ดูจากลิ้งค์นี้แล้วอ่อนใจนะครับ
http://www.ocpb.go.th/mline.php?offset=0&search=
รายชื่อผู้ประกอบการที่จดทะเบียนตลาดแบบตรง
ถ้าทั้งหมดมีเท่านี้จริงๆ
(197 ราย) และถ้าทาง สคบ. ท่านจะเข้มงวด เอาผิดตาม พรบ. จริงๆ (โทษสูงสุดคือ จำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 1แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
บอกได้คำเดียวว่า
คุกไม่พอขังครับสงสัยต้องโทรไปถามเองซะแล้ว
*หมายเหตุ หลังจากที่เช็ครายชื่อทั้ง 197 รายที่จะทะเบียนการตลาดแบบตรงพบว่า
ไม่มีรายชื่อธนาคารที่มาขึ้นทะเบียนแม้แต่ธนาคารเดียว ทั้งๆที่ท่านโทรหาผู้บริโภค(เอาเบอร์มาจากไหนก็ไม่รู้ จู่โจมโดยไม่บอกกล่าว)
โทรมาขายประกัน ขายบัตรเครดิต ขายสินเชื่อ โทรมาบ่อยๆ แบบนี้เข้าข่ายการตลาดแบบตรงหรือไม่ ถ้าเข้าข่าย เหตุใดธนาคารไม่จดแจ้ง และเหตุใด สคบ. วางเฉย
เหตุใด ท่าน สคบ. ไม่ส่งหนังสือแจ้งทาง ธนาคารทุกแห่ง ปล่อยปะละเลยมาได้ยังไงถึง 11ปี
(มี บริษัท อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี.ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)และ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ขึ้นทะเบียนนี้ แต่บริษัทอื่นๆไปไหน ? หรือว่าจดก็ได้ไม่จดก็ได้?
บริษัท กรุงเทพประกัน ชีวิต จำกัด (ในเว็บของ สคบ.แจ้งว่า ยกเลิกการประกอบธุรกิจไปแล้ว แต่ยังประกอบกิจการอยู่ หมายความว่าอย่างไร ? หรือยกเลิกการจดทะเบียนการตลาดแบบตรงได้ ?) )
ต่อไป เห็นรายชื่อ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนนี้ แต่ บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิทเทม จำกัด (โลตัส) ไม่ได้จดทะเบียนนี้
แสดงว่าแม้แต่ในส่วนของธุรกิจเดียวกัน ยังมีจดกับไม่จด ท่าน สคบ. ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการอย่างไร
ถามว่า ระหว่างผู้ค้ารายย่อยในอินเทอร์เน็ต กับผู้ค้ารายใหญ่ เวลาเกิดความเสียหาย ใครสร้างความเสียหายได้มากกว่ากัน
แล้วท่านควรจะโฟกัสไปที่ใดก่อน และสมควรหรือไม่ที่ท่านจะต้องออกมาแถลงข่าวให้ประชาชนทั่วไปรับทราบ ว่าแท้จริงแล้วกฎหมายฉบับนี้ที่ท่านอ้าง
มีอำนาจบังคับควบคุม ครอบจักรวาลเช่นนั้นจริงหรือไม่ อย่างไร กฤษฎีกาตีความหรือยัง ประกาศให้มีผลบังคับใช้หรือยัง ประกาศโดยใคร เมื่อไหร่ อย่างไร
ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่ต้องให้บริการประชาชน ท่านมีหน้าที่ต้องชี้แจงผ่านสื่อสาธารณะ
ไม่ใช่ไปตีความใหม่ทั้งๆที่กฎหมายบังคับใช้มา 11 ปีแล้ว อยู่ๆก็ตีความใหม่แล้วบอกว่า คุณกระทำผิดกฎหมายนะ มีโทษจำคุกมีโทษปรับเท่านั้นเท่านี้
เพราะภาษาที่ใช้ใน พรบ. ชุดนี้ แม้แต่นักกฎหมายเอง ยังตีความกันไปคนละทิศละทาง
จะสรุปแบบเหมารวมแบบนี้ไม่เป็นธรรมกับประชาชนนะครับ
ที่บ้านเมืองเรา วุ่นวายทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะว่ากฎหมายเราไม่เข้มงวดหรือไม่ศักดิ์สิทธฺ์นะครับ
แต่ปัญหามันอยู่ที่ ผู้ที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย ยังทำหน้าที่ของตนเองไม่ดีพอต่างหาก
กฎหมายที่แท้จริงแล้ว ไม่ต้องมีการตีความใดๆเลยครับ เพราะถ้าต้องตีความ ทั้งโจทก์และจำเลย ต่างก็ต้องตีความเข้าข้างตัวเองก่อนเสมอ
หลักการพิจารณาคดี จึงไม่หยิบยกเอาข้อกฎหมายที่ยังไม่ชัดเจน มาตัดสิน เพราะมันจะมีช่องโหว่ ว่าถ้าคุณตีความแบบนั้นได้ ผมก็ตีความแบบนี้ได้ แล้วใครจะเป็นคนตัดสิน ใครมีอำนาจตีความ
มันจะเถียงกันไม่มีวันจบสิ้น กฎหมายจึงพิจารณาจากตัวบทบัญญัติ ที่ถูกระบบุไว้ชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น
ลักทรัพย์คือลักทรัพย์ ฉ้อโกงคือฉ้อโกง ข่มขืนคือข่มขืน ฆาตกรรมคือฆาตกรรม ไม่ต้องตีความเพิ่มอีก
ไม่ใช่ว่า การตลาดแบบตรง.... การตลาดแบบตรงคือ.... แล้วก็ไม่ระบุว่าคือธุรกิจอะไรบ้าง
โชคดีที่ไม่ระบุเป็นคำว่า การตลาด เฉยๆ แบบนี้ก็กว้างเกินไป ไม่ระบุว่าทุกธุรกิจที่ต้องทำการตลาดต้องขึ้นทะเบียนทั้งหมด จะได้ไม่ต้องเถียงกัน