บทความเขียนได้ดีมีประโยชน์มากครับ
ผมเลยขอลองช่วยจัดเรียงใหม่อีกแรงนะครับ เผื่อเพื่อนๆจะได้อ่านกันสะดวกขึ้น (หรือเปล่า?)
=======================================================================
เห็นแฟนนั่งเพียรเขียนบทความสำหรับแชร์ประสบการณ์และแนะนำมือใหม่ที่อยากขายสินค้าออนไลน์ :'(
สำหรับบทความล่าสุดอาจตอบคำถามมือใหม่ที่อยากขายของออนไลน์
เปิดแฟนเพจแล้ว โปรโมทแล้วแต่ยังขายไม่ได้ ควรอาจบทความนี้เลยครับ เขาเขียนจากกรณีจริง ประสบการณ์จริงๆ
เปิดเพจแล้ว ลงสินค้าแล้ว แต่ยังเงียบ ไม่มีออเดอร์สั่งซื้อ ท้อแท้ เลิกขายดีกว่าสำหรับงานซื้อ-ขายของออไลน์เชื่อว่าหลายๆคนคงเกิดปัญหาคาใจกัน ว่าทำไมทำทุกอย่างตามที่บล็อคนี้แนะนำแล้วยังขายไม่ได้ บ้างก็ถึงกับท้อแท้เลิกขายไปเลย บ้างก็คิดไปเองว่าเราอยู่ต่างจังหวัดขายยาก บ้างก็บอกว่าเงินทุนไม่มีต้องเตรียมเงินทุนก่อน
บ้างก็บอกว่าไม่มีเวลา ลองเริ่มทำแล้วเหนื่อยกว่าเดิม ทำงานประจำก็เพลียแล้ว บ้างก็ไม่กล้าเพราะไม่เห็นสินค้า กลัวโดนหลอก ธุรกิจนี้ยังไปต่อได้ไหม ทำไมมีแต่คนขายเยอะแยะไปหมด บ้างก็ขายแล้วเจอลูกค้ารายแรกตำหนิเรื่องสินค้าถึงกับท้อและเลิกไปเลย
หลากหลายเงื่อนไข หลากหลายเหตุผลที่สร้างขึ้นเพื่อหาทางออกให้กับตัวเอง
คำถามที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้นคือ
"ทำไงดี?"
"ทำไมไม่มีคนซื้อเลย?"
"แล้วจะต้องทำไงต่อล่ะเนี่ย?"
"ทำไมคนอื่นเขาขายได้อ่ะ เขาทำไงเนี่ย?"
คำตอบคือ ลองเดา! หรือ ทำแบบนี้ดูซิ, เห็นคนนั้นทำแบบนี้, คนนี้แนะนำมาแบบนั้นลองทำดูซิ, โห!!...รู้เลยทำไมถึงขายได้ก็สมาชิกแฟนเพจเยอะขนาดนี้ มีอีกเยอะมากเลยค่ะ
กับคำถามและคำตอบที่ไม่อาจเอ่ยถึงได้ครบ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากใจ และความคิดตัวเองที่คาดการณ์ต่างๆ นาๆ อ้อมคงต้องบอกว่าไม่ผิดค่ะที่เราจะมีความคิดฟุ้งไปแบบนั้น เป็นธรรมดา
แต่อ้อมจะสรุปให้ง่ายขึ้น เกี่ยวกับหลักการที่จะทำให้ความคิดเรา และแนวทางให้ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับการซื้อ-ขายของออนไลน์
สิ่งที่ทุกคนควรทำความเข้าใจก่อนเมื่อเจอปัญหา และคำถามเหล่านี้
"เราได้สร้างบรรยากาศหรือองค์ประกอบ ที่จะทำให้มีโอกาสเปิดการขาย หรือทำให้สินค้าของเราออกไปสู่สายตาของลูกค้า หรือยัง?"อ้อมอยากให้เราลองมองย้อนกลับมาที่ตัวเราเองก่อน สมมติว่าเราเป็นลูกค้าคนนึง เมื่อก่อนเวลาเราอยากได้ชุดหรือสินค้าสักตัว สิ่งแรกที่เราตั้งคำถามคือ หาซื้อที่ไหนดี, ร้านไหนมีสินค้าชิ้นนี้, ร้านนี้น่าจะมีหรือเปล่า ลองไปดู
เราก็ต้องเดินทางไปที่สถานที่ๆเราคาดหวังว่าจะมีสินค้าที่เราต้องการ นั่นหมายความถึงว่า เราเคยเจอว่าสินค้าตัวเนี่ยแหล่งนี้น่าจะมีขายที่สถานที่แห่งนี้ หรือร้านนี้น่าจะมีขาย เราถึงเดินทางไปซื้อ
ในขณะเดียวกัน การที่เราเคยรับรู้ว่าสถานที่แห่งนี้มีสินค้าแบบนี้หรือ ร้านนี้มีสินค้าที่เราต้องการอยู่ ก็เพราะเราเคยพบเจอ เคยเห็น เคยได้ยินว่ามีการโปรโมท เคยเห็นเขาวางขาย เคยผ่านตา เคยรับรู้มาก่อน หรืออาจจะเคยใช้บริการร้านนั้นๆ สถานที่นั้นๆมาก่อน เชื่อว่าหลายคนคงมองภาพออกแล้วว่าอ้อมกำลังสื่อถึงอะไร
คำตอบคือ
เราได้กระจายข้อมูลสินค้าของเรา โปรโมทชั่นของเรา ออกสู่สายตาคนทั่วไปแล้วหรือยัง หรือมากพอหรือยัง บางคนอาจจะตอบแบบว่า ก็แชร์แล้วนะ โพสสินค้าเสร็จก็แชร์เข้าเฟสบุ้คหรือ IG ตัวเองแล้วนะ ถ้าเราทำเพียงเท่านี้ นั่นหมายความเราคาดหวังเพียงกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการเฟสบุ้ค หรือ IG เท่านั้น
แถมยังแยกย่อยไปอีกเวลาแชร์คนที่จะเห็นโพสเราก็ต้องเป็นเพื่อนเราเองด้วย กรณีถ้าเราโพสและแชร์เพียงเท่านี้
สิ่งที่เราควรคำนึงถึงคือ ความต่อเนื่องในการโปรโมท วิธีการโปรโมทหากเราคาดหวังให้มีโอกาสเปิดการขาย
เราควรลงทุนที่จะโปรโมทร้านค้าผ่านระบบแบนเนอร์ เพื่อกระจายสินค้าของร้านออกสู่สายตาลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุดและต่อเนื่องที่สุด และสิ่งสำคัญการที่เราจะลงทุน เราต้องมั่นใจว่าสินค้าของเรามีพร้อมส่งจริง และเพียงพอสำหรับโอกาสเปิดการขายและปิดการขายในแต่ละครั้ง
ไม่งั้นจะกลายเป็นว่าลงทุนไปได้แต่ยอด Like ยอดขายไม่เท่าไหร่ อีกนัยนึง
การที่เราคิดว่าทำแล้วโปรโมทในเฟสบุ๊คและ IG แล้วแต่ไม่ได้ซื้อแบนเนอร์นะ ก็น่าจะเพียงพอแล้วหนิ อ้อมคงต้องบอก ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เราเปิดการขายได้ค่ะการที่เราเปิดร้านลงทุนลงแรงทำมาทั้งหมด แต่ทุนยังไม่มากพอที่จะไปลงโฆษณา
สิ่งที่เราควรคำนึงถึงคือ การกระจายสินค้าหรือการโปรโมทในช่องทางต่างๆ ให้มากที่สุดเท่าที่เราจะสามารถทำได้ Social Network, เว็บประกาศทุกเว็บที่เรารู้จัก และหามาได้ ลงให้หมด,เว็บบอร์ดที่เปิดให้เราโปรโมทสินค้าทุกที่ลงให้หมด, ถ้ามีเว็บของตัวเองด้วยที่ไหนมีให้แลกลิงค์แลกแบนเนอร์ไปลงให้หมดและมากที่สุด
โห!! แล้วจะไหวเหรอเนี่ย อันนี้เราต้องยอมรับว่าอาจจะต้องเหนื่อยค่ะ แรกๆอ้อมก็ทำเองแบบทำไปเรื่อยๆ โปรโมทไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก
แต่หลังๆมาเริ่มมีเครื่องมือในการช่วยโปรโมทกระจายสินค้าไปยังเว็บประกาศค่อยเบาแรงลงมาหน่อย ก็นะ อ้อมเองก็ไม่ค่อยได้ไปซื้อแบนเนอร์หรอกค่ะ
เคยซื้อของเฟสบุ้คเหมือนกันแต่นานมากแล้ว ซื้อไปแค่สองเดือน ส่วนที่อ้อมขายได้ก็เพราะการขยันโปรโมทอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อโอกาสให้มีการเปิดการขายสินค้า
เช่น แชร์สาระความรู้ รูปน่ารักๆ รูปสอนแต่งหน้า รูปอัพเดทแฟชั่นสวยๆ หรือรูปรีวิวลูกค้าใส่ชุดที่ซื้อไป เป็นต้น การโปรโมทผ่านระบบที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อจะทำให้สินค้าของเราออกไปสู่สายตาของกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด
เหนื่อยค่ะ แต่เพื่อการต่อยอดและมองภาพระยะยาวถือว่าคุ้มมาก การซื้อแบนเนอร์ถือเป็นวิธีที่ดีเห็นผลเร็ว แต่ถ้าไม่มีการซื้ออย่างต่อเนื่องก็ส่งผลเช่นกันค่ะ
ดังนั้นวิธีการโปรโมทและประกาศถือเป็นอีกช่องทางที่ไม่ควรละเลยและมองข้าม แอบหยอดนิดนึง คือเราจะเหนื่อยน้อยหน่อยถ้าเรามีเครื่องมือช่วยในบางขั้นตอน
ให้เรามองต่อไปอีกว่า
ถ้าสินค้าชิ้นนั้นมีขายโดยทั่วไป การแข่งขันสูง คนขายเพียบเลย ให้มองว่าเราเป็นคนซื้อ ถ้าเราจะหาสินค้าสักตัวที่กำลังอยากได้ สิ่งแรกที่เราจะคิดและประมวลผลในใจ คือ ที่ไหนใกล้ที่สุด, ที่ไหนที่เรารูกจัก, ที่ไหนราคาดีชอบมีของแถม หรือที่ไหนมีโปรโมชั่น
เงื่อนไขพวกนี้จะเกิดขึ้นต่อเมื่อสินค้าที่เราจะหาซื้อเป็นสินค้าที่มีทั่วไป ซื้อที่ไหนก็ได้ แต่จะดีกว่าถ้าสินค้าแบบเดียวกันแต่มีเงื่อนไขที่เราจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมเข้ามาอีก
แน่นอนว่าเราก็จะเดินทางไปที่นั่นเพราะคุ้มกว่า แม้จะไกลสักหน่อยถ้ามันคุ้มกว่าก็ไป เช่นกันค่ะ การขายของออนไลน์ จริงอยู่ว่าตอนนี้มีคนขายเยอะมาก หลายคนคงคิดท้อ
แต่อ้อมอยากให้คิดอีกมุมนึง นั่นแสดงว่ากระแสการซื้อขายสินค้าออนไลน์ก็เริ่มมีความนิยมมากขึ้น และนอกจากสินค้าที่เราคุ้นตาและขายกันอยู่ในอนาคตก็อาจจะแตกแยกย่อยไปอีก ถ้าเราเห็นลู่ทางหรือสินค้าก่อนก็ได้เปรียบ
สิ่งที่อ้อมกำลังจะสื่อให้เข้าใจกันในย่อหน้านี้คือ ความแตกต่างในเรื่องบริการและโปรโมขั่น ทำไมเราถึงยอมเดินทางไปไกลเพื่อซื้อสินค้าที่เราสามารถหาซื้อได้ใกล้ๆ ในที่นี้ไม่ได้หมายความรวมแค่ข้อเสนอโปรโมทชั่นเพียงเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึง
ความแตกต่างและจุดเด่นที่แต่ละร้านจะชูขึ้นมาเพื่อให้มีโอกาศเปิดการขายสินค้าของตัวเองได้ ยกตัวอย่างเช่น
- ลูกค้าถามมาเรามีการตอบกลับเดี๋ยวนั้นเลย ไม่ต้องให้ลูกค้ารอนาน นี่ก็เป็นอีกบริการนึงที่เราสามารถทำได้,
- บริการแจ้งสถานะสินค้าระหว่างเดินทางถึงที่หมาย ลูกค้าบางคนอาจจะไม่มีเวลารับสินค้าเอง แต่ก็อยากจะทราบว่า ณ ตอนนี้สินค้าเราถึงไหนแล้ว และจะมีคนรับสินค้าให้เราไหม สิ่งเหล่านี้ถือเป็นอีกบริการที่เราสามารถเสริมเข้าไปและชูเป็นจุดเด่นของร้านได้,
- บริการหลังการขายให้ลูกค้ารีวีวสินค้าที่ซื้อไปเพื่อรับส่วนลด,
- บริการสอบถามความพึงพอใจหลังจากลูกค้ารับสินค้าแล้ว เป็นต้น
ยังมีอีกมากมายที่เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้และนำมาปรับใช้กับร้านขายของออนไลน์ของเราเองได้
สิ่งเหล่านี้เราสามารถหาได้จากการเดินช้อปปิ้งทั่วไป การสังเกตุและนำกลับมาใช้ถือเป็นอีกวิธีการนึงที่จะทำให้เราสามารถแข่งกับร้านอื่นๆ ได้
เป็นยังไงกันบ้างคะ ทีนี้พอมองออกกันบ้างหรือยังว่าร้านเราที่เพิ่งเปิดใหม่ทำไมถึงยังขายไม่ได้ เราขาดองค์ประกอบอะไรไปหรือเปล่า ถ้าอ่านบทความนี้แล้วน่าจะเข้าใจและมองภาพรวมของธุรกิจซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์กันได้บ้างแล้ว
อีกสิ่งหนึ่งที่อยากทิ้งท้ายเอาไว้สำหรับบทความนี้ การทำธุรกิจซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์ สำคัญมากเลยคือ
"การใส่ใจในรายละเอียด" ทั้งรายละเอียดสินค้า รูปภาพ ราคา วิธีการสั่งซื้อเพราะลูกค้าไม่สามารถหรือไม่มีโอกาสจับต้องสินค้าของจริงได้ ดังนั้นสิ่งทีาเราควรนำเสนอให้ลูกค้าเห็น ควรชัดเจนและไม่คลุมเครือ
จริงอยู่ว่า ใส่รายละเอียดเยอะเขาก็ไม่ค่อยอ่านกันหรอก แต่สิ่งเหล่านี้เราสามารถเอาไว้ใช้อ้างอิง เวลาลูกค้าถาม หรือเวลาเกิดปัญหาในตัวสินค้าได้
และยังเป็นการสร้างพฤติกรรมให้กับลูกค้าเวลาสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ควรมีการอ่านและศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนการสั่งซื้อเพราะความเสียหายอาจจะไม่ใช่แค่คืนสินค้า
นั่นหมายถึงการเสียเวลา เสียโอกาส หรือกำลังใจที่ลดลง และอาจรวมถึงค่าเสียหายที่ทำให้ลูกค้าผิดหวัง แม้ว่าเราจะน้อมรับทุกอย่างแล้วก็ตาม
ฝากไว้ด้วยนะคะพ่อค้า-แม่ค้าทกๆคน ใส่ใจในรายละเอียดเป็นดีทั้งตัวเราและลูกค้าจ้า
อ้อมขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนประสบความสำเร็จขายสินค้าได้เยอะๆ นะคะสู้ๆ จ้า
ขอแปะลิงค์ด้วยแล้วกันเผื่อท่านใดสนใจอยากอ่านบทความอื่นๆเพิ่ม มีแนะนำไว้หลากหลายมากๆครับ
http://what-is-pre-order.blogs...raged-stop-selling-better.html ผมหวังว่าคงเป็นประโยชน์ต่อหลายๆ คนนะครับโดยเฉพาะมือใหม่ บทความนี้นำมาจากต้นฉบับเลย อาจมีถูกบ้างผิดบ้างขออภัยครับ
อีกอย่างแฟนผมท้องได้ 7 เดือนแล้วครับ แต่เขายังนั่งเขียนบทความช่วงก่อนเข้านอน เพราะมีกรณีคำถามมาเยอะเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมก็เลยนำบทความมาและแชร์มาจากบล็อคเขาอีกทีน่ะครับ