ต่อไป »

[trudy]

งั้นถ้าสุดท้าย ภาพ พิสูจน์ได้ว่า เป็นการตกแต่งมา โดยที่เราก็ไม่ทราบได้ว่าเค้าตกแต่งภาพเพื่ออะไร

คุณโอ๊ตจะจัดการยังไงครับ?

ผมแค่อยากบอกว่า คนเราน่ากลัวว่าที่คิดเพื่อให้ได้รับการยอมรับครับ ในนี้ พวกทำ aff ก็มีการเมคยอดมาอวดกัน เพื่อให้ได้รับการยอมรับ แล้วเอาไปต่อยอดอีก

ซึ่งส่วนนี้ต้องระวังมากๆ เมื่อเราเอามาใช้ในการโปรโมตหรือโฆษณา

ผมว่า การที่ออกมาบอกว่า โกรธ แล้ว ลบภาพออก แทนที่จะแสดงความบริสุทธิ์ใจ มันก็ทะ:Xๆ แล้ว

แต่ถ้าคุณโอ๊ตยืนกรานที่จะเชื่อใจโดยไม่มีการสงสัยหรือตรวจสอบ ก็แล้วแต่ละกันครับ

ธุรกิจแบบนี้ ความน่าเชื่อถือสำคัญครับ เพราะสุดท้าย คนที่เอารูปมาเพื่อโฆษณา ก็คือคุณโอ๊ตเอง คนเสียหายก็คือตัวคุณเอง ไม่ใช่คนที่ทำรูป

น้องคนนี้พูดถูก

[noktualek]

ขอบคุณครับพี่ ที่ให้พิจรณา ก่อนเลือกเข้าอบรม ที่ใดที่หนึ่ง

ไม่ทราบว่าที่ประเทศอื่น ๆ เขาเปิดอบรม โฆษณากันแบบในเมืองไทยป่าวครับ   กล่าวถึง

หากมีข้อผิดพลาด เกิดขึ้นจากการโฆษณา หรือบทเรียนส่วนใดส่วนหนึ่ง เขาจะออกมายอมรับ หรือแก้ไขว่า เป็นความผิดพลาด ของเขามั๊ย

แต่หาก เขาตั้งใจ make คงยากที่จะยอมรับ เพราะสิ่งที่  make สร้างรายได้ อย่างเป็นกอบเป็นกำ และน้อยคนที่รู้ว่าบางเรื่องที่โฆษณาไป  ไม่ใช่เรื่องจริง หรือเป็นเรื่องจริง แต่เขาเล่าไม่หมด

แต่ยังชื่นใจได้ว่า หากคนที่ไปเรียนจ่ายเงินไปคงได้ความรู้มาบ้างนะครับ

เพราะมีหลายที่ที่เปิดอบรม หรือสมัครงาน แต่พอไปนั่งฟังกลับเป็นพวก MLM หลอกให้สมัครสมาชิกเสียอย่างง้าน

สุดท้าย
ขอบคุณนะครับ ที่ให้ความรู้ดี ๆ ฝึกสังเกตุ และมีสติ ในการเลือกอ่าน โฆษณา ในโลก internet

[April07]

การเปิดคอร์สแบบนี้คือจุดอ่อน เนื้อหาที่สอนคงทำดีที่สุดได้เพียงเท่านั้น เพราะมีประสบการณ์การขายไม่พอ แต่ใช่ว่าคนมาเรียนแล้วจะล้มเหลวทุกคน คนที่ต่อยอดได้ก็จะประสบความสำเร็จ แต่ความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์จะต้องดูระยะยาว ไม่ใช่ดูแค่หลังเรียนจบ พอเรียนเสร็จ กลับบ้านไป ก็ไปลงขาย ราคาที่โพสต์มักจะเป็นราคาต่ำสุด ทำให้มีโอกาสได้ออร์เดอร์สูง แต่ถ้าผ่านไปซัก 1-2 วัน คนอื่นๆหั่นราคาลงมา ยอดขายก็จะหายไป ดังนั้นต้องดูยอดขายระยะยาว ต่อเนื่อง จึงจะพิสูจน์ได้ว่าประสบความสำเร็จจริง ยอดขายในอเมซอน ทำได้ง่ายมาก แต่จะยืนระยะยาวๆแบบมีกำไรดีๆได้อย่างไร คนไทยที่ขายในอเมซอนมีพฤติกรรมแบบนักล่า+นักหั่น ถ้าคิดว่าเปิดคอร์สสอนแล้วสอนให้เกาะอย่างเดียว ไปไม่รอดหรอกนะ จะสร้างแบรนด์ตัวเองได้ยังไงถ้าเขียน product page ไม่เก่ง เท่าที่ไปอ่านดูเนื้อหาของคอร์ส ความรู้สึกเรามันบอกว่าสำนักนี้เป็นสำนักที่เนื้อหาการสอนที่ห่วยที่สุดในบรรดาสำนักอบรมที่มี ณ ปัจจุบันนี้  แนะนำว่าไปเรียนที่อื่นดีกว่าค่ะ เราไปดูเนื้อหาคอร์สของ อ.โจ หรือ benzio ยังรู้สึกดีกว่าสำนักนี้เยอะเลย

[trudy]

ขอบคุณครับพี่ ที่ให้พิจรณา ก่อนเลือกเข้าอบรม ที่ใดที่หนึ่ง

ไม่ทราบว่าที่ประเทศอื่น ๆ เขาเปิดอบรม โฆษณากันแบบในเมืองไทยป่าวครับ   กล่าวถึง

หากมีข้อผิดพลาด เกิดขึ้นจากการโฆษณา หรือบทเรียนส่วนใดส่วนหนึ่ง เขาจะออกมายอมรับ หรือแก้ไขว่า เป็นความผิดพลาด ของเขามั๊ย

แต่หาก เขาตั้งใจ make คงยากที่จะยอมรับ เพราะสิ่งที่  make สร้างรายได้ อย่างเป็นกอบเป็นกำ และน้อยคนที่รู้ว่าบางเรื่องที่โฆษณาไป  ไม่ใช่เรื่องจริง หรือเป็นเรื่องจริง แต่เขาเล่าไม่หมด

แต่ยังชื่นใจได้ว่า หากคนที่ไปเรียนจ่ายเงินไปคงได้ความรู้มาบ้างนะครับ

เพราะมีหลายที่ที่เปิดอบรม หรือสมัครงาน แต่พอไปนั่งฟังกลับเป็นพวก MLM หลอกให้สมัครสมาชิกเสียอย่างง้าน

สุดท้าย
ขอบคุณนะครับ ที่ให้ความรู้ดี ๆ ฝึกสังเกตุ และมีสติ ในการเลือกอ่าน


มีสติดีที่สุด

[trudy]

การเปิดคอร์สแบบนี้คือจุดอ่อน เนื้อหาที่สอนคงทำดีที่สุดได้เพียงเท่านั้น เพราะมีประสบการณ์การขายไม่พอ แต่ใช่ว่าคนมาเรียนแล้วจะล้มเหลวทุกคน คนที่ต่อยอดได้ก็จะประสบความสำเร็จ แต่ความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์จะต้องดูระยะยาว ไม่ใช่ดูแค่หลังเรียนจบ พอเรียนเสร็จ กลับบ้านไป ก็ไปลงขาย ราคาที่โพสต์มักจะเป็นราคาต่ำสุด ทำให้มีโอกาสได้ออร์เดอร์สูง แต่ถ้าผ่านไปซัก 1-2 วัน คนอื่นๆหั่นราคาลงมา ยอดขายก็จะหายไป ดังนั้นต้องดูยอดขายระยะยาว ต่อเนื่อง จึงจะพิสูจน์ได้ว่าประสบความสำเร็จจริง ยอดขายในอเมซอน ทำได้ง่ายมาก แต่จะยืนระยะยาวๆแบบมีกำไรดีๆได้อย่างไร คนไทยที่ขายในอเมซอนมีพฤติกรรมแบบนักล่า+นักหั่น ถ้าคิดว่าเปิดคอร์สสอนแล้วสอนให้เกาะอย่างเดียว ไปไม่รอดหรอกนะ จะสร้างแบรนด์ตัวเองได้ยังไงถ้าเขียน product page ไม่เก่ง เท่าที่ไปอ่านดูเนื้อหาของคอร์ส ความรู้สึกเรามันบอกว่าสำนักนี้เป็นสำนักที่เนื้อหาการสอนที่ห่วยที่สุดในบรรดาสำนักอบรมที่มี ณ ปัจจุบันนี้  แนะนำว่าไปเรียนที่อื่นดีกว่าค่ะ เราไปดูเนื้อหาคอร์สของ อ.โจ หรือ benzio ยังรู้สึกดีกว่าสำนักนี้เยอะเลย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Course สอนขายสินค้าใน Amazon

ตัวต่อตัว สอนทำจริง ลงขายจริง ตั้งแต่วันมาเรียน

จากประสบการณ์โดยตรงของผู้สอน ซึ่งมียอดขายมากกว่า 1 ล้านบาทภายใน 1 เดือน  

ซึ่งมียอดขายมากกว่า 1 ล้านบาทภายใน 1 เดือน โดยการขายสินค้าไม่ถึง 100 ชิ้น      
โดยที่ไม่ต้องสต็อคของแม้แต่ชิ้นเดียว

ขายของใน Amazon คืออะไร??

คือการขายสินค้าไทยไปเมืองนอกและได้กำไร 3-10 เท่าจากราคาต้นทุน


ขายของได้ตลอด 24 ชั่วโมงกับผู้ซื้อมากกว่า 100 ล้านคน

สิ่งที่คุณจะได้รับถ้ามาเรียนกับเรา

1.ข้อดีของการขายสินค้าใน amazon

2.วิธีการดูสินค้าขายดีใน amazon

3.วิธีการสมัครและลงขายจริง

4.วิธีการ service ลูกค้าเพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ

5.สอนหา supplier ซึ่งจะทำให้คุณไม่ต้องซื้อสินค้ามาถ่ายรูปเองหรือคิดคำบรรยายภาษาอังกฤษเอง

  ทำให้ไม่ต้องเสียเงินสต๊อคของ นอกจากนี้คุณยังสามารถขายอะไรก็ได้

  ที่คุณอยากขาย ไม่มีข้อจำกัดแบบ dropship


วิธีนี้ไม่มีที่ไหนสอน ผู้สอนคิดเองและลองทำด้วยตัวเอง

ได้ผลลัพธ์ยอดขายเป็นล้าน กำไรหลายแสน

เน้น!!! เราไม่ได้สอนคุณใช้บริการ Dropship แต่เราสอนคุณหา Good Supplier

อันนี้ประกาศตามเว็บ เก็บต่าเรียน 10,000 บาท ยอดขายดูเองค่ะ

[trudy]

คุณ April ทำ eBay กับ Amazon โดยอ่านเอาจากเว็บ และไม่ทำตามที่ eBay แนะนำคือให้สามารถคืนสินค้าได้ เพราะคุณ April ขายสินค้ามีขนาดใหญ่
ส่วนพี่ทำ eBay โดยการอ่านและหาสินค้าตามที่ตัวเองอยากขายคล้ายๆกับคุณ April

จะสังเกตว่าพี่กับคุณ April ขายสินค้าที่คิดว่าตัวเองมีศักยภาพในการแข่งขันได้

เรามารู้จักคำว่าศักยภาพในการแข่งขันของทั้งตัวเราและสินค้าของเรา คือสิ่งที่น้องจะได้รับจากการอ่านกระทู้นี้นะคะ

อาจารย์โจมีศักยภาพในการอบรม eBay เพราะ อาจารย์โจมี Certificate จาก eBay
และเป็นผู้ขายที่มียอดขายมากกว่า 1 ล้านบาทต่อเดือน จริงค่ะ
ส่วนคุณ Benzio เป็นผู้นำในการขาย Amazon เพราะคุณ Benz มีรายได้ จากการขาย amazon เกิน 1 ล้านบาท คุณ จะเห็นใบประกาศของ Am
เรามาดูตัวอย่างของน้องในห้อง eBay ที่สามารถเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วยการสังเกตและถามคำถาม คือน้อง MikaylaMendez[/color]



การขายของออนไลน์ที่ดีนั้นเราต้องปิดจุดอ่อนของเราและมีปัญหากับลูกค้าให้น้อยที่สุดไม่ว่านักขายเก่าหรือนักขายหน้าใหม่ เพราะถ้ามีปัญหากับลูกค้าเราขาดทุนแน่
คำถามพี่เราจะต้องมี return และ refund policy ทุกอันเหรอ เขาไม่อยากคืนสินค้าหรือให้เงินคืน เขายินดีถ่ายรูปให้ลูกค้าเห็นสินค้าได้ทุกมุม เพราะของที่ขายเป็นกระเป๋า
พี่บอกว่า เราต้องมี return กับ refund policy ทุกรายการสินค้าแต่คืนเงินเป็นบางกรณีเท่านั้น
พี่ก็ตอบน้องเขาไปว่าจะคืนก็ต่อเมื่อส่งของผิด หรือมีส่วนไหนที่ชำรุดเท่านั้น
ถ้าของตีกลับเพราะลูกค้าไม่อยู่บ้านเราต้องคืนเงินให้เขาทั้งหมด หรือเปล่า
พี่บอกไม่ต้องเพราะไม่ใช่ความผิดเรา น้องหักค่าส่ง ตามที่จ่ายไปรษณีย์

[April07]

คุณ April ทำ eBay กับ Amazon โดยอ่านเอาจากเว็บ และไม่ทำตามที่ eBay แนะนำคือให้สามารถคืนสินค้าได้ เพราะคุณ April ขายสินค้ามีขนาดใหญ่

เรารับคืนสินค้าทุกกรณีค่ะ โดยจะไม่ถามหรือไม่พยายามพูดให้ลูกค้าเก็บสินค้าเอาไว้
  1 กรณีผู้ขายไม่มีข้อผิดพลาด ลูกค้าต้องออกค่าส่งคืนเอง และเราคืนเงินให้ทั้งหมดโดยไม่หักค่าส่ง
  2 กรณีที่ผู้ขายมีข้อผิดพลาด ลูกค้าไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องแม้จะแพคของเอามาส่งไปรษณีย์ เราจะให้ชิปปิ้งไปรับสินค้ากลับเอง และออกค่าใช้จ่ายเองทุกอย่าง พร้อมคืนเงินให้เต็มจำนวน เรามีดีลข้าเข้าและขาออก แบบ express worldwide อาจเป็นเจ้าเดียวในเมืองไทยที่ทำดีลเพื่อรองรับการรับสินค้ากลับคืน
  3 กรณีลูกค้าต้องการคืนของที่ซื้อไปแล้วเปลี่ยนเป็นสินค้าอย่างอื่น ลูกค้าต้องออกค่าส่งคืนมาที่เรา โดยเรามีจุดรับคืนในอเมริกา จีน ไทย เวียดนาม เกาหลี ญี่ปุ่น บราซิล อิสราเอล สเปน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รัสเซีย ให้ลูกค้าเลือกจุดที่ค่าส่งถูกที่สุด และเราจะส่งชิ้นใหม่ให้ฟรี

เราให้ความสำคัญกับการให้บริการลูกค้ามาก เพื่อแสดงการขอบคุณที่ลูกค้าเลือกซื้อของจากเรา เราจึงยอมเสียค่าใช้จ่ายในการเปิดจุดรับคืน และให้ความสำคัญกับการตอบคำถามทุกคำถาม

[trudy]

ทดสอบ

[Soft666]

เคยไปเรียนกับคนนี้มาละเมื่อปีที่แล้วมั้ง

สอนธรรมดา อ่านจากหนังสือเอาก็ได้

 

[trudy]

เคยไปเรียนกับคนนี้มาละเมื่อปีที่แล้วมั้ง

สอนธรรมดา อ่านจากหนังสือเอาก็ได้

 

ส่วนที่พี่เขียนคืออยากให้ตรวจสอบสังเกตยอดขาย  

[trudy]

จำคำพี่ไว้นะคะ No Shortcut for Success สำหรับ การทำ eBay กับ Amazon
 คนเราไม่ได้เก่งตลอดเวลา เราไม่สามารถคุมสถานการณ์บางอย่างได้ตลอด ดูอย่างคนขายพลอยในอดีต เจอลูกค้าโกง อเมริกาเจอภัยธรรมขาติ ดังนั้น ต้องมีหลายแผน บางคนคิดวารู้ 4P ก็พอแล้ว หรือ เราคิดว่าเราเก่งกว่าคู่แข่ง เพราะมี Tools  รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แต่มีมุมมืดอีกมุมหนึ่ง ที่เราไม่รู้ว่าคนฉลาดแกมโกง เขาเล่นกันอย่างไร
พี่เคยไปฟังสัมมนา ของ Guru Marketing ชื่อ Philip Kotler หัวหน้าพี่ให้ไปแทน พี่ขอเรียกว่าคุณปู่แล้วกัน ปู่สอนดี ภาษาอังกฤษก็เข้าใจง่าย บอกว่าให้ปฎิบัติต่อลูกค้า ด้วยความรัก ปฎิบัติต่อคู่แข่งด้วยความเคารพ พี่ก็ได้ไอเดียว่า

มันคงจะดีไม่น้อยถ้าสินค้านี้เราขายแค่สองคน และเราเป็นคนกำหนดราคาเอง  พี่ก็ทำสำเร็จตรงจุดนี้ และเราต้องมีความสามารถในการแข่งขัน มองออกว่าลูกค้าเขามีแนวโน้มไปทางไหน เราก็ต้องวิ่งนำหน้าเขา ตัวอย่างคือ การนำเสนอผลิตภัณท์ยาลดความอ้วนตัวใหม่ :wanwan003:

[Punisher]

มาติดตามต่อไป

[trudy]

ผม ช่วยโพสต์รูปให้เจ๊โหดนะครับ

1.



***************************
2.



***************************

3.

ขอให้เอาแว่นขยาย 400 % ส่องดูภายในกล่องตาม ภาพข้างบน จะเห็นตัวเลขที่แตก :wanwan039:


ตอนนี้คนขายที่อ้างว่าได้ยอดขาย $91,094.62ต่อเดือนตอนนี้ทางสำนักไม่ได้ให้สอน คอร์ส eBay Advance แล้ว
ทางคนที่ให้คนที่ให้ข้อมูลพี่คือคนที่เคยสอนamazon

พี่เห็นยอดขายแปลกๆในการโมษณา บน eBay  เอาแว่นขยาย 400 % ส่องดู ก็จะรู้ว่าศิษย์คนไหนใช้ยอดปลอม ชื่ออะไร แสดงว่าทุกคนอยากเป็นที่ยอมรับแต่ไม่สามารถทำได้ เลยทำยอดขายปลอมขึ้นมา คนที่เป็น admin ของบอร์ด ต้องตรวจสอบ

1) มีคำถามสงสัยจากคนส่วนใหญ่ ว่าถ้าภาพที่ใช้ในการโมษณา ถ้ามีการพิสูจน์แล้วว่าเป็นยอดขายปลอมทางสำนักจัดการอย่างไร

2) พี่มีคำตอบให้แล้วค่ะ ว่ายอดขาย บนกราฟแท่งมีจุดนิยมได้หรือไม่ พี่ถาม eBay มา

ตอบมีได้ แต่ยอดขายของคนขายคนนั้นต้องน้อยกว่า $3,000 ต่อเดือน
หากยอดขายของคนขายมากกว่า $3,000 ต่อเดือน ยอดขายบนกราฟแท่งจะไม่มีจุดทศนิยม
ดังนั้นเด็กที่อ้างว่า วันเดียว ขายได้ $1,660.00 เดือนนึงขายได้  $4416.94
ยอดโมษณาบน eBay
 [url]http://www.oatonline.com/page/eBay.html[/url

[thaiterbor]

เข้ามาอ่านครับ  ก่อนตัดสินใจขายของ  กำลังศึกษาเช่นกันครับ

[trudy]

พี่ว่าพี่ทำในสิ่งที่ถูกต้องนะคะ อาจจะไม่ค่อยมีในสังคมไทยนัก ใจจริงพี่ก็ไม่อยากทะเลาะกับใคร
พี่อาจเป็นจุดเล็กๆ หนึ่ง

[atzcret]

โลกนี้ อยู่ยากขึ้นทุกวัน

 

[DJCrystaL]

เข้ามาศึกษาค่ะ อยากขายแล้ว

แต่เท่าที่เป็นคนซื้อมาตลอด
สินค้าออนไล์มีปัญหาเยอะทีเดียว
ตามให้ได้ของครบจนเหนื่อย

[item]

ที่แรกก็งง งง อ่านไปอ่านมามันจริงๆ ได้เปิดหูเปิดตาเยอะเลย ขอบคุณครับ 

[trudy]

6 แนวทางรับมือกับข้อร้องเรียนออนไลน์ด้วยสูตร P-A-N-T-I-P
By อภิศิลป์ ตรุงกานนท์ on 2 June 2014 in การตลาด

ผมไปพูดเรื่องแนวทางการรับมือกับข้อร้องเรียนออนไลน์ด้วยสูตร P-A-N-T-I-P ในงาน Zocial Awards 2014 ปรากฎว่ามีคนสนใจเยอะมาก แต่ด้วยเวลาที่ค่อนข้างกระชับ ทำให้ลงรายละเอียดไม่ได้มาก ผมเลยขอขยายความในบทความนี้ครับ

คลิก Like สักนิด เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนบทความครับ


หลายๆ บริษัทกลัวเว็บ Pantip มาก ไม่รู้ว่าจะมีกระทู้ร้องเรียนบริษัทตัวเองเกิดขึ้นตอนไหน ไม่รู้ว่าถ้ามีกระทู้แล้วจะรับมือยังไง ถ้าจัดการไม่ดีจะทำให้กระทู้นั้นลุกลามบานปลายกลายเป็นวิกฤตหรือเปล่า พอเวลามีกระทู้เกิดขึ้นจริงก็เลยลนลาน ทำอะไรไม่ถูก อย่างไรก็ตาม ถ้าเราเตรียมแผนรับมือไว้ก่อนโดยใช้หลัก P-A-N-T-I-P (Prompt, Apologize, Non-legal, Tone, Influencer, Policy) ก็จะช่วยให้รับมือกับสถานการณ์จริงได้ง่ายขึ้น

Prompt
เวลาที่ลูกค้าร้องเรียน สิ่งที่เขาคาดหวังคือการตอบสนองอย่างรวดเร็วจากบริษัท ถ้าบริษัทแสดงตัวช้า ลูกค้าจะเริ่มมีแนวร่วมมากขึ้น ซึ่งพลังการมโนของแนวร่วมนี่น่ากลัวพอๆ กับวาทะที่เจ็บแสบสำหรับบริษัท เช่น เจ้าของบริษัทร่ำรวยขึ้นมาได้เพราะโกงลูกค้าแบบนี้นี่เอง (ข้อเท็จจริงคือ อาหารสำเร็จรูปมี defect จากการบรรจุซอง ทำให้น้ำหนักของอาหารน้อยกว่าที่ระบุบนซอง 5 กรัม) หรือ ร้านนี้เตรียมเจ๊งได้แล้วถ้ามีพนักงานที่พูดจาแย่กับลูกค้าแบบนี้ (ข้อเท็จจริงคือ ไม่รู้ว่าบทสนทนาของลูกค้ากับพนักงานร้านเป็นตามที่เจ้าของกระทู้เล่าจริงหรือเปล่า)

ความน่ากลัวอีกอย่างของการตอบสนองช้าก็คือกระทู้นั้นจะถูกแนวร่วมเข้ามาช่วยกันโหวตให้ติดกระทู้แนะนำ รวมถึงกระทู้จะถูกแชร์ออกไปใน Social Network ซึ่งจะมีคนเห็นเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล หลายๆ บริษัทจึงต้องมีทีมงานคอยมอนิเตอร์ไว้ตลอด หรืออาจจะใช้ Social Media Monitoring Tool ช่วยดูให้

สมมุติว่าบริษัทตรวจพบกระทู้ร้องเรียนได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่รู้ว่าเรื่องร้องเรียนนั้นมีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร บริษัทควรจะทำอย่างไรกับกระทู้นั้นดี? คำตอบก็คือ บริษัทควรจะโพสต์ข้อความเพื่อแสดงตัวออกไปก่อนว่ารับทราบเรื่องแล้ว เช่น “สวัสดีครับ ผมเป็นฝ่ายดูแลลูกค้าของบริษัท xxx ขอรับเรื่องจากเจ้าของกระทู้ไปตรวจสอบ และจะรีบแจ้งผลให้ทราบในกระทู้นี้โดยเร็วที่สุดครับ” การแสดงตัวแบบนี้จะช่วยลดอารมณ์เกรี้ยวโกรธของมวลชนให้เป็นอารมณ์เฝ้ารอดูเหตุการณ์ต่อไป เป็นการแสดงออกว่าบริษัทไม่ได้เพิกเฉย แต่เข้ามาแสดงตัวเพื่อรับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในบางสถานการณ์ บริษัทอาจเลือกที่จะนิ่งเฉยก็ได้ ถ้าคิดว่าแสดงตัวชี้แจงอะไรออกไปก็มีแต่เสียหายหนักและเรื่องไม่จบได้ง่ายๆ ถ้าเฉยๆ ไว้อาจเสียหายน้อยกว่า โดยธรรมชาติของข่าวสาร เรื่องดราม่าจะเงียบลงได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ ทั้งนี้ต้องไม่มีการเปิดประเด็นใหม่ให้ถูกโจมตีได้อีก แต่ก็ต้องทำใจว่าเรื่องจะค้างคาอยู่ในอินเทอร์เน็ตแบบนั้นตลอดไป ถ้าใครกำลังจะตัดสินใจซื้อสินค้าของบริษัท แต่ search เจอกระทู้ซะก่อน ก็อาจเปลี่ยนใจไม่ซื้อแล้วก็ได้