คู่แข่งเราไม่ใช่ลูกค้ารายใหญ่ของ DHL คนนี้หรอกค่ะ
คู่แข่งเราจัดเป็นรายเล็ก สต๊อกสินค้าน่าจะไม่เกิน 5 ล้าน อยู่ในระดับที่เราพอก๊อบได้ ค่าส่งก็แพงกว่าเรา
แต่ในจังหวะการหั่นราคาเราก็หั่นๆหลอกๆด้วย บางครั้งก็แกล้งยอม ทิ้งไว้เป็นเดือนๆ พอเค้าเห็นว่าเราหยุดหั่น เค้าก็จะสต๊อกมากขึ้น ผ่านซักเดือนสองเดือน เราก็กลับมาหั่นราคาต่อ หั่นรอบสองนี้มีเป้าหมายคือบีบให้คู่แข่งทำ FBA ต้องคำนวณราคาที่จะหั่นให้ถูก ให้คู่แข่งเห็นว่า FBA จะช่วยให้เค้าสู้กับเราได้ ตอนนี้เราก็รอๆ อย่างเดียว พอสินค้าคู่แข่งไปที่ FBA เยอะๆ รอบสุดท้ายเราจะหั่นกระจาย เพื่อบีบให้เค้าขายราคาถูก
ช่วงแรกที่คู่แข่งกดราคาสินค้าที่ซ้ำกันลงต่ำมาก เพราะเค้ามีสินค้าที่ไม่ซ้ำกับเราจำนวนมาก สินค้าตัวอื่นก็ได้กำไรดี ดังนั้นสินค้าที่ซ้ำกับเราเค้าจึงทำกำไรน้อยๆได้ สินค้ารายการอื่นๆของเค้าก็เป็นสินค้าที่ขายดี เราจึงก๊อปมาทั้งหมด ถือว่าแฟร์ๆ เค้าเองก็เอาสินค้าขายดีจากเราไป เราเองก็เอาสินค้าขายดีจากเค้ามา
บางครั้งที่เราโพสต์ข้อมูลต่างๆ เราก็อยากให้คู่แข่งได้อ่านด้วย แฟร์ๆ เราเองก็ได้ข้อมูลของเค้าจากบริษัทผู้ผลิตและบริษัทชิปปิ้งมาแบบไม่เหนื่อย
ก็โพสต์บอกหลายครั้งแล้วว่าเราไม่ใจดีเหมือนเจ้โหดซักเท่าไหร่ ออกจะขี้หงุดหงิดด้วยซ้ำ
ถ้าไม่ใช้เจ้าใหญ่ ก็คงจะสู้รบกันจนเบื่อกันไปเองครับ
แต่ถ้าเป็นเจ้าใหญ่ ทำ Import ไป USA ผมว่าก็ยอมเถอะครับ
เพราะเขาคงไม่ได้มีที่ปล่อยของเฉพาะใน Amazon อาจจะมีแหล่งอื่น ๆ ที่ไว้ปล่อยและกระจายสินค้าของเขาเอง
ผมรู้จักเจ้าของโรงงานสินค้าชนิดหนึ่งที่มีคนเอาสินค้าเขาไปขายที่ อเมซอน
ปีที่แล้วผมถามและเปิดหน้า Amazon ให้เขาดูว่า มีคนเอาสินค้าพี่ไป Stock ที่ อเมซอนนะ
เขาก็บอกว่ามีคนเอาไปขายที่เมกาซึ่งเขาก็รู้และติดต่อกันมานาน
ผมก็ถามแบบตรง ๆ ว่า ตระกูลพี่จบนอก จบเมกากันหมด ทำไมไม่ส่งไปขายเอง ปล่อยให้ Trader มาหาผลประโยชน์ทำไม
ผมรู้จักเจ้าของโรงงานมาหลายปี อยากทำมาก ๆ อยากขอเป็นคนส่งไปขายต่างประเทศมาก ๆ
แต่สุดท้าย ก็ไม่ได้ทำและเขาก็เบื่อผมตื้อเบื่อผมขอและวันหนึ่งก็ให้เหตุผล ซึ่งผมก็เข้าใจและไม่ดื้อที่จะทำอีกเลย
ซึ่งพี่เขาบอกว่าสินค้าของเขาเขารู้ดีว่ามีจุดอ่อนไม่เหมาะกับกฏหมายและ คนอเมริกา หรือประเทศอื่น ๆ
การเข้าไปขายตรง ๆ โดยไปแบบโรงงานมาเอง กับ Trader เข้าไป ความรับผิดชอบต่างกัน
ถ้ามีปัญหาอะไรกัน ความเสียหายมันก็ไม่มาถึงโรงงาน เพราะโรงงานอยู่เมืองไทย อยู่ภายใต้กฏหมายไทย
เป็นเรื่องของ Trader ที่ต้องรับผิดชอบ
ซึ่งถ้าหากพี่เขายอมให้ผมทำ ถ้าหากมีปัญหาสุดท้ายก็ต้องเป็นเขาที่ต้องแก้ให้ เพราะรู้จักกันเป็นการส่วนตัว
แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งสินค้าพร้อม เขาก็จะทำเองแน่นอน เพราะในระดับเจ้าของโรงงาน เขาก็จะคุยกันและแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน (แม้เป็นคู่แข่งกัน)
จากข้อสรุปตรงนี้ ผมเชื่อว่า ถ้าคนทำ FBA ระดับ 20 ล้านขึ้นไป ผมว่าเขาเก่งทั้งกฏหมายและทุนสูง แถมเชื่อว่า ไม่ได้ปล่อยของแค่ใน Amazon และทำ Import Export มาก่อน
แต่ถ้าแค่ระดับ 5 ล้าน ผมเชื่อว่า ยังพอวัดได้ กลุ่มนี้น่าจะทำ DDP ผ่าน DHL หรือเจ้าอื่น ๆ
การสู้รบถ้าเป็นผม ผมคิดว่าไหวกับกลุ่มนี่ แต่สุดท้ายก็จะเบื่อที่จะมานั้งวางแผนกันสุดท้ายก็ต่างคนต่างขายครับ
สินค้าที่โดนตัดราคา มันก็คือสินค้าที่ผลตอบแทนต่ำ เมื่อผลตอบแทนต่ำ
เราก็จะไม่รักมัน และก็จะลืมมันไป และไปหลงไหลกับสินค้าใหม่ ๆ ที่เราได้มาใหม่
ซึ่งตลอด 10 ปีที่ผมทำ E-commerce มันเป็นแบบนี้จริง ๆ