[Forex] รวยเร็วเสี่ยงมาก กับ รวยช้าเสี่ยงน้อย เลือกแบบไหนดี

   นักลงทุนทุกคนที่ก้าวขาเข้ามาในตลาดForex โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะคิดและคาดหวังว่าตลาดForexนั้น จะสามารถสร้างผลกำไรที่มากมายเป็นกอบเป็นกำได้ในระยะเวลาอันสั้น ด้วยจำนวนเงินลงทุนที่ไม่ต้องสูงมากก็ได้ ผมขอบอกได้เลยว่าตลาดนี้ไม่หมูนะครับ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด การทำกำไรสูงๆหรือทำให้พอร์ตการลงทุนโตขึ้นได้ 2-3 เท่า ในForex ด้วยระยะเวลาสั้นๆเพียง หนึ่งคืน,หนึ่งสัปดาห์ หรือ หนึ่งเดือน ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรในตลาดแห่งนี้ครับ แต่ว่ามันจะยั่งยื่นหรือเปล่าครับ อันนี้เป็นเรื่องที่หน้าคิดมากๆ นักลงทุนที่คาดหวังผลกำไรสูงๆในเวลาอันสั้น แต่ยังขาดซึ่งความรู้ความเข้าใจและการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนที่ถูกต้อง สุดท้ายก็ต้องหลุดออกจากตลาดก่อนเวลาอันควร

รวยเร็วเสี่ยงมาก สุดท้ายไม่เหลืออะไรเลย

   นักลงทุนที่เพิ่งเข้ามาในตลาดนี้ หรือ นักลงทุนส่วนใหญ่เลย มักจะอยู่ในกลุ่มนี้ คือ ต้องการเข้ามากอบโกยกำไร ทำยังไงก็ได้ขอแค่ให้ได้กำไรเยอะที่สุดเป็นพอ จึงเทรดแบบไม่ลืมหูลืมตา สิ่งที่ตามมาคือความเสี่ยงที่สูงขึ้น จะเห็นได้จากการปรับ Lot ที่สูงเกินความจริง โดยที่ไม่คำนึงถึงเงินในพอร์ต เช่น เงินในพอร์ตมีอยู่ 300 USD แต่เลือกใช้ Lot 1 เนื่องจากความโลภกำลังเข้าครอบงำ คิดแต่ว่าด้วย Lot ขนาดนี้ ขอแค่ไม่กี่ pip ก็รวยแล้ว ผมเห็นกรณีแบบนี้เยอะมากๆครับ มีหลายคนทำกำไรได้ครับ แต่ส่วนใหญ่จะได้กำไรอยู่แค่วันสองวัน สุดท้ายเงินในพอร์ตก็ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ หรือที่เลวร้ายกว่านั้นก็ล้างพอร์ตไปเลยตามระเบียบ แล้วก็มาโวยวายโทษตลาดไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ บางคนโทษแม้กระทั่งโบรกเกอร์ที่ตัวเองใช้งานอยู่โกง ก็ตลกดีเหมือนกันครับ(^_^) โทษทุกอย่างแต่ไม่โทษตัวเอง

   สาเหตุจริงๆแล้ว ล้วนเกิดจากการที่ไม่มีการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนที่ถุกต้องทั้งนั้นครับ หรือไม่มี Money Management ที่ดีนั่นเอง การเล่นด้วย Lot สูงๆในตลาด Forex มันทำให้เราสามารถสร้างผลกำไรที่สูงได้ก็จริง แต่มันจะตามมาด้วยความเสี่ยงที่สูงขึ้น กำไรที่ได้มาจึงอยู่กับเราได้ไม่นาน ได้มาเดี๋ยวก็เสียไป ได้ๆเสียๆ เทรดแบบพึ่งดวงพึ่งโชคชะตาไปวันๆ เหมือนกับการโยนเหรียญโอกาสออกหัวและก้อยเท่าๆกัน ซึ่งการทำแบบนี้ เราจะไม่นับเป็นการลงทุน เราจะเรียกการทำแบบนี้ว่าเป็นการพนัน

รวยช้าเสี่ยงน้อย ค่อยๆเทรดค่อยๆรวย

   ใจเย็นๆ และ เทรดอย่างมีสติ สำหรับการลงทุนในตลาด Forex น้อยคนนักที่จะทำได้ยาวๆ ส่วนใหญ่จะทำได้แป๊บเดียวแล้วก็หลุด กลับมาเทรดอย่างบ้าระห่ำอย่างเช่นเคย แต่ถ้าเราสามารถเทรดด้วยความใจเย็น เทรดด้วยความรอบคอบไม่ขาดสติ มีการศึกษาสถานการณ์ในปัจจุบันของตลาดมาอย่างดีก่อนที่จะเข้าเทรด และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ เทรดภายใต้การบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนที่ถูกต้องด้วย ความเสี่ยงที่มีก็จะลดน้อยลง และเราสามารถควบคุมมันได้ มีนักลงทุนมากมายหลายคนที่ลงทุนด้วยเงินเพียงหลัก 100 USD แต่ต้องการกำไรถึงวันละ 30–50 USD ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จะสูงถึง 30-50 % ของเงินทุนเลยทีเดียว ซึ่งสูงมากๆและเสี่ยงสุดๆ เพราะการที่จะได้กำไรขนาดนั้นด้วยต้นทุนแค่นี้ ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงจากการปรับLotที่สูงเกินจริง ถ้าได้ก็ดีแต่ส่วนใหญ่มักจะไม่ได้ ถึงได้ก็ได้ไม่นาน เนื่องจากนักลงทุนบางคนที่เทรดแบบเกินตัว แล้วสามารถทำกำไรได้ มักจะเกิดความมั่นใจและคิดว่ามันง่ายไม่เห็นยากเลย จึงเทรดแบบเกินตัวซ้ำไปอีกเรื่อยๆ จนสุดท้ายโชคชะตาก็ไม่เข้าข้าง จากได้กลายเป็นเสียในที่สุด

   ลองมาปรับมุมมองเรื่องการทำกำไรกันใหม่ เริ่มจากใช้ Lot ให้พอดีกับเงินลงทุน ซึ่งขนาด Lot ยอดฮิตที่นิยมใช้กันคือ เงินต้นหารด้วย10000 เช่น เงินต้น 100 USD ขนาด Lot ที่ควรใช้คือ 100/10000 = 0.01 แล้วก็เปลี่ยนความคิดเรื่องกำไรที่ต้องการจะได้ จากเดิมที่มองเม็ดเงินเป็นหลัก ก็มองใหม่ในรูปแบบของเปอร์เซ็นต์ที่สมเหตุสมผลกับต้นทุน สมมติว่าต้นทุนที่ 100 USD ก็ตั้งเป้าหมายใหม่เป็น 5% ต่อเดือนแทน(***ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละบุคคล แต่ควรอยู่บนพื้นฐานที่สมเหตุสมผล ไม่โอเวอร์จนเกินไป***) ซึ่ง 5% ของเงิน 100 USD เท่ากับ 5 USD เท่านั้น ตัวเงินที่ได้อาจจะดูน้อยนะครับ แต่อย่าทำเป็นเล่นไป 5% ทบต้นไปเรื่อยๆในเวลา 10 ปี ด้วยเงินเพียง 100 USD ก็จะกลายเป็นเงินที่มากมายมหาศาล ลองคิดดูเล่นๆจากสูตรนี้ก็ได้ครับ เงินต้น*(1+%ของกำไรที่ต้องการต่อเดือน/100)^จำนวนเดือน ถ้านำมาคำนวณจากต้นทุน 100 USD กำไรเดือนละ 5 % ในระยะเวลา 10 ปี(120 เดือน) ก็จะได้ 100*(1+5/100)^120 = 34891.2 USD โดยประมาณ ซึ่งผลตอบแทนในช่วงแรกอาจจะดูน้อยไปหน่อย แต่ถ้ามองกันในระยะยาวแล้ว ก็ค่อนข้างที่จะคุ้มค่ากับการรอคอย

   เงิน 100 USD ถ้านำไปฝากธนาคารรอกินดอกเบี้ย ด้วยระยะเวลา10ปีเท่ากัน ไม่มีทางได้ผลตอบแทนมากเท่านี้แน่ๆ แต่การที่จะทำแบบนี้ได้ ต้องอาศัยความอดทนสูงมากๆในช่วงแรก เพราะต้องทนต่อความกดดันจากตัวนักลงทุนเอง และทนต่อความกดดันจากเสียงรอบข้างที่เข้ามาในหัว เนื่องจากกำไรที่ได้ค่อนข้างน้อย พอได้ยินเสียงจากคนรอบข้างที่สามารถทำกำไรได้มากกว่า ก็อาจจะเกิดความโลภได้ จนจิตหลุดในที่สุด ไม่ทำตามแผนที่วางเอาไว้ กลับไปเทรดแบบใช้อารมณ์และความรู้สึกแบบเดิม สุดท้ายก็ต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ T_T ที่ผมอยากให้เปลี่ยนมุมมองเรื่องผลตอบแทน ก็เพื่อที่เราจะได้ไม่กดดันจนเกินไป ลองคิดให้เยอะๆครับ คิดให้มากขึ้นว่าเทรดแบบไหนมันยั่งยืนกว่ากัน แต่ต้องอย่าลืมว่าต้องเทรดอยู่บนพื้นฐานที่ถูกต้องด้วย Money Management ต้องมี Stop Loss ก็ขาดไม่ได้ เพื่อบริหารจัดการและควบคุมความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ส่วนเรื่องเทคนิคนั้นก็ตามสไตล์ของแต่ละคนเลยครับ

สรุป

   ไม่ว่าจะเลือกเทรดในสไตล์ไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ความรู้ด้านการลงทุน เพราะถ้าคิดจะอยู่ในตลาดหุ้นให้ได้นานๆ โดยเฉพาะตลาดForexด้วยแล้ว ความรู้เรื่องการลงทุน และข่าวสารทางเศรษฐกิจต่างๆรอบโลก เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เด็ดขาด ต้องเรียนรู้ และปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ปัจจุบันเสมอ อย่าคิดว่าสิ่งที่รู้เพียงพอแล้วต่อการอยู่รอดในตลาดแห่งนี้แล้ว ต่อให้คุณไร้ความโลภ แต่ถ้าคุณขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง สุดท้ายมันก็ไปไม่รอดอยู่ดี คนเก่งๆในตลาดนี้ตายมาเยอะแล้วครับ เพราะอีโก้ในตัวสูง คิดว่าตัวเองเก่งแล้ว จึงไม่คิดเปิดใจรับความรู้ใหม่ๆอะไรเลย เหมือนน้ำที่ล้นเต็มแก้ว สู้ทำตัวให้เป็นน้ำครึ่งแก้วดีกว่า เปิดใจที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา เมื่อคุณมีความรู้บวกกับมีรูปแบบและมุมมองด้านการลงทุนที่ถุกต้องแล้ว ความรวยมันจะหนีไปไหนได้ละครับ