เอาบทความดีๆ มาฝากครับ จาก
http://www.tcdcconnect.com/art...81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99- สำหรับหลายๆ ธุรกิจที่เคยต้องผ่านสถานการณ์การเปิดตัวสินค้าใหม่ ภาพหน้าม่านที่ดูสวยหรูในสายตาผู้บริโภคนั้น แท้จริงแล้วอาจเต็มไปด้วยเบื้องหลังอันแสนซับซ้อนขมุกขมัว ในหลายๆ ครั้งอาจต้องมีการล้มแผนที่วางไว้ หรืออาจต้องเผชิญกับปัญหาใหม่ๆ ที่แก้ไขไม่ถูก เชื่อว่าสำหรับการเปิดตัวสินค้าใหม่ให้ ‘ประสบความสำเร็จ’ นั้น สำคัญคือต้องเริ่มจาก ‘เวลา’ ที่เหมาะสม ซึ่งแม้จะฟังดูเป็นเรื่องง่าย แต่หากพลาดเพียงนิดเดียว ก็อาจหมายถึงผลลัพธ์ที่ต่างกันได้อย่างสุดขั้ว
ที่ผ่านๆ มามีหลายธุรกิจที่เปิดตัวสินค้าใหม่ด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเท่าไรนัก อาทิเช่น เปิดตัวเพื่อหวังรายได้เข้ามาเป็นเงินหมุน หรือเปิดตัวเพื่อจะโจมตีธุรกิจคู่แข่ง ซึ่งก็มักจะไม่ได้นำไปสู่ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าหรือมีประสิทธิผลมากนัก ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจเปิดตัวสินค้าใหม่ใดๆ เจ้าของธุรกิจและทีมงานควรจะต้องมานั่งตอบคำถามพื้นฐานง่ายๆ ร่วมกันเสียก่อน เพื่อจะกำหนด ‘เวลาที่เหมาะสม’ ในการเปิดตัวสินค้าให้ประสบความสำเร็จและคุ้มค่าคุ้มเวลาจริงๆ
ยกตัวอย่างคำถามง่ายๆ ก็มีเช่น “สินค้าใหม่ของเราทำงานได้ดีอย่างที่มันควรจะทำจริงๆ หรือยัง” หากทดสอบตัวต้นแบบแล้วยังเจอกับข้อผิดพลาด (แม้เพียงเล็กน้อย) ก็อาจจะดีกว่าหรือเปล่าที่เราจะใช้เวลาในการพัฒนาตัวสินค้าอีกสักหน่อย ดีกว่าจะปล่อยมันออกสู่ตลาดแล้วไม่ได้การตอบรับเท่าที่ควร
คำถามต่อมาคือ “สินค้าของเรามีทีมที่เหมาะสมที่พร้อมจะเปิดตัวมันหรือยัง” เพราะในฐานะเจ้าของธุรกิจแล้วเราจะต้องประเมินให้ดีเสียก่อนว่า ทีมงานเบื้องหลังของเรา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาด ฯลฯ มีศักยภาพเพียงพอที่จะแนะนำสินค้าใหม่ให้กับผู้ใช้จริงๆ
หากยังจับต้นชนปลายไม่ถูก เราขอแนะนำขั้นตอนง่ายๆ ในการเปิดตัวสินค้าใหม่ ‘ให้ได้ผล’ ตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. ทดสอบสินค้าก่อนจะเปิดตัว
การทดสอบสินค้าเป็นเครื่องมือที่ช่วยยืนยันว่าธุรกิจมีความพร้อมที่จะนำเสนอสินค้า และกลุ่มลูกค้ามีความพร้อมที่ตอบรับสินค้านั้นจริงหรือไม่ การลงทุนศึกษาวิจัยตลาดหรือการออกสัมภาษณ์กลุ่มลูกค้านั้น มีข้อเสียเพียงข้อเดียวคืออาจทำให้การเปิดตัวสินค้าช้าลง แต่มันจะมีข้อดีมากมายที่ทำให้เราได้รับรู้ถึงข้อมูลความคิดเห็นใหม่ๆ และสามารถนำไปพัฒนาสินค้าให้ดีขึ้นในระยะยาวได้
2. แจกความสดใสให้ทีมงาน
เจ้าของธุรกิจจำเป็นจะต้องรักษาแรงจูงใจในขั้นตอนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สม่ำเสมอ เปิดรับฟังความคิดเห็นของทีมงานทุกฝ่ายด้วยใจเป็นกลาง และพยายามเติมรอยยิ้มความสดใสให้กับทีมงานเรื่อยๆ เพราะแน่นอนว่าการต้องแก้ไขชิ้นงานซ้ำแล้วซ้ำเล่านั้นก็อาจจะทำให้ทีมงานบางส่วนรู้สึกถอดใจได้ ดังนั้นหัวใจสำคัญคือเราต้องแน่ใจให้ได้ว่าทีมงานทุกคนยังรับรู้เป้าหมายปลายทางที่แท้จริงร่วมกัน และมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จนั้นด้วยกันในท้ายที่สุด
3. เตรียมตัวรับมือกับยอดขายที่เพิ่มขึ้น
การเปิดตัวสินค้าใหม่นั้นมักจะนำมาซึ่งยอดขายที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นเพื่อป้องกันความผิดพลาด เจ้าของธุรกิจจะต้องแน่ใจได้ว่าทีมงานทุกฝ่ายได้เตรียมตัวรับมือกับการบริหารจัดการในอนาคตแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฝ่ายบริการลูกค้า ที่อาจต้องเตรียมตัวรับโทรศัพท์หรือตอบอีเมลที่จะถาโถมเข้ามา ถามไถ่ทั้งเรื่องราคา ช่องทางการขาย โปรโมชั่นส่วนลด ไปจนถึงการแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้งานด้วย
4. จำหัวใจของธุรกิจไว้ให้ดี
ความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นในช่วงเปิดตัวสินค้าใหม่อาจทำให้เราละเลยหรือมองข้ามองค์ประกอบอื่นๆ ในธุรกิจไป ดังนั้นในฐานะเจ้าของธุรกิจเราจะต้องรักษาสมดุลระหว่างอนาคตของสินค้าใหม่ กับชื่อเสียงที่เราสะสมมาจากผลงานก่อนๆ ไว้ให้ดี นี่จะทำให้การทำธุรกิจของเรามีความยั่งยืนในระยะยาวได้
5. พร้อมเปิดใจกว้างฟังฟีดแบคจากทั่วทิศ
แน่นอนว่าหลังจากเปิดตัวสินค้าใหม่ไปแล้ว เมื่อผ่านระยะเวลาที่ลูกค้าได้ลองใช้สินค้าไประยะหนึ่ง ก็ย่อมจะต้องมีฟีดแบคสารพัดที่ส่งตรงกลับมาจากทุกทิศทาง ขอให้เราตั้งหลักให้มั่น รับฟังฟีดแบคเหล่านั้นอย่างตั้งใจ และนำมันกลับมาวิเคราะห์เป็นข้อมูลพื้นฐานเพื่อจะระบุว่า “ยังมีอะไรอีกบ้างที่เราควรปรับปรุงแก้ไขหรือพัฒนาให้ดีขึ้นได้ในอนาคต” เพราะการปิดหูปิดตาไม่รับฟังความเห็นจากลูกค้านั้นย่อมไม่ใช่วิถีของธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน แต่หัวใจคือเราต้องรับฟัง ตระหนักรู้ แล้วเร่งคิดหาวิธีการแก้ไข ซึ่งยิ่งเราคิดวิธีแก้ได้เร็วเท่าไร ก็หมายถึงความสำเร็จกำลังใกล้เข้ามามากขึ้นเท่านั้น ย
สิ่งเหล่านี้คือเกร็ดคิดง่ายๆ สำหรับคนที่กำลังคิดจะเปิดตัวสินค้าใหม่
อย่าลืมนะว่าการเปิดตัวไปให้ ‘เป็นที่จดจำ’ กับการเปิดตัวแบบ ‘เป็นกระแสดังชั่วครั้งชั่วคราว’ นั้น มันมีน้ำหนักและคุณค่าที่ต่างกันเยอะ !