ถ้าลอง seach ดูสินค้าบน ebay หรือ etsy หมวด carving wood lamp จะเห็นชิ้นงานโคมไฟแกะสลัก ราคาขายรวมค่าส่งมีตั้งแต่ 1000 ถึง 5000 บาท รูปแบบการผลิตชิ้นงานเท่าที่ดูมันออกแนว commercial พอสมควร แต่สินค้าตัวที่เราเตรียมเอาขึ้นขาย เป็น Otop แถวอีสาน งาน art ลายไทยล้วนๆ ผู้ผลิตขายส่งให้เราชิ้นละ 500-700 บาท เรากะจะเอาขึ้นขายประมาณ 2-2,500 บาท(รวมค่าส่งแล้ว)
งาน handmade ชิ้นแรกที่เราเอาขึ้นขาย ตอนนี้มันขายได้ทุกวัน แต่ได้ออร์เดอร์จากอเมซอนเป็นส่วนใหญ่ ออร์เดอร์จากอีเบย์มีทุกวัน แต่ไม่มาก ความรู้อีเบย์เรายังอยู่ในระดับอนุบาล กำลังพยายามเรียนรู้อยู่เหมือนกันค่ะ สินค้าชิ้นแรกเราขายได้ทุกวัน จำนวนออร์เดอร์ไม่หวือหวา แต่ได้จำนวนออร์เดอร์ใกล้เคียงกันทุกวัน ตอนนี้เราก็มองว่าสินค้าชิ้นนี้เริ่มไปได้ เราสั่งผลิตล็อตที่สองไปอีก 4 แสนบาท ช่วงแรกเราตั้งเป้าสั่งผลิตอยู่ในช่วง 3-5 แสนบาทคงที่ทุกเดือน ลองคำนวณดูว่าคนผลิตชิ้นงานให้เรา เค้าจะได้ออร์เดอร์คงที่ขั้นต่ำวันละ 10,000 บาท กำไรที่หักต้นทุนแล้วต่อเดือนน่าจะมีโอกาสได้ถึงหนึ่งแสนบาท ผู้ผลิตน่าจะมีกำลังใจในการผลิตชิ้นงานให้เราพอสมควร ออร์เดอร์ไม่หวือหวา ผู้ผลิตก็ผลิตตามปกติ ยังไม่ต้องขยายกำลังผลิต ต่อไปเราก็จะค่อยๆขยายตลาด ให้ผู้ผลิตค่อยๆปรับตัวเพื่อเพิ่มกำลังผลิต ตอนนี้เราเริ่มหาลูกค้าที่จะมาเป็น reseller ในต่างประเทศ ทำไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็เตรียมเอาชิ้นงานตัวใหม่ขึ้นขาย
ถ้าใครอยู่ใกล้ผู้ผลิตสินค้า ถือว่ามีโอกาสที่ดี อาจแค่ไปขอถ่ายรูปเพื่อโพสต์ขายก่อน ยังไม่ต้องสั่งผลิตจำนวนมากในช่วงแรก (นี่คือรูปแบบการดรอบชิปแบบหนึ่ง) อย่าลืมเช็กเรื่องลิขสิทธิ์ตามที่คุณ Trudy แนะนำนะคะ สำคัญมาก ไม่ควรมีประวัติเสียในเรื่องพวกนี้
ข้อดีที่ช่วยให้เราขายสินค้าได้ง่ายอย่างหนึ่งคือ ความรู้ด้านการขนส่ง ช่วยลดปัญหาได้เยอะพอสมควร เราได้ลูกค้าจากประเทศที่เราไม่คาดว่าเค้าจะซื้อของออนไลน์กัน อย่าง อิรัก จอร์แดน ลัทเวียร์ โคลอมเบีย ชิลี เปรู อย่างการส่งสินค้าไปรัสเซีย shipping agent บางรายยังมาขอให้เราทำให้ เราก็เก็บกำไรไปตามระเบียบ
การที่เราจะลงทุนอะไรก็ตาม ต้องทำการศึกษาหาข้อมูล เก็บรายละเอียดงานให้ครบ ตัวอย่างที่เราเล่าให้ฟัง ฟังดูเหมือนง่าย น่าจะใช้เวลาไม่มาก แต่การจะเอาสินค้าแต่ละชิ้นขึ้นขาย เราใช้เวลาศึกษากับมันมากพอสมควร ศึกษารายละเอียดทุกแง่มุม คาดเดาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและหาทางป้องกันไว้ก่อน การขายสินค้าไทย ช่วงแรกจะค่อนข้างเหนื่อย อีกคำแนะนำคือถ้าอยากรู้กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ก็ลองดูสถิติการส่งออกค่ะ อาจได้ไอเดียพอสมควร
อ่านกระทู้นี้มาพักนึงแล้ว ชอบแนวคิดกับวิธีการทำงานของคุณ April มากครับ + ให้อีก 1 ครับ เพราะปกติ คนเรามักไม่ยอมลงมือ หรือไม่ก็เลิกกลางทางซะก่อน แต่ที่อ่านนี่ มีปัญหาก็ค่อยๆแก้ไป ทำไปเรื่อย ผ่านไปทีละขั้น มันหลักการง่ายๆครับ ปัญหาแยะๆใหญ่ๆ ก็ย่อยมันลงเป็นทีละชิ้นแล้วก็แก้ไปทีละขั้น ถ้าเรามองภาพใหญ่อย่างเดียวบางทีมันท้อ แล้วเลิกได้ครับ
แถมวิธีคิด ก็ดีมาก ค่อยๆปรับเก็บคู่ค้า ผู้ผลิตไว้กับเรา นี่แหละครับ ที่จะทำให้เราอยู่ในตลาดได้ในระยะยาว
ที่จะแนะนำเพิ่มคือ พยายามสร้างความต่างของผลิตภัณเราด้วย เพราะความต่างแค่นิดเดียว มันทำให้เราขายได้ แต่คู่แข่งขายไม่ได้ ผมลองมาแล้ว ไม่ใช่แข่งด้านราคาอย่างเดียว
ไม่ใช่แค่คนไทย พวกเล่นง่ายๆก็ลดราคา คิดได้อย่างเดียวคือลดราคา
คิดง่ายๆ ก็จบง่ายๆ ตายไป คนซื้อได้เต็มๆ แต่ไอ้คนขายเฮงซวยมาทำลายตลาดพอไม่เวิร์ค พาคนอื่นตายด้วย ดังนั้น สร้างจุดต่าง และสินค้าคุณจะพิสูจน์ตัวมันเองครับ
เราก็เห็นด้วยว่าคุณ April รอบคอบดีจังทำธุรกิจค่อยๆมีกำไรอย่างมั้นคง และคุณ Loc,know ว่าอย่าขายของคัดราตา รายได้ส่วนหนึ่งขอวเราเป็น Supplier ให้กัยคนขายอีเบย์ใน US ส่วนหนึ่ง
ขายของออกได้เร็ว
เราจะมี message ในแต่ละ รายการสินค้าว่า
If you'd like to purchase in bulk, I 'll give you a special discount.เตยมีลูกค้าที่ US บอกว่าถ้าฉันซื้อของเธอเยอะ เธออย่าขายของตัดราคาได้ไหม
เราก็บอกว่าได้ ไม ต้องกังวล เราไม่ขายของตัวนี้บน eBay ไปขายที่ etsy แทน
อีกหนึ่งวิธีขายคือเอาคู่แข่งบน eBay เป็นพันธมิตร เรา สินค้าจะได้ราคาดี มาถึงน้องใหม่ที่โดน Limit ขายสมมต 100 รายการต่อเดือน น้องต้องกลับไปเช็คดูว่า ใน 100 ห็รายการนี้ ขายของออกกี่รายการ อย่าตะบึ้ตะบันลงขายของแบบไม่วิเคราะห์
เดี๋ยวจะมาบอกทีหลังว่าก้าวข้ามอย่างไร เทคกะนิค แยบยล จิงๆเลยฮาฟ อ่าน 3 ก๊กมาป่าวเนี่ย
เขาว่าคนที่อ่านสามก๊กจบ เป็นคนคบไม่ได้ เจ๊ไม่ได้อ่านสามก๊กจบแต่ดูหนังชุดสามก๊กจบไม่รู้จะคบได้หรือเปล่า มาดูวิธีที่คุณ April เขาทำธุรกิจเขาทำการบ้านมาค่อนข้างดี คื :wanwan016:อ
มาวิเคราะห์ตัวสินค้า1 หาสินค้าที่ทำกำไรมาขาย
2 สินค้านี้ขายได้กำไรเท่าไหร่ / 1 หน่วย
3 ใน 1 เดือนเขาจะขายสินค้าตัวนี้ได้กี่ชิ้น
4 คุณ April หวังว่าจะได้กำไรขั้นต่ำ 1 แสน UP ใน 1 เดือน
ตรงนี้น้องจับจุดได้หรือยังว่าสินค้าที่จะขายบนร้านใน eBay ควรจะเป็นสินค้าประเภทใด กำไร = ยอดขาย – ต้นทุน
1 สินค้าที่คุณ April นำมาขายบน eBay เป็นสินค้าที่ขายได้ตลอดทั้งปี ไม่ตกรุ่นคู่แข่งน้อยไม่มีการทำสินค้าลอกเลียนแบบขาย
2 สินค้าที่ขายมีกำไรมากกว่า 100 %
3 สินค้าที่ขายคาดว่าขายออกวันละ 5 ชิ้น กำไรชิ้นละ $40
1 เดือนขายได้ 150 ชิ้น กำไรทั้งหมด $6000 เป็นเงิน 180,000 บาท ฝรั่งเรียกตัวเลขนี้ว่า Arbitrate Opportunity
เกิดจากการเอาจำนวนครั้ง(จำนวนชิ้น) ของสินค้าที่คาดว่าจะขายได้ใน 1 เดือนx กำไรต่อหน่วย ส่วนตัวของพี่จะเอาสินค้าลงขายในร้านค้าสัก 1 รายการก็ต่อเมื่อสินค้านี้ทำกำไรอย่างน้อย$600 / 1 เดือน
เพราะพี่มีข้อจำกัดเรื่องแรงงาน แรงงานประจำคือพี่คนเดียว
ของพี่เป็นร้าน Basic Store ซึ่ง eBay ให้ลงสินค้าได้ 150 รายการใน 1 เดือน
ดังนั้นกำไรของพี่ควรจะเป็น $600 x150 =
?? คือ รายได้ที่ดีที่สุด
ดังนั้นน้องที่บอกว่า เบื่อที่โดน eBay limit การขาย
สิ่งที่น้องควรทำควรไปหาสินค้ามาขายเป็นสินค้าที่ให้ ค่า Arbitrate Opportunity เยอะๆที่พี่เขียน Arbitrate Opportunity เพราะว่าบางคนอาจจะไปเรียนคอร์ส dropship ที่พี่เห็นค่าอบรม 9,000 บาท
ซึ่งเขาจะมีหัวข้อ Arbitrate tools คือวิเคราะห์สินค้าที่ได้ กำไร ดี
ลอง login เข้าไปใน eBay ใน หลายๆประเทศ สินค้าอะไรขายดี