ต่อไป »

[trudy]

เมื่อก่อนเราขายสินค้านำเข้า อินเวนทอรีประมาณ 3-4000 รายการค่ะ เหนื่อย ดูแลยาก ยิ่งพักหลังๆหั่นราคากันแรง สองปีที่แล้วเราจึงตัดสินใจโละอินเวนทอรีเก่าทิ้ง แล้วมองหาวิธีการขายในอเมซอนแบบยั่งยืน ทุกวันนี้เราไม่เหนื่อยเลย มีสินค้าอยู่ไม่กี่แบบ สั่งทำหลายๆสีหน่อย สั่งของทุกๆกลางเดือน แต่ละวันเริ่มทำงานบ่ายโมง ต้องทำให้เสร็จก่อนสี่โมงเย็น เพราะคูเรียจะเข้ามารับงาน ทำงานเสร็จก็อาบน้ำแต่งตัวรอทานข้าวกับสามี


เมื่อวานถามคูเรียถึงโวลุมของโกลบอลเมล ได้ความว่าปีนี้ลดลงมาก ลูกค้าบ่นกันว่าหั่นราคากันจนสู้ไม่ไหว  คู่แข่งที่ใช้ไปรษณีย์ไทยคงหันมาใช้ SAL เพราะค่าส่ง SAL จะถูกกว่าโกลบอลเมล ถ้าไม่ใช่ช่วงไฮซีซัน ระยะเวลานำส่งก็คงไม่ช้ากว่าพัสดุย่อยทางอากาศมากเท่าไหร่ คนที่ใช้โกลบอลเมลก็คงจะลำบาก

ตอนนี้ไปรษณีย์ไทยดีขึ้นเยอะ SAL ถ้าลงทะเบียน ถึง Spain แค่ 3 อาทิตย์ แต่อย่าใช้ shipping ของไทยนะคะ ไม่รู้ว่าช่วงนี้ มีปัญหาภายในอะไรหรือเปล่า เห็นเด็กที่เรียนกับสำนักหนึ่ง โดนเปิด ไป 12 cases มี trace ด้วย

[trudy]

กำไรต่อเดือน = กำไรต่อชิ้น x จำนวนที่ขายได้ x จำนวนตลาดที่วางขาย


สมการนี้ ทำให้เกิดสไตล์การขายหลายรูปแบบมาก

- บางคน กำไรต่อชิ้น สูงมาก / ขายไม่กี่ช้ินต่อเดือน ไม่ได้มีออเดอร์ทุกวัน / ขอขายตลาดเดียว

- บางคน กำไรต่อชิ้น กลาง / เน้นจำนวนที่ขายได้ / ขายตลาดเดียว

- บางคน กำไรต่อชิ้น น้อย / เน้นจำนวนที่ชายได้ให้สูงมากๆ / ขายตลาดเดียว


ส่วนเมือไหร่จะออกแนวอุตสาหกรรม ก็จะมีเป้าหมาย คือ

- กำไรต่อชิ้น ก็ต้องสูง / จำนวนขายก็ต้องมาก / ขายหลายๆตลาด

คือ พยายามพัฒนามันทุกตัวแปรให้มีค่าสุงให้หมด ส่วนใหญ่ก็ต้องจ้างลูกน้อง มาช่วยทำ
ตัวเองเป็นคนกำหนดงานให้ลูกน้องในการทำให้ตัวแปรทุกตัวมีค่าสูงทั้งหมด

แต่ถ้าโมเดลนี้ จะไปคอขอด ผลกำไรจะขึ้นกับ เรือง การบริหารพนักงาน ซึ่งในประเทศไทยตอนนี้
เป็นปัญหาใหญ่มาก


หลากหลายสไตล์ เลือกตามที่ใจชอบ ตามที่ตัวเองต้องการ ตามวัย ตามนิสัย

ขอบคุณนะคะที่มาให้คำแนะนำ เราก็ได้คำแนะนำจากคุณเรื่องการจ้างคนและการบริหารงาน ค่าแรงที่ควรจ่าย

[EINSTEIN]

กำไรต่อเดือน = กำไรต่อชิ้น x จำนวนที่ขายได้ x จำนวนตลาดที่วางขาย


สมการนี้ ทำให้เกิดสไตล์การขายหลายรูปแบบมาก

- บางคน กำไรต่อชิ้น สูงมาก / ขายไม่กี่ช้ินต่อเดือน ไม่ได้มีออเดอร์ทุกวัน / ขอขายตลาดเดียว

- บางคน กำไรต่อชิ้น กลาง / เน้นจำนวนที่ขายได้ / ขายตลาดเดียว

- บางคน กำไรต่อชิ้น น้อย / เน้นจำนวนที่ชายได้ให้สูงมากๆ / ขายตลาดเดียว


ส่วนเมือไหร่จะออกแนวอุตสาหกรรม ก็จะมีเป้าหมาย คือ

- กำไรต่อชิ้น ก็ต้องสูง / จำนวนขายก็ต้องมาก / ขายหลายๆตลาด

คือ พยายามพัฒนามันทุกตัวแปรให้มีค่าสุงให้หมด ส่วนใหญ่ก็ต้องจ้างลูกน้อง มาช่วยทำ
ตัวเองเป็นคนกำหนดงานให้ลูกน้องในการทำให้ตัวแปรทุกตัวมีค่าสูงทั้งหมด

แต่ถ้าโมเดลนี้ จะไปคอขอด ผลกำไรจะขึ้นกับ เรือง การบริหารพนักงาน ซึ่งในประเทศไทยตอนนี้
เป็นปัญหาใหญ่มาก


หลากหลายสไตล์ เลือกตามที่ใจชอบ ตามที่ตัวเองต้องการ ตามวัย ตามนิสัย

ขอบคุณนะคะที่มาให้คำแนะนำ เราก็ได้คำแนะนำจากคุณเรื่องการจ้างคนและการบริหารงาน ค่าแรงที่ควรจ่าย

ขอบคุณ trudy เหมือนกันนะครับ ที่เติมไฟในการทำงานออนไลน์ ให้ทุกคนตลอดเวลา
ถ้าไม่มีคุณ trudy บอร์ดนี้คงเป็นบอร์ด ประกาศทวงงาน บอร์ดกระทู้จุกจิก บอร์ดอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่น่าเข้ามาดูเลย
ผมตามอ่านกระทู้ ของ คุณ trudy เติมไฟตลอดเวลา

จะว่าไปตอนนี้ ก็เหลือคุณ trudy กับ คุณ April และคุณ tv6 คุณ dekjot แล้วก็อีก 2-3 ท่าน ที่มาเป็นวิทยาทาน ด้านขายของออนไลน์ให้แก่คนอื่น
โดยไม่คิดตังค์ ซึ่งสมัยก่อนมี แบบนี้มากทำให้วงการช่วงนั้นพัฒนาไปมาก

[invest]

กำไรต่อเดือน = กำไรต่อชิ้น x จำนวนที่ขายได้ x จำนวนตลาดที่วางขาย


สมการนี้ ทำให้เกิดสไตล์การขายหลายรูปแบบมาก

- บางคน กำไรต่อชิ้น สูงมาก / ขายไม่กี่ช้ินต่อเดือน ไม่ได้มีออเดอร์ทุกวัน / ขอขายตลาดเดียว

- บางคน กำไรต่อชิ้น กลาง / เน้นจำนวนที่ขายได้ / ขายตลาดเดียว

- บางคน กำไรต่อชิ้น น้อย / เน้นจำนวนที่ชายได้ให้สูงมากๆ / ขายตลาดเดียว


ส่วนเมือไหร่จะออกแนวอุตสาหกรรม ก็จะมีเป้าหมาย คือ

- กำไรต่อชิ้น ก็ต้องสูง / จำนวนขายก็ต้องมาก / ขายหลายๆตลาด

คือ พยายามพัฒนามันทุกตัวแปรให้มีค่าสุงให้หมด ส่วนใหญ่ก็ต้องจ้างลูกน้อง มาช่วยทำ
ตัวเองเป็นคนกำหนดงานให้ลูกน้องในการทำให้ตัวแปรทุกตัวมีค่าสูงทั้งหมด

แต่ถ้าโมเดลนี้ จะไปคอขอด ผลกำไรจะขึ้นกับ เรือง การบริหารพนักงาน ซึ่งในประเทศไทยตอนนี้
เป็นปัญหาใหญ่มาก


หลากหลายสไตล์ เลือกตามที่ใจชอบ ตามที่ตัวเองต้องการ ตามวัย ตามนิสัย

ขอบคุณนะคะที่มาให้คำแนะนำ เราก็ได้คำแนะนำจากคุณเรื่องการจ้างคนและการบริหารงาน ค่าแรงที่ควรจ่าย

ขอบคุณ trudy เหมือนกันนะครับ ที่เติมไฟในการทำงานออนไลน์ ให้ทุกคนตลอดเวลา
ถ้าไม่มีคุณ trudy บอร์ดนี้คงเป็นบอร์ด ประกาศทวงงาน บอร์ดกระทู้จุกจิก บอร์ดอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่น่าเข้ามาดูเลย
ผมตามอ่านกระทู้ ของ คุณ trudy เติมไฟตลอดเวลา

จะว่าไปตอนนี้ ก็เหลือคุณ trudy กับ คุณ April และคุณ tv6 คุณ dekjot แล้วก็อีก 2-3 ท่าน ที่มาเป็นวิทยาทาน ด้านขายของออนไลน์ให้แก่คนอื่น
โดยไม่คิดตังค์ ซึ่งสมัยก่อนมี แบบนี้มากทำให้วงการช่วงนั้นพัฒนาไปมาก

ผมขายของออนไลน์ให้ต่างชาติได้ก็เพราะเจ๊ trudy กับ เจ๊ april นี่แหล่ะครับ อ่านแล้วคิดแล้วนำไปใช้กับธุรกิจตัวเอง

[begin]

ถ้าเป็นสมัยเมื่อ10ปีที่แล้วก็ต้องขอขอบคุณคุณเอกอีเบย์อีกท่านหนึ่ง

[piggyd]

เพิ่ม คุณแอน อีกคนครับ

[zidit]

เพิ่ม คุณแอน อีกคนครับ

สุดยอดมากครับคนนี้

[i3ankboy]

เยี่ยมครับ อยากหาเงิน Online ได้เยอะๆจัง ตอนนี้ไม่ได้เลย อยู่กับ internet  มาสิบกว่าปีละ

[trudy]

หัวข้อน่าสนใจ แต่ดูเครียดนิดนะคะ ช่วยลดกำไรระดับแอดวานซ์ให้เริ่มต้นที่เดือนละ 30,000 ก่อนได้มั้ยคะ แค่มีรายได้นิ่งๆคงที่ทุกเดือนก็น่าจะว้านซ์แล้วนะ เดี๋ยวมือใหม่จะหมดกำลังใจกันไปก่อน ดูหัวข้อใน 12 ช่อง เราทำได้แค่ 3 ช่องเอง  legal, product, operation  อ้าวพึ่งรู้ตัวว่าเราไม่มี business foundation มือใหม่จงอย่าเครียด เราขายมาเป็นปีที่ 11 ยังทำได้แค่ 3 ช่อง รอเรียนจากเจ้โหด ถ้าทำได้ครบทุกช่องละ คำว่ามหาเศรษฐีไม่ไกลเกินเอื้อม

ตอนที่ลาออกจากงานมาขายออนไลน์ เราก็เครียดๆนะ เพราะไม่เคยค้าขายมาก่อนหรือที่เรียกว่าไม่มี business foundation  เราเริ่มจากการสร้างกำลังใจให้ตัวเอง บอกตัวเองว่า ไม่เป็นไรนะ บัญชีไม่เป็น การตลาดไม่เป็น แต่เราเชี่ยวชาญการดิ๊ฟและอินทิเกรต ทำ  math modelling  ก็ได้ ดูสิคนค้าขายซักกี่คนที่จะทำได้อย่างเรา พอหาจุดเด่นของตัวเองได้ กำลังใจมา เราก็ลุย เริ่มขายด้วยการตั้งเป้าให้ได้ออร์เดอร์ทุกวัน เป้ากระจิ๊ดริดมากเมื่อเทียบกับความสามารถในการดิ๊ฟของเรา   พอได้ออร์เดอร์ทุกวันตามเป้า ก็ตั้งเป้าหมายสูงขึ้นและสูงขึ้น  พอเป้าหมายเริ่มสูงขึ้น ต้องทำงานเยอะขึ้น เราก็เริ่มค้นพบคุณสมบัติของตัวเองอีกอย่างคือเราขี้เกียจทำงาน เราก็หาวิธีใช้ความขี้เกียจให้เป็นจุดแข็งในการแข่งขันทันที เราขี้เกียจตอบอีเมล เราจึงเขียน policies, seller comments ให้ดี ลงรายละเอียดสินค้าให้ครบ ลูกค้าจะได้ไม่ต้องเมลมาถาม เราเลือกใช้ชิปปิ้งเอกชน ให้ลูกค้าเช็กแทรกกิ้งเองจะได้ไม่ต้องเมลถาม    เราขี้เกียจที่จะต้องมานั่งปรับราคาบ่อยๆ เราก็เจรจาซื้อของให้ได้ถูกกว่าคนอื่น เจรจาค่าส่งให้ถูกกว่าคนอื่น แล้วตั้งราคาต่ำที่คนอื่นขายไม่ได้ เราก็ไม่ต้องมานั่งปรับราคาบ่อยๆ  เราว่าเราเขียนอธิบายในลิสติ้งดีแล้ว ก็ยังมีลูกค้าเมลมาอีก เราก็เลยสร้างระบบตอบคำถามแบบออโต้ไว้เลย ถามมาด้านไหน คลิกเลือกให้โปรแกรมสร้างเมลให้ ปรับแก้นิดหน่อยแล้วก็ก๊อบวาง เพราะขี้เกียจนั่งพิมพ์ตอบทีละเคส  ให้โปรแกรมทำ packing list แบบออโต้ให้  ส่งของทุกครั้งก็ขอบคุณลูกค้าและบอกว่าขอให้สนุกกับการชอปปิ้งที่อเมซอน  บอกเป็นนัยๆว่าให้ซื้อที่อเมซอนนี่แหล่ะ เพราะฉันขี้เกียจทำเวบของตัวเอง ลูกค้าก็แถมาชื่นชมว่าเราซื่อสัตย์กับอเมซอน สุดท้ายความขี้เกียจก็ช่วยให้เราได้ทำงานแค่วันละ 2-3 ชม. ฟินกันทั้งบ้านเพราะแม่บ้านแสตนบายทุกนาทีเพื่อคนในครอบครัว

ผมว่า การเปิดร้านที่ Amazon ที่เดียว เสี่ยงพอสมควรเลยนะครับ ไม่ใช่ซิ เสี่ยงมากเลยล่ะ อำนาจต่อรองอะไร อยู่ที่เขาหมด วันดีคืนดี เกิดอุบัติเหตุอะไร กับบัญชี รายได้หายไป แล้วสร้างช่องทางใหม่ขึ้นมาแทนตอนนั้น จะใช้เวลานาน ผมว่าควรสร้างช่องทางสำรองเอาไว้ดีกว่า ของผมเอง แม้ว่าร้านในอีเบย์ จะค่อนข้างมั่นคง ผมยังไม่ไว้ใจอีเบย์ง่าย ๆ เลย มีบัญชีในชื่อตัวเอง อีก 2 อัน คนอื่น อีก 2 อันสำรองไว้ กระจายความเสี่ยง ไปเปิดที่ etsy และมีเว็บของตัวเอง และวางแผนสร้าง Model ให้เหมาะกับอเมซอนอีก (เคยขายไปครั้งนึงแล้ว แต่ Model ที่ผมใช้กับอีเบย์ มันไม่เหมาะกับ Amazon ก็เลยปิดไว้ก่อน)
เรื่องลูกค้าก็เหมือนกัน หลาย ๆ คนชอบขายให้กับลูกค้าไม่กี่คน แล้วออเดอร์ใหญ่ ๆ แต่ผมกับชอบ ออเดอร์กลาง ๆ หลาย ๆ คนมากกว่า เพราะพวกออเดอร์ใหญ่ ๆ นี่ ข้อแม้ ข้อเรียกร้องเยอะ เราก็ต้องง้อเขา จนบางทีกำไรไม่มี เพราะว่าลูกค้าแบบนี้ หายไปคนนึงก็สะเทือนได้เหมือนกัน

ส่วนเรื่องความยุ่งยากในการดูแลเว็บ ผมว่าตอนนี้มี service หลาย ๆ ที่ ที่ไม่ยุ่งยากมากนะครับ แต่เปิดเป็นร้านสำรองไว้ ขายราคาเท่า ๆ กับ อเมซอนไว้นั่นแหละ อาจจะเสียค่ารายเดือน แต่บางที่ก็ให้เปิดได้ฟรี แต่เราก็ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม 20% เหมือนอเมซอน ไม่แน่ ถ้าขายได้อาจจะติดใน เพราะว่ากำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่าอเมซอนเยอะ

เราก็ทำคล้ายคุณ Dejkote ค่ะ มีช่องทางสำรองไว้ นอกจากร้านค้า บน eBay กับ Amazon ส่วนคุณ April07 เธอทำ deal กับ shipping ต่างประเทศรายใหญ่อยู่ หากสินค้ามีน้ำหนักเยอะ เธอจะได้เปรียบกว่าผู้ขายท่านอื่นที่ใช้การขนส่งด้วยไปรษณีย์ไทย ลูกค้าได้ของส่งเร็วและคนขายประหยัดค่าขนส่ง แต่บริษัทต่างประเทศเขาจะไม่ให้ rate ถูกๆ ต้องมีการให้ผู้จัดการมาที่บ้านมาดู stock สินค้า เราสามารถเสียค่าส่งให้เขาเดือนละ 5 แสน ถ้าลูกค้าบอกว่าไม่ได้ของ เดี๋ยวบริษัท Shipping พวกนี้เขาส่งตำรวจมาค้นที่บ้านลูกค้าเอง stock สินค้าอาจมีมูลค่า 10 ล้านบาท ขึ้นไป รอให้คุณ April07 มาให้รายละเอียดอีกที เพราะแต่ละปีเกณท์การให้ rate ค่าขนส่งของบริษัท shipping มีการเปลี่ยนตามเศรษฐกิจโลก และ performance ของคนขายค่ะ

ดังนั้นกำไรของคุณ April จะมาจากการลดต้นทุน ปัจจัยหนึ่งของความสำเร็จในการขายของ online คือการเลือก shipping ที่เชื่อถือได้ แต่หากน้องยังไม่มีเงินทุน เจ๊แนะนำให้ลงทะเบียนสินค้า และเพิ่มใบตอบรับสินค้าอีก 20 บาท หากสินค้ามีมูลค่าเกิน $150

การเลือกขายในช่องทางสำรอง เป็นการทำ protection อย่างหนึ่ง เพราะถ้าหากน้องขายสินค้าที่มี ปริมาณเยอะๆ การขายของบน Amazon หรือ ทำ Amazon FBA อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดเพราะต้องเสียค่าธรรมเนียมเยอะ และกันพวกชอบ Copy สินค้าทั้งร้าน การตัดราคา แต่น้องก็ต้องรู้จักหัดสื่อสารกับลูกค้าโดยทางอ้อม คือมาให้ซื้อของที่ช่องทางสำรอง โดยที่ลูกค้าได้ประโยชน์และไม่ฟ้อง Amazon หรือ eBay อันนี้ลองไปคิดเป็นการบ้านนะคะ เพราะมันมีคำตอบได้หลายอย่างค่ะ

[trudy]

กำไรต่อเดือน = กำไรต่อชิ้น x จำนวนที่ขายได้ x จำนวนตลาดที่วางขาย


สมการนี้ ทำให้เกิดสไตล์การขายหลายรูปแบบมาก

- บางคน กำไรต่อชิ้น สูงมาก / ขายไม่กี่ช้ินต่อเดือน ไม่ได้มีออเดอร์ทุกวัน / ขอขายตลาดเดียว

- บางคน กำไรต่อชิ้น กลาง / เน้นจำนวนที่ขายได้ / ขายตลาดเดียว

- บางคน กำไรต่อชิ้น น้อย / เน้นจำนวนที่ชายได้ให้สูงมากๆ / ขายตลาดเดียว


ส่วนเมือไหร่จะออกแนวอุตสาหกรรม ก็จะมีเป้าหมาย คือ

- กำไรต่อชิ้น ก็ต้องสูง / จำนวนขายก็ต้องมาก / ขายหลายๆตลาด

คือ พยายามพัฒนามันทุกตัวแปรให้มีค่าสุงให้หมด ส่วนใหญ่ก็ต้องจ้างลูกน้อง มาช่วยทำ
ตัวเองเป็นคนกำหนดงานให้ลูกน้องในการทำให้ตัวแปรทุกตัวมีค่าสูงทั้งหมด

แต่ถ้าโมเดลนี้ จะไปคอขอด ผลกำไรจะขึ้นกับ เรือง การบริหารพนักงาน ซึ่งในประเทศไทยตอนนี้
เป็นปัญหาใหญ่มาก


หลากหลายสไตล์ เลือกตามที่ใจชอบ ตามที่ตัวเองต้องการ ตามวัย ตามนิสัย

ขอบคุณนะคะที่มาให้คำแนะนำ เราก็ได้คำแนะนำจากคุณเรื่องการจ้างคนและการบริหารงาน ค่าแรงที่ควรจ่าย

ขอบคุณ trudy เหมือนกันนะครับ ที่เติมไฟในการทำงานออนไลน์ ให้ทุกคนตลอดเวลา
ถ้าไม่มีคุณ trudy บอร์ดนี้คงเป็นบอร์ด ประกาศทวงงาน บอร์ดกระทู้จุกจิก บอร์ดอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่น่าเข้ามาดูเลย
ผมตามอ่านกระทู้ ของ คุณ trudy เติมไฟตลอดเวลา

จะว่าไปตอนนี้ ก็เหลือคุณ trudy กับ คุณ April และคุณ tv6 คุณ dekjot แล้วก็อีก 2-3 ท่าน ที่มาเป็นวิทยาทาน ด้านขายของออนไลน์ให้แก่คนอื่น
โดยไม่คิดตังค์ ซึ่งสมัยก่อนมี แบบนี้มากทำให้วงการช่วงนั้นพัฒนาไปมาก

คิดว่าช่วยๆกันคะคนชอบTrudy ก็มี คนเกลียดก็เยอะ ดูดราม่าบน e Commerce เชียงใหม่นะคะ ก่อนจะทำ eBay Amazon ก็ไปหาข้อมูลในบอร์ด Thaiebayuser ก่อน ถามเพื่อนว่า ถ้าฉันจะทำ eBay Amazon ฉันต้องเน้นตรงไหนเป็นพิเศษ เพื่อนบอกว่าแก้ปัญหาลูกค้า มีแต่เสือ สิงห์ กระทิง แรด และต้องทำ performance ให้สูงกว่ามาตรฐาน

แต่เพื่อนก็บอกว่าน่าจะเอาตัวรอดได้ ก็เลยทำ เป็น Checklist ลูกค้าที่ไม่น่ารัก บน eBay กับ Amazon ว่าเราจะมีการป้องกันไม่ให้เกิดได้อย่างไร จะเขียนจดหมายตอบ case อย่างไร ให้ eBay และ Amazon เชื่อว่าเราพูดจริง
ประสบการณ์ลูกค้า ( ที่ไม่น่ารัก) wanwan009
1 ลูกค้าได้รับสินค้าแล้วแต่บอกว่าไม่ได้สินค้า
2 ลูกค้าซื้อสินค้าแต่ให้ส่งที่อยู่เพื่อนบอกว่าไม่ได้ของชื่อและที่อยู่บน ebay กับ Paypal ไม่ตรงกัน
3 ลูกค้าบอกสินค้าชำรุดแต่ไม่ยอมถ่ายรูปมาให้ดู
4 ลูกค้าให้ negative feedback เขียน comment เหมือนกัน แต่ซื้อสินค้าชนืดเดียวกันจากคนขายไทย 4 คน
5 ลูกค้าใช้ photoshop ตัดแต่งสินค้าว่ามีความเสียหาย
6 ลูกค้าซื้อของ 1 ชิ้น จ่ายเงินทันที ซื้อของ 1 ชิ้นจ่ายเงินทันทีแล้วก็เปิด case 10 case ว่าไม่ได้ของ
7 คู่แข่งให้เพื่อนมาซื้อแล้วให้คะแนน DSR ต่ำทุกหมวด
8 ลูกค้าย้ายที่อยู่แล้วไม่ยอมบอก
9 ลูกค้าไม่อยู่บ้าน ไม่ยอมไปเอาของที่ไปรษณีย์ พอบอกว่ามี Noticed left from a mail man เงียบ
10 ลูกค้าพวกกินหัวคิว พวกนี้จะรับฝากซื้อของจากคนในประเทศที่ไม่มี account ebay จะเปลี่ยนที่อยู่บน ebay และ paypal จากนั้นก็เปิด case หวังจะเอาเงินจากคนขายอีก
11 ลูกค้าทำลายสินค้าหลังจากใช้งานเสร็จเพื่อจะ claim ว่าของมีการชำรุด ต้องการเงินคืน พวกโคมไฟต่างๆ หลังจากจบคริสมาตร์ จะเจอบ่อย
12 ลูกค้าไม่ยอมจ่ายเงิน
13 ลูกค้าบอกสินค้าไม่ใช่ของแท้ แต่นำสินค้าเราไปขายต่อ บน website เชา ขอเงินคืนอีก ฉันจำรูปถ่ายฉันได้นะ
14 ลูกค้าบอกไม่สินค้าในซอง ให้ถ่ายรูปหน้าซองมาให้ดู ให้ negative feedback
15 ลูกค้าใช้สินค้าไม่ถูกวิธีขนาดเขียนวิธีใช้แปะหน้าซอง
16 ลูกค้าไม่ยอมอ่าน description ให้ดีว่าสินค้าที่สั่งมันเป็น size เล็กมีไม้บรรทัดทาบ และเขียนคำว่า small บนรูปและ บน title
17 ลูกค้าคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่น บอกว่าเธอหลอกคนอื่นได้แต่หลอกฉันไม่ได้
18 ลูกค้าที่ charge back บอกว่าลูกเอาบัครเครดิตไปใช้โดยไม่รู้ตัว
19 ส่งของไปแล้ว อีก 3 วันขอ cancel รายการ บอกว่าไม่ได้เพราะต้องส่งของภายใน 24 ชม ได้ของแล้วก็ให้ Negative Feedback บอกว่าคนขายไม่มี service mind
20 ลูกค้าเปิด case เร็วมากและไม่ยอมปิด case หลังจากได้รับสินค้าแล้ว คนขายต้องตามให้ปิดนะคะไม่งั้นจะโดน defect rate
21 ลูกค้าซื้อ ebay paypal จากคนอื่นมาและลืมเปลี่ยนที่อยู่ให้เป็นที่อยู่ของตน
22 ลูกค้ามีหลายบัญชี เอาไว้โกงโดยเฉพาะ เจ๊โหดจำแม่นโดยจะดูจากที่อยู่และชื่อเป็นสำคัญ ถ้าชื่อออกทางเวียตนามเตรียมใจไว้เลย
ส่วนก่อนทำ Amazon เราก็ไปดู  Comment ของคุณที่มีปัญหาบน Amazon คือต้องมานั่งตอบเมล์ตลอด ลูกค้าบน Amazon ก็เอาใจอยาก และ Amazon ลบ Negative Feedback ยากกว่า eBay
http://www.amazon.com/gp/help/...er/display.html?nodeId=1161258
Trudy เลยอ่านหัวข้อพวกนี้ในลำดับต้นๆ


สรุป ถ้าวางแผนตั้งรับมาดี ก็ไม่ค่อยมีปัญหา ไม่เคยโดนโกง ไม่เคยถูกเรียกเงินคืน ไม่เคยส่งของไปให้ใหม่ เพื่อแลกกับ Positive Feedback แถมลูกค้าโดนปิด account ไปหลายคน น้องๆจะได้รู้ว่าการวางแผนที่ดี จะทำให้ธุรกิจของเราไม่ขาดทุน และ เติบโตอย่างมั่นคง ในลำดับต่อไปนะคะ

[trudy]

กำไรต่อเดือน = กำไรต่อชิ้น x จำนวนที่ขายได้ x จำนวนตลาดที่วางขาย


สมการนี้ ทำให้เกิดสไตล์การขายหลายรูปแบบมาก

- บางคน กำไรต่อชิ้น สูงมาก / ขายไม่กี่ช้ินต่อเดือน ไม่ได้มีออเดอร์ทุกวัน / ขอขายตลาดเดียว

- บางคน กำไรต่อชิ้น กลาง / เน้นจำนวนที่ขายได้ / ขายตลาดเดียว

- บางคน กำไรต่อชิ้น น้อย / เน้นจำนวนที่ชายได้ให้สูงมากๆ / ขายตลาดเดียว


ส่วนเมือไหร่จะออกแนวอุตสาหกรรม ก็จะมีเป้าหมาย คือ

- กำไรต่อชิ้น ก็ต้องสูง / จำนวนขายก็ต้องมาก / ขายหลายๆตลาด

คือ พยายามพัฒนามันทุกตัวแปรให้มีค่าสุงให้หมด ส่วนใหญ่ก็ต้องจ้างลูกน้อง มาช่วยทำ
ตัวเองเป็นคนกำหนดงานให้ลูกน้องในการทำให้ตัวแปรทุกตัวมีค่าสูงทั้งหมด

แต่ถ้าโมเดลนี้ จะไปคอขอด ผลกำไรจะขึ้นกับ เรือง การบริหารพนักงาน ซึ่งในประเทศไทยตอนนี้
เป็นปัญหาใหญ่มาก


หลากหลายสไตล์ เลือกตามที่ใจชอบ ตามที่ตัวเองต้องการ ตามวัย ตามนิสัย

ขอบคุณนะคะที่มาให้คำแนะนำ เราก็ได้คำแนะนำจากคุณเรื่องการจ้างคนและการบริหารงาน ค่าแรงที่ควรจ่าย

ขอบคุณ trudy เหมือนกันนะครับ ที่เติมไฟในการทำงานออนไลน์ ให้ทุกคนตลอดเวลา
ถ้าไม่มีคุณ trudy บอร์ดนี้คงเป็นบอร์ด ประกาศทวงงาน บอร์ดกระทู้จุกจิก บอร์ดอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่น่าเข้ามาดูเลย
ผมตามอ่านกระทู้ ของ คุณ trudy เติมไฟตลอดเวลา

จะว่าไปตอนนี้ ก็เหลือคุณ trudy กับ คุณ April และคุณ tv6 คุณ dekjot แล้วก็อีก 2-3 ท่าน ที่มาเป็นวิทยาทาน ด้านขายของออนไลน์ให้แก่คนอื่น
โดยไม่คิดตังค์ ซึ่งสมัยก่อนมี แบบนี้มากทำให้วงการช่วงนั้นพัฒนาไปมาก

ผมขายของออนไลน์ให้ต่างชาติได้ก็เพราะเจ๊ trudy กับ เจ๊ april นี่แหล่ะครับ อ่านแล้วคิดแล้วนำไปใช้กับธุรกิจตัวเอง

เจ๊จะรอดูน้องๆ เติบโตไปอย่างมั่นคงนะคะ และเจ๊ก็ดีใจที่น้องช่วยตอบปัญหาเพือนๆ มีภาพประกอบด้วย

ส่วนน้องคนอื่น ไม่ต้องอายที่จะแสดงความคิดนะคะ ถ้าคำตอบไม่ตรง เจ๊จะแก้ให้ คำถาม ที่เคืองคือ ขายอะไร บอกหน่อยได้ไหม ขายหมวดไหน ตั้งราคาเท่าไหร่ เพราะถ้าน้องอยากเป็นผู้ประกอบการ เป็นนายตัวเอง น้องต้องทำ การบ้านตรงนี้มา

[April07]

อยากรู้จังเลยค่ะ ว่าคนที่ทำ ebay amazon รู้สึกยังไงกันบ้าง

[trudy]

เยี่ยมครับ อยากหาเงิน Online ได้เยอะๆจัง ตอนนี้ไม่ได้เลย อยู่กับ internet  มาสิบกว่าปีละ

การขายของ online บน ebay หรือ amazon เจ๊โหดคิดว่ามันสามารถเปลี่ยนเป็นรายได้ประจำนะคะ
แต่บ้านเราคิดว่าทำแล้วรวยเร็วเลิกทำก็เยอะ บางคนคิดว่าฉันไปเรียนกับกูรูหรือ ผู้เชี่ยวชาญหลายคน ค่าเรียนก็ 3 หมื่น up เรียนคอร์ส advance ด้วยนะ แล้วทำไมยังไม่เป็นนักขายเงินล้านสักที
คำตอบ ขอให้น้องมองไปที่กล่องดวงใจนะคะ เมื่อไปอบรม น้องอาจจะรู้
1)   Business Model เช่น Retailer ซื้อมาขายไป หรือ Dropship กูรูบอกว่าดีแต่ กูรูบอกไม่หมด ว่ามีข้อเสียอะไรบ้าง น้องต้องป้องกันตัวเองอย่างไร หากน้องคิดว่าเจอปัญหานี้แน่นอน ไปถามกูรูนะคะ ว่า แก้อย่างไร เช่นลูกค้าให้ negative feedback ด้วยความเข้าใจผิด น้องจะให้ amazon ลบ negative feedback ได้ อย่างไร Negative Feedback ของ amazon ลบยากกว่า ebay
2)   เรียน policy ว่าสินค้าอันไหนลงขายได้ หรือไม่ได้ อันนี้อบรมเสร็จต้องกลับมาอ่านตรงนี้ให้เยอะๆ
3)   งาน Admin คืองานธุรการ ห่อของแพคของส่งของ ถ่ายรูปสินค้า
4)   งาน Operation เป็นงานที่ต้องตอบเมล์ลูกค้า ศึกษาเมนูต่างๆ ลงขายให้ถูกหมวด เรียนรู้เครื่องมือต่างๆ
5)    อาจมี tips นิดหน่อย เช่นเทคนิกการถ่ายภาพ ทำภาพพื้นขาว

จะเห็นว่ายังมีอีก 8 เรื่องที่อยู่ใน Business Foundation ที่เป็นพื้นฐานที่ขาดไป ที่น้องจำเป็นต้องเตรียมตัว บางคนอาจต้องเตรียมตัวทั้ง 8 เรื่อง บางคนอาจไม่ต้องทำหมด ขึ้นอย่กับ ตัวสินค้า จุดแข็งของตนเอง และ รายได้ที่ได้รับว่าพึงพอใจหรือไม่


 ดังนั้นตอบคำถามข้างล่างให้ได้ทุกครั้งนะคะ ก่อนขายของ
1.) คู่แข่งของฉันมีใครบ้างที่ขายสินค้าเหมือนฉัน

 2.) คู่แข่งขายราคาที่เท่าไหรกันบ้าง
 3.) ถ้าฉันขายสินค้าตัวนี้  Rank Seller ของฉันจะเป็นเท่าไหร่ จะพบบน Amazon
 4.) กำไร/ 1 หน่วย
 5.) ใน 1 วัน  1 สัปดาห์ 1 เดือน ควรจะขายได้สินค้านี้กี่ชิ้น
 6.) ฉันจะทำสินค้าฉันไปติดหน้าแรกเป็น 1 ใน 3 อันดับแรกได้อย่างไร

[trudy]

ก่อนจะไปเรียนกับผู้เชี่ยวชาญ เจ๊อยากให้ น้องเช็คข้อมูลต่อไปนี้นะคะ จะได้ประโยชน์สูงสุด

ี
1 การศึกษาและประสบการณ์ทำงานของวิทยากร ไม่เอาเพื่อนใน facebook มาอวยกัน หรือ เอา ยอดเงินโอนจาก Amazon มาโชว์ เพราะมันเป็นการมองแค่ด้านเดียว

2 เนื้อหาที่จะสอน

3 สิ่งที่จะได้รับหลังจากที่อบรม ลองมาเปรียบเทียบ กับ ความรู้ที่น้องต้องการเสริมหรือไม่

4 ถ้าไม่มี 2-3 บอกว่า support ตลอดชีพ น้องก็จะไม่ได้อะไร เพราะถามไม่มีคนตอบ

5 เรียนแล้ว เอาเทคนิคนี้ไปใช้ขายได้เลย แต่ไม่แชร์เทคนิค มารู้ภายหลัง เทคนิคตรูนี่หว่า มีภาพมาให้ดูด้วย

ุุ6 ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีคนก็อยากเป็นคนสอน สายดำบ้าง สายเทาบ้าง โดนแบนไม่รู้กี่รอบ เช็คให้ดี

7 ค่าคอร์สหมื่นกว่า เรียนวันเดียว ขายได้ สามหมืนกว่า คืนทุนแล้ว

8 เด็กอายุ 17 มีกำไรจากการขาย amazon เดือนละ เจ็ดหมื่น ไปหาดูใน youtube แล้วกัน

9 ตอร์ส Amazon สอนโดยผู้เชี่ยวชาญ แต่ ผู้เชี่ยวชาญ Rank Seller อยู่อันดับที่ 19,000 กว่าๆ จากคนขายสินค้าประเภทนี้ เมื่อปีที่แล้วขายได้ ประมาณ 400 รายการ ปีนี้ ขายบน Amazon US และ Amazon UK ด้วย เหตุที่ผูเชี่ยวชาญขายได้น้อย เพราะมีคุ่แข่งหลักจากจีน และ การตั้งชื่อ Title ของผู้เชี่ยวชาญึ ยังผิดอยู่จึงดีง traffic ได้น้อย


การเลือกคนสอนก็เป็นปัจจัยหนึ่งนะคะ หาคนสอนให้น้องคิดเป็น เกิด idea จะดีกว่าค่ะ แต่ต้องขวนขวายเพิ่มด้วย

[iamtv6]

สวัสดีครับ

วิธีทำให้ผู้ประกอบการมีกำไรและมั่นคงอยู่นานใน Ebay Amazon คือ เอาตัวออกมาจาก Ebay AMazon แต่เอาสินค้าไว้ใน Ebay Amazon เหมือนเดืม

ทำสินค้าให้ดี แล้วสินค้า Brand คุณ จะมีคนช่วยเอาไปขายแทน

ตอนผมขายแรก ๆ ผมก็ดูคนข่ายเก่า ๆ
มองหาประสบการณ์ และ วิธีขายของเขา และพัฒนานาแนวทางของตัวเอง

พอโตเป็นคนขายหน้าเก่า ผมก็มองดูผู้ขายใหม่ ๆ ที่เริ่มมีเทคนิคใหม่ ๆ ผมก็เอามาใข้ นั้งดู ID คนอื่นโต

พอถึงจุดหนึ่ง ก็ควรจะมีสินค้า Brand เป็นของตัวเองได้แล้ว  ทำ Brand ให้ดีให้มีมูลค่า เดี๋ยวก็มีคนเอาไปขายใน Ebay หรือ Amazon เองครับ

เริ่มแรกเอาสินค้าคนอื่นมาขายขึ้นonline -----หลายปีผ่านไป มันควรจะเป็น ------------>คนอื่นเอาสินค้าเราไปขาย Online

ประมาณนี้นะครับ

[April07]

เราอาจจะมีความเห็นที่แตกต่างในการทำแบรนด์ สินค้าที่เราขายเป็นงานแฮนเมด เราให้ผู้ผลิตที่เค้าเชี่ยวชาญทำให้ ผู้ผลิตก็ทำขายให้ลูกค้าตัวเองด้วย เค้าขาย เราขายช่วยๆกันโปรโมทแบรนด์ ปี 2013 เราเข้ามาเปิดร้านขายในอีเบย์ ยอดขายพอใช้ได้ และได้ reseller มาหลายคน ตอนนี้เราขึ้นราคาขายในอีเบย์ ขายราคาสูงกว่าอเมซอน 20-30 เหรียญ เพราะเราอยากได้ออร์เดอร์จากอีเบย์ไม่เกิน 700 เหรียญ/วัน เราให้เบอร์ผู้ผลิตกับ reseller ให้ไปสั่งซื้อเองเพราะเราส่งให้ไม่ไหว แต่ reseller ก็ยังขอซื้อจากเราเหมือนเดิม  มันมีหลายจุดที่นำมาใช้ในการแข่งขันได้

ถ้าเราขายในอเมซอนด้วยวิธีการเหมือนๆคนอื่น ไปอบรม ได้ไฟล์สินค้าสามารถอัพโหลดขึ้นอเมซอนได้เลย เราได้ คนอื่นก็ได้ ผลก็คือเกิดการหั่นราคา
ช่วงนี้เราโฟกัสตลาดอเมซอน เราอยากรู้ว่าจะขายอย่างยั่งยืนได้ยังไงในตลาดที่แสดงสินค้าเรียงลำดับราคาจากน้อยไปมาก เราก็คิดหาวิธี แล้วก็ลองทำ แล้วก็สังเกตพฤติกรรมชาวเกาะไปด้วย

[wiroon]

ได้ความรู้เยอะเลย ชอบคำว่า กล่องดวงใจ ของคุณ trudy มาก

ขอบคุณครับ

 

[trudy]

ได้ความรู้เยอะเลย ชอบคำว่า กล่องดวงใจ ของคุณ trudy มาก

ขอบคุณครับ

 

มี 12 กล่องดวงใจ กับ 3 ลูกศร ยิงเข้า สู่กลางดวงใจของน้อง wiroon เจ๊จะอธิบาย 3 ลูกศรภายหลัง ซึ่งถ้าไม่มี 3 ลูกศร จะทำให้การขายของบน ebay amazon ยาก หากเกิดการแข่งขันสูง เศรษฐกิจไม่ดี

ขอไปนอนก่อนนะคะ

[mija]

ตามอ่านกระทู้ของเจ๊ทุกกระทู้ค่ะ 

[sajai]

  ขอบคุณค่ะ