หนัง กับ ชีวิตจริงต่างกันครับ หนัง 2 ชั่วโมงมันเลยดูง่าย แต่ในโลกความจริง คนละเรื่องนะครับ ไม่ได้บอกว่าทำไม่ได้แต่ต้องเข้าใจสิ่งที่อยู่ข้างในที่เรามองไม่เห็นเพราะหนังไม่อาจสื่อรายละเอียดได้
ผมเป็น Purchase ของ retail ใหญ่ๆ ตัวผมเองอยู่วงการนี้ผมยังไม่คิดจะไปทำสินค้าส่งพวกเขาเลยครับ
อันนี้รวมๆนะ ไม่ได้เจาะจงว่า 7/11 แต่ละที่มีนโยบายพื้นฐานคล้ายๆกัน detal ต่างกัน อันนี้คร่าวๆ
1. การนำสินค้าเข้า retailer ส่วนมากมี entry fee คิด item ละ 50,000-100,000 บาท ต่อ SKU ครับ (ต่อรองได้) น้ำสีแดง = 1 SKU ถ้าคุณมีน้ำ 10 สี = 10 SKU จ่ายค่าแรกเข้า 500,000-1,000,000 บาทครับ เจ้าใหญ่ๆ จ่ายกันแบบนี้ครับ List สินค้าใหม่ทีนึงให้กันครึ่งล้านบาทครับ แล้วปูพรมทั้ง shelf ส่วนรายย่อยที่ performance ไม่ดีก็เข้าคิวรอโดน "หักขา" คือการนำออกจาก shelf เพื่อขยายที่ให้คนที่จ่ายให้ห้าง พวกนี้ไม่ใช่ใต้โต๊ะนะครับ เป็นนโยบายห้างเลยครับ ต้องเข้าที่ประชุมจัดซื้อตลอดว่าเมื่อใดจะเอาใครออกจะเอาใครเข้า ฯลฯ
2. การนำของไปขายต้องมีการตั้งเป้ายอดขาย หรือ sales target ลงในสัญญา คุณทำยังไงก็ได้ให้ของขายได้
-จัดโปรโมทชั่น
-ลงโฆษณา
-จัดชิม
พวกนี้งบคุณทั้งหมดครับ ถ้าอยากลงโบรชัวของห้าง คุณก็จ่ายครับ แล้งเขาจะเอาคุณไปลงโบรชัว สินค้าใหม่มีโอกาสพิสูจน์ 3 เดือน ถ้าไม่ได้ตามเป้า ถอนออกจากพื้นที่ครับ อยากขายต้องสมัครใหม่ จ่ายค่า entry fee ใหม่
3. ถ้าคุณอยากลงหัวชั้น อยาก display ตรงเคาเตอร์แคชเชียร์ คุณต้องจ่ายครับ ที่เด่นๆพวกนี้ไม่ได้ฟรีครับ
4. ถ้าจะส่งของให้ retail กำลังส่งต้อง 100% หากขาดส่ง มีโอกาสโดนเด้งออกจากพื้นที่ โดยเฉพาะ supplier หน้าใหม่
5. เครดิตเทอม ส่วนมาก 2 เดือน
การทำค้าขายกับ retail หลักๆ สายป่านต้องยาวมาก โดยเฉพาะตอนเริ่ม เพราะเวลาของลงพื้นที่ มันไม่ได้ลงสาขาเดียว ลงเป็นหลายสิบสาขา ค่าสินค้าล็อตแรกหลักแสนหรือล้านบาทครับ ล็อตแรกต้องรอ 2-4 เดือนกว่าจะได้เงิน และบางห้างฯ
"บิลแรกไม่จ่าย" แต่ถ้ายอดใหญ่มากๆ เขาอาจกันไว้ส่วนหนึ่งที่จะไม่จ่าย
บิลแรกทำไมไม่จ่าย...เขาเอาไว้เป็นค่ามัดจำ จะจ่ายเมื่อเลิกทำการค้ากันแล้วหากมีค่าเสียหายหรือคุณทำอะไรให้เขาเสียหายเขาจะหักเงินจากบิลแรกครับ ผมไม่รู้ว่านโยบายนี้ยังใช้อยู่ใหม่ แต่ตอนผมอยู่ เขาใช้กันครับ
ส่วนข้อดีของการทำค้าขายกับห้างคือ ความมั่นคงในระดับหนึ่ง เพราะหากคุณมีสินค้าดี ขายดี มี margin และ supply ให้เขาตามต้องการ กลุ่ม retail แทบจะเป็นลูกค้าตลอดชีพของคุณเลย คือเขาจะซื้อกับคุณเรื่อยๆ ต่างจากการขายส่งพวกร้านอาหารที่จะใช้วิธี bidding ใครถูกสุดซื้อคนนั้นเป็นต้น
สรุปนะครับ ถ้าอยากค้าขาย
แนะนำ e-commerce ดีกว่าครับ และหากใช้ Eng ได้ เขียนได้ สื่อสารได้ในระดับที่ทำงานได้ก็ค้าขายกับฝรั่งไปเลยครับ