ต่อไป »

[imodxlstep]

160 หน้า อ่านกันสลบ 

  ภาษาอังกฤษซะด้วย

ใครเก่งภาษาอังกฤษ  แปลมาขายหน่อยครับ   ผมซื้อเวอร์ชั่นภาษาไทย   99บาท 

อาการเดียวกัน แฮะ ๆ

[mosmf]

ขอบคุณครับ  ภาษาอังกฤษ 160 หน้า 

[whitestar]

ขอบคุณมากครับ 

[Victory-Mik]

ขอบคุณที่แชร์ครับ 

[SEOLOVEis]

เก็บความรู้ใหม่ ขอบคุณมากครับ 

[HIDE]

ขอบคุณมากมายครับ เป็นประโยชน์ย่างยิ่งยวด

[success]

ถ้าเป็นภาษาไทยจะไม่ว่าสักคำ แบบนี้ได้แปลกันสนุกแน่

[pinkskatte]

ภาษาไทยจะแจ่มมากๆเลยครับ ขอบคุณมากๆครับๆ

[Solid Snake]

160 หน้า อ่านกันสลบ 

  ภาษาอังกฤษซะด้วย

ใครเก่งภาษาอังกฤษ  แปลมาขายหน่อยครับ   ผมซื้อเวอร์ชั่นภาษาไทย   99บาท 

อาการเดียวกัน แฮะ ๆ

ให้ 300 เลยด้วย ใครแปลสัญญาจะซื้อ ^^
แต่คงยากอ่ะ เพราะเดี๋ยวคนหัวหมอรวมตัวกันซื้อ แปลแทบตายขายได้ไม่กี่เล่ม
แถมแปลแล้วติด adsense ก็ไม่่ได้ (กฎเค้ามีไว้ว่าห้ามติดเนื้อหาเกี่ยวกับ google seo)

[iloveyoghurt]

รอผู้ใหญ่ใจดีแปลให้ 

[saint!]

อยากได้คนแปล ผมจ่าย 300 ก็ซื้อครับ 

[KECO]

ขอบคุณครับแจกฟรีๆด้วย 

[T@NG555]

ใครแปลเก่งๆแปลเลยครับ เปิดขายรอบเดียว 300 ยอดสัก 500 เล่ม ebook ไม่ครบก็ยังไม่ต้องปล่อย

[joojoof]

ขอบคุณครับ ขอลองอ่านก่อน

[aomaaaaa]

ขอบคุณครับ

[pinkskatte]

อ่านกันยาว 555

[joei]

หลังจากเก็บข้อมูลมาสักพักแล้ว ก็จะอธิบายคร่าวๆ ว่าเอกสารนี้คืออะไรนะครับ

เอกสารนี้ทำให้ Quality Rater เป็นคนอ่านครับ คือ Google จะจ้างคนมาลอง
ค้นหาใน Data Center ของตัวเอง แล้วดูว่าผลที่ได้นั้นตรงตามต้องการหรือไม่

โดย จะระบุออกมาเป็นคุณภาพของเพจ เช่นถ้าลองค้นหาแล้ว ได้ผลที่มีคุณภาพต่ำ
ก็จะส่งให้ปรับอัลกอลิธึมต่อไป โดยในเอกสารจะมีบอกว่าหน้าแบบไหนมีคุณภาพต่ำ
และหน้าแบบไหนมีคุณภาพสูง

นอกจากนี้ยังมีการพูดถึง E-A-T โดย E-A-T จะหมายถึง ความน่าเชื่อถือของเพจนั้นๆ
หลักๆ แล้วถ้าเพจมีความน่าเชื่อถือ โดยการจะได้รับ E-A-T นั้นจะต้องสร้าง content
ที่มีคุณภาพสามารถใช้อ้างอิงได้

ถัดไปเป็นเรื่องของ Needs Meet เป็นการวัดว่า ผลลัพท์ที่ได้ตรงกับคำถามหรือไม่
โดยถ้าผลที่ได้ตรงกับคำถามจะเรียกว่า Fully Meets ในณะที่ถ้าไม่ตรงเลยจะเรียกว่า
Fails to Meet โดย Needs Meet จะเน้นไปที่ Mobile User เป็นหลัก

ดังนั้นตัวเอกสารนี้จะเป็น Guidelines ให้ Rater ว่าผลอันไหนน่าพอใจ ขณะที่อันไหน
ไม่น่าพอใจ ในฐานะคนทำเว็บ ก็ควรจะอ่าน Guidelines ไว้ว่าหน้าเว็บแบบไหนที่
Google ชอบหรือไม่ชอบ

[Giez]

หลังจากเก็บข้อมูลมาสักพักแล้ว ก็จะอธิบายคร่าวๆ ว่าเอกสารนี้คืออะไรนะครับ

เอกสารนี้ทำให้ Quality Rater เป็นคนอ่านครับ คือ Google จะจ้างคนมาลอง
ค้นหาใน Data Center ของตัวเอง แล้วดูว่าผลที่ได้นั้นตรงตามต้องการหรือไม่

โดย จะระบุออกมาเป็นคุณภาพของเพจ เช่นถ้าลองค้นหาแล้ว ได้ผลที่มีคุณภาพต่ำ
ก็จะส่งให้ปรับอัลกอลิธึมต่อไป โดยในเอกสารจะมีบอกว่าหน้าแบบไหนมีคุณภาพต่ำ
และหน้าแบบไหนมีคุณภาพสูง

นอกจากนี้ยังมีการพูดถึง E-A-T โดย E-A-T จะหมายถึง ความน่าเชื่อถือของเพจนั้นๆ
หลักๆ แล้วถ้าเพจมีความน่าเชื่อถือ โดยการจะได้รับ E-A-T นั้นจะต้องสร้าง content
ที่มีคุณภาพสามารถใช้อ้างอิงได้

ถัดไปเป็นเรื่องของ Needs Meet เป็นการวัดว่า ผลลัพท์ที่ได้ตรงกับคำถามหรือไม่
โดยถ้าผลที่ได้ตรงกับคำถามจะเรียกว่า Fully Meets ในณะที่ถ้าไม่ตรงเลยจะเรียกว่า
Fails to Meet โดย Needs Meet จะเน้นไปที่ Mobile User เป็นหลัก

ดังนั้นตัวเอกสารนี้จะเป็น Guidelines ให้ Rater ว่าผลอันไหนน่าพอใจ ขณะที่อันไหน
ไม่น่าพอใจ ในฐานะคนทำเว็บ ก็ควรจะอ่าน Guidelines ไว้ว่าหน้าเว็บแบบไหนที่
Google ชอบหรือไม่ชอบ

ขอบคุณครับ

[EyeShild21]

หลังจากเก็บข้อมูลมาสักพักแล้ว ก็จะอธิบายคร่าวๆ ว่าเอกสารนี้คืออะไรนะครับ

เอกสารนี้ทำให้ Quality Rater เป็นคนอ่านครับ คือ Google จะจ้างคนมาลอง
ค้นหาใน Data Center ของตัวเอง แล้วดูว่าผลที่ได้นั้นตรงตามต้องการหรือไม่

โดย จะระบุออกมาเป็นคุณภาพของเพจ เช่นถ้าลองค้นหาแล้ว ได้ผลที่มีคุณภาพต่ำ
ก็จะส่งให้ปรับอัลกอลิธึมต่อไป โดยในเอกสารจะมีบอกว่าหน้าแบบไหนมีคุณภาพต่ำ
และหน้าแบบไหนมีคุณภาพสูง

นอกจากนี้ยังมีการพูดถึง E-A-T โดย E-A-T จะหมายถึง ความน่าเชื่อถือของเพจนั้นๆ
หลักๆ แล้วถ้าเพจมีความน่าเชื่อถือ โดยการจะได้รับ E-A-T นั้นจะต้องสร้าง content
ที่มีคุณภาพสามารถใช้อ้างอิงได้

ถัดไปเป็นเรื่องของ Needs Meet เป็นการวัดว่า ผลลัพท์ที่ได้ตรงกับคำถามหรือไม่
โดยถ้าผลที่ได้ตรงกับคำถามจะเรียกว่า Fully Meets ในณะที่ถ้าไม่ตรงเลยจะเรียกว่า
Fails to Meet โดย Needs Meet จะเน้นไปที่ Mobile User เป็นหลัก

ดังนั้นตัวเอกสารนี้จะเป็น Guidelines ให้ Rater ว่าผลอันไหนน่าพอใจ ขณะที่อันไหน
ไม่น่าพอใจ ในฐานะคนทำเว็บ ก็ควรจะอ่าน Guidelines ไว้ว่าหน้าเว็บแบบไหนที่
Google ชอบหรือไม่ชอบ

ขอบคุณครับ ท่าน