ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comความรู้ทั่วไปGeneral (ถามคุยวิชาการ IM)►►► เบื่องานประจำแล้ว ลาออกมาทำงานเอง เป็นเจ้านายตัวเองดีกว่า !!! ◄◄◄
หน้า: 1 2 3 [4] 5   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ►►► เบื่องานประจำแล้ว ลาออกมาทำงานเอง เป็นเจ้านายตัวเองดีกว่า !!! ◄◄◄  (อ่าน 16197 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jaeuykub
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 17
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 318



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #60 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2013, 09:34:56 »

อ่านแล้วมีพลัง  wanwan003
บันทึกการเข้า

Irsaro
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 101
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,142



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #61 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2013, 09:36:11 »

นี่แหละครับ คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า

ส่วนผมออกได้ครึ่งปีแล้ว ยังแฮปปี้ดี

แม้เพื่อนจะน้อยลง ก็ทำให้เรารู้ว่าใครคือเพื่อนเราจริงๆ
บันทึกการเข้า

topgd68
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 17
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 325



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #62 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2013, 09:37:57 »

ชอบมากเลยครับ ตรงใจมาก wanwan003
บันทึกการเข้า

sheridan
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 104



ดูรายละเอียด
« ตอบ #63 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2013, 09:42:24 »

เห็นด้วยครับ แต่เราต้องประเมินตัวเองดีๆก่อนครับว่า พร้อมหรือยัง เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะประสพความสำเร็จ

เพราะถ้าออกมานาน แล้วจะกลับไปหางานอีก มันไม่ง่าย

ถ้าคุณมีภาระครอบครัว มีลูก หรือพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยง ยิ่งต้องคิดให้ดี

ทางที่ดี ค่อยๆออกมา ช่วงทำงานประจำ ก็ลองทำงานที่สนใจควบคู่ไปก่อนดีกว่าครับ

เป็นห่วง
บันทึกการเข้า
iCeEffecT
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 14
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 177



ดูรายละเอียด
« ตอบ #64 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2013, 11:24:06 »

สุดยอดครับกระทู้นี้ อ่านแล้วไฟลุกเลย ผมเองตอนนี้อยู่ในภาวะนี้พอดีเลย กำลังทำงานนอกอยู่ เป็นงานตัวเอง แต่ก็ไม่มีเวลามากในแต่ละวัน เลิกงานก็ดึก เสาร์อาทิตย์บางครั้งก็อยากพักผ่อน อยากไปเที่ยว คิดเข้าข้างตัวเองตลอด เพราะผมไม่จริงจังกับมันนี่เอง แต่สุดท้ายผมก็เริ่มแล้วและมันมาได้ไกลจนจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ผมจะทำต่อ และจะไม่ออกจากงานประจำตราบใดที่ความสำเร็จจากงานนอกยังไม่เกิด ผมมาอ่านกระทู้นี้ได้แรงบันดาลใจกับคนทำงานประจำแล้วทำงานควบคู่ได้ดีมากเลยครับ ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่เอาประสบการณ์มาแชร์ด้วยนะครับ

อ่านแล้วได้ข้อคิดอีกข้อหนึ่ง เหมือนกับเราให้งานประจำเป็นเบาะรองให้เรา เมื่อเราทำงานนอกของเราล้ม หรือไม่ประสบผลสำเร็จ เราก็ยังมีเบาะรองอยู่คืองานประจำยังให้รายได้เราอยู่ ซึ่งมันก็เป็นธรรมดาของคนที่คิดเริ่มต้น ต้องไม่กลัวความล้มเหลว แต่งานนอกเราก็ยังได้ประสบการณ์ ให้ก้าวต่อไป อย่ายอมแพ้ สู้ๆครับทุกท่าน
บันทึกการเข้า
fozzilkung
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 8
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 255



ดูรายละเอียด
« ตอบ #65 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2013, 12:11:16 »

ตั้งแต่ผมเรียนจบมา ก็มาทำ im อยู่บ้าน ตจว เลยครับ ไม่เคยทำงานประจำ ไม่มีสังคม เพื่อนน้อย
ผมทำทั้งๆที่ไม่รู้ว่ารายได้จะพอกินมั้ย แถมยังฉุดแฟนมาทำด้วยกันอีก 2 ปาก 2 ท้อง ก็ต้องพยายามละ
พอทำ im ได้ประมาณปีกว่าๆ ก็มีเงินก้อนนึง ไม่มาก ก็เลยเปิดร้านเกมที่บ้านซะเลย มีไม่กี่เครื่องครับ ขยับขยายในเวลาต่อมา
แต่ตอนนี้รายได้ไม่ค่อยดีเท่าไรครับ ลงทุนก็เยอะ แต่ก็พอเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าของใช้ในบ้านได้ครับ ก็เลยทนๆ เปิดต่อไป  - -*
ส่วนงานทางเน็ตของผม ทำมาครบ 4 ปีแล้ว รายได้ไม่ถือว่าเยอะอะไรมากมาย แต่ก็พอมีกินมีใช้มีเก็บบ้างครับ ไม่เดือดร้อน
ตอนนี้ก็หาหนทางใหม่ๆทำอยู่ครับ  กำลังลองผิดลองถูก แต่ก็ยังไม่สำเร็จเลย เป็นเหมือนที่ จขกท พูดเลย คือ มีข้ออ้างเยอะ งานเยอะบ้าง ไม่มีเวลาศึกษาบ้าง
ก็เลยไม่ถึงไหนซะทีครับ  Tongue แต่ยังไงก็จะสู้ๆครับ ผมต้องทำให้สำเร็จให้ได้ ลงทุนไปแล้วด้วย
บันทึกการเข้า
sakirei
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 172



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #66 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2013, 12:34:38 »

ยังกล้าๆกลัวๆ
บันทึกการเข้า
pooklook
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 32
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 320



ดูรายละเอียด
« ตอบ #67 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2013, 13:27:39 »

เราก็ทำ 2 อย่าง ทั้งประจำและ im ตอนนี้ตีกันมั่วไปหมด งานประจำก็เยอะขึ้นด้วยอายุงานและความรับผิดชอบ เหนือยโฮกๆๆ ยิ่งงานวิชาการอีก ตอนนี้สมองเบลอไปหมด แต่ยังไงก็ยังรักงานประจำอยู่ค่ะ ก็ขอทำจนกว่าจะทำไม่ไหวแหละ แก่ตัวไปจะได้ไม่เป็นภาระลูกหลาน  Embarrassed
บันทึกการเข้า

มายบุดด้า มึน
washiravit
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 525
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,501



ดูรายละเอียด
« ตอบ #68 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2013, 13:33:41 »

เพื่อนร่วมงานผมทุกคนที่พูดกับผมว่า "กุอยากทำนู้น กุอยากทำนี่" พร้อมบอกความฝันเสร็จสรรพ แผนการเป๊ะ!!!
ทุกวันนี้ผ่านมา 2 ปีแล้ว ก็ยังคงเป็นพนักงานกินเงินเดือน นั่งโต๊ะตัวเดิม หน้าคอมตัวเดิม พอผมย้อนกลับไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น
คำตอบที่ได้ Simple มากครับ "ไม่มีเวลา" หรือ "ตอนนี้กุมีความสุขดีแล้ว"

ซะงั้น!!!

นักเศรษฐศาสตร์บอกว่าถ้าอยากรวย คุณต้องไม่มีเิงินเดือน
ความกดดันจะทำให้คุณรู้จักการทุ่มเทแบบเหนือมนุษย์
เหมือนเวลาไฟไหม้มนุษย์สามารถยกโอ่งน้ำได้
นั่นหมายความว่าชีวิตที่ไม่มีความกดดัน ก็ย่้อมไม่มีพลังสำหรับลูกบ้าครับ

ที่สำคัญผมมองว่าการลาออก ต้องอาศัยการตัดสินใจแบบเฉียบขาด
บางครั้งต้องให้มันเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ

ตอนที่ผมลาออกครั้งแรก ตอนนั้นแม่ผมป่วย เป็นมะเร็ง
ผมใช้เวลา 3 นาทีทิ้งงานที่ดีที่สุดในชีวิต พร้อมเงินเก็บ 3 หมื่นกว่าบาท
ส่วนเรื่องค่ารักษาเหรอครับ มี 2 ทางเลือก 1. รอใช้สิทธิ์ฟรี 2. จ่ายสด รักษาเดี๋ยวนั้น
เราเลือกข้อ 2 เพราะเรื่องอย่างนี้ใครรอได้ก็นับถือแล้ว

เคาะราคาค่ารักษาคร่าวๆ 55555+
แพงเท่ารถ Eco Car ล่างๆครับ
ต่อให้ผมเอาเงินเดือนทั้งปี + โบนัส แถมไม่กินไม่ใช้ด้วย ก็ยังไม่พอค่ารักษาครับ

หา เติมไม้เอก มนุษย์เงินเดือนที่ไม่มีเงินรักษาแม่ ถุย นี่เหรอวะ คุณค่าของชีวิตผม
ทุกวันนี้ผมทำเพื่ออะไรฟะ ทำงานมาตั้งหลายปี พอเจอวิกฤตครั้งเดียว ไปไม่ถูกเลย
องค์กรได้ชีวิตของผมไป แต่ครอบครัวผมไม่ได้อะไรจากผมเลย

ตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกเชี่ยๆ

ถุย!!! อีกครั้ง

แต่โชคดีที่พี่สาวผมวางแผนเรื่องการเงินมาดี

ทุกๆวันผมต้องไปโรงพยาบาลกับแม่ ครอบครัวเราช่วยกันดูแลจนแม่หาย
ประเด็นคือการไปโรงพยาบาลทุกวัน ทำให้ผมเห็นสัจธรรมของการเกิด แก่ เจ็บ ตายอย่างแท้จริง
เห็นศพเด็ก 3 ขวบ เห็นสาว 17 เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เห็นนักธุรกิจ 40 ล้านกลายเป็นคนเอ๋อ
เห็นข้าราชการมีบำนานแต่รักษาโรคให้หายขาดไม่ได้เพราะยาที่ทำให้หายขาดหลอดละล้าน
เห็นเจ้าของกิจการหมดอาลัยตายอยาก เห็นแม่ร้องไห้เพราะลูกป่วย
เห็นคนสมองบวมที่มีรอยตะขาบเย็บแผลคาดจากหัวลงมาถึงหน้าผาก
เห็นศพที่ถูกชำแหละ ห้องดับจิต พิพิธภัณฑ์มนุษย์ และอีกมากมายที่เขียนไม่หมด

ชีวิตเรามันก็แค่เนี๊ย แล้วเรายังเอาชีวิตอันน้อยนิดของเราไปเร่ขายอีกเหรอ

ผมตัดสินใจ กราบตรีนพ่อแม่ ขอเวลา 6 เดือนไปทำตามฝัน
ถ้าเจ๊งจะกลับไปเป็นลูกจ้างเหมือนเดิม แต่ตอนนี้ ขอซักครั้งในชีวิต
เป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง

ผมซื้อหนังสือจิตวิทยาทุกเล่มที่น่าสนใจ อ่านหนังสือเกี่ยวกับการขาย
ฝึกพูดหน้ากระจก ไปดูเวลานักธุรกิจคุยงานเขาวางตัวยังไง
อ่านหนังสือคนดัง Steve Jobs วอรเรน บัพเฟต อ่านนิยาย
ดู Keynote ดังๆ ไปออกกำลังกาย เล่นกล้าม เล่นโยคะ

ทั้งหมดเพื่อวันเดียว วันที่จะไปขายงานลูกค้าครั้งแรก

เริ่มต้นการเป็น Design Freelance  เดือนแรก ยอดถล่มทลายครับ
1,600 บาท แสรด นอนกอดบัญชีธนาคารร้องไห้เลย
เรามันกระจอก เสร่อ อวดเก่ง ปากดี บอกจะประสบความสำเร็จ ถุย

แต่โชคดี พ่อแม่ พี่สาวและแฟนให้กำลังใจ โดยเฉพาะแม่ ขนาดป่วยแท้ๆยังมาให้กำลังใจคนแข็งแรง
เอาวะ สู้อีกครั้ง ผมไปสมัครงานครับ เเหะๆๆๆๆ

สมัครงานไปหลายที่ มีที่หนึ่งเคยทาบทามผม ผมกลับไปหาเขา คุยกันเรื่องเงินเดือน โอเค แพงอยู่ ตกลงละกันครับ
ปรากฏว่าคุยไปคุยมา ตอนจะเซ็นสัญญา ผมเกิดนึกถึงแม่ขึ้นมาได้ (ตอนนั้นแม่ยังไม่หาย อยู่ในระหว่างการรักษา)
ถ้านี่เป็นปีสุดท้ายทีเ่ราจะได้อยู่ด้วยกันละ ถ้านี่เป็นโอกาสสุดท้ายจริงๆละ

ผมตัดสินใจ กราบเจ้าของกิจการ เบี้ยวเขาซะดื้อๆ

จากนั้นผมก็ลองสู้ครับ โทรไปหาลูกค้าหลายเจ้ามากๆ
ไม่มีใครสนใจเลย ทุกคนมองข้าม Freelance ตัวเล็กๆอย่างผมไป
จนกระทั่งพี่คนหนึ่งโทรมาหาผม บอกว่าว่างมั้ย พี่มีงานให้ทำ

ผมบอกเลยว่าว่าง เก๊กท่าสุดฤทธิ์ นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเรียกว่า Present งาน
ในกระเป๋าตังค์ผมไม่มีเงินแล้ว แต่ผมต้องเก๊กว่างานเยอะมากครับ ยุ่งมากครับ

เล่นตัว โดยเอาอนาคตเป็นเดิมพัน

สุดท้าย คุยกันเกือบครึ่งวัน ได้งานครับ ต้องขอบคุณลูกค้าจริงๆครับ เป็นลูกค้าที่มีพระคุณต่อผมจริงๆ
เพราะนอกจากจะให้เงินเราแล้ว ยังสอนงานเราด้วย

ขอบพระคุณครับ

หลังจากนั้นผมก็เจอลูกค้าผู้ที่มีพระคุณท่านที่สอง จาก Thaiseoboard ครับ ท่านนี้นอกจากจะให้วิธีคิดแล้ว
ยังสอนวิธีขายงาน วิธีคุยกับลูกค้า วิธีสร้างความมั่นคง ผมรักลูกค้าสองท่านนี้มาก ผมทำให้เขาสุดความสามารถครับ
ถึงแม้พลาดบ้าง แป๊กบ้าง แต่ลูกค้าสองท่านนี้ก็ให้โอกาสผมครับ

และลูกค้าท่านที่สาม คนนี้ผมอึ้งที่สุด เป็นชายหนุ่มวัยรุ่นคนไทยกับฝรั่งที่เป็นนักลงทุน
ทั้งสองคนเป็นคนไฟแรงทั้งคู่ แรงจะกระทั่งพระอาทิตย์ที่ว่าร้อนยังเย็นไปเลย
สองคนนี้ให้โอกาสผมทำงานระดับเมกะโปรเจ็ค ซึ่งเป็นงานที่ท้าทายที่สุดในชีวิต และน่าสนุกที่สุดในชีวิตที่เคยเจอมา

วันนี้ผมไม่หันหลังกลับไปทำงานประจำแล้วครับ ผมรักชีวิตแบบนี้
ส่วนรายได้เหรอ หุๆๆๆ ทำงาน 4 เดือน เท่ากับงานประจำ 1 ปี บอกได้แค่เนี๊ย

ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบนะครับ
จะตัดสินใจอะไรก็รีบๆ เวลาคนเรามีน้อย
จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไหนจะคนในครอบครัวเราอีก
อยากจะทำอะไร รีบครับ ก่อนที่จะไม่ได้ทำอีกเลย

สุดท้ายผมบอกได้คำเดียวว่า สาธุ เอ๊ย โชคดีครับ

ปล ขอยกคำเก่าๆมาลงอีกรอบครับ เป็นคำที่ผมเคยเขียนเอาไว้

อ้างถึง
ยังไงซะ วันหนึ่งเราก็ต้องลาออกอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นเพราะเบื่องาน อายุเยอะ เงินเดือนน้อย หรือความตายพรากเรา

ถ้าเป็นยุคสมัยก่อน ผมคิดว่าเราควรจะโฟกัสไปที่ความมั่นคง
แต่ถ้าเป็นสมัยนี้ ผมโฟกัสว่าทำตามหัวใจเถอะครับ

ตอนนี้ผมเป็น Freelance เต็มตัว ลาออกเพราะเหตุการณ์บังคับ
ตอนแรกไม่กล้าจะเป็นนายตัวเอง ไม่กล้าจะเป็นเสือหิว
แต่ปรากฏว่าพอลาออกจากงานปุ๊ป

ตอนนี้ผมเป็นคนตกงานที่ได้เงินมากกว่าตอนทำงานกินเงินเดือนอีก

ที่สำคัญคือไม่ต้องผจญรถติด ไปกินชาบูชิก็ไม่่ต้องต่อคิว
ไปดูหนังวันพุธ 100 บาท ลานจอดรถตามห้างก็หาง่าย
นอนดึกแค่ไหนก็ได้ ตื่นตอนไหนก็ได้
เลือกงานให้ตัวเองได้ วันเสาร์อาทิตย์ทำงาน
วันจันทร์ถึงศุกร์ทำงานด้วยเที่ยวด้วย
กอดพ่อแม่ตอนกี่โมงก็ได้ ได้นวดให้พ่อแม่กี่โมงก็ได้
ไม่อยากทำงานก็ออกไปตะลอนหาไอเดียก็ได้
กินข้าวตอนบ่าย 3 ก็ได้
ไปกินสตาร์บัคคิดงานก็ได้
อ่านหนังสือการ์ตูนตอน 5 โมงก็ได้
ไม่สบายนอนต่อก็ได้
ที่สำคัญผมเชื่อว่าผมมีความสุขสุดๆด้วย

พอเราได้พบปะลูกค้ามากขึ้น เราก็เองเหมือนเจอเพื่อนที่คุยถูกคอมากขึ้นครับ : )

ผมมองว่าตั้งแต่ผมเป็น Freelance ผมสนุกกับการทำงานมาก
ผมมีความสุขกับการทำงานให้คนที่มี Passion ต่อสิ่งที่เรากำลังจะทำอย่างแรง
ทำงานผ่านเซลล์ไม่สนุกเพราะเป้าหมายของเซลล์คือค่าคอม
แต่ทำงานกับลูกค้าเองสนุกเพราะเป้าหมายของเขาคือทำให้ชีวิตของลูกค้าของเขาดีขึ้นครับ

ดังนั้นถ้าคุณพร้อมผมขอสนับสนุน
วันแรกของการลาออกคุณจะได้เห็นภาพรถของเหล่ามนุษย์เงินเดือนติดเเหงก
แต่ละคนเบียดเสียดปาดไปปาดมาโดยไม่อยากให้ตัวเองไปสาย
ในขณะที่คุณได้แค่ยืนมองคนเหล่านั้นอยู่บนบ้าน
คุณจะไม่ต้องเผชิญรถติดตั้งแต่ 7 โมงเช้า จนถึง 2 ทุ่มหลังกลับบ้าน

ตอนนี้ผมกำลังเขียน e-book เพื่อยุให้คนกล้าออกมาทำตามความฝันให้เป็นจริง
ผมหวังว่าจะได้รับการตอบรับจากทุกๆคนที่มีความฝันและต้องการแรงยุให้เป็นจริงให้ได้ครับ

จาก http://www.thaiseoboard.com/index.php?topic=326514.40


อ้างถึง
ผมลาออกในวันที่แม่ผมไปตรวจร่างกาย
และปรากฏว่าเป็นมะเร็งระยะที่สามครับ
ตอนนั้นเงินเดือนไม่มีความหมาย เพราะสิ่งที่ผมต้องการคือเวลา
เวลาที่จะอยู่กับคนที่เรารัก

ทำไมออฟฟิตต้องใช้เวลา 8 ชั่วโมงต่อวัน
ทำไมการเลิกงานก่อนทั้งๆที่เราทำงานเสร็จหมดแล้วคือตราบาป
ทำไมเจ้านายไปนั่งกินสตาร์บัคตอนบ่าย 2 สบายใจเฉิบแต่เราทำไม่ได้
ทำไมเซลล์รับปากกับลูกค้าแบบ Yes to all แต่งานของเราต้องกดดันเพราะคนอื่น
ทำไมเราต้องตื่นเช้าเสียเวลาหลายชั่วโมงเเค่เฉพาะการเดินทาง
ทำไมเราต้องแบกสังขารทั้งๆที่ไม่สบายเพื่อเงินเดือน
ทำไมการทำงานเยอะกว่าคนอื่นแต่เข้างานสายถึงได้ถูกตัดเงิน
ทำไมเลิกงานดึกแต่ไม่ได้ OT
ทำไมเราทำเงินให้องค์กรได้เยอะมากๆ แต่เรากลับได้เงินเดือนเท่าเดิม
ทำไมเราต้องเสียเวลาเพื่อทำให้คนอื่นสุขสบายและร่ำรวย
ทำไมเราต้องรอใช้ชีวิตตอนแก่สำหรับการรักษาสุขภาพเพราะทำงานหามรุ่งหามค่ำจากวัยหนุ่ม
ทำไมผลงานทั้งหมดของเราเป็นของออฟฟิต ไม่ใช่ของเรา
ทำไมเราต้องเอาชีวิตที่มีน้อยนิดไปขายให้คนอื่นด้วย
จาก http://pantip.com/topic/30573824/comment25


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 ตุลาคม 2013, 13:36:46 โดย washiravit » บันทึกการเข้า

AffiliateMarketer
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 50
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 415



ดูรายละเอียด
« ตอบ #69 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2013, 13:35:34 »

ผมเบื่อทำงานของตัวเองแล้ว อยากมีธุจกิจที่เดินได้ด้วยตัวเอง จะได้ไปเที่ยวรอบโลกซัก 2 ปี  Tongue
บันทึกการเข้า
aungsi
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 19
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 295



ดูรายละเอียด
« ตอบ #70 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2013, 13:55:01 »

แวะมาให้กำลังใจ จ้ะ สู้ๆนะคะ และ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆค่ะ wanwan008
บันทึกการเข้า


รับแก้ไขปัญหา cms
hikhalu
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 156



ดูรายละเอียด
« ตอบ #71 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2013, 14:08:28 »

 wanwan023 อ่านๆดูแล้ว ก็ใช้เป็นข้อมูลที่ใช้ตัดสินใจ อนาคตได้เหมือนกันนะครับ ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

ก้าวต่อไปทาเคชิ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
careeralive
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 362
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,192



ดูรายละเอียด
« ตอบ #72 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2013, 14:11:14 »

เพื่อนร่วมงานผมทุกคนที่พูดกับผมว่า "กุอยากทำนู้น กุอยากทำนี่" พร้อมบอกความฝันเสร็จสรรพ แผนการเป๊ะ!!!
ทุกวันนี้ผ่านมา 2 ปีแล้ว ก็ยังคงเป็นพนักงานกินเงินเดือน นั่งโต๊ะตัวเดิม หน้าคอมตัวเดิม พอผมย้อนกลับไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น
คำตอบที่ได้ Simple มากครับ "ไม่มีเวลา" หรือ "ตอนนี้กุมีความสุขดีแล้ว"

ซะงั้น!!!

นักเศรษฐศาสตร์บอกว่าถ้าอยากรวย คุณต้องไม่มีเิงินเดือน
ความกดดันจะทำให้คุณรู้จักการทุ่มเทแบบเหนือมนุษย์
เหมือนเวลาไฟไหม้มนุษย์สามารถยกโอ่งน้ำได้
นั่นหมายความว่าชีวิตที่ไม่มีความกดดัน ก็ย่้อมไม่มีพลังสำหรับลูกบ้าครับ

ที่สำคัญผมมองว่าการลาออก ต้องอาศัยการตัดสินใจแบบเฉียบขาด
บางครั้งต้องให้มันเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ

ตอนที่ผมลาออกครั้งแรก ตอนนั้นแม่ผมป่วย เป็นมะเร็ง
ผมใช้เวลา 3 นาทีทิ้งงานที่ดีที่สุดในชีวิต พร้อมเงินเก็บ 3 หมื่นกว่าบาท
ส่วนเรื่องค่ารักษาเหรอครับ มี 2 ทางเลือก 1. รอใช้สิทธิ์ฟรี 2. จ่ายสด รักษาเดี๋ยวนั้น
เราเลือกข้อ 2 เพราะเรื่องอย่างนี้ใครรอได้ก็นับถือแล้ว

เคาะราคาค่ารักษาคร่าวๆ 55555+
แพงเท่ารถ Eco Car ล่างๆครับ
ต่อให้ผมเอาเงินเดือนทั้งปี + โบนัส แถมไม่กินไม่ใช้ด้วย ก็ยังไม่พอค่ารักษาครับ

หา เติมไม้เอก มนุษย์เงินเดือนที่ไม่มีเงินรักษาแม่ ถุย นี่เหรอวะ คุณค่าของชีวิตผม
ทุกวันนี้ผมทำเพื่ออะไรฟะ ทำงานมาตั้งหลายปี พอเจอวิกฤตครั้งเดียว ไปไม่ถูกเลย
องค์กรได้ชีวิตของผมไป แต่ครอบครัวผมไม่ได้อะไรจากผมเลย

ตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกเชี่ยๆ

ถุย!!! อีกครั้ง

แต่โชคดีที่พี่สาวผมวางแผนเรื่องการเงินมาดี

ทุกๆวันผมต้องไปโรงพยาบาลกับแม่ ครอบครัวเราช่วยกันดูแลจนแม่หาย
ประเด็นคือการไปโรงพยาบาลทุกวัน ทำให้ผมเห็นสัจธรรมของการเกิด แก่ เจ็บ ตายอย่างแท้จริง
เห็นศพเด็ก 3 ขวบ เห็นสาว 17 เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เห็นนักธุรกิจ 40 ล้านกลายเป็นคนเอ๋อ
เห็นข้าราชการมีบำนานแต่รักษาโรคให้หายขาดไม่ได้เพราะยาที่ทำให้หายขาดหลอดละล้าน
เห็นเจ้าของกิจการหมดอาลัยตายอยาก เห็นแม่ร้องไห้เพราะลูกป่วย
เห็นคนสมองบวมที่มีรอยตะขาบเย็บแผลคาดจากหัวลงมาถึงหน้าผาก
เห็นศพที่ถูกชำแหละ ห้องดับจิต พิพิธภัณฑ์มนุษย์ และอีกมากมายที่เขียนไม่หมด

ชีวิตเรามันก็แค่เนี๊ย แล้วเรายังเอาชีวิตอันน้อยนิดของเราไปเร่ขายอีกเหรอ

ผมตัดสินใจ กราบตรีนพ่อแม่ ขอเวลา 6 เดือนไปทำตามฝัน
ถ้าเจ๊งจะกลับไปเป็นลูกจ้างเหมือนเดิม แต่ตอนนี้ ขอซักครั้งในชีวิต
เป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง

ผมซื้อหนังสือจิตวิทยาทุกเล่มที่น่าสนใจ อ่านหนังสือเกี่ยวกับการขาย
ฝึกพูดหน้ากระจก ไปดูเวลานักธุรกิจคุยงานเขาวางตัวยังไง
อ่านหนังสือคนดัง Steve Jobs วอรเรน บัพเฟต อ่านนิยาย
ดู Keynote ดังๆ ไปออกกำลังกาย เล่นกล้าม เล่นโยคะ

ทั้งหมดเพื่อวันเดียว วันที่จะไปขายงานลูกค้าครั้งแรก

เริ่มต้นการเป็น Design Freelance  เดือนแรก ยอดถล่มทลายครับ
1,600 บาท แสรด นอนกอดบัญชีธนาคารร้องไห้เลย
เรามันกระจอก เสร่อ อวดเก่ง ปากดี บอกจะประสบความสำเร็จ ถุย

แต่โชคดี พ่อแม่ พี่สาวและแฟนให้กำลังใจ โดยเฉพาะแม่ ขนาดป่วยแท้ๆยังมาให้กำลังใจคนแข็งแรง
เอาวะ สู้อีกครั้ง ผมไปสมัครงานครับ เเหะๆๆๆๆ

สมัครงานไปหลายที่ มีที่หนึ่งเคยทาบทามผม ผมกลับไปหาเขา คุยกันเรื่องเงินเดือน โอเค แพงอยู่ ตกลงละกันครับ
ปรากฏว่าคุยไปคุยมา ตอนจะเซ็นสัญญา ผมเกิดนึกถึงแม่ขึ้นมาได้ (ตอนนั้นแม่ยังไม่หาย อยู่ในระหว่างการรักษา)
ถ้านี่เป็นปีสุดท้ายทีเ่ราจะได้อยู่ด้วยกันละ ถ้านี่เป็นโอกาสสุดท้ายจริงๆละ

ผมตัดสินใจ กราบเจ้าของกิจการ เบี้ยวเขาซะดื้อๆ

จากนั้นผมก็ลองสู้ครับ โทรไปหาลูกค้าหลายเจ้ามากๆ
ไม่มีใครสนใจเลย ทุกคนมองข้าม Freelance ตัวเล็กๆอย่างผมไป
จนกระทั่งพี่คนหนึ่งโทรมาหาผม บอกว่าว่างมั้ย พี่มีงานให้ทำ

ผมบอกเลยว่าว่าง เก๊กท่าสุดฤทธิ์ นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเรียกว่า Present งาน
ในกระเป๋าตังค์ผมไม่มีเงินแล้ว แต่ผมต้องเก๊กว่างานเยอะมากครับ ยุ่งมากครับ

เล่นตัว โดยเอาอนาคตเป็นเดิมพัน

สุดท้าย คุยกันเกือบครึ่งวัน ได้งานครับ ต้องขอบคุณลูกค้าจริงๆครับ เป็นลูกค้าที่มีพระคุณต่อผมจริงๆ
เพราะนอกจากจะให้เงินเราแล้ว ยังสอนงานเราด้วย

ขอบพระคุณครับ

หลังจากนั้นผมก็เจอลูกค้าผู้ที่มีพระคุณท่านที่สอง จาก Thaiseoboard ครับ ท่านนี้นอกจากจะให้วิธีคิดแล้ว
ยังสอนวิธีขายงาน วิธีคุยกับลูกค้า วิธีสร้างความมั่นคง ผมรักลูกค้าสองท่านนี้มาก ผมทำให้เขาสุดความสามารถครับ
ถึงแม้พลาดบ้าง แป๊กบ้าง แต่ลูกค้าสองท่านนี้ก็ให้โอกาสผมครับ

และลูกค้าท่านที่สาม คนนี้ผมอึ้งที่สุด เป็นชายหนุ่มวัยรุ่นคนไทยกับฝรั่งที่เป็นนักลงทุน
ทั้งสองคนเป็นคนไฟแรงทั้งคู่ แรงจะกระทั่งพระอาทิตย์ที่ว่าร้อนยังเย็นไปเลย
สองคนนี้ให้โอกาสผมทำงานระดับเมกะโปรเจ็ค ซึ่งเป็นงานที่ท้าทายที่สุดในชีวิต และน่าสนุกที่สุดในชีวิตที่เคยเจอมา

วันนี้ผมไม่หันหลังกลับไปทำงานประจำแล้วครับ ผมรักชีวิตแบบนี้
ส่วนรายได้เหรอ หุๆๆๆ ทำงาน 4 เดือน เท่ากับงานประจำ 1 ปี บอกได้แค่เนี๊ย

ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบนะครับ
จะตัดสินใจอะไรก็รีบๆ เวลาคนเรามีน้อย
จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไหนจะคนในครอบครัวเราอีก
อยากจะทำอะไร รีบครับ ก่อนที่จะไม่ได้ทำอีกเลย

สุดท้ายผมบอกได้คำเดียวว่า สาธุ เอ๊ย โชคดีครับ

ปล ขอยกคำเก่าๆมาลงอีกรอบครับ เป็นคำที่ผมเคยเขียนเอาไว้

อ้างถึง
ยังไงซะ วันหนึ่งเราก็ต้องลาออกอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นเพราะเบื่องาน อายุเยอะ เงินเดือนน้อย หรือความตายพรากเรา

ถ้าเป็นยุคสมัยก่อน ผมคิดว่าเราควรจะโฟกัสไปที่ความมั่นคง
แต่ถ้าเป็นสมัยนี้ ผมโฟกัสว่าทำตามหัวใจเถอะครับ

ตอนนี้ผมเป็น Freelance เต็มตัว ลาออกเพราะเหตุการณ์บังคับ
ตอนแรกไม่กล้าจะเป็นนายตัวเอง ไม่กล้าจะเป็นเสือหิว
แต่ปรากฏว่าพอลาออกจากงานปุ๊ป

ตอนนี้ผมเป็นคนตกงานที่ได้เงินมากกว่าตอนทำงานกินเงินเดือนอีก

ที่สำคัญคือไม่ต้องผจญรถติด ไปกินชาบูชิก็ไม่่ต้องต่อคิว
ไปดูหนังวันพุธ 100 บาท ลานจอดรถตามห้างก็หาง่าย
นอนดึกแค่ไหนก็ได้ ตื่นตอนไหนก็ได้
เลือกงานให้ตัวเองได้ วันเสาร์อาทิตย์ทำงาน
วันจันทร์ถึงศุกร์ทำงานด้วยเที่ยวด้วย
กอดพ่อแม่ตอนกี่โมงก็ได้ ได้นวดให้พ่อแม่กี่โมงก็ได้
ไม่อยากทำงานก็ออกไปตะลอนหาไอเดียก็ได้
กินข้าวตอนบ่าย 3 ก็ได้
ไปกินสตาร์บัคคิดงานก็ได้
อ่านหนังสือการ์ตูนตอน 5 โมงก็ได้
ไม่สบายนอนต่อก็ได้
ที่สำคัญผมเชื่อว่าผมมีความสุขสุดๆด้วย

พอเราได้พบปะลูกค้ามากขึ้น เราก็เองเหมือนเจอเพื่อนที่คุยถูกคอมากขึ้นครับ : )

ผมมองว่าตั้งแต่ผมเป็น Freelance ผมสนุกกับการทำงานมาก
ผมมีความสุขกับการทำงานให้คนที่มี Passion ต่อสิ่งที่เรากำลังจะทำอย่างแรง
ทำงานผ่านเซลล์ไม่สนุกเพราะเป้าหมายของเซลล์คือค่าคอม
แต่ทำงานกับลูกค้าเองสนุกเพราะเป้าหมายของเขาคือทำให้ชีวิตของลูกค้าของเขาดีขึ้นครับ

ดังนั้นถ้าคุณพร้อมผมขอสนับสนุน
วันแรกของการลาออกคุณจะได้เห็นภาพรถของเหล่ามนุษย์เงินเดือนติดเเหงก
แต่ละคนเบียดเสียดปาดไปปาดมาโดยไม่อยากให้ตัวเองไปสาย
ในขณะที่คุณได้แค่ยืนมองคนเหล่านั้นอยู่บนบ้าน
คุณจะไม่ต้องเผชิญรถติดตั้งแต่ 7 โมงเช้า จนถึง 2 ทุ่มหลังกลับบ้าน

ตอนนี้ผมกำลังเขียน e-book เพื่อยุให้คนกล้าออกมาทำตามความฝันให้เป็นจริง
ผมหวังว่าจะได้รับการตอบรับจากทุกๆคนที่มีความฝันและต้องการแรงยุให้เป็นจริงให้ได้ครับ

จาก http://www.thaiseoboard.com/index.php?topic=326514.40


อ้างถึง
ผมลาออกในวันที่แม่ผมไปตรวจร่างกาย
และปรากฏว่าเป็นมะเร็งระยะที่สามครับ
ตอนนั้นเงินเดือนไม่มีความหมาย เพราะสิ่งที่ผมต้องการคือเวลา
เวลาที่จะอยู่กับคนที่เรารัก

ทำไมออฟฟิตต้องใช้เวลา 8 ชั่วโมงต่อวัน
ทำไมการเลิกงานก่อนทั้งๆที่เราทำงานเสร็จหมดแล้วคือตราบาป
ทำไมเจ้านายไปนั่งกินสตาร์บัคตอนบ่าย 2 สบายใจเฉิบแต่เราทำไม่ได้
ทำไมเซลล์รับปากกับลูกค้าแบบ Yes to all แต่งานของเราต้องกดดันเพราะคนอื่น
ทำไมเราต้องตื่นเช้าเสียเวลาหลายชั่วโมงเเค่เฉพาะการเดินทาง
ทำไมเราต้องแบกสังขารทั้งๆที่ไม่สบายเพื่อเงินเดือน
ทำไมการทำงานเยอะกว่าคนอื่นแต่เข้างานสายถึงได้ถูกตัดเงิน
ทำไมเลิกงานดึกแต่ไม่ได้ OT
ทำไมเราทำเงินให้องค์กรได้เยอะมากๆ แต่เรากลับได้เงินเดือนเท่าเดิม
ทำไมเราต้องเสียเวลาเพื่อทำให้คนอื่นสุขสบายและร่ำรวย
ทำไมเราต้องรอใช้ชีวิตตอนแก่สำหรับการรักษาสุขภาพเพราะทำงานหามรุ่งหามค่ำจากวัยหนุ่ม
ทำไมผลงานทั้งหมดของเราเป็นของออฟฟิต ไม่ใช่ของเรา
ทำไมเราต้องเอาชีวิตที่มีน้อยนิดไปขายให้คนอื่นด้วย
จาก http://pantip.com/topic/30573824/comment25





ซึ้งเลย เห็นภาพชัดเจนเลยครับ

Comfort zone ก็คือ comfort zone ถ้าไม่ฝืนก้าวขาออกมาก็จะไม่ได้ออกไปเจอโลกกว้างตลอดไปจริงๆ เพราะจะติดกับความรู้สึกมั่นคงอยู่ใน comfort zone ของชีวิต
บันทึกการเข้า
ptteppawong
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 316
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,787



ดูรายละเอียด
« ตอบ #73 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2013, 14:17:03 »

อ่านกระทู้นี้เมื่อคิดถึงตัวเองเมื่อ 4-5 เดือนก่อน

http://www.thaiseoboard.com/index.php?topic=310334.0


ปัจจุบันผมลาออกมามีชีวิตเป็นของตัวเองที่อยากเป็น ได้ 4 เดือนกว่า ๆ แล้ว  การเงินไปได้ดี รายได้มากกว่าเงินเดือนประจำหลายเท่าเลยครับ

อยากตื่นเมื่อไหร่ตื่นแต่ต้องไม่กระทบกับงาน คือต้องใีวินัยในการทำงานส่วนตัวของตัวเองด้วย อยากนอนเมื่อไหร่นอน

ทำงานให้ตัวเองกับทำงานให้คนอื่น ความรู้สึกมันต่างกันมากนะครับ  งานของเราเราทุ่มเทได้เต็มที่  งานประจำ เมื่อไหร่จะเลิกงานสักทีวะ  วันจันทร์อีกละ เบื่อว่ะ เมื่อไหร่จะถึงวันหยุดอีกวะ เมื่อไหร่จะถึงเวลาเลิกงาน แต่ทำงานของตัวเอง ขอให้มีงานเข้ามาเยอะ ๆ นักหนาสาหัวแค่ไหนก็จะทำ....
บันทึกการเข้า
cookiesze
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 14
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 511



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #74 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2013, 14:37:27 »

ทำกิจการอะรัยอยู่ค่ะ


ตอนนี้ก็ตกงานอยู่  หางานทำยากมากเลยค่ะ
บันทึกการเข้า

pongpatkku2
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 95
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,257



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #75 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2013, 15:24:43 »

 wanwan017 wanwan017 ขอบคุณสำหรับแง่คิดมากครับ สุดยอดเลย
บันทึกการเข้า

เรื่องการทำเกษตร สำหรับท่านใดที่สนใจการเลี้ยงปลาดุก หรือการเลี้ยงกุ้งฝอย รวมถึงเรื่องราวของเรื่องเกษตรกรอื่นๆ ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่อีสานร้อยแปด นอกจากนี้ยังมีบทความเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในภาคอีสานเช่น วัดถ้ำผาแด่น หรือถ้าหากอยากจะฝึกพูดภาษาท้องถิ่นภาคอีสาน เช่น ภาษาอีสาน ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน เพราะอีสานร้อยแปดรวบรวมภาษาอีสานไว้มากที่สุด ณ ตอนนี้
weeoil
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 38



ดูรายละเอียด
« ตอบ #76 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2013, 17:19:01 »

เราออกจากงานประจำมาทำ IM ได้ปีครึ่งแล้วค่ะ ก่อนจะออกก็ทำควบคู่งานประจำมาได้ประมาณ 2 ปี ทำแบบทิ้งๆขว้างๆ ได้เงิน Adsense มากินหนมเดือนละ 3-6 พัน พอดีเพื่อนที่แนะนำให้รู้จัก IM เคยคุยๆกันไว้ว่าถ้าออกจากงานประจำมาทำเต็มตัวจะช่วยเหลือจนกว่าจะมีรายได้ที่พออยู่ได้ (แพลนๆไว้ว่าอยากจะมีรายได้สักเดือนละ 35,000 ก็พออยู่ได้แล้ว) เลยตัดสินใจออกค่ะ ออกมาแบบมีหนี้ท่วมหัว (2 ล้านกว่า) อยู่ด้วยนะ แบบว่าเพิ่งกู้ซื้อบ้านผ่าน ซึ่งเราคิดว่าบางทีเราก็ตัดสินใจอะไรห่ามๆเกินไปเหมือนกันนะ  Sad


ช่วง 1 ปีแรกที่ออกมาเรียกได้ว่าลำบากสุดๆไปเลย เพราะ IM ยังไม่ได้ผลตามที่หวัง รายได้ต่อเดือน + เพื่อนช่วยก็พอแค่ผ่อนบ้านกับจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ เหลือกินน้อยมาก บางเดือนเหลือกินแค่วันละ 50 บาท เครียดสุดๆ เหนื่อยและท้อเหมือนกันแต่ก็ไม่ถอย จนสุดท้ายเมื่อต้นปีได้ไอเดียทำเว็บๆนึงขึ้นมาแล้วไปได้ดี ถือว่าเป็นเว็บช่วยชีวิตเลย ช่วยให้ลืมตาอ้าปากได้เลยทีเดียว ทุกวันนี้รายได้หลักก็มาจากเว็บนี้ รายได้ก็เป็นไปตามที่หวังไว้ บางเดือนได้ดีๆก็เกินจากที่หวังไว้เกือบ 3 เท่า แต่เราก็ไม่ประมาทละ พยายามหาทางเพิ่งรายได้ด้วยการหา Affiliate อื่นๆไปด้วย ถึงจะยังไปไม่ได้ดีเท่าไหร่ แต่ก็พยายามอยู่ค่ะ  Tongue


ส่วนเรื่องเหงา จะว่าไปก็เหงาเหมือนกันนะ เพราะเราออกมาทำงานเองทีบ้านคนเดียว อยู่คนเดียว แถมย้ายจากกทม.มาตั้งรกรากที่ต่างจังหวัดอีกตะหาก มาแบบไม่รู้จักใครและทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้จักใครอยู่ดี ไปไหนมาไหนก็ไปคนเดียวซึ่งไม่มีปัญหาค่ะ เพราะเราก็ไปไหนมาไหนคนเดียวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่เราไม่มีเวลามานั่งเวิ่นเว้อกับความเหงาค่ะ เพราะต้องเอาเวลามานั่งคิดว่าจะทำยังไงให้รายได้เพิ่ม หวังว่าจากนี้ไปคงอยู่ได้แบบไม่ลำบาก ไม่ต้องรวยได้เดือนละหลายแสนก็ได้ ขอแค่ไม่ต้องกลับไปเขียมมีเงินใช้แค่วันละ 50 บาทก็พอใจแล้ว Cry


สรุปแล้วทุกวันนี้เราพอใจกับการออกมาทำงานของตัวเองนะคะ ถึงจะมีช่วงที่ลำบากไปบ้าง แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ได้ลำบากเพื่อให้คนอื่นรวย ไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้าไปสแกนนิ้วเข้างาน ทำงานที่ตัวเองไม่ได้ชอบ ทุกวันนี้รายได้เฉลี่ยมากกว่าตอนที่ทำงานประจำประมาณ 2 เท่า ไม่มากมายเหมือนเทพคนอื่นแต่ก็ภูมิใจ ได้แต่นึกกับตัวเองว่า "รู้งี้ออกมาตั้งนานแล้ว น่าจะรู้จักงานสาย IM นี้ตั้งแต่อายุน้อยๆนะ จะได้เริ่มให้เร็วกว่านี้"  wanwan019
บันทึกการเข้า
holidaytours
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 291
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,581



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #77 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2013, 17:28:24 »

บางคนไปได้ไกลแล้ว สุดยอดมาก
 wanwan003

ของผมตอนนี้สาหัสมาก มีปัญหาหลาย ๆ เรื่องที่เข้ามา
ไม่ค่อยดีเลยตอนนี้
 Lips Sealed
บันทึกการเข้า

herewego
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 14
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 198



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #78 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2013, 08:56:50 »

สุดยอด ทุกคอมเม้นเลยครับ

พอถึงวันที่จะต้องจ่ายเงินลงทุน กลับถอยกลับซ่ะงั้น ผมละทำใจไม่ได้จริงๆ ขอกลับไปทบทวนอีกรอบครับ
บันทึกการเข้า

Accord G9, New Accord 2013, ห้องคนขับ คุยกันเรื่องรถ แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ปัญหา ข้อสงสัย การดูแลรักษาเครื่องยนต์ Accord G9
http://www.accordg9.com/
flashstep
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 109
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,389



ดูรายละเอียด
« ตอบ #79 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2013, 08:59:20 »

ออกมาทำ IM ตั้งแต่สมัย อเมซอนยังบูมๆ เว็บปั่นกำลังเฟื่องฟู ได้เงินมาก้อนนึง ก็เอามาลงทุนในกิจการส่วนตัวที่เพิ่งเริ่มทำเมื่อ 3 ปีก่อน
ตอนนี้ธุรกิจนั้นอยู่ได้แล้ว ก็ค่อยๆ เฟดตัวออกมาจาก IM เพื่อดูแลธุรกิจเต็มตัวครับ
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 2 3 [4] 5   ขึ้นบน
พิมพ์