<<<เผยประสบการณ์>>> ทำเว็บไซต์อย่างไรให้ได้เงินแสนภายใน 4 เดือน (Brand) จริงหรือการทำธุรกิจทางอินเตอร์เน็ตจะรวย ? สวัสดีเพื่อนๆ ที่ติดตามงานเขียนของออฟมาโดยตลอดนะคะ สำหรับ Ebook เล่มนี้จะเป็นการเล่าถึงประสบการณ์ต่างของของการทำธุรกิจจุดเริ่มต้นและทำอย่างไรจะสามารถสร้างรายได้ของตัวเอง เพื่อนๆ รู้ไหมว่าการที่เราเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง หากเราได้ยินประสบการณ์ของคนที่ได้ทำสิ่งนั้นมาก่อนหรือว่าเรื่องเล่าต่าง ๆ จะมีความสุขและมีกำลังใจขึ้นอย่างมากมายเลยทีเดียว ถ้าไม่เชื่อลองอ่านให้จบดูนะคะ เชื่อเลยว่าท่านทั้งหลายจะได้กำลังใจมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน
จริงหรือว่าการทำธุรกิจทางอินเตอร์เน็ตจะรวย ? ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าการทำธุรกิจทุก ๆ ธุรกิจโอกาสที่จะรวยนั้นมีอยู่แล้วมากกว่า 50% และโอกาสที่จะขาดทุนก็มีเหมือนกันอาจจะมากกว่าหรือว่าน้อยกว่า 50% เหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจเหล่านั้นจะสามารถควบคุมปัจจัยความเสี่ยงได้มากกมายเพียงไหน ส่วนปัจจัยที่สำคัญอันดับต้น ๆ นั่นคือ เงินทุน และการบริหารของทรัพยากรต่าง ๆ
เมื่อเพื่อนๆ ได้อ่านบทความข้างต้นแล้วก็จะเดาได้ใช่ไหมคะว่าการทำธุรกิจทางอินเตอร์เน็ต (Internet Marketing) นั้นโอกาสที่จะรวยหรือว่าได้กำไรนั้นมีมากกว่า 50% เลยทีเดียว โดยการประสบความสำเร็จต่าง ๆ ขึ้นอยู่ว่าเพื่อนๆ สามารถจะบริหารปัจจัยต่าง ๆ ได้อย่างลงตัวไหม? และที่สำคัญการที่จะมีรายได้จากการทำธุรกิจนี้นั้น คุณสามารถนำธุรกิจของคุณมายืนที่ 1 (ทั้งใน Search Engine และการสร้าง Brand )ได้ไหม ถ้าทำได้นั่นหละหมายความว่าเราจะสามารถสร้างรายได้อย่างมั่นคงซึ่งมันไม่ต่างอะไรจากการทำธุรกิจอย่างอื่นเลย
วันแรกของการเดินเข้ามาในธุรกิจทางอินเตอร์เน็ต บอกได้เลยว่าเหตุผลหลัก ๆ ของการเดินทางเข้ามาทำธุรกิจด้านนี้เพราะว่าการลงทุนของการทำธุรกิจใช้เงินทุนน้อยที่สุดถ้าเทียบกับการทำธุรกิจอย่างอื่นและที่ชอบอย่างมาก คือ เราสามารถจะจัดสรรเวลาได้อย่างลงตัวกับการเรียนหนังสือหรือว่าทำอย่างอื่น
การลงทุนครั้งแรกจากเงินเก็บ
สำหรับการลงทุนครั้งแรกมีดังนี้เลยคือ
1. ค่าใช้จ่าย Domain ราคา 300.-
2. ค่าใช้จ่าย Hosting ราคาปีละ 400.-
สำหรับรวม ๆ เลยคือค่าใช้จ่ายจะตกอยู่ที่ปีละ 700.- นี่คือการลงทุนครั้งแรกอย่างจริงๆ จังๆเลยคะ เพราะตอนนั้นยอมรับเลยว่าการลงทุน 700.- เป็นเงินมากพอสมควรเพราะว่ายังไม่เคยลงทุนอะไรมากมายอย่างนี้มาก่อน หลังจากลงทุนบอกได้เลยว่าครั้งแรกล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าเลย เพราะว่าเราไม่รู้ว่าเราจะทำอย่างไรกับเว็บไซต์ของเราดี
ความล้มเหลวครั้งแรกจาการทำเว็บไซต์ บอกได้เลยว่าเว็บไซต์นี้เป็นเว็บไซต์แรก ๆ เลยที่ได้ทำ มันเหมือนว่าเรากำลังลอยเรือกลางทะเลที่เราไม่มีจุดหมายปลายทางของเว็บไซต์เราเลย ขอบอกตรง ๆ ว่าไม่มีกำลังใจที่จะทำอะไรต่อ สิ่งที่ทำได้คือการลง CMS อย่าง Wordpress และการเพิ่มบทความที่เราชอบไปเท่านั้น ซึ่งการเพิ่มบทความเหล่านี้เราเคยได้อ่านบทความของหลาย ๆ ท่านเล่าว่า ให้คุณทำเว็บไซต์ที่คุณชอบก่อนสุดท้ายเว็บไซต์ของคุณจะถูกติดตามเอง เวลาผ่านไปเกือบ 3 – 4 เดือนตื่นเช้าขึ้นมาอย่างแรกที่ทำเลยคือการมานั่งเขียนบทความที่ตัวเองชอบ ท่องไว้ในใจอย่างเดียวเลยว่า เอาหละเราจะอดทนและเขียนบทความไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้เห็นเป้าหมายของตัวเอง
เชื่อเลยว่าตรงส่วนนี้ใครที่กำลังทำเว็บไซต์ทุกคนจะเจอปัญหาประมาณนี้อย่างแน่นอน คือไม่รู้ว่าจะพัฒนาส่วนไหนของเว็บไซต์ของเราให้มีคนติดตามได้และที่สำคัญจะทำอย่างไรหล่ะถึงจะทำให้เกิดรายได้ บอกตรง ๆเลยว่าตอนนั้นไม่รู้อะไรเลย สุดท้ายผ่านไปประมาณ 5 เดือน จึงรู้ว่าตัวเองล้มเหลวจากเว็บไซต์นี้
มานั่งทบทวนว่าทำไมถึงล้มเหลว หลังจากเวลาผ่านไปนานพอสมควร ก็มานั่งคิดว่าเราจะปล่อยผ่านการทำแบบเดิมที่ไม่ได้ผลไปได้อย่างไร และจะเสียเวลากับการมานั่งเพิ่มบทความที่ปล่อยไปแต่ละวันโดยที่ไม่ได้เห็นเป้าหมายของเว็บไซต์ได้อย่างไร เราใช้เวลาในมานั่งดูสิ่งที่เราทำที่ผ่านมากว่า 5 เดือน มานั่งนับบทความที่ตัวเองเขียนลงเว็บไซต์ทุกวัน ๆ ปรากฏว่าได้บทความประมาณเกือบ 400 บทความ ซึ่งก็ตกใจเหมือนกันว่าทำไมเราพยายามที่จะทำ Content ให้ออกมาดีอย่างที่สุดแล้วแต่ผลที่ได้คือ มันไม่สามารถจะสร้างได้รายให้กับเราเลย นั่งคิดไปคิดมาจึงได้รู้ว่าการทำเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงไม่ใช่เพียงการทำ Content มันยังเหลือบางอย่างอีกแน่ หลังจากนั้นก็เริ่มที่จะค้นหาว่าอะไรละที่นอกเหนือจาก Content
ตามดูเว็บไซต์ที่ประสบความสำเร็จ
จริง ๆ เราน่าจะคิดออกตั้งแต่การเริ่มทำนะว่าเว็บไซต์อื่น ๆ ที่มีคนเข้าเว็บประมาณ 10,000 คนไปจนถึง 100,000คน เขาทำอย่างไร แต่บอกตรง ๆ อีกครั้งว่าตอนนั้นนึกไม่ออกจริงๆว่าเราต้องดูเว็บไซต์อื่นไว้บ้าง เอาหละมาดูเว็บไซต์แรกกันเลย
เว็บไซต์แรกที่นำมาให้ดู คือเว็บไซต์ของ kapook.com ซึ่งยังมีอีกหลายๆ เว็บไซต์โดยสามารถจะเข้าไปดูได้ที่
http://health.truehits.net/ และเลือกดูได้ตามหมวดหมู่เลย
แล้วอะไรบ้างหละที่แตกต่างจากเรา
หลังจากที่ได้ตัวอย่างเว็บไซต์เป้าหมายแล้วเราก็จะมานั่งคิดหละว่าอะไรบ้างที่ทำให้เว็บไซต์ของเขาประสบความสำเร็จและของเราผิดพลาดไป ทั้งที่เว็บไซต์ของเขาก็เป็นเว็บไซต์ประเภท Content เช่นเดียวกันกับเรา (ลักษณะของเว็บไซต์จะมีสองลักษณะนะคะ คือเว็บไซต์ประเภทของของ Content และเว็บไซต์ประเภทของ Web Application) ตรงส่วนนี้ออฟจะอธิบายในหัวข้อถัดไปนะคะ
มาดูว่าเขาแตกต่างอะไรบ้างจากของเรา โดย list เป็นข้อ ๆ ไปเลย
1.เว็บไซต์ของ kapook.com มีการจัดเป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจน
คือ ถ้าเป็นเกี่ยวกับข่าวสารก็จะเป็น Subdomain ของข่าวสารเลย หรือหมวดหมู่อื่น ๆ อีกมากมาย แต่พอมานั่งดูของเรา ไม่มีเลยที่จะจัดหมวดหมู่ให้ลงตัวเนื้อหาที่เขียนมาทุกวันปะปนกันไปหมดไม่ได้เรื่องเลย สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี้ผลที่ตามมาก็คือ ทำให้เว็บไซต์ของเราไม่มีจุดเด่นและไม่ Focus กลุ่มเป้าหมายลงไปเลยว่าจะจับกลุ่มใด คนที่เข้าเว็บไซต์ของเราเลยไม่ได้ติดตามการอัพเดทเนื้อหาของเว็บไซต์เราด้วย ผลที่ตามมาคือเว็บไซต์ของเราเงียบยิ่งกว่าที่เห็น
2.การออกแบบเว็บไซต์ที่สามารถจะทำงานได้ง่าย จริงเรื่องนี้มีผลอย่างมากๆต่อการเข้าชมเว็บไซต์และรวมไปถึงเวลาของคนที่มาเยี่ยมเว็บไซต์เราด้วย เปรียบเทียบอย่างจริง ๆ จัง ๆ เว็บไซต์ของ Kapook.com มันดูรก ๆ ก็จริงนะ แต่ว่าความรกของการออกแบบมันแฝงด้วยพลังงานบางอย่างที่จัดหมวดหมู่อย่างชัดเจน เข้าดูได้ง่าย และที่สำคัญ font ของเว็บไซต์ดูแล้วสบายตา แล้วเว็บไซต์ของเราละ
? กลับมามองเว็บไซต์ของตัวเองบ้าง ดู ๆ ไปแล้วมันเหมือนสวนสัตว์ที่มีสัตว์ทุกชนิดอยู่ในนั้น การออกแบบนี่ห่วยอย่างสุด ๆ เลยเรียกได้ว่าเจ้าของเว็บไซต์เองยังไม่อยากจะอยู่เกิน 2 นาทีเลยด้วยซ้ำ ก็เลยนึกไอเดียตอนนั้นได้ว่า ใช่หล่ะการทำเว็บไซต์อย่างจริง ๆ เราไม่ต้องมาใส่ข้อมูลอะไรที่มันมากมายแบบประมาณว่ายัดเยียดให้ผู้ชมเลย ขอเพียงมีเนื้อหาที่ดีในระดับหนึ่ง และจัด Layout ของเว็บไซต์ให้อ่านง่ายและมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องเท่านั้นก็พอแล้ว (ตอนแรกคิดกลัวว่าคนเข้าชมจะไม่ได้รับข้อมูลที่อัดแน่นออฟเลยใส่เต็มทีเลย สุดท้ายคือ ไม่ได้เรื่อง)
ส่วนตัวคิดว่าสามเว็บไซต์นี้น่าอ่านที่สุดคะ
1.
http://pantip.com/ 2.
http://www.blognone.com/ 3.
http://www.jobratd.com/ 3.โฟกัส เนื้อหาและ Keyword ได้อย่างชัดเจนตรงนี้ฝากเป็นการบ้านนะคะ เอาง่าย ๆ คือ 1 Keyword = 1 Post เว็บไซต์ของเราหรือไม่มีเลย นี่หละจุดเสี่ยงตายของเว็บไซต์เลยเพื่อนๆ สามารถจะไปดูตรงส่วนนี้ของเว็บไซต์ kapook เองเพื่อนๆ จะรู้ว่าทำไมจึง Keyword = 1 Post
วางแผนอย่างจริงจัง หลังจากที่ได้ข้อผิดพลาดของตัวเองไปแล้ว มาคราวนี้ได้วางแผนอย่างจริงจังสักทีว่าจะเอาอย่างไรกับเว็บไซต์(ของเรา)โดยได้ศึกษาและวางโครงสร้างทั้งหมดใหม่และที่สำคัญศึกษารายละเอียดการทำ SEO ด้วย
นี่คือตัวอย่างที่ได้วางแผนใหม่ทั้งหมดจาการผิดพลาดอย่างมากๆในเว็บไซต์แรกสำหรับรายได้ช่วงนั้นคงจะเป็น Adsense อย่างเดียวซึ่งตกประมาณวันละ 200$ ของเว็บไซต์ไทย มาครั้งนี้แบบว่าไม่เหมือนครั้งก่อนที่ยังไม่มีจุดมุ่งหมายใด ๆ ครั้งนี้ทำเว็บเพิ่มด้วยการแก้ปัญหาเดิม ๆ ออกไป เพื่อนๆ เชื่อไหมว่าภายใน 4 เดือนเราสามารถจะที่จะทำเว็บไซต์ให้เกิดรายได้ประมาณวันละ 200$ ได้ทุกวันอย่างสบาย ๆ เลย ข้างล่างนี่คือรายได้ของการทำเว็บไซต์ช่วงแรก ๆ
แล้วการวางแผนละเราจะวางแผนอย่างไร 1.คุณต้องมีแผน การทำธุรกิจทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์หรือว่าการทำงานอะไรก็ตาม จะต้องวางแผน ยกตัวอย่างการทำธุรกิจเว็บไซต์ก่อนจะทำต้องวางแผนให้ได้ก่อนว่า เว็บไซต์นั้นเกี่ยวกับอะไร ข้อมูลมีอะไรบ้าง และรายได้จะเข้ามาทางไหน ส่วนข้อสุดท้ายนี้ต้องคิดให้หนักเลยว่ารายได้มาจากไหน ต้องวางแผนเว็บไซต์เรื่องรายได้ให้เกิดขึ้นจริง เพราะว่าเราไม่ใช่องค์กรการกุศล ถ้าคิดว่าเว็บไซต์จะทำรายได้กับ Adsense จะต้องดูก่อนว่าจะทำเว็บประเภทไหนจึงจะหารายได้กับ Adsense ได้ หรือว่าถ้าคุณจะทำเว็บไซต์หารายได้กับ Clickbank จะต้องวางแผนอย่างหนักว่าใน Clickbank มีสินค้าอะไรบ้าง และจะทำเว็บไซต์ประเภทไหนจึงจะนำสินค้าของ Clickbank มาขายได้ และยังรวมไปถึงเว็บไซต์ขายสินค้า Amazon ด้วย
*****และต้องย้ำไว้ก่อนว่าถ้าคุณยังไม่มีแผนการสร้างรายได้ให้เว็บไซต์คุณตั้งแต่แรก เว็บไซต์คุณจะกลายเป็นเว็บไซต์องค์กรการกุศลไป ไม่ก่อให้เกิดรายได้และจะปิดตัวอย่างเร็วที่สุด
2.ทำตามแผนให้ได้สิ หลังจากการวางแผนที่ดีอย่างที่สุดแล้ว คุณก็ต้องทำตามแผนที่วางไว้ให้ได้อย่าขี้เกียจอย่าผัดวันประกันพรุ่งไม่ว่าเราจะทำอะไรต้องมีวินัยกับตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ยกตัวอย่างเช่นวันนี้เราได้วางแผนไว้ว่าจะเพิ่มเนื้อหาเว็บไซต์เราจะต้องทำตามที่วางแผน หรือว่าวางแผนว่าจะทำ SEO คุณจะต้องทำตามให้ได้ ถ้าเพียงการวางแผนยังทำไม่ได้ทุกอย่างก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ไม่เพียงแค่การวางแผนที่ดีเท่านั้นคุณจะต้อง
- เปลี่ยนความคิดเก่า ๆ ของคุณซะ จากที่คิดว่าการทำเว็บไซต์เพียงการทำเล่น ๆ ให้เปลี่ยนมาทำเป็นธุรกิจอย่างจริงๆ จัง เพราะว่าการทำเล่นไปวัน ๆ ของคุณจะไม่ได้พบเลยเป้าหมายที่แม้จริงของคุณ ยกตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ นาย A ได้ทำเว็บไซต์มาเพื่อทำเล่น ๆ ทำบ้างไม่ทำบ้าง วันไหนอยากจะทำก็ไม่อยากจะทำก็ไม่ทำเลย ส่วนนาย B ตั้งเป้าหมายของการทำเว็บไซต์อย่างเห็นได้ชัดและได้เดินตามหมากที่ตัวเองได้วางไว้ทุกวัน ๆ คุณคิดว่าเวลาผ่านไป 1 ปี ใครจะมีโอกาสได้มีประสบการณ์ของการทำเว็บไซต์มากกว่ากัน นั่นหละหมายถึงความสำเร็จ
- อย่าคิดว่างานเว็บไซต์หรือว่าธุรกิจจะสบาย ถ้าวันนี้คุณยังมีความคิดอย่างนี้ก็ทายได้เลย คุณจะไม่สำเร็จอย่างแน่นอน เพราะการทำเว็บไซต์คุณจะต้องหมั่นอัพเดทหมั่นรักษา ไม่ต้องไปมองที่ไหนไกลเลย ขนาด Google ที่ชอบดูดข้อมูลเว็บไซต์ของเว็บชาวบ้าน ยังพัฒนาตัวเองอย่างตลอดเวลาจนได้ระบบทียอดเยี่ยมออกมา ฉะนั้นถ้าได้ยินใครที่พูดว่าการทำเว็บไซต์มันง่ายๆ อย่าไปเชื่อเขา เพระว่าเขากำลังจะทำให้คุณเป็นคนขี้เกียจ
- คิดต่างบ้างก็ดี บางครั้งถ้าคุณคิดต่างคุณอาจจะได้ เป็นผู้นำของตลาดนั้น ๆ ไปเลยก็ได้ ยกตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัด ๆเลย คือ ช่วงนี้คนหันไปปั่น Clickbank อย่างหนัก ทำไมช่วงนี้คุณไม่คิดว่าคุณจะขายสินค้าบน Clickbank หละให้คนที่ปั่นเยอะๆ เอาสินค้าของเราไปขาย คุณจะได้คนไทยอีกเป็นพัน ๆ คนช่วยขายสินค้าให้คุณช่วงนี้
หนึ่งคำขอบคุณขอให้ท่านประสบความสำเร็จทุกท่านนะคะ [/b][/color]