การเป็นนายตัวเองมีความเสี่ยง แต่การเป็นมนุษย์เงินเดือนก็มีความเสี่ยงเช่นกัน น่าแปลกที่หลายคนมัวแต่กังวลเรื่องความล้มเหลว ทั้งๆที่ความเป็นจริงการควักบัตรเครดิตซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยแล้วรอให้เสื่อมค่าจนกลายเป็นขยะโดยคิดว่าสิ่งเหล่านั้นจะทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้นนั้น มันเป็นความล้มเหลวแน่ๆ 100% ทำไมไม่ยักจะกลัว…!!!
วินาทีที่คุณจะเป็นนายตัวเอง จะมีเสียงจากคนรอบข้างมากมายทั้งเตือนและขู่ จนทำให้คุณเกิดไขว้เขว วันนี้ผมจะมาแนะนำทางสว่างสำหรับคนที่อยากจะเป็นนายตัวเอง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องความล้มเหลวที่คนมากมายพยายามบอกคุณ
อันดับแรก ความสำเร็จไม่จำเป็นต้องผ่านความล้มเหลวอย่างหนักเสมอ คนที่ประสบความสำเร็จมากมายมักจะบอกว่าต้องล้มเหลวเยอะๆเพื่อจะประสบความสำเร็จ ผมจะบอกความลับให้นะครับ ใครจะขายสินค้าไม่ออก ทำการตลาดไม่ขึ้น หาเงินมาจ่ายลูกจ้างไม่ได้ หรือต้องสิ้นเนื้อประดาตัว ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ นี่คือสิ่งที่มนุษย์เงินเดือนหวาดผวา ลองคิดดูนะครับ ถูกไซโคตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำอะไร และได้รับการพยากรณ์ว่าต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน อย่างนี้ใครๆก็ต้องกลัวที่จะเริ่มต้นเป็นธรรมดา ความล้มเหลวไม่มีอะไรให้เรียนรู้มากขนาดนั้นหรอก
อันดับสอง อย่าใช้เงินทำธุรกิจ แต่ให้ใช้ความคิดสร้างสรรค์เยอะๆ ถ้าคุณทำธุรกิจด้วยเงินทำทุนไม่ถึง 5 พันบาท ขอถามว่าจะมีเหตุการณ์อะไรได้บ้างที่จะทำให้คุณประสบหายนะถึงขั้นเจ๊ง ขายบ้าน ขายรถ หรือสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างอย่างที่พวกเขาบอกกัน ก็คงจะดีไม่น้อยนะครับ ถ้าจะบอกว่า “เพราะไม่มีเงิน” การไม่มีเงินเป็นเพียงปัญหาเล็กๆของคนที่มีสายเลือดนายตัวเองอยู่ในตัวเท่านั้น ในเทปสัมภาษณ์นายตัวเอง ก็มีเพียงแค่คุณบูม นายตัวเองคนที่ 9 กับธุรกิจน้ำมันมะพร้าวคนเดียวเท่านั้นที่ลงทุนเริ่มต้นเกิน 1 แสนบาท นอกนั้นเริ่มกันหลักพันหลักหมื่นทั้งนั้นเลย บางคนนี้เริ่มด้วยหลักร้อยด้วยซ้ำ ผมยังนึกไม่ออกว่าการเป็นนายตัวเองแบบใช้เงินน้อยๆจะทำให้เจ๊งจนหมดตัวได้ขนาดไหน อย่าใช้เงินสร้างสินค้า แต่ให้ใช้ความคิดสร้างสรรค์สร้างสินค้า
อันดับสาม ถ้าไม่ชอบความเสี่ยง ก็ทำควบคู่กับงานประจำไปเลยสิครับ แค่นี้ความเสี่ยงก็ต่ำติดดินแล้ว หรือถ้าเกิดคุณตัดสินใจอยากลองลาออกจริงๆเพื่อมาทำธุรกิจ กรณีเลวร้ายที่สุดก็ให้กลับไปทำงานประจำใหม่แค่นั้น เรียกเงินเดือนมากกว่าที่เดิมซัก 20-30% ทำงาน 3 เดือนก็สามารถชดเชย 1 เดือนที่ลาออกได้แล้ว แล้วถ้าหางานใหม่ไม่ได้ทำไง ผมแนะนำให้สมัครงานใหม่แล้วทิ้งช่องว่าง 1 เดือนให้คุณไปทำตามฝัน ก่อนที่แม่ผมเป็นมะเร็ง ผมสัมภาษณ์งานตอนเดือนพฤศจิกายน บอกทางที่ใหม่ว่าพร้อมเริ่มงานกุมภาพันธ์ พอสิ้นเดือนธันวาคมผมก็ลาออก เอาเงินโบนัสมาใช้กินตอนว่างงานเดือนมกราคมเพื่อพักร้อน ก่อนเริ่มงานใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์พร้อมเงินเดือนที่มากขึ้นกว่าเดิม 40% ทำงาน 2 เดือนครึ่งก็ชดเชยเงินเดือนที่หายไปในเดือนมกราคมที่ผมลาออกได้แล้ว ช่วงนั้นผมมีความสุขมาก เพราะได้อยู่กับพ่อแม่ทุกวันเลย
อันดับสี่ ห้ามสร้างภาระหนี้สินก่อนธุรกิจเด็ดขาด ถ้าคุณวิชญ์ยุให้คนลาออก แล้วเกิดความผิดพลาด บ้านที่ผ่อนอยู่ ค่าเทอมลูก เงินส่งรถ ทั้งหมดอาจจะสูญสลายไปได้ อย่างนี้คุณวิชญ์จะรับผิดชอบยังไง…!!! เรื่องนี้นะครับ ถ้าคนๆนั้นรับผิดชอบชีวิตตัวเองไม่ได้ก็อย่าเป็นนายตัวเองเลยครับ ตอนสร้างภาระ ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าคุณต้องแบกภาระ อีกมุมหนึ่งถ้าคุณยุไม่ให้เขาสร้างเส้นทางการเป็นนายตัวเองแล้ววันหนึ่งเขาเกิดถูกไล่ออก บริษัทเลิกจ้าง หรือชีวิตเกิดเจอเงื่อนไขอะไรก็ตามที่ทำให้ไม่สามารถไปต่อในสายงานประจำได้ วันนั้นคนที่ห้ามคนอื่นไม่ให้หาทางเป็นนายตัวเองจะรับผิดชอบชีวิตพวกเขายังไง และถ้าคุณคิดว่าการเป็นนายตัวเองยังเสี่ยง กลับไปอ่านข้อ 1 ใหม่ครับ
การเป็นนายตัวเองมีความเสี่ยง แต่การเป็นมนุษย์เงินเดือนเพียงอย่างเดียวมีความเสี่ยงกว่าในยุคที่เศรษฐกิจล่มสลายทั้งโลก คุณต้องเลือกเชื่อแล้วเริ่มออกแบบชีวิตตัวเองจริงๆจังๆเสียที
ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกยุคใหม่ ยุคที่การเป็นลูกจ้างยากกว่าการเป็นนายตัวเอง
วิชญ์
http://www.Startyourway.com