ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comความรู้ทั่วไปGeneral (ถามคุยวิชาการ IM)#ยุคนี้ถ้าไม่ทำIMแล้ว สามารถกลับใช้ชีวิตพอเพียงบ้านนอกได้จริงหรือ?
หน้า: 1 2 3 [4]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: #ยุคนี้ถ้าไม่ทำIMแล้ว สามารถกลับใช้ชีวิตพอเพียงบ้านนอกได้จริงหรือ?  (อ่าน 9238 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
dez
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 13
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 329



ดูรายละเอียด
« ตอบ #60 เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2015, 22:35:33 »

น่าสนใจ ศึกษาแนวทางเกษตดูบ้าง wanwan003 wanwan003
บันทึกการเข้า

wattasin
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 62
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,698



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #61 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2015, 01:00:18 »

น่าสนใจครับ
บันทึกการเข้า

ad2002
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 114
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,271



ดูรายละเอียด
« ตอบ #62 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2015, 08:29:32 »

ผมทำมาแล้วสู้ความค่าใช้จ่ายไม่ไหว ลู่ทางลำบาก ไม่ว่าจะทำอะไร

ปัญหาก็เยอะ เราจะเจอปัญหาอะไร ที่คุณจะต้องรับได้

1 ปัญหารายได้ไม่มี แน่นอนเมื่อคุณยังไม่มีรายได้ เนื่องจากวิถีชีวิต ชนบทสมัยนี้ไม่ได้เหมือน 20 ปี่แล้ว ที่คุณอยากออกไปล่าสัตว์ หาปลาตามท้องทุ่ง บ้างที่เขาก็หวง ที่ไม่หวงคนก็หาแทบไม่เหลือ เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าจะไม่มีค่าใช้จ่าย จริงๆ ค่าใช้จ่ายแทบจะไม่ลดลงเลยหากคุณยังประหยัดไม่เป็น จริงๆการประหยัดพูดง่าย ทำจริงๆมันยากนะ เช่น คุณบอกว่าปลูกผักกินเองได้ ลองไปปลุกดู ถ้าใจไม่รักการปลูกผักจริงๆ คุณปลูกไม่ได้หรอก คุณบอกว่าเลี้ยงปลากินเองได้ แต่ถามตรงๆคุณขยันฆ่าสัตว์ เพื่อนำมาเป็นทุกมื้อไหม คิดดู ทุบหัวปลาทุกวัน วันละ 3 เวลา ถามตัวคุณก่อนว่าไหมหรือเปล่า ถ้าคุณไม่ฆ่ามันจะทนกินผักกับน้ำพริกได้สักกี่มื้อ แล้วถ้าคุณมีครอบครัว ยิ่งแย่ไปกันใหญ่ ลูกต้องใช้เงิน เมียก็ใช้เงิน อย่างน้อยๆวันละ 200 บาทต่อวันนะอย่างประหยัด เอาเป็นว่าจ่ายค่ากับข้าวมื้อเดียว เกินร้อย ของที่บ้านบางอย่างแพงกว่ากรุงเทพ

2 ปัญหาสุภาพ คุณจะต้องทำงานกลางแดดนานๆได้ เช่น การเตรียมดิน ปลูก ผักการใช้ปุ๋ย ทุกอย่างต้องลงทุน ลงแรง ถ้าคุณไม่ชอบ ไม่ใช่แนวยิงทำไม่ได้ผลกระทบต่อร่างกาย มือดำเล็บดำ ยิ่งกลัวดำยิ่งลำบาก และราศรีตก แน่นอน เวลาไปไหนมาไหนตัวดำๆ ต่อให้ใส่เสื้อผ้าดีแค่ไหน พูดจาดีแค่ไหน คนอื่นก็ยังดูถูกโดยเฉพราะหนุ่มๆ ที่ต้องการจีบหญิง บอกตรงๆลำบาก และผู้หญิงสมัยนี้เกลียดความลำบาก ล้านเปอร์เซ็น ผลกระทบต่อจิตใจ

3 ทุนหมด ผลผลิตไม่เป็นตามความคาดหมาย กู้หนียืมสินเพิ่ม ชีวิตเริ่มติดลบ หมดกำลังใจ จะหันไปทำอะไรได้ เมื่อทุกอย่างต้องลงทุนและรอเป็นเวลานานกว่าจะได้ผลผลิต กว่าจะได้ขายและขาดทุน วนเวียนซ้ำซาก เป็นหนี้ไม่จบไม่สิ้น ถ้าไม่ใช่แนวจริงๆไม่รักการปลูก จริงๆอยู่ยาก คนที่อยู่ได้เค้าใช้ชีวิตกันจนชินแล้ว มีพริกกินพริกมีเกลือกินเกลือดิ้นล้นไปช้า ใช้จ่ายอย่างประหยัด ข้อสังเกตุคนที่รวยๆในบ้านนอก มีแต่ข้าราชการ และคนที่มี ที่ดินมาก เรียกว่ารวยทรัพย์ เขาก็อยู่อย่างสบายใช้ชีวิตเหมือนในละคร

ที่กล่าวมาเป็นปัญหาพื้นๆ จะให้ลงรายละเอียดมากกว่านี้ผมคงไม่ไหวอธิบายไม่หมด เยอะมาก แต่คนที่ลงทุนแล้วประสบความสำเร็จก็พอมีแต่น้อยจริงๆ ผมมีเงินเป็น 10 ล้าน ลงทุนทำโน้นนี้นั้นสุดท้าย ทุนหายกำไลหด เป็นหนีอีก มันไม่ง่ายหรอกครับ เพราะทุกอย่างที่ทำต้องการความเอาใจใส่ และจริงจังอย่างมาก หากคุณปลอยปะละเลย ก็จะพลาดได้ตลอดเวลา เหมืนผม

ที่ผมเคยทำ ซื้อที่ 12 ไร่

แบ่งออกขุดบ่อเลี้ยงปลา 3 ไร่ ทำนา 5ไร่ ปลูกชืพผักต่างๆ 2 ไร่ สร้างโรงเลี้ยงจิงหรีด 2ไร่   เว้นจากทำนามีที่ว่างปลูกฝักทองบ้าง พริก ถั่ว ข้าวโพด บ้าง
ทั้งหมดนี้ ต้องจ้างลูกน้องด้วยทำเองไม่ไหว

เลี้ยงปลาต้องใช้หัวอาหาร เพราะทำแบบระบบธุรกิจ ค่าหัวอาหารแพงมาก มีปัญหาที่ตามมาน้ำเสีย ต้องเปลี่ยนน้ำ ทุกอาทิตย์ และเคยลองเปลี่ยนใช้อย่างอื่นแทนหัวอาหารปลาไม่โต เคยลองไปซื้อไก่เนาปลาตาย น้ำเสียเร็ว มีกลิ่มเหม็นไปทั่ว  พอเลี้ยงครบ 4เดือนมีปัญหาเรื่องตลาด ปลาโตไม่เท่ากัน ตลอดจนพ่อค้าคนกลางกดราคาขายขาดทุน เลิกเลี้ยงถมบ่อทิ้งเลย

เลี้ยง จิงหรีด ใครว่าเลี้ยงง่าย ตอนทดลองเลี้ยง มันไม่ตายเพราะจิงหรีดไม่หนาแน่น แต่พอเอาจริงๆจัง ปัญหาจิ้งหรีดตายทั้งบ่อ จิิ้งหรีดไม่ได้น้ำหนัก ผมเลี้ยงจิ้งหรีด 100 บ่อ ขนาดบอ กว้าง 120 ซม ยาว 4 เมตรเป็นบ่อปูน สูง 1 เมตร ทำระบบให้น้ำอัตโนมัต สุดท้ายจนถึงปัจจุบันโรงจิ้งหรีด มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ทำเงินไม่ถึง2 หมื่น ต้องทีลูกน้องช่วยเลี้ยงอีก 2 คน คนงานก็ เปลี่ยนหน้าบ่อยๆ เพราะงานหนัก การจับจิ้งหรีด ซึ่งเป็นเรื่องน่าเบื่อ อากาศทั้งร้อนและเหม็นหัวอาหาร และขี้จิ้งหรีด จับจิ้งหรีดต้องมีกระบวนการอีก ไม่งั้นจิ้งหรีดเน่าเสียเร็วมาก ไหนจะมีปัญหาลังไข่ที่นำมาเลี้ยงจิ้งหรีด เป็นแหล่งเพราะพันธุ์ แมลงมุมนับล้านตัวในแต่ละบ่อ แมลงมุมเยอะมาก ต้องทำความสะอาดลังไข่กันก่อนนำมาใช้อีกครั้ง ซึ่งก็ทำความสะอาดยากมาก

พอแค่นี้ก่อนนะ 5555 ยังมีเรื่องปลุกผักอะไรอีกเยอะแยะ ผมทำมาอื้อเลย ทุนวันนี้จนครับ wanwan009

แบ่งออกขุดบ่อเลี้ยงปลา 3 ไร่ ทำนา 5ไร่ ปลูกชืพผักต่างๆ 2 ไร่ สร้างโรงเลี้ยงจิงหรีด 2ไร่   เว้นจากทำนามีที่ว่างปลูกฝักทองบ้าง พริก ถั่ว ข้าวโพด บ้าง
ทั้งหมดนี้ ต้องจ้างลูกน้องด้วยทำเองไม่ไหว


สาเหตุที่ต่อไปได้ เพราะทำเยอะเกินครับ (หากทยอยทำทีล่ะอย่างสองอย่างเงิน 10 ล้านไปต่อได้สบาย) หากเราบริการจัดเองก็ไม่ตางกับทำงานประจำเลย แต่หากจ้างลูกน้้องทำเงินทุนก็ไหลออกไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่รายได้ยังไม่เกิด

จริงๆ น่าจะเลี้ยงไก่ไข่ด้วยนะ เลี้ยงพร้อมกับปลูกข้าวเลย ขายข้าวเสร็จรอเก็บไข่ขายได้เลย มีรายได้รายวัน/รายสัปดาห์/รายเดือน เอาไว้จ้างคนงานได้อีก ... อย่างที่ท่านว่าแหล่ะ พูดแล้วยาว ต้องลองทำเองแล้วจะรู้ ก่อนทำ ต้องวางแผนดี ทั้งเรื่องการปลูก/เลี้ยง อาหาร/ปุ๋ย การตลาด ไม่งั้นจะหมดกำลังใจไปดื้อๆ เพราะต้องควักเงินอยู่ตลอด

แต่ผมชอบนะแบบที่ท่านทำ หลากหลายดี สร้างรายได้หลายทาง แต่เราต้องรู้ลึกในแต่ละอย่างที่เราจะทำ ที่สำคัญใจต้องรักเรื่องการเกษตรด้วย เอาเงินเป็นที่ตั้งเจ๊งทุกราย ^_^


คุณpirinnพูดแล้ว  มองเห็นภาพเลยครับ  + เห็นค่าใช้จ่าย   แสดงว่า เป็นผู้มีประสบการณ์ลงมือทำจริง
เรื่องการอยู่ต่างจังหวัดแบบพอเพียง   แค่...ค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน ค่ากิน ค่าไปโรงเรียนของลูก+ค่ากิน ก็ 100-300บาท/วัน  เดือนนึงก็xเข้าไป
แถมยังมีค่าใช้จ่ายประจำเดือน  พวก ค่าน้ำค่าไฟ ค่าสบู่ยาสีฟัน ค่าสาธารณูปโภค ฯลฯ  ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเกษตรอีกหลายๆอย่างยิ่งในช่วงเริ่มต้นนี่ผมว่าใช้ทุนสาหัสเลยทีเดียว  ผมว่าต้องศึกษาเกษตรให้เชี่ยวชาญแบบเข้ากระดูกดำเลยด้วยมั้งถึงจะไปรอด   ยิ่งถ้าลงทุนเกษตรแล้วFailedนี่ แทบเป็นลม  Tongue ผมว่านะครับ..
บันทึกการเข้า
pirinn
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 41
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 536



ดูรายละเอียด
« ตอบ #63 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2015, 11:10:53 »

ค่าน้ำไม่มีไปหนักค่าไฟ เจาะบ่อบาล ทำระบบน้ำประปาเอง เจาะ 4 บ่อใช้ท่อขนาด 5 นิว เฉพาะค่าไฟตกเดือนละ 4000-6000 บาทต่อเดือน
บันทึกการเข้า
คนใจดี
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 68
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 809



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #64 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2015, 12:08:40 »

แนะนำว่าให้ไปซื้อที่สน.3หรือที่ทบ.5 หรือที่สปก.นะครับ ทั้ง3อย่างที่ทบ.5ถูกสุด แต่ว่าต้องติดถนนนะไม่งั้นเดินทางลำบาก ให้มีไฟฟ้า น้ำปะปาจากหมู่บ้านเข้าถึง ราคาแล้วแต่ว่าใกล้ชุมชนมากแค่ไหน ถ้าอยู่ในชุมชนในหมู่บ้าน ตามบ้านนอกก็คงราวๆไร่ละ30,000-50,000บาท ไม่น่าถึง100,000บาท ตีไว้50,000บาท ซื้อซัก40ไร่ก็2,000,000บาท จากนั้นก็ทำการเกษตรได้เต็มที่เลยครับ

1.เลี้ยงวัวขายเนื้อ10ตัว(วัวกินแค่หญ้ากับน้ำ)

2.เลี้ยงไก่พื้นบ้าน(ประหยัดเพราะกินแค่ข้าวเปลือก)

3.ทำนา15ไร่

4.ทำไร่อ้อย15ไร่

5.ปลูกหญ้ารูซี่ไว้เลี้ยงวัว8ไร่

6.ขุดบ่อเลี้ยงปลา+เก็บน้ำ1ไร่

7.พื้นที่บ้าน1ไร่


แต่พื้นที่โดยรอบใกล้ๆไร่ควรเป็นที่ๆเค้าไม่ทำสวน ทำไร่นะ ไม่งั้นถ้าหญ้าหมด วัวไม่มีหญ้ากิน วัวตัวหนึ่งจะมีอาณาเขตสำหรับกินหญ้าทั้งปีประมาณ6ไร่นะ ถ้าเลี้ยง10ตัวอาจใช้พื้นที่60ไร่......นี่คือสูตรเบื้องต้นในการใช้ชีวิตพอเพียง แต่ลำบากหน่อยนะครับ รายได้หลักคงเกิดจากขายวัว ขายข้าว และขายอ้อยครับ ส่วนปลานั้นคงขายยากเพราะเลี้ยงง่าย ใครๆก็เลี้ยงเป็น คงได้แค่เอาไว้บริโภค ส่วนไก่ก็เลี้ยงขายได้เพราะมีนาเยอะ ลดต้นทุนค่าอาหารได้เยอะ หากจะเลี้ยงเป็ดขายด้วยก็พอได้เพราะนาเยอะคงมีข้าวในยุ้งฉางเยอะกินไม่หมดแน่ๆ.....โชคดีครับ




ปล.แต่ถ้าทำหอพักซัก20ห้องให้คนเช่าได้ผมว่าสบายเลยนะ แต่คุณต้องไม่เลี้ยงวัวนะถ้าจะทำหอพัก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 พฤศจิกายน 2015, 20:11:02 โดย คนใจดี » บันทึกการเข้า

Anuphet
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 116



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #65 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2015, 12:13:14 »

ดูแล้วน่าสนใจครับ แต่ต้องศึกษาดีๆก่อนครับ
บันทึกการเข้า

ipommmmm
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 36
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 707



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #66 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2015, 12:31:54 »

ผมโตมาจากการทำเกษตรครับ คิดไว้เหมือนกันว่าจะกลับไปทำเกษตรในช่วงปลายชีวิตเหมือนกัน
บันทึกการเข้า

Tputti
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 278
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,859



ดูรายละเอียด
« ตอบ #67 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2015, 11:10:37 »

แนะนำว่าให้ไปซื้อที่สน.3หรือที่ทบ.5 หรือที่สปก.นะครับ ทั้ง3อย่างที่ทบ.5ถูกสุด แต่ว่าต้องติดถนนนะไม่งั้นเดินทางลำบาก ให้มีไฟฟ้า น้ำปะปาจากหมู่บ้านเข้าถึง ราคาแล้วแต่ว่าใกล้ชุมชนมากแค่ไหน ถ้าอยู่ในชุมชนในหมู่บ้าน ตามบ้านนอกก็คงราวๆไร่ละ30,000-50,000บาท ไม่น่าถึง100,000บาท ตีไว้50,000บาท ซื้อซัก40ไร่ก็2,000,000บาท จากนั้นก็ทำการเกษตรได้เต็มที่เลยครับ

1.เลี้ยงวัวขายเนื้อ10ตัว(วัวกินแค่หญ้ากับน้ำ)

2.เลี้ยงไก่พื้นบ้าน(ประหยัดเพราะกินแค่ข้าวเปลือก)

3.ทำนา15ไร่

4.ทำไร่อ้อย15ไร่

5.ปลูกหญ้ารูซี่ไว้เลี้ยงวัว8ไร่

6.ขุดบ่อเลี้ยงปลา+เก็บน้ำ1ไร่

7.พื้นที่บ้าน1ไร่


แต่พื้นที่โดยรอบใกล้ๆไร่ควรเป็นที่ๆเค้าไม่ทำสวน ทำไร่นะ ไม่งั้นถ้าหญ้าหมด วัวไม่มีหญ้ากิน วัวตัวหนึ่งจะมีอาณาเขตสำหรับกินหญ้าทั้งปีประมาณ6ไร่นะ ถ้าเลี้ยง10ตัวอาจใช้พื้นที่60ไร่......นี่คือสูตรเบื้องต้นในการใช้ชีวิตพอเพียง แต่ลำบากหน่อยนะครับ รายได้หลักคงเกิดจากขายวัว ขายข้าว และขายอ้อยครับ ส่วนปลานั้นคงขายยากเพราะเลี้ยงง่าย ใครๆก็เลี้ยงเป็น คงได้แค่เอาไว้บริโภค ส่วนไก่ก็เลี้ยงขายได้เพราะมีนาเยอะ ลดต้นทุนค่าอาหารได้เยอะ หากจะเลี้ยงเป็ดขายด้วยก็พอได้เพราะนาเยอะคงมีข้าวในยุ้งฉางเยอะกินไม่หมดแน่ๆ.....โชคดีครับ




ปล.แต่ถ้าทำหอพักซัก20ห้องให้คนเช่าได้ผมว่าสบายเลยนะ แต่คุณต้องไม่เลี้ยงวัวนะถ้าจะทำหอพัก





เอิ่ม! ต่อให้ภทบ5 ก็หา 30,000-50,000 ไม่ได้นะครับ ในแผ่นดินไทย ขนาดพวกบุกรุกป่าสงวน ต้องหนีป่าไม้ยังขายกันแพงกว่านั้นเลยครับ ... (ผมอยู่วงการที่ดิน)

ตามทฤษฎีน่ะดีหมดครับ แต่ตอนทำจริงมันมีปัจจัยอื่นอีกหลายเรื่อง ...

-- สิ่งแรกเลย ถ้าคุณกลับไปโดยไม่มีเงินทุนหมุนเวียน เป็นของตนเอง จะถูกตราหน้าซุบซิบจากคนทั้งบางว่าถังแตกกลับไปตายรัง (ถ้ามีหนี้ไปด้วยจะยิ่งหนัก)ซึ่งถ้าจะทำอะไรใหม่ๆ ที่แตกต่างจากชุมชน คุณจะเตรียมตัวเจอมรสุมทันที
-- สิ่งแปลกใหม่ จะเป็นของแปลกสำหรับคนชาวบ้าน คุณจะต้องเดินผ่านคำถามจากชาวบ้านเช้าเย็น"มรึงทำรัย ๆ ๆ ๆ" จนกว่าเขาจะเห็นผลทั้งบาง (หลายคนกว่าจะผ่านจุดนี้ได้ อาจจะต้องได้ยินคำว่า "มรึงเพี้ยนไปแล้ว" หลายร้อยรอบเลย)
-- ถ้าคุณต้องอาศัยทุนจากทางบ้าน สิ่งที่กดดันคุณคือ "พลาดไม่ได้อีก" เพราะเขาให้โอกาสคุณอีกเพียงครั้งเดียว
-- สิ่งที่ไม่คุ้นเคย การพลิกฟื้นผืนดิน ต้องลงมือจับจอบเสียม ที่ห่างมา ไม่เคยจับมาเป็นสิบปี จะต้องทนให้ได้ (ถ้ามีทุนเป็นของตัวเอง เราใช้สมองสั่งได้ตามต้องการ)


คนที่ทำได้ที่เราเห็นตามในทีวี มีแค่เพียง 1 ใน 100 ที่กลับไปบ้าน ซึ่งส่วนหนึ่ง มีเงินมากพอที่จะเป็นต้นทุนใช้ชีวิตสโลไลฟ์ และออกแบบสวนแบบสวยๆ ให้ได้โชว์กัน ...


เพิ่มเติมอีกอย่างครับ ... ที่พูดถึง นส3
อ้างถึง
แนะนำว่าให้ไปซื้อที่สน.3
ถ้าเข้าใจประเภทเอกสารอย่างชัดเจน ท่านจะเข้าใจทันทีว่ามันก็คือโฉนด(การให้สิทธิ์ครอบครองที่ดิน)ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีความแตกต่างจาก นส4จ(ที่ชาวบ้านเรียกว่าโฉนด) แค่เพียงเล็กน้อยแค่นั้นเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 พฤศจิกายน 2015, 11:25:32 โดย Tputti » บันทึกการเข้า

nongloma
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 104
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,365



ดูรายละเอียด
« ตอบ #68 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2015, 11:24:39 »

แนะนำว่าให้ไปซื้อที่สน.3หรือที่ทบ.5 หรือที่สปก.นะครับ ทั้ง3อย่างที่ทบ.5ถูกสุด แต่ว่าต้องติดถนนนะไม่งั้นเดินทางลำบาก ให้มีไฟฟ้า น้ำปะปาจากหมู่บ้านเข้าถึง ราคาแล้วแต่ว่าใกล้ชุมชนมากแค่ไหน ถ้าอยู่ในชุมชนในหมู่บ้าน ตามบ้านนอกก็คงราวๆไร่ละ30,000-50,000บาท ไม่น่าถึง100,000บาท ตีไว้50,000บาท ซื้อซัก40ไร่ก็2,000,000บาท จากนั้นก็ทำการเกษตรได้เต็มที่เลยครับ

1.เลี้ยงวัวขายเนื้อ10ตัว(วัวกินแค่หญ้ากับน้ำ)

2.เลี้ยงไก่พื้นบ้าน(ประหยัดเพราะกินแค่ข้าวเปลือก)

3.ทำนา15ไร่

4.ทำไร่อ้อย15ไร่

5.ปลูกหญ้ารูซี่ไว้เลี้ยงวัว8ไร่

6.ขุดบ่อเลี้ยงปลา+เก็บน้ำ1ไร่

7.พื้นที่บ้าน1ไร่


แต่พื้นที่โดยรอบใกล้ๆไร่ควรเป็นที่ๆเค้าไม่ทำสวน ทำไร่นะ ไม่งั้นถ้าหญ้าหมด วัวไม่มีหญ้ากิน วัวตัวหนึ่งจะมีอาณาเขตสำหรับกินหญ้าทั้งปีประมาณ6ไร่นะ ถ้าเลี้ยง10ตัวอาจใช้พื้นที่60ไร่......นี่คือสูตรเบื้องต้นในการใช้ชีวิตพอเพียง แต่ลำบากหน่อยนะครับ รายได้หลักคงเกิดจากขายวัว ขายข้าว และขายอ้อยครับ ส่วนปลานั้นคงขายยากเพราะเลี้ยงง่าย ใครๆก็เลี้ยงเป็น คงได้แค่เอาไว้บริโภค ส่วนไก่ก็เลี้ยงขายได้เพราะมีนาเยอะ ลดต้นทุนค่าอาหารได้เยอะ หากจะเลี้ยงเป็ดขายด้วยก็พอได้เพราะนาเยอะคงมีข้าวในยุ้งฉางเยอะกินไม่หมดแน่ๆ.....โชคดีครับ




ปล.แต่ถ้าทำหอพักซัก20ห้องให้คนเช่าได้ผมว่าสบายเลยนะ แต่คุณต้องไม่เลี้ยงวัวนะถ้าจะทำหอพัก





เอิ่ม! ต่อให้ภทบ5 ก็หา 30,000-50,000 ไม่ได้นะครับ ในแผ่นดินไทย ขนาดพวกบุกรุกป่าสงวน ต้องหนีป่าไม้ยังขายกันแพงกว่านั้นเลยครับ ... (ผมอยู่วงการที่ดิน)

ตามทฤษฎีน่ะดีหมดครับ แต่ตอนทำจริงมันมีปัจจัยอื่นอีกหลายเรื่อง ...

-- สิ่งแรกเลย ถ้าคุณกลับไปโดยไม่มีเงินทุนหมุนเวียน เป็นของตนเอง จะถูกตราหน้าซุบซิบจากคนทั้งบางว่าถังแตกกลับไปตายรัง (ถ้ามีหนี้ไปด้วยจะยิ่งหนัก)ซึ่งถ้าจะทำอะไรใหม่ๆ ที่แตกต่างจากชุมชน คุณจะเตรียมตัวเจอมรสุมทันที
-- สิ่งแปลกใหม่ จะเป็นของแปลกสำหรับคนชาวบ้าน คุณจะต้องเดินผ่านคำถามจากชาวบ้านเช้าเย็น"มรึงทำรัย ๆ ๆ ๆ" จนกว่าเขาจะเห็นผลทั้งบาง (หลายคนกว่าจะผ่านจุดนี้ได้ อาจจะต้องได้ยินคำว่า "มรึงเพี้ยนไปแล้ว" หลายร้อยรอบเลย)
-- ถ้าคุณต้องอาศัยทุนจากทางบ้าน สิ่งที่กดดันคุณคือ "พลาดไม่ได้อีก" เพราะเขาให้โอกาสคุณอีกเพียงครั้งเดียว
-- สิ่งที่ไม่คุ้นเคย การพลิกฟื้นผืนดิน ต้องลงมือจับจอบเสียม ที่ห่างมา ไม่เคยจับมาเป็นสิบปี จะต้องทนให้ได้ (ถ้ามีทุนเป็นของตัวเอง เราใช้สมองสั่งได้ตามต้องการ)


คนที่ทำได้ที่เราเห็นตามในทีวี มีแค่เพียง 1 ใน 100 ที่กลับไปบ้าน ซึ่งส่วนหนึ่ง มีเงินมากพอที่จะเป็นต้นทุนใช้ชีวิตสโลไลฟ์ และออกแบบสวนแบบสวยๆ ให้ได้โชว์กัน ...

โอ้ววววว !! ผมนี่ได้แต่แอบดู
บันทึกการเข้า

ห้ามทำ link ไปเว็บที่มีการพนัน
Tputti
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 278
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,859



ดูรายละเอียด
« ตอบ #69 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2015, 11:35:40 »

แนะนำว่าให้ไปซื้อที่สน.3หรือที่ทบ.5 หรือที่สปก.นะครับ ทั้ง3อย่างที่ทบ.5ถูกสุด แต่ว่าต้องติดถนนนะไม่งั้นเดินทางลำบาก ให้มีไฟฟ้า น้ำปะปาจากหมู่บ้านเข้าถึง ราคาแล้วแต่ว่าใกล้ชุมชนมากแค่ไหน ถ้าอยู่ในชุมชนในหมู่บ้าน ตามบ้านนอกก็คงราวๆไร่ละ30,000-50,000บาท ไม่น่าถึง100,000บาท ตีไว้50,000บาท ซื้อซัก40ไร่ก็2,000,000บาท จากนั้นก็ทำการเกษตรได้เต็มที่เลยครับ

1.เลี้ยงวัวขายเนื้อ10ตัว(วัวกินแค่หญ้ากับน้ำ)

2.เลี้ยงไก่พื้นบ้าน(ประหยัดเพราะกินแค่ข้าวเปลือก)

3.ทำนา15ไร่

4.ทำไร่อ้อย15ไร่

5.ปลูกหญ้ารูซี่ไว้เลี้ยงวัว8ไร่

6.ขุดบ่อเลี้ยงปลา+เก็บน้ำ1ไร่

7.พื้นที่บ้าน1ไร่


แต่พื้นที่โดยรอบใกล้ๆไร่ควรเป็นที่ๆเค้าไม่ทำสวน ทำไร่นะ ไม่งั้นถ้าหญ้าหมด วัวไม่มีหญ้ากิน วัวตัวหนึ่งจะมีอาณาเขตสำหรับกินหญ้าทั้งปีประมาณ6ไร่นะ ถ้าเลี้ยง10ตัวอาจใช้พื้นที่60ไร่......นี่คือสูตรเบื้องต้นในการใช้ชีวิตพอเพียง แต่ลำบากหน่อยนะครับ รายได้หลักคงเกิดจากขายวัว ขายข้าว และขายอ้อยครับ ส่วนปลานั้นคงขายยากเพราะเลี้ยงง่าย ใครๆก็เลี้ยงเป็น คงได้แค่เอาไว้บริโภค ส่วนไก่ก็เลี้ยงขายได้เพราะมีนาเยอะ ลดต้นทุนค่าอาหารได้เยอะ หากจะเลี้ยงเป็ดขายด้วยก็พอได้เพราะนาเยอะคงมีข้าวในยุ้งฉางเยอะกินไม่หมดแน่ๆ.....โชคดีครับ




ปล.แต่ถ้าทำหอพักซัก20ห้องให้คนเช่าได้ผมว่าสบายเลยนะ แต่คุณต้องไม่เลี้ยงวัวนะถ้าจะทำหอพัก





เอิ่ม! ต่อให้ภทบ5 ก็หา 30,000-50,000 ไม่ได้นะครับ ในแผ่นดินไทย ขนาดพวกบุกรุกป่าสงวน ต้องหนีป่าไม้ยังขายกันแพงกว่านั้นเลยครับ ... (ผมอยู่วงการที่ดิน)

ตามทฤษฎีน่ะดีหมดครับ แต่ตอนทำจริงมันมีปัจจัยอื่นอีกหลายเรื่อง ...

-- สิ่งแรกเลย ถ้าคุณกลับไปโดยไม่มีเงินทุนหมุนเวียน เป็นของตนเอง จะถูกตราหน้าซุบซิบจากคนทั้งบางว่าถังแตกกลับไปตายรัง (ถ้ามีหนี้ไปด้วยจะยิ่งหนัก)ซึ่งถ้าจะทำอะไรใหม่ๆ ที่แตกต่างจากชุมชน คุณจะเตรียมตัวเจอมรสุมทันที
-- สิ่งแปลกใหม่ จะเป็นของแปลกสำหรับคนชาวบ้าน คุณจะต้องเดินผ่านคำถามจากชาวบ้านเช้าเย็น"มรึงทำรัย ๆ ๆ ๆ" จนกว่าเขาจะเห็นผลทั้งบาง (หลายคนกว่าจะผ่านจุดนี้ได้ อาจจะต้องได้ยินคำว่า "มรึงเพี้ยนไปแล้ว" หลายร้อยรอบเลย)
-- ถ้าคุณต้องอาศัยทุนจากทางบ้าน สิ่งที่กดดันคุณคือ "พลาดไม่ได้อีก" เพราะเขาให้โอกาสคุณอีกเพียงครั้งเดียว
-- สิ่งที่ไม่คุ้นเคย การพลิกฟื้นผืนดิน ต้องลงมือจับจอบเสียม ที่ห่างมา ไม่เคยจับมาเป็นสิบปี จะต้องทนให้ได้ (ถ้ามีทุนเป็นของตัวเอง เราใช้สมองสั่งได้ตามต้องการ)


คนที่ทำได้ที่เราเห็นตามในทีวี มีแค่เพียง 1 ใน 100 ที่กลับไปบ้าน ซึ่งส่วนหนึ่ง มีเงินมากพอที่จะเป็นต้นทุนใช้ชีวิตสโลไลฟ์ และออกแบบสวนแบบสวยๆ ให้ได้โชว์กัน ...


เพิ่มเติมอีกอย่างครับ ... ที่พูดถึง นส3
อ้างถึง
แนะนำว่าให้ไปซื้อที่สน.3
ถ้าเข้าใจประเภทเอกสารอย่างชัดเจน ท่านจะเข้าใจทันทีว่ามันก็คือโฉนด(การให้สิทธิ์ครอบครองที่ดิน)ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีความแตกต่างจาก นส4จ(ที่ชาวบ้านเรียกว่าโฉนด) แค่เพียงเล็กน้อยแค่นั้นเอง



ว่ากันด้วยเรื่องโฉนด ครุฑเขียว ครุฑดำ ครุฑแดง (นส3ก, นส3, นส4จ) https://www.facebook.com/photo...174.1073741828.100009267028836


ปล.ผมจะบอกว่า นส3 และโฉนด ราคาซื้อขายแทบไม่แตกต่างกัน เป็นเพียงเหลี่ยมข้ออ้างต่อราคาของคนซื้อเท่านั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 พฤศจิกายน 2015, 11:37:05 โดย Tputti » บันทึกการเข้า

wan.wan
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 20
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 595



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #70 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2015, 11:43:07 »

อยู่ที่เราใช้ชีวิตพอเพียงแบบไหนหรอก เมื่อก่อนอยู่กรุงเทพ(สิบปีที่แล้ว)เดือนหมื่นกว่าไม่เหลือสักบาท อยู่ต่างจังหวัดหาได้วันร้อยสองร้อยยังอยู่รอดเลย ถึงโอกาสจะน้อยเงินก็ได้น้อยแต่รายจ่ายก็น้อยลงด้วยนะ แถมสบายใจกว่าเยอะอบอุ่นด้วย ญาติพี่น้องก็เยอะคนรู้จักก็เพียบ สังคมก็ดีกว่ามาก
บันทึกการเข้า

หนุ่มบ้านโคก
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 119
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,128



ดูรายละเอียด
« ตอบ #71 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2015, 11:53:19 »

-- สิ่งแรกเลย ถ้าคุณกลับไปโดยไม่มีเงินทุนหมุนเวียน เป็นของตนเอง จะถูกตราหน้าซุบซิบจากคนทั้งบางว่าถังแตกกลับไปตายรัง (ถ้ามีหนี้ไปด้วยจะยิ่งหนัก)ซึ่งถ้าจะทำอะไรใหม่ๆ ที่แตกต่างจากชุมชน คุณจะเตรียมตัวเจอมรสุมทันที
-- สิ่งแปลกใหม่ จะเป็นของแปลกสำหรับคนชาวบ้าน คุณจะต้องเดินผ่านคำถามจากชาวบ้านเช้าเย็น"มรึงทำรัย ๆ ๆ ๆ" จนกว่าเขาจะเห็นผลทั้งบาง (หลายคนกว่าจะผ่านจุดนี้ได้ อาจจะต้องได้ยินคำว่า "มรึงเพี้ยนไปแล้ว" หลายร้อยรอบเลย)
-- ถ้าคุณต้องอาศัยทุนจากทางบ้าน สิ่งที่กดดันคุณคือ "พลาดไม่ได้อีก" เพราะเขาให้โอกาสคุณอีกเพียงครั้งเดียว


อันนี้เห็นด้วยครับ  สิ่งแปลกใหม่  จะทำให้เรากลายเป็นคนบ้าคนเพี้ยนในสายตาชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน
- ที่สำคัญคือถ้าเราพลาดเขาจะรอซ้ำเราอย่างหนัก อย่าได้พลาดน่ะ ถ้าพลาดก็เข้มแข็งให้มากถึงมากที่สุด ปากชาวบ้านนี่มันสุดๆ จริงๆ ครับ  แต่ถ้าคุณทำได้ ชาวบ้านจะพากันแห่มาทำตามเป็นพรวน ฮ่าๆๆ  wanwan004 ผมเจอมาแล้ว
บันทึกการเข้า

Tputti
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 278
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,859



ดูรายละเอียด
« ตอบ #72 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2015, 13:32:26 »

-- สิ่งแรกเลย ถ้าคุณกลับไปโดยไม่มีเงินทุนหมุนเวียน เป็นของตนเอง จะถูกตราหน้าซุบซิบจากคนทั้งบางว่าถังแตกกลับไปตายรัง (ถ้ามีหนี้ไปด้วยจะยิ่งหนัก)ซึ่งถ้าจะทำอะไรใหม่ๆ ที่แตกต่างจากชุมชน คุณจะเตรียมตัวเจอมรสุมทันที
-- สิ่งแปลกใหม่ จะเป็นของแปลกสำหรับคนชาวบ้าน คุณจะต้องเดินผ่านคำถามจากชาวบ้านเช้าเย็น"มรึงทำรัย ๆ ๆ ๆ" จนกว่าเขาจะเห็นผลทั้งบาง (หลายคนกว่าจะผ่านจุดนี้ได้ อาจจะต้องได้ยินคำว่า "มรึงเพี้ยนไปแล้ว" หลายร้อยรอบเลย)
-- ถ้าคุณต้องอาศัยทุนจากทางบ้าน สิ่งที่กดดันคุณคือ "พลาดไม่ได้อีก" เพราะเขาให้โอกาสคุณอีกเพียงครั้งเดียว


อันนี้เห็นด้วยครับ  สิ่งแปลกใหม่  จะทำให้เรากลายเป็นคนบ้าคนเพี้ยนในสายตาชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน
- ที่สำคัญคือถ้าเราพลาดเขาจะรอซ้ำเราอย่างหนัก อย่าได้พลาดน่ะ ถ้าพลาดก็เข้มแข็งให้มากถึงมากที่สุด ปากชาวบ้านนี่มันสุดๆ จริงๆ ครับ  แต่ถ้าคุณทำได้ ชาวบ้านจะพากันแห่มาทำตามเป็นพรวน ฮ่าๆๆ  wanwan004 ผมเจอมาแล้ว


ผมจะเล่ากรณีตัวอย่างให้ฟังกรณีนึง ...

น้าชายผม หลังจากกลับจากประจำการทหารเกณฑ์ ช่างอายุประมาณ 22-23 (ประมาณสามสิบกว่าปีที่แล้ว) เขาได้ไอเดียจากองทัพ พอกลับบ้านก็สร้างกังหันน้ำ ปลูกผักออร์กานิก และทำหลายๆอย่างคล้ายที่เป็นกระแสตอนนี้ แต่ผลคือ กังหันใช้ไม่ได้ ผักออร์กานิกสมัยนั้นไม่มีเครื่องมือแบบสมัยนี้ ไม่มีตลาด สุดท้ายก็ไปไม่รอด แต่จะสู้ต่อไปก็ไม่ไหว เพราะแรงปากจากชาวบ้านและครอบครัวนี่แหละ แล้วถูกมองมาตลอดว่าที่เขาทำอะไรๆในครั้งนั้ คงเพราะเพี้ยน ...

แต่น้าแกก็อยู่กับบ้านดำเนินชิวิตต่อไป ทำสวนปกติจนมีพอกิน ....

พอแกอายุซัก 45-50 (ประมาณยี่สิบกว่าปีต่อมา) แกยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้ แกก็เริ่มรื้อโครงการสมัยหนุ่มๆที่แกเคยทำล่มเมื่อ 20ปีก่อน จนกลายเป็นสวนเกษตรตัวอย่างครบวงจร แบบเดียวกับที่เป็นกระแสตอนนี้(แต่แกก็ยังเป็นผู้ริเริ่มก่อนคนอื่นในชุมชน ถึงแม้จะรอบที่สองก็ตาม) และแกก็เป็นเกษตรกรที่คนนับหน้าถือตาในชุมชน ...

ขอเพียงไม่ท้อ ความฝันก็เป็นได้ (ถึงแม้จะใช้เวลาหลายปี)


... จริงๆเกษตรกรตัวอย่างที่ออกทีวี แทบทุกคนผ่านอะไรมาเยอะแยะทั้งนั้น กว่าจะได้เห็นอะไรสวยหรูตามในทีวี หรือแชร์กันในโซเชี่ยล ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 พฤศจิกายน 2015, 13:38:34 โดย Tputti » บันทึกการเข้า

เกมส์
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 168
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,658



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #73 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2015, 08:48:18 »

แนะนำว่าให้ไปซื้อที่สน.3หรือที่ทบ.5 หรือที่สปก.นะครับ ทั้ง3อย่างที่ทบ.5ถูกสุด แต่ว่าต้องติดถนนนะไม่งั้นเดินทางลำบาก ให้มีไฟฟ้า น้ำปะปาจากหมู่บ้านเข้าถึง ราคาแล้วแต่ว่าใกล้ชุมชนมากแค่ไหน ถ้าอยู่ในชุมชนในหมู่บ้าน ตามบ้านนอกก็คงราวๆไร่ละ30,000-50,000บาท ไม่น่าถึง100,000บาท ตีไว้50,000บาท ซื้อซัก40ไร่ก็2,000,000บาท จากนั้นก็ทำการเกษตรได้เต็มที่เลยครับ

1.เลี้ยงวัวขายเนื้อ10ตัว(วัวกินแค่หญ้ากับน้ำ)

2.เลี้ยงไก่พื้นบ้าน(ประหยัดเพราะกินแค่ข้าวเปลือก)

3.ทำนา15ไร่

4.ทำไร่อ้อย15ไร่

5.ปลูกหญ้ารูซี่ไว้เลี้ยงวัว8ไร่

6.ขุดบ่อเลี้ยงปลา+เก็บน้ำ1ไร่

7.พื้นที่บ้าน1ไร่


แต่พื้นที่โดยรอบใกล้ๆไร่ควรเป็นที่ๆเค้าไม่ทำสวน ทำไร่นะ ไม่งั้นถ้าหญ้าหมด วัวไม่มีหญ้ากิน วัวตัวหนึ่งจะมีอาณาเขตสำหรับกินหญ้าทั้งปีประมาณ6ไร่นะ ถ้าเลี้ยง10ตัวอาจใช้พื้นที่60ไร่......นี่คือสูตรเบื้องต้นในการใช้ชีวิตพอเพียง แต่ลำบากหน่อยนะครับ รายได้หลักคงเกิดจากขายวัว ขายข้าว และขายอ้อยครับ ส่วนปลานั้นคงขายยากเพราะเลี้ยงง่าย ใครๆก็เลี้ยงเป็น คงได้แค่เอาไว้บริโภค ส่วนไก่ก็เลี้ยงขายได้เพราะมีนาเยอะ ลดต้นทุนค่าอาหารได้เยอะ หากจะเลี้ยงเป็ดขายด้วยก็พอได้เพราะนาเยอะคงมีข้าวในยุ้งฉางเยอะกินไม่หมดแน่ๆ.....โชคดีครับ




ปล.แต่ถ้าทำหอพักซัก20ห้องให้คนเช่าได้ผมว่าสบายเลยนะ แต่คุณต้องไม่เลี้ยงวัวนะถ้าจะทำหอพัก





เอิ่ม! ต่อให้ภทบ5 ก็หา 30,000-50,000 ไม่ได้นะครับ ในแผ่นดินไทย ขนาดพวกบุกรุกป่าสงวน ต้องหนีป่าไม้ยังขายกันแพงกว่านั้นเลยครับ ... (ผมอยู่วงการที่ดิน)

ตามทฤษฎีน่ะดีหมดครับ แต่ตอนทำจริงมันมีปัจจัยอื่นอีกหลายเรื่อง ...

-- สิ่งแรกเลย ถ้าคุณกลับไปโดยไม่มีเงินทุนหมุนเวียน เป็นของตนเอง จะถูกตราหน้าซุบซิบจากคนทั้งบางว่าถังแตกกลับไปตายรัง (ถ้ามีหนี้ไปด้วยจะยิ่งหนัก)ซึ่งถ้าจะทำอะไรใหม่ๆ ที่แตกต่างจากชุมชน คุณจะเตรียมตัวเจอมรสุมทันที
-- สิ่งแปลกใหม่ จะเป็นของแปลกสำหรับคนชาวบ้าน คุณจะต้องเดินผ่านคำถามจากชาวบ้านเช้าเย็น"มรึงทำรัย ๆ ๆ ๆ" จนกว่าเขาจะเห็นผลทั้งบาง (หลายคนกว่าจะผ่านจุดนี้ได้ อาจจะต้องได้ยินคำว่า "มรึงเพี้ยนไปแล้ว" หลายร้อยรอบเลย)
-- ถ้าคุณต้องอาศัยทุนจากทางบ้าน สิ่งที่กดดันคุณคือ "พลาดไม่ได้อีก" เพราะเขาให้โอกาสคุณอีกเพียงครั้งเดียว
-- สิ่งที่ไม่คุ้นเคย การพลิกฟื้นผืนดิน ต้องลงมือจับจอบเสียม ที่ห่างมา ไม่เคยจับมาเป็นสิบปี จะต้องทนให้ได้ (ถ้ามีทุนเป็นของตัวเอง เราใช้สมองสั่งได้ตามต้องการ)


คนที่ทำได้ที่เราเห็นตามในทีวี มีแค่เพียง 1 ใน 100 ที่กลับไปบ้าน ซึ่งส่วนหนึ่ง มีเงินมากพอที่จะเป็นต้นทุนใช้ชีวิตสโลไลฟ์ และออกแบบสวนแบบสวยๆ ให้ได้โชว์กัน ...


เพิ่มเติมอีกอย่างครับ ... ที่พูดถึง นส3
อ้างถึง
แนะนำว่าให้ไปซื้อที่สน.3
ถ้าเข้าใจประเภทเอกสารอย่างชัดเจน ท่านจะเข้าใจทันทีว่ามันก็คือโฉนด(การให้สิทธิ์ครอบครองที่ดิน)ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีความแตกต่างจาก นส4จ(ที่ชาวบ้านเรียกว่าโฉนด) แค่เพียงเล็กน้อยแค่นั้นเอง



ว่ากันด้วยเรื่องโฉนด ครุฑเขียว ครุฑดำ ครุฑแดง (นส3ก, นส3, นส4จ) https://www.facebook.com/photo...174.1073741828.100009267028836


ปล.ผมจะบอกว่า นส3 และโฉนด ราคาซื้อขายแทบไม่แตกต่างกัน เป็นเพียงเหลี่ยมข้ออ้างต่อราคาของคนซื้อเท่านั้น


มีที่ดิน แบบนี้ด้วยเหรอครับ  Shocked  คิดไม่ถึง น่าจะถูกกว่าเห็นๆ
สงสัยต้องไปมองๆพวกที่ดินทบ.5ฯลฯบ้าง  เผื่อมีกำลังซื้อ ถูกกว่าหน่อยก็ยังดี
บันทึกการเข้า

bumblebee
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 41
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 483



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #74 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2015, 09:00:51 »

ชีวิตจริง อาชีพเกษตกรไม่ง่ายนะครับ ของจริงอาจจะไม่สวยเหมือนในรูป wanwan023

แนะนำว่าให้ไปซื้อที่สน.3หรือที่ทบ.5 หรือที่สปก.นะครับ ทั้ง3อย่างที่ทบ.5ถูกสุด แต่ว่าต้องติดถนนนะไม่งั้นเดินทางลำบาก ให้มีไฟฟ้า น้ำปะปาจากหมู่บ้านเข้าถึง ราคาแล้วแต่ว่าใกล้ชุมชนมากแค่ไหน ถ้าอยู่ในชุมชนในหมู่บ้าน ตามบ้านนอกก็คงราวๆไร่ละ30,000-50,000บาท ไม่น่าถึง100,000บาท ตีไว้50,000บาท ซื้อซัก40ไร่ก็2,000,000บาท จากนั้นก็ทำการเกษตรได้เต็มที่เลยครับ

1.เลี้ยงวัวขายเนื้อ10ตัว(วัวกินแค่หญ้ากับน้ำ)

2.เลี้ยงไก่พื้นบ้าน(ประหยัดเพราะกินแค่ข้าวเปลือก)

3.ทำนา15ไร่

4.ทำไร่อ้อย15ไร่

5.ปลูกหญ้ารูซี่ไว้เลี้ยงวัว8ไร่

6.ขุดบ่อเลี้ยงปลา+เก็บน้ำ1ไร่

7.พื้นที่บ้าน1ไร่


แต่พื้นที่โดยรอบใกล้ๆไร่ควรเป็นที่ๆเค้าไม่ทำสวน ทำไร่นะ ไม่งั้นถ้าหญ้าหมด วัวไม่มีหญ้ากิน วัวตัวหนึ่งจะมีอาณาเขตสำหรับกินหญ้าทั้งปีประมาณ6ไร่นะ ถ้าเลี้ยง10ตัวอาจใช้พื้นที่60ไร่......นี่คือสูตรเบื้องต้นในการใช้ชีวิตพอเพียง แต่ลำบากหน่อยนะครับ รายได้หลักคงเกิดจากขายวัว ขายข้าว และขายอ้อยครับ ส่วนปลานั้นคงขายยากเพราะเลี้ยงง่าย ใครๆก็เลี้ยงเป็น คงได้แค่เอาไว้บริโภค ส่วนไก่ก็เลี้ยงขายได้เพราะมีนาเยอะ ลดต้นทุนค่าอาหารได้เยอะ หากจะเลี้ยงเป็ดขายด้วยก็พอได้เพราะนาเยอะคงมีข้าวในยุ้งฉางเยอะกินไม่หมดแน่ๆ.....โชคดีครับ




ปล.แต่ถ้าทำหอพักซัก20ห้องให้คนเช่าได้ผมว่าสบายเลยนะ แต่คุณต้องไม่เลี้ยงวัวนะถ้าจะทำหอพัก


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 พฤศจิกายน 2015, 09:03:31 โดย bumblebee » บันทึกการเข้า

ห้องเช่า
หาห้องเช่า หรือ
หาห้อง ค้นหาง่ายรวดเร็ว และพร้อมบริการแนะนำ หอพัก หรือ
หาหอพัก ทั่วประเทศ
Tputti
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 278
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,859



ดูรายละเอียด
« ตอบ #75 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2015, 11:29:19 »

แนะนำว่าให้ไปซื้อที่สน.3หรือที่ทบ.5 หรือที่สปก.นะครับ ทั้ง3อย่างที่ทบ.5ถูกสุด แต่ว่าต้องติดถนนนะไม่งั้นเดินทางลำบาก ให้มีไฟฟ้า น้ำปะปาจากหมู่บ้านเข้าถึง ราคาแล้วแต่ว่าใกล้ชุมชนมากแค่ไหน ถ้าอยู่ในชุมชนในหมู่บ้าน ตามบ้านนอกก็คงราวๆไร่ละ30,000-50,000บาท ไม่น่าถึง100,000บาท ตีไว้50,000บาท ซื้อซัก40ไร่ก็2,000,000บาท จากนั้นก็ทำการเกษตรได้เต็มที่เลยครับ
.
.
.


เอิ่ม! ต่อให้ภทบ5 ก็หา 30,000-50,000 ไม่ได้นะครับ ในแผ่นดินไทย ขนาดพวกบุกรุกป่าสงวน ต้องหนีป่าไม้ยังขายกันแพงกว่านั้นเลยครับ ... (ผมอยู่วงการที่ดิน)

ตามทฤษฎีน่ะดีหมดครับ แต่ตอนทำจริงมันมีปัจจัยอื่นอีกหลายเรื่อง ...

-- สิ่งแรกเลย ถ้าคุณกลับไปโดยไม่มีเงินทุนหมุนเวียน เป็นของตนเอง จะถูกตราหน้าซุบซิบจากคนทั้งบางว่าถังแตกกลับไปตายรัง (ถ้ามีหนี้ไปด้วยจะยิ่งหนัก)ซึ่งถ้าจะทำอะไรใหม่ๆ ที่แตกต่างจากชุมชน คุณจะเตรียมตัวเจอมรสุมทันที
-- สิ่งแปลกใหม่ จะเป็นของแปลกสำหรับคนชาวบ้าน คุณจะต้องเดินผ่านคำถามจากชาวบ้านเช้าเย็น"มรึงทำรัย ๆ ๆ ๆ" จนกว่าเขาจะเห็นผลทั้งบาง (หลายคนกว่าจะผ่านจุดนี้ได้ อาจจะต้องได้ยินคำว่า "มรึงเพี้ยนไปแล้ว" หลายร้อยรอบเลย)
-- ถ้าคุณต้องอาศัยทุนจากทางบ้าน สิ่งที่กดดันคุณคือ "พลาดไม่ได้อีก" เพราะเขาให้โอกาสคุณอีกเพียงครั้งเดียว
-- สิ่งที่ไม่คุ้นเคย การพลิกฟื้นผืนดิน ต้องลงมือจับจอบเสียม ที่ห่างมา ไม่เคยจับมาเป็นสิบปี จะต้องทนให้ได้ (ถ้ามีทุนเป็นของตัวเอง เราใช้สมองสั่งได้ตามต้องการ)


คนที่ทำได้ที่เราเห็นตามในทีวี มีแค่เพียง 1 ใน 100 ที่กลับไปบ้าน ซึ่งส่วนหนึ่ง มีเงินมากพอที่จะเป็นต้นทุนใช้ชีวิตสโลไลฟ์ และออกแบบสวนแบบสวยๆ ให้ได้โชว์กัน ...


เพิ่มเติมอีกอย่างครับ ... ที่พูดถึง นส3
อ้างถึง
แนะนำว่าให้ไปซื้อที่สน.3
ถ้าเข้าใจประเภทเอกสารอย่างชัดเจน ท่านจะเข้าใจทันทีว่ามันก็คือโฉนด(การให้สิทธิ์ครอบครองที่ดิน)ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีความแตกต่างจาก นส4จ(ที่ชาวบ้านเรียกว่าโฉนด) แค่เพียงเล็กน้อยแค่นั้นเอง


ว่ากันด้วยเรื่องโฉนด ครุฑเขียว ครุฑดำ ครุฑแดง (นส3ก, นส3, นส4จ) https://www.facebook.com/photo...174.1073741828.100009267028836


ปล.ผมจะบอกว่า นส3 และโฉนด ราคาซื้อขายแทบไม่แตกต่างกัน เป็นเพียงเหลี่ยมข้ออ้างต่อราคาของคนซื้อเท่านั้น

มีที่ดิน แบบนี้ด้วยเหรอครับ  Shocked  คิดไม่ถึง น่าจะถูกกว่าเห็นๆ
สงสัยต้องไปมองๆพวกที่ดินทบ.5ฯลฯบ้าง  เผื่อมีกำลังซื้อ ถูกกว่าหน่อยก็ยังดี

ภบท5 หรือ ภาษีบำรุงท้องที่ คือการที่คุณไปชี้ๆเอาว่าฉันจะทำกินตรงนี้ ทำได้แต่ละปีก็จ่ายภาษีให้อบต.หรือท้องถิ่นไปบ้าง แต่คุณจะไม่ได้สิทธิใดๆในที่ดินนั้นะครับ (ทำกินได้ แต่ไม่ได้ครอบครองที่ ที่ดินยังเป็นของหลวง 100%)

สมมติว่าวันดีคืนดี รัฐบอกว่าตรงนี้จะทำโครงการป่าอนุรักษ์...บลาๆๆๆ(เป็นต้น) จะต้องใช้ที่ คุณจะต้องคืนที่ให้หลวงโดยไม่มีข้อแม้นะครับ (หลวงไม่ต้องจ่ายค่าเวนคืน)
แบบเดียวกับที่โบนันซ่าต้องคืนสนามแข่งรถบางส่วนให้กรมป่าไม้น่ะแหละครับ ...

ขยับขึ้นมาอีกนิดนึง ก็คือ สค1 (สิทธิครอบครอง)

สค1 คือสิทธิในการครอบครอง อันนี้เป็นเหมือนใบจอง(ออกโดยกระทรวงเกษตรฯ ไม่ใช่กรมที่ดิน) ว่าได้สิทธิตรงนี้ แต่มีสิทธิ์แค่เล็กน้อย เพราะกรมที่ดินยังไม่รับรู้ แต่เมื่อไหร่คุณเปลี่ยนเจ้าของสิทธิ์นั้นจบทันที

หลังจากนั้นก็เป็นพวก นส.ทั้งหลายแหล่ (นส.3 > นส.3ก > นส.4จ)

**************************************************

ทีนี้ ผมจะอธิบายให้เห็นภาพความสำคัญง่ายๆแบบชาวบ้านละกัน ... สิทธิ์ที่คุณมีตามลำดับ ...


ผมสมมติว่า ถ้าหลวงต้องการทำโครงการบนที่ของคุณ และต้องจ่ายเงินชดเชยเวนคืนให้คุณตามสิทธิ์ครอบคองที่ดินแต่ละประเภท ผมจะยกตัวอย่างคร่าวๆให้เข้าใจประมาณนี้แล้วกัน ...

- ถ้าที่คุณเป็น ภบท.5 หลวงยึดกลับฟรี ไม่ต้องจ่ายชดเชย
- ถ้าที่คุณเป็น สค.1 หลวงอาจจะต้องจ่ายชดเชยประมาณ 10-15% ของราคาประเมิน (ถ้ามีการเปลี่ยนมือก็อด)
- ถ้าที่คุณเป็น นส.3 หลวงอาจจะต้องจ่ายชดเชยประมาณ 50-60% ของราคาประเมิน
- ถ้าที่คุณเป็น นส.3ก หลวงอาจจะต้องจ่ายชดเชยประมาณ 60-80% ของราคาประเมิน
- ถ้าที่คุณเป็น นส.4จ(หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าโฉนด) หลวงอาจจะต้องจ่ายชดเชยประมาณ 80-100% ของราคาประเมิน

(ความจริง นส.3, นส.3ก, นส.4จ ก็คือโฉนดทั้งนั้น มีการรังวัด วาดรูป กำหนดเขตการครอบครองระบุไว้ที่สำนักงานที่ดินไว้หมดแล้ว เราถึงมีกรรมสิทธิ์บนที่ดินแปลงนั้นๆ ตามประเภทของโฉนด)





ดังนั้น ... ถ้าคุณจะเลือกหาซื้อถูกๆ และคิดจะซื้อแบบภทบ.5 จริงๆ ก็คิดให้ดี ถ้าเข้าข่ายพื้นที่เอาคืนเหมือนที่เป็นข่าว"ยึดรีสอร์ท ทวงคืนผืนป่า" ก็อาจจะมีโอกาสลงทุนไปฟรีนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 พฤศจิกายน 2015, 11:35:21 โดย Tputti » บันทึกการเข้า

เกมส์
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 168
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,658



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #76 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2015, 11:34:52 »


มีที่ดิน แบบนี้ด้วยเหรอครับ  Shocked  คิดไม่ถึง น่าจะถูกกว่าเห็นๆ
สงสัยต้องไปมองๆพวกที่ดินทบ.5ฯลฯบ้าง  เผื่อมีกำลังซื้อ ถูกกว่าหน่อยก็ยังดี

ภบท5 หรือ ภาษีบำรุงท้องที่ คือการที่คุณไปชี้ๆเอาว่าฉันจะทำกินตรงนี้ ทำได้แต่ละปีก็จ่ายภาษีให้อบต.หรือท้องถิ่นไปบ้าง แต่คุณจะไม่ได้สิทธิใดๆในที่ดินนั้นะครับ (ทำกินได้ แต่ไม่ได้ครอบครองที่ ที่ดินยังเป็นของหลวง 100%)

สมมติว่าวันดีคืนดี รัฐบอกว่าตรงนี้จะทำโครงการป่าอนุรักษ์...บลาๆๆๆ(เป็นต้น) จะต้องใช้ที่ คุณจะต้องคืนที่ให้หลวงโดยไม่มีข้อแม้นะครับ (หลวงไม่ต้องจ่ายค่าเวนคืน)
แบบเดียวกับที่โบนันซ่าต้องคืนสนามแข่งรถบางส่วนให้กรมป่าไม้น่ะแหละครับ ...

ขยับขึ้นมาอีกนิดนึง ก็คือ สค1 (สิทธิครอบครอง)

สค1 คือสิทธิในการครอบครอง อันนี้เป็นเหมือนใบจอง(ออกโดยกระทรวงเกษตรฯ ไม่ใช่กรมที่ดิน) ว่าได้สิทธิตรงนี้ แต่มีสิทธิ์แค่เล็กน้อย เพราะกรมที่ดินยังไม่รับรู้ แต่เมื่อไหร่คุณเปลี่ยนเจ้าของสิทธิ์นั้นจบทันที

หลังจากนั้นก็เป็นพวก นส.ทั้งหลายแหล่ (นส.3 > นส.3ก > นส.4จ)

**************************************************

ทีนี้ ผมจะอธิบายให้เห็นภาพความสำคัญง่ายๆแบบชาวบ้านละกัน ... สิทธิ์ที่คุณมีตามลำดับ ...


ผมสมมติว่า ถ้าหลวงต้องการทำโครงการบนที่ของคุณ และต้องจ่ายเงินชดเชยเวนคืนให้คุณตามสิทธิ์ครอบคองที่ดินแต่ละประเภท ผมจะยกตัวอย่างคร่าวๆให้เข้าใจประมาณนี้ปล้วกัน ...

- ถ้าที่คุณเป็น ภบท.5 หลวงยึดกลับฟรี ไม่ต้องจ่ายชดเชย
- ถ้าที่คุณเป็น สค.1 หลวงอาจจะต้องจ่ายชดเชยประมาณ 10-15% ของราคาประเมิน (ถ้ามีการเปลี่ยนมือก็อด)
- ถ้าที่คุณเป็น นส.3 หลวงอาจจะต้องจ่ายชดเชยประมาณ 50-60% ของราคาประเมิน
- ถ้าที่คุณเป็น นส.3ก หลวงอาจจะต้องจ่ายชดเชยประมาณ 60-80% ของราคาประเมิน
- ถ้าที่คุณเป็น นส.4จ(หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าโฉนด) หลวงอาจจะต้องจ่ายชดเชยประมาณ 80-100% ของราคาประเมิน

(ความจริง นส.3, นส.3ก, นส.4จ ก็คือโฉนดทั้งนั้น มีการรังวัด วาดรูป กำหนดเขตการครอบครองระบุไว้ที่สำนักงานที่ดินไว้หมดแล้ว เราถึงมีกรรมสิทธิ์บนที่ดินแปลงนั้นๆ ตามประเภทของโฉนด)

ขอบคุณคร้าบ  wanwan017  +1 เก็บ
บันทึกการเข้า

Tputti
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 278
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,859



ดูรายละเอียด
« ตอบ #77 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2015, 11:37:16 »


มีที่ดิน แบบนี้ด้วยเหรอครับ  Shocked  คิดไม่ถึง น่าจะถูกกว่าเห็นๆ
สงสัยต้องไปมองๆพวกที่ดินทบ.5ฯลฯบ้าง  เผื่อมีกำลังซื้อ ถูกกว่าหน่อยก็ยังดี

ภบท5 หรือ ภาษีบำรุงท้องที่ คือการที่คุณไปชี้ๆเอาว่าฉันจะทำกินตรงนี้ ทำได้แต่ละปีก็จ่ายภาษีให้อบต.หรือท้องถิ่นไปบ้าง แต่คุณจะไม่ได้สิทธิใดๆในที่ดินนั้นะครับ (ทำกินได้ แต่ไม่ได้ครอบครองที่ ที่ดินยังเป็นของหลวง 100%)

สมมติว่าวันดีคืนดี รัฐบอกว่าตรงนี้จะทำโครงการป่าอนุรักษ์...บลาๆๆๆ(เป็นต้น) จะต้องใช้ที่ คุณจะต้องคืนที่ให้หลวงโดยไม่มีข้อแม้นะครับ (หลวงไม่ต้องจ่ายค่าเวนคืน)
แบบเดียวกับที่โบนันซ่าต้องคืนสนามแข่งรถบางส่วนให้กรมป่าไม้น่ะแหละครับ ...

ขยับขึ้นมาอีกนิดนึง ก็คือ สค1 (สิทธิครอบครอง)

สค1 คือสิทธิในการครอบครอง อันนี้เป็นเหมือนใบจอง(ออกโดยกระทรวงเกษตรฯ ไม่ใช่กรมที่ดิน) ว่าได้สิทธิตรงนี้ แต่มีสิทธิ์แค่เล็กน้อย เพราะกรมที่ดินยังไม่รับรู้ แต่เมื่อไหร่คุณเปลี่ยนเจ้าของสิทธิ์นั้นจบทันที

หลังจากนั้นก็เป็นพวก นส.ทั้งหลายแหล่ (นส.3 > นส.3ก > นส.4จ)

**************************************************

ทีนี้ ผมจะอธิบายให้เห็นภาพความสำคัญง่ายๆแบบชาวบ้านละกัน ... สิทธิ์ที่คุณมีตามลำดับ ...


ผมสมมติว่า ถ้าหลวงต้องการทำโครงการบนที่ของคุณ และต้องจ่ายเงินชดเชยเวนคืนให้คุณตามสิทธิ์ครอบคองที่ดินแต่ละประเภท ผมจะยกตัวอย่างคร่าวๆให้เข้าใจประมาณนี้ปล้วกัน ...

- ถ้าที่คุณเป็น ภบท.5 หลวงยึดกลับฟรี ไม่ต้องจ่ายชดเชย
- ถ้าที่คุณเป็น สค.1 หลวงอาจจะต้องจ่ายชดเชยประมาณ 10-15% ของราคาประเมิน (ถ้ามีการเปลี่ยนมือก็อด)
- ถ้าที่คุณเป็น นส.3 หลวงอาจจะต้องจ่ายชดเชยประมาณ 50-60% ของราคาประเมิน
- ถ้าที่คุณเป็น นส.3ก หลวงอาจจะต้องจ่ายชดเชยประมาณ 60-80% ของราคาประเมิน
- ถ้าที่คุณเป็น นส.4จ(หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าโฉนด) หลวงอาจจะต้องจ่ายชดเชยประมาณ 80-100% ของราคาประเมิน

(ความจริง นส.3, นส.3ก, นส.4จ ก็คือโฉนดทั้งนั้น มีการรังวัด วาดรูป กำหนดเขตการครอบครองระบุไว้ที่สำนักงานที่ดินไว้หมดแล้ว เราถึงมีกรรมสิทธิ์บนที่ดินแปลงนั้นๆ ตามประเภทของโฉนด)

ขอบคุณคร้าบ  wanwan017  +1 เก็บ


คือที่จะบอกคือ .... ถ้าคุณจะเลือกหาซื้อถูกๆ และคิดจะซื้อแบบภทบ.5 จริงๆ ก็คิดให้ดี ถ้าเข้าข่ายพื้นที่เอาคืนเหมือนที่เป็นข่าว"ยึดรีสอร์ท ทวงคืนผืนป่า" ก็อาจจะมีโอกาสลงทุนไปฟรีนะครับ


 Cry
บันทึกการเข้า

myoho
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 48
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,469



ดูรายละเอียด
« ตอบ #78 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2015, 11:45:06 »

ยาวแต่ได้แนวไอเดีย
บันทึกการเข้า


ขาย VigLink Acc 1,500 
https://bit.ly/2rGDEsf
https://bit.ly/2IAiWDV
หน้า: 1 2 3 [4]   ขึ้นบน
พิมพ์