ข่าวมาหลายวันจริง
ปลัดกระทรวงการคลัง ได้รับนโยบายจากจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ดูแลการเก็บภาษีการซื้อขายผ่านออนไลน์ (อีคอมเมิร์ซ) ให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น โดยจะตั้งทีมงานเข้ามาดูแลโดยเฉพาะ ซึ่งมอบหมายให้ 3 กรมหลัก ได้แก่ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร ร่วมกันดำเนินการตรวจสอบและการจัดเก็บภาษีดังกล่าว ให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด เพราะร้านค้าออนไลน์มีต้นทุนต่ำจึงน่าจะมีกำไรมาก เมื่อเทียบกับร้านค้าที่มีหน้าร้านปกติ
รายงานว่า นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้เรียกให้เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรและกรมศุลกากรเข้าประชุมหารือเพื่อหาแนวทางในการจัดการเรื่องภาษีของบรรดาร้านค้าออนไลน์ หลังพบว่าร้านค้าออนไลน์ในปัจจุบันมีต้นทุนในการเปิดร้านและซื้อสินค้าที่ต่ำ ทำให้ได้กำไรมากกว่าร้านปกติทั่วไป อีกทั้งยังพบว่าในส่วนของร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่ไม่ได้มีการเสียภาษีที่ถูกต้อง
ทั้งนี้ในส่วนของกรมสรรพากรยอมรับว่า เนื่องจากร้านค้าออนไลน์มีจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปสามารถตรวจสอบร้านค้าออนไลน์ได้ทั้งหมดว่ามีรายได้ที่เกิดจากการซื้อขายจริง ๆ เป็นจำนวนเท่าไร รวมไปถึงการตรวจสอบในส่วนของการเสียภาษีก็ยังไม่ทั่วถึงเพียงพอ ทำให้มีผู้ค้าบางรายเปิดร้านและจำหน่ายสินค้าโดยไม่ได้มีการเสียภาษีแต่อย่างใด
ทางด้านกรมศุลกากรในฐานะผู้มีอำนาจในการควบคุมดูแลการจัดเก็บภาษีการนำเข้าและส่งออกสินค้า ระบุว่า ปัจจุบันร้านค้าออนไลน์ที่รับ “พรีออเดอร์” สินค้าจากต่างประเทศมีจำนวนมากขึ้น แต่จากการตรวจสอบพบว่าร้านค้าแต่ละแห่งกลับไม่ได้มีการเสียภาษีศุลกากรอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ทั้งนี้ทางกระทรวงการคลังได้มีการมอบหมายให้ทางกรมศุลกากรเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดแล้วว่า สินค้าที่ร้านค้าออนไลน์รับพรีออเดอร์เข้ามานั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร มีการสำแดงและเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากสินค้าที่พรีออเดอร์เข้ามาดังกล่าว นำเข้ามาเพื่อการพาณิชย์ ไม่ได้นำเข้ามาเพื่อใช้ส่วนตัวแต่อย่างใด ดังนั้นถือว่าผิดจุดประสงค์ จึงจำเป็นต้องมีการเสียภาษีให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดไว้