ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comความรู้ทั่วไปGeneral (ถามคุยวิชาการ IM)พี่ ๆๆคิดอยากจะ ทำของส่ง เซเว่น อีเลฟเว่น ไหมคับ
หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: พี่ ๆๆคิดอยากจะ ทำของส่ง เซเว่น อีเลฟเว่น ไหมคับ  (อ่าน 10636 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ronnapee
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 266



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 08 กันยายน 2013, 21:09:40 »

พี่ ๆๆคิดอยากจะ ทำของส่ง เซเว่น อีเลฟเว่น ไหมคับ มีแนวคิดกันยังไงอะคับ ผมว่า ถ้าเข้าได้จะรวย แบบ เถ้าแก่น้อย นะคับ มีแนวทางไร บอก หน่อยคัับ
บันทึกการเข้า

http://thai-carcare.blogspot.com   ครบเครื่องเรื่องรถยนต์
<b><b>สอนหารายได้ที่มั่นคง ทำควบคู่กับงานประจำหารายได้เสริมได้ทุกที่ได้เงินจริง100%   >>>http://goodtopupthaiteam.com/?...e=inpage1.html&id=ronnapee <<<</b></b>
Magic00
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 28
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 543



ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 08 กันยายน 2013, 21:41:36 »

อยากครับ แต่ยังไม่มีทุน กำลังหาครับ  wanwan011
บันทึกการเข้า

ถ้าความสามารถเรายังเท่าเดิม รายได้ไม่เพิ่มแน่นอน
mollyclick
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 10
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 300



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 09 กันยายน 2013, 00:32:06 »

พี่ ๆๆคิดอยากจะ ทำของส่ง เซเว่น อีเลฟเว่น ไหมคับ มีแนวคิดกันยังไงอะคับ ผมว่า ถ้าเข้าได้จะรวย แบบ เถ้าแก่น้อย นะคับ มีแนวทางไร บอก หน่อยคัับ

อย่าทำของที่คิดว่า 7/11 จะทำได้ง่ายๆ หมายถึง
แนวที่ 7/11 ถนัด คือของกิน แนวประเภท ฟาสฟู้ด อย่าริเชียว
ต่อให้ท่านอร่อยเลิศเลอ กะโดน 7/11 เอาไปทำเองหมด

ดูจาก ซาลาเปา เอา 5555+



บันทึกการเข้า

lalulalalulalala
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 492
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,195



ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 09 กันยายน 2013, 03:55:15 »

1.คิดโปรดักส์ก่อนค่ะ ว่าจะทำอะไร และเริ่มต้นทำ, สำหรับสินค้าบางอย่าง 7-11 มีค่าเชลฟ์ด้วยนะคะ < คือต้องจ่ายเงินซื้อตำแหน่งวางของ อย่างพวกขนมลูกอมแถวๆ เคาน์เตอร์เก็บเงิน

2.ทำแล้วมาดูกำลังการผลิตตัวเองก่อนค่ะ 7-11 เกือบ 7 พันสาขาทั่วประเทศ เราทำส่งเขาไหวไหม เขาไม่ได้สั่งสาขาละห่อหรือสาขาละลัง ค่ารถขนสินค้าไปอีก รถบรรทุกถ้าไม่มีก็ต้องไปเช่า ตรงนี้พิจารณากำลังการผลิต ต้นทุนสินค้า + ขนส่ง ว่าไหวไหม ถ้าไหวก็ลุยเลยค่ะ Smiley

3.ข้อ 2 ทั้งหมดพร้อมแล้วพร้อมมาดีไซน์แพ็กเก็ตก่อนค่ะ แพ็กเก็ตต้องสวย ดูดี ดึงดูด แหวกแนว วางขึ้นเซลฟ์แล้วต้องไม่แพ้แพ็กเก็ตงามๆ ของสินค้าอื่นๆ ใน 7-11 เพราะไม่ใช่แค่ 7-11 อยากจะได้แพ็กเก็ตที่ดูดีเท่านั้น แต่แพ็กเก็ตมันเป็นภาพลักษณ์ของสินค้า พอไปขึ้นเชลฟ์รวมกับโปรดักส์อื่นที่ทุนโฆษณาสูงเป็นที่รู้จักอยู่แล้วเราจะแข่งกับเขาได้หรือเปล่า ตรงนี้สำคัญมากค่ะ Tongue

4.ทุกอย่างพร้อมอะไรพร้อมเดินเข้าไปอาคาร CP Tower แล้วติดต่อฝ่ายการตลาดก่อนค่ะ ถ้าการตลาดดูว่าโอเค น่าจะขายได้เขาจะโยนเราไปจัดซื้อเอง ถ้าผ่านก็เตรียมรับออร์เดอร์ ลุย  wanwan034 ถ้าไ่ม่ผ่านก็แป็ก นั่งเย็บผ้าอยู่ที่บ้านต่อไป Cheesy

ทั้งหมดที่ว่ามาทุนไม่ใช่น้อยค่ะ Cry แต่เค้าเน้นกันอย่างนี้จริงๆ ค่าแพ็กเก็ตค่าอะไร วัตถุดิบ ขนส่ง แรงงาน บลาๆๆๆ ถ้าทุนไม่เยอะก็กระอักเลือดก่อนได้ตั้งโรงงานผลิต อย่างเถ้าแก่น้อยเค้ามีธุรกิจอยู่เดิมและมีเม็ดเงินพอที่จะขยายฐานตลาด มันก็เลยขยายตัวไปได้ง่ายๆ แต่ในกรณีที่เราไม่มีอะไรเลยนี่อยากมากค่ะ Tongue ยังไงก็ต้องเริ่มต้นจากการทำขายลองส่งร้านเล็กๆ ไปก่อน ถ้าดูแน้วโน้มพอจะดีแล้่วค่ิอยขยายฐานการตลาดไปที่ 7-11 อิ อิ  Embarrassed


บันทึกการเข้า

.........ตามให้ทัน ตามให้ทัน
LuisllSuarez
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 19
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 09 กันยายน 2013, 03:59:11 »

ทำอะไรมี่มันเป็นน้ำๆอะ กำไรดีโคตรๆ ต้นทุนไม่ถึง 5 บาท  wanwan023
บันทึกการเข้า
wear428
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 521
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,181



ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 09 กันยายน 2013, 04:05:35 »

ทำได้ก็รวยครับ
บันทึกการเข้า
KiYoMiJunZu
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 34
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 417



ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 09 กันยายน 2013, 04:22:37 »

เเนวทางมีครับ

- เเต่จะทำได้หรือป่าว
- เเล้ว 7/11 เห็นว่ามันดีเหมือนกับที่เราเห็นหรือมั้ย
- จังหวะอะรัยหลายๆอย่าง มันเอื้อให้เราหรือป่าว "ส่วนตัวไม่ค่อยชอบการรอคอยเท่าไหร่" ต้องพุ่งชน (ตอ หรือ ฟูก ก็อีกเรื่อง)
สรุป "เราต้องมองจากข้างนอกเข้ามาข้างใน" หาให้เจอนะครับ  wanwan003
บันทึกการเข้า

ขายบริการ!!! บริการนี้เหมาะสำหรับ
- ท่านที่มีทรัพยากรมากมาย เเต่เวลามีจำกัด
- ท่านที่งานล้นมือ ทำเองไม่หวาด ไม่ไหว
- ท่านที่อยากพักบ้าง เเล้วให้ใครสักคนทำงานเเทน

ค่าบริการเพียง!! สอนสิ่งที่ท่านรู้ให้ผม .. PM ได้เลยครับ ..
supaman
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 89
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,172



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 09 กันยายน 2013, 09:38:34 »

บอกตรงๆครับ ไม่ชอบ 7-11 แต่ทุกวันนี้ก็ต้องเข้า (บางที)

บันทึกการเข้า

careeralive
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 362
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,192



ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 09 กันยายน 2013, 10:32:40 »

หนัง กับ ชีวิตจริงต่างกันครับ หนัง 2 ชั่วโมงมันเลยดูง่าย แต่ในโลกความจริง คนละเรื่องนะครับ ไม่ได้บอกว่าทำไม่ได้แต่ต้องเข้าใจสิ่งที่อยู่ข้างในที่เรามองไม่เห็นเพราะหนังไม่อาจสื่อรายละเอียดได้

ผมเป็น Purchase ของ retail ใหญ่ๆ ตัวผมเองอยู่วงการนี้ผมยังไม่คิดจะไปทำสินค้าส่งพวกเขาเลยครับ

อันนี้รวมๆนะ ไม่ได้เจาะจงว่า 7/11 แต่ละที่มีนโยบายพื้นฐานคล้ายๆกัน detal ต่างกัน อันนี้คร่าวๆ

1. การนำสินค้าเข้า retailer ส่วนมากมี entry fee คิด item ละ 50,000-100,000 บาท ต่อ SKU ครับ (ต่อรองได้) น้ำสีแดง = 1 SKU ถ้าคุณมีน้ำ 10 สี = 10 SKU จ่ายค่าแรกเข้า 500,000-1,000,000 บาทครับ เจ้าใหญ่ๆ จ่ายกันแบบนี้ครับ List สินค้าใหม่ทีนึงให้กันครึ่งล้านบาทครับ แล้วปูพรมทั้ง shelf ส่วนรายย่อยที่ performance ไม่ดีก็เข้าคิวรอโดน "หักขา" คือการนำออกจาก shelf เพื่อขยายที่ให้คนที่จ่ายให้ห้าง พวกนี้ไม่ใช่ใต้โต๊ะนะครับ เป็นนโยบายห้างเลยครับ ต้องเข้าที่ประชุมจัดซื้อตลอดว่าเมื่อใดจะเอาใครออกจะเอาใครเข้า ฯลฯ

2. การนำของไปขายต้องมีการตั้งเป้ายอดขาย หรือ sales target ลงในสัญญา คุณทำยังไงก็ได้ให้ของขายได้
-จัดโปรโมทชั่น
-ลงโฆษณา
-จัดชิม
พวกนี้งบคุณทั้งหมดครับ ถ้าอยากลงโบรชัวของห้าง คุณก็จ่ายครับ แล้งเขาจะเอาคุณไปลงโบรชัว สินค้าใหม่มีโอกาสพิสูจน์ 3 เดือน ถ้าไม่ได้ตามเป้า ถอนออกจากพื้นที่ครับ อยากขายต้องสมัครใหม่ จ่ายค่า entry fee ใหม่

3. ถ้าคุณอยากลงหัวชั้น อยาก display ตรงเคาเตอร์แคชเชียร์ คุณต้องจ่ายครับ ที่เด่นๆพวกนี้ไม่ได้ฟรีครับ

4. ถ้าจะส่งของให้ retail กำลังส่งต้อง 100% หากขาดส่ง มีโอกาสโดนเด้งออกจากพื้นที่ โดยเฉพาะ supplier หน้าใหม่

5. เครดิตเทอม ส่วนมาก 2 เดือน

การทำค้าขายกับ retail หลักๆ สายป่านต้องยาวมาก โดยเฉพาะตอนเริ่ม เพราะเวลาของลงพื้นที่ มันไม่ได้ลงสาขาเดียว ลงเป็นหลายสิบสาขา ค่าสินค้าล็อตแรกหลักแสนหรือล้านบาทครับ ล็อตแรกต้องรอ 2-4 เดือนกว่าจะได้เงิน และบางห้างฯ "บิลแรกไม่จ่าย" แต่ถ้ายอดใหญ่มากๆ เขาอาจกันไว้ส่วนหนึ่งที่จะไม่จ่าย บิลแรกทำไมไม่จ่าย...เขาเอาไว้เป็นค่ามัดจำ จะจ่ายเมื่อเลิกทำการค้ากันแล้วหากมีค่าเสียหายหรือคุณทำอะไรให้เขาเสียหายเขาจะหักเงินจากบิลแรกครับ ผมไม่รู้ว่านโยบายนี้ยังใช้อยู่ใหม่ แต่ตอนผมอยู่ เขาใช้กันครับ

ส่วนข้อดีของการทำค้าขายกับห้างคือ ความมั่นคงในระดับหนึ่ง เพราะหากคุณมีสินค้าดี ขายดี มี margin และ supply ให้เขาตามต้องการ กลุ่ม retail แทบจะเป็นลูกค้าตลอดชีพของคุณเลย คือเขาจะซื้อกับคุณเรื่อยๆ ต่างจากการขายส่งพวกร้านอาหารที่จะใช้วิธี bidding ใครถูกสุดซื้อคนนั้นเป็นต้น

สรุปนะครับ ถ้าอยากค้าขาย แนะนำ e-commerce ดีกว่าครับ  wanwan004 และหากใช้ Eng ได้ เขียนได้ สื่อสารได้ในระดับที่ทำงานได้ก็ค้าขายกับฝรั่งไปเลยครับ
บันทึกการเข้า
Legendary Pon
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 56
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,216



ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 09 กันยายน 2013, 10:42:12 »

หนัง กับ ชีวิตจริงต่างกันครับ หนัง 2 ชั่วโมงมันเลยดูง่าย แต่ในโลกความจริง คนละเรื่องนะครับ ไม่ได้บอกว่าทำไม่ได้แต่ต้องเข้าใจสิ่งที่อยู่ข้างในที่เรามองไม่เห็นเพราะหนังไม่อาจสื่อรายละเอียดได้

ผมเป็น Purchase ของ retail ใหญ่ๆ ตัวผมเองอยู่วงการนี้ผมยังไม่คิดจะไปทำสินค้าส่งพวกเขาเลยครับ

อันนี้รวมๆนะ ไม่ได้เจาะจงว่า 7/11 แต่ละที่มีนโยบายพื้นฐานคล้ายๆกัน detal ต่างกัน อันนี้คร่าวๆ

1. การนำสินค้าเข้า retailer ส่วนมากมี entry fee คิด item ละ 50,000-100,000 บาท ต่อ SKU ครับ (ต่อรองได้) น้ำสีแดง = 1 SKU ถ้าคุณมีน้ำ 10 สี = 10 SKU จ่ายค่าแรกเข้า 500,000-1,000,000 บาทครับ เจ้าใหญ่ๆ จ่ายกันแบบนี้ครับ List สินค้าใหม่ทีนึงให้กันครึ่งล้านบาทครับ แล้วปูพรมทั้ง shelf ส่วนรายย่อยที่ performance ไม่ดีก็เข้าคิวรอโดน "หักขา" คือการนำออกจาก shelf เพื่อขยายที่ให้คนที่จ่ายให้ห้าง พวกนี้ไม่ใช่ใต้โต๊ะนะครับ เป็นนโยบายห้างเลยครับ ต้องเข้าที่ประชุมจัดซื้อตลอดว่าเมื่อใดจะเอาใครออกจะเอาใครเข้า ฯลฯ

2. การนำของไปขายต้องมีการตั้งเป้ายอดขาย หรือ sales target ลงในสัญญา คุณทำยังไงก็ได้ให้ของขายได้
-จัดโปรโมทชั่น
-ลงโฆษณา
-จัดชิม
พวกนี้งบคุณทั้งหมดครับ ถ้าอยากลงโบรชัวของห้าง คุณก็จ่ายครับ แล้งเขาจะเอาคุณไปลงโบรชัว สินค้าใหม่มีโอกาสพิสูจน์ 3 เดือน ถ้าไม่ได้ตามเป้า ถอนออกจากพื้นที่ครับ อยากขายต้องสมัครใหม่ จ่ายค่า entry fee ใหม่

3. ถ้าคุณอยากลงหัวชั้น อยาก display ตรงเคาเตอร์แคชเชียร์ คุณต้องจ่ายครับ ที่เด่นๆพวกนี้ไม่ได้ฟรีครับ

4. ถ้าจะส่งของให้ retail กำลังส่งต้อง 100% หากขาดส่ง มีโอกาสโดนเด้งออกจากพื้นที่ โดยเฉพาะ supplier หน้าใหม่

5. เครดิตเทอม ส่วนมาก 2 เดือน

การทำค้าขายกับ retail หลักๆ สายป่านต้องยาวมาก โดยเฉพาะตอนเริ่ม เพราะเวลาของลงพื้นที่ มันไม่ได้ลงสาขาเดียว ลงเป็นหลายสิบสาขา ค่าสินค้าล็อตแรกหลักแสนหรือล้านบาทครับ ล็อตแรกต้องรอ 2-4 เดือนกว่าจะได้เงิน และบางห้างฯ "บิลแรกไม่จ่าย" แต่ถ้ายอดใหญ่มากๆ เขาอาจกันไว้ส่วนหนึ่งที่จะไม่จ่าย บิลแรกทำไมไม่จ่าย...เขาเอาไว้เป็นค่ามัดจำ จะจ่ายเมื่อเลิกทำการค้ากันแล้วหากมีค่าเสียหายหรือคุณทำอะไรให้เขาเสียหายเขาจะหักเงินจากบิลแรกครับ ผมไม่รู้ว่านโยบายนี้ยังใช้อยู่ใหม่ แต่ตอนผมอยู่ เขาใช้กันครับ

ส่วนข้อดีของการทำค้าขายกับห้างคือ ความมั่นคงในระดับหนึ่ง เพราะหากคุณมีสินค้าดี ขายดี มี margin และ supply ให้เขาตามต้องการ กลุ่ม retail แทบจะเป็นลูกค้าตลอดชีพของคุณเลย คือเขาจะซื้อกับคุณเรื่อยๆ ต่างจากการขายส่งพวกร้านอาหารที่จะใช้วิธี bidding ใครถูกสุดซื้อคนนั้นเป็นต้น

สรุปนะครับ ถ้าอยากค้าขาย แนะนำ e-commerce ดีกว่าครับ  wanwan004 และหากใช้ Eng ได้ เขียนได้ สื่อสารได้ในระดับที่ทำงานได้ก็ค้าขายกับฝรั่งไปเลยครับ

ได้ความรู้ดีมากครับ ถึงจะเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง  wanwan017
บันทึกการเข้า

lo1ita
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 152



ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: 09 กันยายน 2013, 11:29:51 »

หนัง กับ ชีวิตจริงต่างกันครับ หนัง 2 ชั่วโมงมันเลยดูง่าย แต่ในโลกความจริง คนละเรื่องนะครับ ไม่ได้บอกว่าทำไม่ได้แต่ต้องเข้าใจสิ่งที่อยู่ข้างในที่เรามองไม่เห็นเพราะหนังไม่อาจสื่อรายละเอียดได้

ผมเป็น Purchase ของ retail ใหญ่ๆ ตัวผมเองอยู่วงการนี้ผมยังไม่คิดจะไปทำสินค้าส่งพวกเขาเลยครับ

อันนี้รวมๆนะ ไม่ได้เจาะจงว่า 7/11 แต่ละที่มีนโยบายพื้นฐานคล้ายๆกัน detal ต่างกัน อันนี้คร่าวๆ

1. การนำสินค้าเข้า retailer ส่วนมากมี entry fee คิด item ละ 50,000-100,000 บาท ต่อ SKU ครับ (ต่อรองได้) น้ำสีแดง = 1 SKU ถ้าคุณมีน้ำ 10 สี = 10 SKU จ่ายค่าแรกเข้า 500,000-1,000,000 บาทครับ เจ้าใหญ่ๆ จ่ายกันแบบนี้ครับ List สินค้าใหม่ทีนึงให้กันครึ่งล้านบาทครับ แล้วปูพรมทั้ง shelf ส่วนรายย่อยที่ performance ไม่ดีก็เข้าคิวรอโดน "หักขา" คือการนำออกจาก shelf เพื่อขยายที่ให้คนที่จ่ายให้ห้าง พวกนี้ไม่ใช่ใต้โต๊ะนะครับ เป็นนโยบายห้างเลยครับ ต้องเข้าที่ประชุมจัดซื้อตลอดว่าเมื่อใดจะเอาใครออกจะเอาใครเข้า ฯลฯ

2. การนำของไปขายต้องมีการตั้งเป้ายอดขาย หรือ sales target ลงในสัญญา คุณทำยังไงก็ได้ให้ของขายได้
-จัดโปรโมทชั่น
-ลงโฆษณา
-จัดชิม
พวกนี้งบคุณทั้งหมดครับ ถ้าอยากลงโบรชัวของห้าง คุณก็จ่ายครับ แล้งเขาจะเอาคุณไปลงโบรชัว สินค้าใหม่มีโอกาสพิสูจน์ 3 เดือน ถ้าไม่ได้ตามเป้า ถอนออกจากพื้นที่ครับ อยากขายต้องสมัครใหม่ จ่ายค่า entry fee ใหม่

3. ถ้าคุณอยากลงหัวชั้น อยาก display ตรงเคาเตอร์แคชเชียร์ คุณต้องจ่ายครับ ที่เด่นๆพวกนี้ไม่ได้ฟรีครับ

4. ถ้าจะส่งของให้ retail กำลังส่งต้อง 100% หากขาดส่ง มีโอกาสโดนเด้งออกจากพื้นที่ โดยเฉพาะ supplier หน้าใหม่

5. เครดิตเทอม ส่วนมาก 2 เดือน

การทำค้าขายกับ retail หลักๆ สายป่านต้องยาวมาก โดยเฉพาะตอนเริ่ม เพราะเวลาของลงพื้นที่ มันไม่ได้ลงสาขาเดียว ลงเป็นหลายสิบสาขา ค่าสินค้าล็อตแรกหลักแสนหรือล้านบาทครับ ล็อตแรกต้องรอ 2-4 เดือนกว่าจะได้เงิน และบางห้างฯ "บิลแรกไม่จ่าย" แต่ถ้ายอดใหญ่มากๆ เขาอาจกันไว้ส่วนหนึ่งที่จะไม่จ่าย บิลแรกทำไมไม่จ่าย...เขาเอาไว้เป็นค่ามัดจำ จะจ่ายเมื่อเลิกทำการค้ากันแล้วหากมีค่าเสียหายหรือคุณทำอะไรให้เขาเสียหายเขาจะหักเงินจากบิลแรกครับ ผมไม่รู้ว่านโยบายนี้ยังใช้อยู่ใหม่ แต่ตอนผมอยู่ เขาใช้กันครับ

ส่วนข้อดีของการทำค้าขายกับห้างคือ ความมั่นคงในระดับหนึ่ง เพราะหากคุณมีสินค้าดี ขายดี มี margin และ supply ให้เขาตามต้องการ กลุ่ม retail แทบจะเป็นลูกค้าตลอดชีพของคุณเลย คือเขาจะซื้อกับคุณเรื่อยๆ ต่างจากการขายส่งพวกร้านอาหารที่จะใช้วิธี bidding ใครถูกสุดซื้อคนนั้นเป็นต้น

สรุปนะครับ ถ้าอยากค้าขาย แนะนำ e-commerce ดีกว่าครับ  wanwan004 และหากใช้ Eng ได้ เขียนได้ สื่อสารได้ในระดับที่ทำงานได้ก็ค้าขายกับฝรั่งไปเลยครับ
ขอบคุณสำหรับความรู้เน้นๆครับ
บันทึกการเข้า

atripza01
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 75
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,723



ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: 09 กันยายน 2013, 11:37:39 »

ความรู้เน้นๆครับ หนังกับชีวิตจริงมันต่างกันจริงๆ Cry
บันทึกการเข้า
pingenter
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 284
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,653



ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: 09 กันยายน 2013, 11:42:24 »

อ่านดูแล้วไม่ง่ายเหมือน ชีวิตจริงกับ หนัง 2 ชั่วโมง ท่าจะจริง wanwan044
บันทึกการเข้า
pcr999
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 7
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 173



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 09 กันยายน 2013, 11:56:04 »

สงสัยจะชอบยุทธการป่าล้อมเมือง ถ้าคุณจะทำจริง ๆ เบื้องต้นอยากแนะนำให้เข้าใจหลัก 5P ก่อน
ถ้าผ่าน ก็ควรคิดการเล็กก่อน .. ส่งเข้าไปแคตตาล็อก 7 ลองดูก่อน (ลองซื้อมาดูขายในเซเว่น เล่มละ 10 บาท มีทุกเดือน)
สำเร็จยังไงมาเล่าให้ฟังด้วย (ส่วนตัวกำลังทำอยู่)
โอกาศมีอยู่แล้ว แค่ลงมือทำ  wanwan003
บันทึกการเข้า

Everything I do , I do it for U.
Magic00
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 28
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 543



ดูรายละเอียด
« ตอบ #14 เมื่อ: 09 กันยายน 2013, 12:51:46 »

หนัง กับ ชีวิตจริงต่างกันครับ หนัง 2 ชั่วโมงมันเลยดูง่าย แต่ในโลกความจริง คนละเรื่องนะครับ ไม่ได้บอกว่าทำไม่ได้แต่ต้องเข้าใจสิ่งที่อยู่ข้างในที่เรามองไม่เห็นเพราะหนังไม่อาจสื่อรายละเอียดได้

ผมเป็น Purchase ของ retail ใหญ่ๆ ตัวผมเองอยู่วงการนี้ผมยังไม่คิดจะไปทำสินค้าส่งพวกเขาเลยครับ

อันนี้รวมๆนะ ไม่ได้เจาะจงว่า 7/11 แต่ละที่มีนโยบายพื้นฐานคล้ายๆกัน detal ต่างกัน อันนี้คร่าวๆ

1. การนำสินค้าเข้า retailer ส่วนมากมี entry fee คิด item ละ 50,000-100,000 บาท ต่อ SKU ครับ (ต่อรองได้) น้ำสีแดง = 1 SKU ถ้าคุณมีน้ำ 10 สี = 10 SKU จ่ายค่าแรกเข้า 500,000-1,000,000 บาทครับ เจ้าใหญ่ๆ จ่ายกันแบบนี้ครับ List สินค้าใหม่ทีนึงให้กันครึ่งล้านบาทครับ แล้วปูพรมทั้ง shelf ส่วนรายย่อยที่ performance ไม่ดีก็เข้าคิวรอโดน "หักขา" คือการนำออกจาก shelf เพื่อขยายที่ให้คนที่จ่ายให้ห้าง พวกนี้ไม่ใช่ใต้โต๊ะนะครับ เป็นนโยบายห้างเลยครับ ต้องเข้าที่ประชุมจัดซื้อตลอดว่าเมื่อใดจะเอาใครออกจะเอาใครเข้า ฯลฯ

2. การนำของไปขายต้องมีการตั้งเป้ายอดขาย หรือ sales target ลงในสัญญา คุณทำยังไงก็ได้ให้ของขายได้
-จัดโปรโมทชั่น
-ลงโฆษณา
-จัดชิม
พวกนี้งบคุณทั้งหมดครับ ถ้าอยากลงโบรชัวของห้าง คุณก็จ่ายครับ แล้งเขาจะเอาคุณไปลงโบรชัว สินค้าใหม่มีโอกาสพิสูจน์ 3 เดือน ถ้าไม่ได้ตามเป้า ถอนออกจากพื้นที่ครับ อยากขายต้องสมัครใหม่ จ่ายค่า entry fee ใหม่

3. ถ้าคุณอยากลงหัวชั้น อยาก display ตรงเคาเตอร์แคชเชียร์ คุณต้องจ่ายครับ ที่เด่นๆพวกนี้ไม่ได้ฟรีครับ

4. ถ้าจะส่งของให้ retail กำลังส่งต้อง 100% หากขาดส่ง มีโอกาสโดนเด้งออกจากพื้นที่ โดยเฉพาะ supplier หน้าใหม่

5. เครดิตเทอม ส่วนมาก 2 เดือน

การทำค้าขายกับ retail หลักๆ สายป่านต้องยาวมาก โดยเฉพาะตอนเริ่ม เพราะเวลาของลงพื้นที่ มันไม่ได้ลงสาขาเดียว ลงเป็นหลายสิบสาขา ค่าสินค้าล็อตแรกหลักแสนหรือล้านบาทครับ ล็อตแรกต้องรอ 2-4 เดือนกว่าจะได้เงิน และบางห้างฯ "บิลแรกไม่จ่าย" แต่ถ้ายอดใหญ่มากๆ เขาอาจกันไว้ส่วนหนึ่งที่จะไม่จ่าย บิลแรกทำไมไม่จ่าย...เขาเอาไว้เป็นค่ามัดจำ จะจ่ายเมื่อเลิกทำการค้ากันแล้วหากมีค่าเสียหายหรือคุณทำอะไรให้เขาเสียหายเขาจะหักเงินจากบิลแรกครับ ผมไม่รู้ว่านโยบายนี้ยังใช้อยู่ใหม่ แต่ตอนผมอยู่ เขาใช้กันครับ

ส่วนข้อดีของการทำค้าขายกับห้างคือ ความมั่นคงในระดับหนึ่ง เพราะหากคุณมีสินค้าดี ขายดี มี margin และ supply ให้เขาตามต้องการ กลุ่ม retail แทบจะเป็นลูกค้าตลอดชีพของคุณเลย คือเขาจะซื้อกับคุณเรื่อยๆ ต่างจากการขายส่งพวกร้านอาหารที่จะใช้วิธี bidding ใครถูกสุดซื้อคนนั้นเป็นต้น

สรุปนะครับ ถ้าอยากค้าขาย แนะนำ e-commerce ดีกว่าครับ  wanwan004 และหากใช้ Eng ได้ เขียนได้ สื่อสารได้ในระดับที่ทำงานได้ก็ค้าขายกับฝรั่งไปเลยครับ

นั้นสินะครับ  Cry
บันทึกการเข้า

ถ้าความสามารถเรายังเท่าเดิม รายได้ไม่เพิ่มแน่นอน
lattlatt
Verified Seller
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 86
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 852



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 09 กันยายน 2013, 13:09:49 »

ความรู้แน่นมากกะทู้นี้
บันทึกการเข้า

Keiku
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 114
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,782



ดูรายละเอียด
« ตอบ #16 เมื่อ: 09 กันยายน 2013, 13:14:38 »

1.คิดโปรดักส์ก่อนค่ะ ว่าจะทำอะไร และเริ่มต้นทำ, สำหรับสินค้าบางอย่าง 7-11 มีค่าเชลฟ์ด้วยนะคะ < คือต้องจ่ายเงินซื้อตำแหน่งวางของ อย่างพวกขนมลูกอมแถวๆ เคาน์เตอร์เก็บเงิน

2.ทำแล้วมาดูกำลังการผลิตตัวเองก่อนค่ะ 7-11 เกือบ 7 พันสาขาทั่วประเทศ เราทำส่งเขาไหวไหม เขาไม่ได้สั่งสาขาละห่อหรือสาขาละลัง ค่ารถขนสินค้าไปอีก รถบรรทุกถ้าไม่มีก็ต้องไปเช่า ตรงนี้พิจารณากำลังการผลิต ต้นทุนสินค้า + ขนส่ง ว่าไหวไหม ถ้าไหวก็ลุยเลยค่ะ Smiley

3.ข้อ 2 ทั้งหมดพร้อมแล้วพร้อมมาดีไซน์แพ็กเก็ตก่อนค่ะ แพ็กเก็ตต้องสวย ดูดี ดึงดูด แหวกแนว วางขึ้นเซลฟ์แล้วต้องไม่แพ้แพ็กเก็ตงามๆ ของสินค้าอื่นๆ ใน 7-11 เพราะไม่ใช่แค่ 7-11 อยากจะได้แพ็กเก็ตที่ดูดีเท่านั้น แต่แพ็กเก็ตมันเป็นภาพลักษณ์ของสินค้า พอไปขึ้นเชลฟ์รวมกับโปรดักส์อื่นที่ทุนโฆษณาสูงเป็นที่รู้จักอยู่แล้วเราจะแข่งกับเขาได้หรือเปล่า ตรงนี้สำคัญมากค่ะ Tongue

4.ทุกอย่างพร้อมอะไรพร้อมเดินเข้าไปอาคาร CP Tower แล้วติดต่อฝ่ายการตลาดก่อนค่ะ ถ้าการตลาดดูว่าโอเค น่าจะขายได้เขาจะโยนเราไปจัดซื้อเอง ถ้าผ่านก็เตรียมรับออร์เดอร์ ลุย  wanwan034 ถ้าไ่ม่ผ่านก็แป็ก นั่งเย็บผ้าอยู่ที่บ้านต่อไป Cheesy

ทั้งหมดที่ว่ามาทุนไม่ใช่น้อยค่ะ Cry แต่เค้าเน้นกันอย่างนี้จริงๆ ค่าแพ็กเก็ตค่าอะไร วัตถุดิบ ขนส่ง แรงงาน บลาๆๆๆ ถ้าทุนไม่เยอะก็กระอักเลือดก่อนได้ตั้งโรงงานผลิต อย่างเถ้าแก่น้อยเค้ามีธุรกิจอยู่เดิมและมีเม็ดเงินพอที่จะขยายฐานตลาด มันก็เลยขยายตัวไปได้ง่ายๆ แต่ในกรณีที่เราไม่มีอะไรเลยนี่อยากมากค่ะ Tongue ยังไงก็ต้องเริ่มต้นจากการทำขายลองส่งร้านเล็กๆ ไปก่อน ถ้าดูแน้วโน้มพอจะดีแล้่วค่ิอยขยายฐานการตลาดไปที่ 7-11 อิ อิ  Embarrassed




+1 ไปเลย  wanwan019
บันทึกการเข้า

ต้องการงานบทความดีมีคุณภาพ
ต้องการงานบทความแบบเร่งด่วน
ต้องการบริการทุกระดับประทับใจ
ตอบโจทย์ทุกข้อขอแค่ PM หาเรา!!!
ตงฟางปุ๊ป้าย
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 70
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 504



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 09 กันยายน 2013, 13:24:54 »

เท่าที่จำได้   การจะขายของให้เซเว่น
ค่อนข้างยุ่งยากครับ    เสียเงินเยอะมาก   ใช้เงินทุนสูง   Tongue 
ที่สำคัญคือ  ถ้าสินค้าคุณขายไม่ดี  ขายไม่ได้ตามเป้า  เขาจะถอดสินค้าคุณออกเลยครับ   Tongue  ทีนี้แหละคุณจะขาดทุนกระจาย
บันทึกการเข้า

kbvTH
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 23
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 446



ดูรายละเอียด
« ตอบ #18 เมื่อ: 09 กันยายน 2013, 13:34:55 »

ขอบคุณ สำหรับความรู้ใหม่ครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์