเป็นใคร (ถ้ามีบุคคลที่มีชื่อเสียง tweet เวปเรา แสดงว่าเวปเราค่อนข้างมีมาตรฐาน เป็นตัวบ่งบอกคุณภาพของเวป)

- ดูว่าส่วนใหญ่บทความที่คน Tweet เป็นแนวไหน ก็ทำแนวนั้นอีก

- ใส่ชื่อเวปไซด์ของคู่แข่งเราเข้าไป

- ดูว่าส่วนใหญ่บทความที่คน Tweet จากเวปไซด์คู่แข่งเป็นแนวไหน ก็ทำแนวนั้น แต่ให้ดีกว่ามากๆ เช่น คู่แข่งทำบทความ "10 สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับเด็กและครอบครัว"

เราทำบ้าง แต่ 10 ไม่เอา เอา 50 หรือ 100 ไปเลย

ถามว่าทำไมต้องทำบทความแล้วให้คน tweet ... คิดง่ายๆเลยครับ ถ้าคุณขายของ คนเข้าเวปเข้าไม่ได้ซื้อทันที บางทีต้องแวะมาเวปเราถึง 5-10 ครั้งกว่าจะซื้อ

การทำบทความให้คนแชร์มันก็เป็นการทำให้คนคุณเคยกับเวปเราก่อนที่จะทำการซื้อจริงๆ

ลองดูนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 ตุลาคม 2016, 11:50:32 โดย eyejan » บันทึกการเข้า
insidecom
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 36
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 706



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #97 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2016, 08:18:49 »

 wanwan017 ขอบคุณครับ ได้ความรู้ใหม่ๆ
บันทึกการเข้า

Ceramiclover
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 149
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,005



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #98 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2016, 20:28:30 »

ต่อ.....

มารู้จัก Social Listening กัน

Social Listening พูดแบบง่ายๆก็คือ การตรวจสอบดูว่า มีใครพูดถึงแบรนด์ของเรา หรือ เวปไซด์ของเราตามเครือข่ายสังคมหรือไม่ อย่างไร

Social Listening Tool ปกติแพงมาก มักจะใช้กันในองค์กรที่มีฝ่ายประชาสัมพันธ์หรือสื่อสารที่่เป็นเรื่องเป็นราว

วันนี้ผมจะมาแนะนำ Tool ที่ไม่เสียเงิน เรียกว่า Social Bearing เจ้าตัวนี้มันใช้ติดตามบทสนทนาใน Twitter มีวิธีใช้คือ

1. เข้าไปที่

โค๊ด:
https://socialbearing.com

2. ใส่ชื่อเวปไซด์ของเราเข้าไป มันก็จะแสดงว่ามีใคร tweet บทความจากเวปไซด์เราบ้าง

3. พยายามดู Twitter Profile ว่าเขาเป็นใคร (ถ้ามีบุคคลที่มีชื่อเสียง tweet เวปเรา แสดงว่าเวปเราค่อนข้างมีมาตรฐาน เป็นตัวบ่งบอกคุณภาพของเวป)

4. ดูว่าส่วนใหญ่บทความที่คน Tweet เป็นแนวไหน ก็ทำแนวนั้นอีก

5. ใส่ชื่อเวปไซด์ของคู่แข่งเราเข้าไป

6. ดูว่าส่วนใหญ่บทความที่คน Tweet จากเวปไซด์คู่แข่งเป็นแนวไหน ก็ทำแนวนั้น แต่ให้ดีกว่ามากๆ เช่น คู่แข่งทำบทความ "10 สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับเด็กและครอบครัว"

เราทำบ้าง แต่ 10 ไม่เอา เอา 50 หรือ 100 ไปเลย

ถามว่าทำไมต้องทำบทความแล้วให้คน tweet ... คิดง่ายๆเลยครับ ถ้าคุณขายของ คนเข้าเวปเข้าไม่ได้ซื้อทันที บางทีต้องแวะมาเวปเราถึง 5-10 ครั้งกว่าจะซื้อ

การทำบทความให้คนแชร์มันก็เป็นการทำให้คนคุณเคยกับเวปเราก่อนที่จะทำการซื้อจริงๆ

ลองดูนะครับ

ขอบคุณครับ ใช้วิธีนี้เจอของดีเพียบเลย
บันทึกการเข้า

eyejan
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 131
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,015



ดูรายละเอียด
« ตอบ #99 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2016, 13:25:38 »

17. การทำ 301 Redirect ถ้าทำไม่ดี อาจมีปัญหา

บางทีเราต้องการลบบทความ แต่บทความนั้นดันมี Backlink เราก็เลย Redirect บทความเก่ามาบทความใหม่ เพื่อรักษา Backlink เอาไว้ใช่ป่ะ

แต่ ถ้า บทความต้นทาง กับ บทความปลายทาง มีเนือหาที่ไม่ค่อยเกี่ยวกับ Redirect ไป ก็ไม่ได้ Backlink ครับ กู๋จะมองว่าเป็น 404

โค๊ด:
http://www.gsqi.com/marketing-blog/redirects-less-relevant-pages-soft-404s/

กรณีศึกษาอันนี้คือเป็นเวป อีคอม ทำการปรับปรุงเวปใหม่ ลบหน้าที่เป็นสินค้าที่ไม่ขายแล้วออก แล้ว redirect ไปหน้าอื่นๆ

กู๋ส่งจดหมายมาบอกว่า พบหน้า 404 จำนวนมาก



อันนี้อาจเป็นอีกเหตุผลว่า ทำไมเวลาบางท่านไปซื้อ domain เก่าที่มี Backlink แล้ว Redirect มาที่เวปตัวเอง แล้วรอ...รอ...รอ... อันดับก็ไม่ขึ้น

เพราะหน้าต้นทาง กับ ปลายทาง กู๋มองว่า ไม่ค่อยเกี่่ยวกัน เลยไม่นับ Backlink

กู๋เขี้ยวจังเลยนะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 ตุลาคม 2016, 11:51:07 โดย eyejan » บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 8   ขึ้นบน
พิมพ์