ในระหว่างที่คุณใช้เวลามากจนเกินไปกับการทำ SEO คุณอาจลืมว่าบางครั้งมีเคล็ดลับที่สามารถทำได้ง่ายขึ้น
ในปีที่ผ่านๆมาได้ยินเรื่องราวอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับบุคคลที่ต้องการที่จะประสบความสำเร็จในการทำ SEO แต่ความต้องการนี้ไม่เคยประสบผลสำเร็จเนื่องจากต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก หรือ นักพัฒนา SEO มีงบประมาณไม่พอตามที่ต้องการ
เนื่องจากการทำ SEO เต็มรูปแบบจะต้องเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงแก้ไขกลยุทธ์สำหรับการปรับปรุงข้อมูล, ให้ความสนใจกับปัจจัยการออกแบบเว็บไซต์เพื่อทำ SEO, การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ, การสร้างลิงค์ ขั้นตอนทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลามากและจากความคิดนี้ทำให้หลายๆบริษัทไม่สนใจที่จะทำ SEO
สำหรับใครที่เป็นประเภทเดียวกับที่เราได้กล่าวถึง ลองมาอ่านวิธีการปรับปรุงแก้ไข SEO แบบรวดเร็ว 8 ข้อนี้ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถสร้างผลลัพธ์ในแง่ดีของทราฟฟิคการค้นหาอย่างเป็นธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับการเพิ่มสีสันให้กับ SEO ข้อมูลนี้ค่อนข้างเป็นข้อมูลพื้นฐานแต่ควรจะจำว่าเราควรตรวจสอบส่วนใดเป็นรายวันสำหรับเว็บไซต์ที่มีเวลาให้กับการทำ SEO เพียงน้อยนิดแต่ต้องการดำเนินการอย่างรวดเร็ว ความเป็นจริงคือคุณสามารถจัดการรายการใดรายการหนึ่งข้างต้นได้ในช่วงเวลากาแฟยามเช้าของคุณและภายในสัปดาห์ต่อมาให้คุณหาโอกาสในการเพิ่มทราฟฟิคเว็บไซต์เพิ่ม
1. ตรวจสอบไฟล์ Robots.txt ของคุณ - ประเมินการติดแท็ก Meta Robot ของคุณหากคุณมีไฟล์ robots.txt ในเว็บไซต์ของคุณ ตรวจสอบได้โดยไปที่ /robots.txt คุณอาจประหลาดใจที่พบหน้าเว็บ, โฟลเดอร์, รูปภาพ ฯลฯ ที่ถูกระงับจากเสิร์ชเอนจินที่สามารถนำทราฟฟิคมาให้แก่เว็บไซต์ของคุณ
นอกจากนี้การสแกนเว็บไซต์ด้วยเครื่องมือเช่น Screaming Frog ในการตรวจสอบว่ามีหน้าเว็บใดในเว็บไซต์ของคุณที่คุณไม่ได้ใส่แท็ก meta robot ทั้งสองประการนี้คือการแก้ไขอย่างเร่งด่วนหากคุณพบปัญหา
หน้าเว็บที่มีแท็กที่ไม่รู้จักหรือรายการ robots.txt มักเกิดจากการที่นักพัฒนาลืมลบหรือแก้ไขเนื้อหาเก่าเมื่อเปิดใช้งานหน้าเว็บใหม่ หรือ ผู้ดูแลเว็บไซต์คนก่อนเห็นว่าเนื้อหานี้ไม่สำคัญ
2. ตรวจสอบ CTR แบบธรรมชาติของเว็บไซต์จากหน้าเว็บ -แก้ไของค์ประกอบชื่อเรื่องและคำอธิบาย Meta ของหน้าเว็บที่แย่ที่สุดทั้งสองเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพอัตรา conversion และเป็นเคล็ดลับ ในการทำSEO ในตอนนี้ SEO รูปแบบใหม่จะให้ความสำคัญกับข้อความที่คุณส่งอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเสิร์ชเอนจินหรือผู้ใช้ก็ตาม
Google ให้ข้อมูลอัตรา click-through ในหน้า landing และคีย์เวิร์ดในบัญชี Google Analytics ของคุณ คุณไม่คิดว่าพวกเขาจะให้ข้อมูลนี้ด้วยความเต็มใจใช่ไหม? พวกเขาสนใจเว็บไซต์ที่มีคุณลักษณะที่น่าสนใจและแสดงผลลัพธ์การค้นหาที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้
ในขณะที่คุณมีหน้า landing จำนวนมากพร้อมอัตราตีกลับที่แย่ ให้ระบุหน้าที่แย่ที่สุดเพียงหนึ่งหน้าหรือหน้าเพียงบางส่วนเพื่อช่วยให้คุณสามารถแก้ไขได้ในช่วงเวลาสั้นๆเพื่อส่งผลให้ผู้ใช้ต้องการคลิกมัน เพียงเข้าไปที่บัญชี Google Analytics ของคุณและควรตรวจสอบแหล่งที่มาของการเข้าชม- การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา-หน่วยหน้า Landing Page คุณสามารถทำการทดสอบคีย์เวิร์ดได้ในส่วนนี้
ในที่สุดคุณจะพัฒนาเว็บไซต์ของคุณให้ถูกใจเสิร์ชเอนจินและคุณสามารถรักษาจำนวนผู้เข้าชมได้ในเวลาเดียวกัน
3. ประเมินความเป็นที่ยอมรับของโดเมนของคุณใช้เวลาเพียงครู่หนึ่งในการแก้ไขการทำซ้ำเนื้อหาและการ Dilution ของค่าลิงค์ซึ่งจะมีผลต่ออันดับของเว็บไซต์
หน้าเว็บของเว็บไซต์คุณยังเป็น
www.example.com และ example.com หรือไม่? หากใช่คุณจำเป็นต้องสร้าง 301 redirect เพื่อเชื่อมหน้าเว็บที่ไม่ใช่ www. ทั้งหมดไปยังหน้าเว็บแบบ www.ของเว็บไซต์คุณ
เสิร์ชเอนจินไม่ต้องการเห็นเนื้อหาของคุณทั้งสองแบบ มันจะมีประโยชน์หากรวมลิงค์ขาเข้าในแบบเดียวกันลงในหน้าเว็บหนึ่งหน้า เนื่องจากหลายๆลิงค์ไม่ได้มุ่งเป้าไปยังหน้าเว็บแบบ www ของเว็บไซต์ของคุณ
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://blog.uptopromo.com/?p=1138