เจ้าพ่อเสิร์ชเอนจิ้นแชมป์ผู้ทำเงินสูงที่สุดในตลาดโฆษณาออนไลน์อย่างกูเกิล (Google) ประกาศเปิดตัวโครงการทดลองบริการใหม่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐฯ โดยบริการนี้จะเปิดให้ชาวออนไลน์สามารถจ่ายเงินเพื่อให้โฆษณาบนเว็บไซต์โปรดหายลับไปไม่รกสายตา
บริการนี้มีชื่อว่า “Google คอนทริบิวเตอร์ (Google Contributor)” จุดยืนของบริการนี้คือการอาสาเป็นช่องทางให้ชาวออนไลน์สามารถจ่ายเงินสนับสนุนเว็บไซต์ที่ชื่นชอบ ซึ่งจะได้รับสิทธิ์ในการอ่านเว็บไซต์แบบไร้โฆษณาเป็นการตอบแทน เบื้องต้น บริการนี้นำร่องกับเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Mashable และ The Onion
กูเกิลอธิบายความเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่า เป็นการทดลองเพิ่มทางเลือกในการสรรหาทุนดำเนินงานให้เว็บไซต์ โดยเมื่อเงินสนับสนุนถูกส่งถึงผู้สร้างเว็บไซต์ใด เว็บไซต์นั้นจะแสดงข้อความขอบคุณหรือ thank you message ในพื้นที่ที่แสดงโฆษณาตามปกติ
กูเกิลระบุว่า การแสดงข้อความขอบคุณเหล่านี้เป็นการระลึกถึงแรงสนับสนุนที่ได้รับ โดยผู้อ่านที่สนใจสามารถเลือกตั้งค่าชำระเงินสนับสนุนรายเดือนซึ่งมีราคาตั้งแต่ 1-3 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 32-96 บาท
นอกจาก Mashable และ The Onion ยังมีเว็บไซต์เผยแพร่ข่าวสารความรู้น่าสนใจอีก 10 เว็บไซต์ที่ร่วมทดลองในโครงการนี้กับกูเกิล ได้แก่ WikiHow, imgur, Urban Dictionary และ Science Daily
อย่างไรก็ตาม กูเกิลยังไม่เปิดเผยรายชื่อเว็บไซต์พันธมิตรในอนาคตที่ผู้อ่านจะสามารถร่วมชำระเงินสนับสนุนได้เพิ่มเติม ขณะเดียวกันก็ยังไม่ให้รายละเอียดส่วนแบ่งรายรับระหว่างเว็บไซต์และกูเกิล ทำให้ยังไม่มีความชัดเจนว่ากูเกิลคิดค่าดำเนินการแพลตฟอร์มบริจาคนี้ในสัดส่วนเท่าใด
สำหรับการทดลองครั้งนี้ รายงานระบุว่าเกิดขึ้นเฉพาะกับเว็บไซต์ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น และผู้ที่สามารถทดลองใช้บริการ Contributor จะต้องได้รับคำเชิญเช่นเดียวกับบริการอื่นๆ ที่กูเกิลดำเนินการทดสอบ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กูเกิลพยายามนำบริการระดมเงินสนับสนุนมาใช้กับโลกออนไลน์ ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา กูเกิลเคยเปิดตัวบริการ “แฟน ฟันดิ้ง ฟอร์ ยูทิวบ์ (Fan Funding for YouTube)” ซึ่งสามารถระดมเงินจากผู้ชมวิดีโอได้มากกว่า 500 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 15,000 บาทให้กับช่องวิดีโอหรือ video channel ที่ได้รับความนิยม โดยการบริจาคเงินจะทำผ่านบริการกระเป๋าเงินออนไลน์ “Google วอลเล็ต (Google Wallet)” ผู้มีสิทธิ์บริจาคในครั้งนั้นจะต้องเป็นชาวออสเตรเลียน อเมริกัน แม็กซีกัน และญี่ปุ่น
http://www.manager.co.th/cyber...News.aspx?NewsID=9570000134386