รู้กันหรือยังครับว่า กลยุทธ์การตลาดแบบคอนเทนต์นั้นมีการเติบโตขึ้นจากปี 2014 ที่ผ่านมามากเลยทีเดียว เพราะหลายต่อหลายธุรกิจเริ่มให้ความสำคัญกับการผลิตคอนเทนต์มากขึ้น ด้วยการเพิ่มทั้งเวลา เพิ่มบุคลากร รวมไปถึงเพิ่มเม็ดเงินสนับสนุนด้านคอนเทนต์มากขึ้นกว่าที่เคย จำไว้ว่า! หากตอนนี้ธุรกิจของคุณยังไม่ได้คิดที่จะพัฒนาและใช้กลยุทธ์ทำการตลาดด้านคอนเทนต์แล้วละก็ ธุรกิจของคุณอาจตกยุคในไม่ช้า ดังนั้น คงถึงเวลาแล้วที่คุณต้องลงมือทำการตลาดแบบคอนเทนต์กันเสียที แต่ก่อนจะเริ่มลงมือทำนั้น หลายคนอาจเริ่มตั้งสงสัย ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี ? บทความนี้จึงขอแนะนำถึง 7 เครื่องมือห้ามพลาด ที่ช่วยให้การทำการตลาดแบบคอนเทนต์ในปี 2015 เป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น ใครที่อยากทำคอนเทนต์ยิ่งห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง!
เครื่องมือแรก Buzzsumo : เครื่องมือระดมความคิดและวิเคราะห์ด้านการทำคอนเทนต์ตัวเครื่องมือ Buzzsumo นั้นเป็นเครื่องมือที่คุณสามารถนำมาใช้วิเคราะห์คอนเทนต์ของคู่แข่งหรือเนื้อหาที่กำลังเป็นกระแสนิยมได้ และยังสามารถดูจำนวนการแชร์เนื้อหานั้น ๆไปยัง Socail Media ในช่องทางต่างๆ อีกทั้งยังรู้ทันถึงคู่แข่งทางธุรกิจของคุณได้อีกด้วย
ความสามารถของ Buzzsumo- ค้นหาเนื้อหาต่างๆ ที่นำมาใช้เป็นหัวข้อเรื่องร่วมกันมากที่สุด
- ดูจำนวนการแชร์บทความนั้นไปยังช่องทางต่างๆได้
- ระบุ Keyword ที่ใช้ร่วมกันในบทความได้
- สามารถสร้างการแจ้งเตือนเนื้อหาที่ต้องการ จากช่องทางต่างๆ
- เรียกใช้รายงานการวิเคราะห์เนื้อหาสำหรับนำมาตั้งชื่อหัวข้อหรือตั้งเป็นโดเมนเนมให้กับเว็บไซต์ได้
โดยรวมส่วนตัวคิดว่า เป็นเครื่องมือที่ง่ายในการค้นหาข้อมูลอย่างยิ่งเพราะ รองรับการค้นหาภาษาไทยได้ดีพอสมควร เหมาะกับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการวิเคราะห์คอนเทนต์ของคู่แข่งหรือวิเคราะห์ความนิยมของตัวเนื้อหาสามารถทำได้เองทันที Buzzsumo มีรุ่นทดลองให้ใช้กันฟรีๆ แต่ถ้าอยากได้ฟังก์ชั่นความสามารถครบครันก็ต้องเสียค่าบริการกันเล็กน้อยครับ
เครื่องมือที่สอง Penflip : เป็นเครื่องมือสำหรับการสร้างเนื้อหาถ้าคุณกำลังทำด้านงานเขียนคอนเทนต์แล้วละก็ เครื่องมือตัวนี้จะสามารถช่วยให้การทำงานของคุณเป็นเรื่องง่ายขึ้นมากเลยทีเดียวครับ โดย Penflip นั้นใช้สำหรับการจัดรูปเล่มให้เนื้อหาทั้งแบบบทความสั้น หรือ เนื้อหาอย่างยาว อีกทั้งยังจัดทำออกมาเป็นรูปเล่มของหนังสือได้อีกด้วย
ความสามารถของ Penflip- ทำงานด้านการจัดแยกหมวดหมู่เนื้อหาทั้งแบบบทความสั้นและเนื้อหาประเภทหนังสือที่มีเนื้อหาซับซ้อน
- ในกรณีที่ทำงานเป็นทีม สามารถแบ่งปันและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ทันที
- เพิ่มรูปภาพและใส่ลิงค์เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ต่างๆ ได้ง่าย
- จัดแบ่งเนื้อหาออกเป็นบทย่อย
- สามารถเพิ่มความคิดเห็นและดูประวัติการแก้ไขของผลงานได้
โดยรวมมีความเห็นว่า เครื่องมือตัวนี้ช่วยให้การทำบทความหรือจัดรูปเล่มหนังสือทำได้สะดวกรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถทำออนไลน์อีกด้วย เหมาะสำหรับคนทำงานด้านคอนเทนต์ห้ามพลาดครับ
เครื่องมือที่สาม Scripted : เครื่องมือสำหรับการจัดจ้างโกสต์ไรเตอร์ นักเขียนอาชีพในเงามืด เชื่อว่าทุกคนไม่ได้มีเวลาหรือความสามารถในการเขียนบทความ เพื่อโพสต์ลงบล็อกหรือลงช่องทางต่างๆ ของคุณอยู่เป็นประจำอย่างแน่นอน ดังนั้น เครื่องมือ Scripted จะสามารถช่วยคุณจัดจ้างโกสต์ไรเตอร์หรือนักเขียนอาชีพ มาช่วยคุณเขียนเนื้อหาต่าง ๆ ได้นั่นเองครับ
โดยบริการของ Scripted นั้นทำได้ง่ายๆ ด้วยการที่คุณลงทะเบียนบนหน้าเว็บไซต์ Scripted
- แล้วทำการเขียนไกด์ไลน์เนื้อหาที่ต้องการไว้
- เลือกนักเขียนที่ต้องการ
- จากนั้นรอ 5 วันทำการคุณก็จะได้คอนเทนต์ต่าง ๆ
ซึ่งก็มีรูปแบบการให้บริการที่หลากหมายมาก อาทิเช่น บล็อกโพสต์ ไวท์เปเปอร์ หน้าเว็ปไซต์ ข้อความทวีต เฟสบุ๊คโพสต์ รวมไปถึงข้อมูลรายละเอียอดของสินค้าและบริการของคุณก็ยังสามารถเลือกใช้บริการได้เช่นกัน
เครื่องมือที่สี่ Trello เครื่องมือสำหรับโครงการต่าง ๆ ขององค์กร Trello เป็นเครื่องมือที่ดีมากสำหรับจัดการเนื้อหาด้านคอนเทนต์ที่เป็นโครงการใหญ่ ซึ่งจำเป็นจะต้องมีทีมงานมากกว่าหนึ่งคนเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยมีแตกต่างไปจากแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์การจัดการโครงการตัวอื่นอยู่พอสมควรตรงที่ใช้งานได้อย่างเงียบง่าย และทำให้การทำงานร่วมกันในองค์กรมีความลื่นไหลยิ่งขึ้นครับ
ความสามารถของ Trello- สามารถตั้งสถานะแบ่งกลุ่มทำงานของเนื้อหาได้อย่างชัดเจน
- เชิญผู้อื่นเข้ามาเป็นทีมงานในการทำงานร่วมกันได้
- สามารถอัพโหลดไฟล์ แชร์ลิงค์ หรือรายการสิ่งที่ต้องทำ รวมถึงสามารถแสดงความคิดเห็นลงไปได้ทันที
โดยรวมมีความเห็นว่า เครื่องมือตัวนี้ช่วยให้เห็นภาพรวมของการทำงานแบบทีมยิ่งขึ้น อีกทั้งยังทำงานได้ง่ายขึ้นมาก เหมาะสำหรับองค์กรหรือทีมงานคอนเทนต์ที่ต้องทำงานร่วมกัน ควรใช้อย่างยิ่งครับ
เครื่องมือที่ห้า Edgar : เครื่องมือช่วยเหลือสำหรับการจัดการสื่อโซเชียล หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องคอยดูแลเนื้อหาและโพสต์อัพเดตข้อมูลลงโซเชียลช่องทางต่างๆ มากมายอยู่ตลอดนั้น เชื่อว่าคุณจะต้องชอบกับ edgar อย่างแน่นอนครับ
ความสามารถของ edgar- สามารถจัดหมวดหมู่ของข้อความที่จะใช้โพสต์ในสื่อโซเชียลได้
- สามารถนำข้อความเก่าที่เคยโพสต์ไปแล้วกลับมาปรับปรุง โพสต์แบ่งปันใหม่อีกครั้งด้วย
โดยรวมมีความเห็นว่า เหมาะสำหรับ บุคคลที่ต้องแชร์ข้อความไปยังโซเชียลช่องทางต่างๆ ควรใช้เครื่องมือนี้ครับ
เครื่องมือที่หก Zemanta : เครื่องมือสำหรับโปรโมทเนื้อหา หลังจากคุณมีคอนเทนต์ที่ดีแล้ว ก็เหลือเพียงแต่ต้องกระจายเนื้อหาออกไปให้มากที่สุดนั้นเอง โดย Zemanta เป็นตัวกลางที่จะช่วยจัดส่งเนื้อหาของคุณไปยังเว็บไซต์พันธมิตรยอดนิยมต่าง ๆ ให้อย่างเสร็จสรรพ
ความสามารถหลักๆ ของ Zemanta ก็คือ มีการจัดการกับข้อความเนื้อหาต่างๆ ได้ดี จากนั้นคุณสามารถกำหนด กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้คอนเทนต์เหล่านั้นไปแสดงผล Zemanta จะทำการจัดการโปรโมทให้คุณเองขึ้นอยู่กับงบประมาณที่ตั้งไว้ครับ
เครื่องมือที่เจ็ด Streak : เครื่องมือที่ช่วยขยายบริการเชิงรุกและโปรโมชั่นของคุณส่งตรงถึงลูกค้า อีกเครื่องมือฟรีสุดเจ๋ง! เครื่องมือสุดท้าย streak เป็นแพลตฟอร์ม CRM ที่ทำใน Gmail โดยเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถประชาสัมพันธ์เนื้อหาโปรโมทชั่นของคุณ ไปยังรายชื่ออีเมล์ลูกค้า ด้วยการสร้างแบบฟอร์มโปรโมชั่นต่างๆ ซึ่งสามารถส่งไปยังอีเมล์หลายๆแพลตฟอร์มอย่างงายดายเพียงไม่กี่คลิ๊กนั่นเอง
รู้กันหรือยังครับว่า “7 เครื่องมือห้ามพลาดปี 2015 ใครอยากทำการตลาดคอนเทนต์ต้องรู้!” แต่ละเครื่องมือนั้นมีความสามารถมากขนาดไหน รับรองว่า หากคุณเลือกเครื่องนี้เหล่านี้มาใช้งานแล้วนั้น การทำการตลาดด้านคอนเทนต์ของคุณจะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นอย่างเหลือเชื่อเลยละครับ
บทความนี้นำมาจาก ACCESSTRADE BLOG เชื่อว่าต้องเป็นประโยชน์กับทุกท่านได้อย่างแน่นอนครับ
เครดิต