
การค้นหาเว็บไซต์สามารถทำได้ใน Google, Yahoo และ Bing เป็นต้น ซึ่งดูเหมือนจะไม่ยาก แต่เราจะทำการเริ่มต้นค้นหาอย่างไรเราจะแนะนำเทคนิคดีๆที่ช่วยคุณในการเริ่มต้นค้นหาได้ที่นี่
1. อย่าซื้อโดเมนใหม่หากไม่จำเป็น เครื่องมือช่วยในการค้นหาจะดูที่อายุของโดเมน คุณสามารถซื้อโดเมนใหม่แล้วทำการลิงค์เข้ากับโดเมนเก่า แต่หากเป็นไปได้เราขอแนะนำให้คุณใช้โดเมนเดิมและเว็บไซต์เดิมเป็นสิ่งที่ดีที่สุด หากในกรณีที่คุณจำเป็นต้องสร้างโดเมนใหม่คุณไม่ควรคาดหวังที่จะมีทราฟฟิคที่ดีในการใช้เครื่องมือช่วยค้นหา โดยอาจจะต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนๆหรือมากกว่านั้น
2. เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณในกลุ่มผู้ชม เครื่องมือที่ช่วยในการค้นหาจะดูคำค้นหาที่กลุ่มผู้ใช้งานใส่คำลงไปในช่องสำหรับค้นหา หากมีการใส่คีย์เวิร์ดที่เหมือนหรือมีความใกล้เคียงกับเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณผู้ใช้งานเหล่านั้นก็มีโอกาสเป็นลูกค้าของคูณได้ คุณจำเป็นที่จะต้องเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์เพื่อให้สอดคล้องกับ*ความต้องการ*ของลูกค้าคุณสามารถทำการศึกษาเกี่ยวกับกลุ่มลูกค้าในอินเทอร์เน็ตเพื่อดูข้อมูลทางด้านประชากรศาสตร์ การเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์อื่นๆ ชุมชนออนไลน์ หรือฟอรัมของกลุ่มลูกค้าที่มีการใช้งานบ่อยและทำการศึกษาดูบทสนทนาที่กลุ่มผู้ใช้งานให้ความสนใจ ข้อมูลที่ได้อาจจะมีผลต่อการจัดรูปแบบเว็บไซต์ คำหรือคีย์เวิร์ด และการคัดลอกคีย์เวิร์ด
3.ทำวิจัยหาคีย์เวิร์ด กลุ่มคำที่คุณคิดไว้ว่ากลุ่มลูกค้าน่าจะใช้เพื่อค้นหา อาจไม่ถูกต้องเสมอไป เราขอแนะนำให้คุณใช้เครื่องมือช่วยเหลือเช่นจากKeywordDiscovery, WordtrackerหรือGoogle’s Keyword Toolและให้สร้างรายการคีย์เวิร์ดสำหรับเว็บไซต์ของคุณ โดยเลือกคีย์เวิร์ดให้แตกต่างกันในแต่ละหน้าของเว็บไซต์ และอย่าใช้คีย์เวิร์ดที่กว้างจนเกินไปเช่นคำว่า “ท่องเที่ยว” หรือ “วันหยุด” เนื่องจากจะไม่ตรงกับเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณ
4. เลือกและจัดประเภทเว็บไซต์และจัดการnavigation ของคีย์เวิร์ด งานวิจัยของคุณอาจจะครอบคลุมหรือยังไม่ครอบคลุมรูปแบการแบ่งประเภทสินค้า/บริการและเรื่องที่น่าสนใจ ไปยังเว็บไซต์ของคุณ ยกตัวอย่างเช่น หากเว็บไซต์ของคุณขายสินค้าเกี่ยวกับของเล่นเด็ก จะมีด้วยกันหลายวิธีในการจัดประเภทและจัดรูปแบบเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้ลูกค้าสามารถทำการค้นหาของเล่นที่ตนต้องการ หากลูกค้าต้องการหาของเล่นสำหรับพัฒนาการของเด็ก (ให้มองหากลุ่มคีย์เวิร์ดประเภท “เด็กชั้นเตรียมอนุบาล”) หรือบางคนอาจจะเลือกสินค้าตามแบรนด์ ดังนั้นคีย์เวิร์ดค้นหาของคุณจำเป็นจะต้องใช้สำหรับกลุ่มลูกค้าในการค้นหาของเล่นที่พวกเขาต้องการหน้าที่อีกอย่างของคุณคือ ต้องทำการตรวจสอบให้แน่ใจว่า ระบบ navigation รองรับการค้นหาที่หลากหลาย และให้แน่ใจว่าคุณได้สร้างลิงค์ไปยังเพจของสินค้าแต่ละแบรนด์และเพจเก่า-ใหม่ ร่วมถึงประเภทต่างๆของของเล่น เป็นต้น
5. โปรแกรมเว็บไซต์ของคุณต้องเหมาะสมกับโปรแกรม crawler ในเครื่องมือช่วยค้นหาหรือที่เรียกว่า crawler-friendly เครื่องมือช่วยในการค้นหาไม่สามารถทำการกรอกแบบฟอร์ม ค้นหาเว็บไซต์ อ่านลิงค์ JavaScriptและเมนู หรือไม่สามารถแสดงผลFlashได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่สามารถใช้งานโปรแกรมเหล่านั้นในเว็บไซต์ของคุณได้ อย่างไรก็ตามคุณต้องเพิ่มทางเลือกไปยัง navigation ของคุณเพราะเพียงแค่เมนู drop-down สำหรับประเภทสินค้าหรือแบรนด์ยังไม่เพียงพอต่อการค้นหาในระบบcrawler คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีลิงค์ HTML ใน navigation หลักของทุกเพจซึ่งทำการลิงค์ไปยังด้านบนสุดของเว็บไซต์ และในแต่ละเพจนั้นคุณต้องมี HTML สำหรับแต่ละหน้าของสินค้า/บริการ (HTML ลิงค์นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นลิงค์ข้อความเพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจจะเป็นรูปภาพที่อยู่ในรูปแบบของแท็ก <a href>ก็ได้ เนื่องจากเครื่องมือช่วยในการค้นหาสามารถทำการค้นพบลิงค์เหล่านี้ได้เช่นกัน
6. ทำสัญลักษณ์สำหรับลิงค์ข้อความภายในของคุณและรูปภาพที่คลิกได้ (แท็กaka alt)โดยทำให้มีความชัดเจนหรือหากสามารถอธิบายประกอบได้ยิ่งดีผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณและเครื่องมือช่วยค้นหาจะมองที่จำนวนลิงค์ที่สามารถคลิกได้ในเว็บไซต์ (ข้อความใน aka ) ซึ่งจะช่วยอธิบายรายละเอียดก่อนทำการคลิกเข้าชม หลีกเลี่ยงการทำให้ผู้ชมเกิดความสงสัยว่าหากคลิกเข้าไปที่ปุ่ม “คลิกที่นี่” นั่นเกี่ยวข้องกับอะไร โดยต้องทำการอธิบายให้ชัดเจนหรือมีภาพอธิบาย การเขียน ข้อความในลิงค์นั้น มีข้อดืคือสามารถอธิบายเพจที่ต้องการคลิกเข้าไปชมได้ด้วยคีย์เวิร์ดหลัก
7. เขียนคัดลอกในเพจหลักของเว็บไซต์โดยใช้คีย์เวิร์ดที่ได้เลือกไว้สำหรับกลุ่มลูกค้าของคุณ และให้แน่ใจว่าจะสามารถแสดงผลในเครื่องมือช่วยค้นหาซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทำให้เว็บไซต์ประสบความสำเร็จ เครื่องมือช่วยค้นหาจำเป็นต้องอ่านคีย์เวิร์ด Rich-Copy ในหน้าเพจของคุณก่อนที่จะทำการจัดประเภทเว็บไซต์ของคุณสิ่งที่คัดลอกมานี้ไม่ควรเป็นรูปภาพกราฟฟิคหรือถูกซ่อนอยู่ใน Flash และให้มีความใกล้เคียงกับคีย์เวิร์ดของคุณมากที่สุด จำนวนของคีย์เวิร์ดที่ใช้ต่อเพจ โดยให้พิจารณาใช้ตามความเหมาะสมการใช้คีย์เวิร์ดที่ไม่เหมาะสมจะทำเกิดความสับสนขึ้นได้ ( ควรอ่านเกี่ยวกับเทคนิคCopywriting Comboเพื่อการปฎิบัติที่ถูกต้อง)
8. รวบรวมคีย์เวิร์ดไว้ในแต่ละหน้าของ Title Tag ซึ่งTitle Tag นั้นมีความสำคัญกับเครื่องมือช่วยค้นหา โดยทุกๆคีย์เวิร์ดหรือคีย์เวิร์ดคัดลอกจะถูกใส่ไว้ใน Title Tag โดยให้ระลึกถึงไว้เสมอว่าข้อความใดๆที่ถูกใส่ลงใน Title tags จะถูกแสดงเป็นรูปแบบของลิงค์ที่สามารถคลิกได้ในมุมมองของเครื่องมือช่วยค้นหา โดยทำให้แน่ใจว่าลิงค์เหล่านั้นมีความเหมาะสมกับเนื้อหาในแต่ละเพจ และลูกค้าจะใช้คีย์เวิร์ดนั้นในการค้นหาสินค้า/บริการที่ตนเองต้องการ
9. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณเป็น “link-worthy”การที่มีไซต์อื่นๆลิงค์มายังเว็บไซต์ของคุณถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เว็บของคุณประสบความสำเร็จในการสืบค้นโดยใช้เครื่องมือช่วยค้นหา เนื่องจากเครื่องมือช่วยในการค้นหาจะดูที่ค่าความนิยมทั่วไปในเว็บไซต์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำเว็บไซต์ของคุณให้ดีก่อนโดยจัดทำเนื้อหาให้ดีและมีประโยชน์ ลิงค์อื่นๆก็จะตามมาเองในภายหลัง
10. อย่าใช้คีย์เวิร์ดเดียวกันกับเว็บอื่นหรือกังวลเรื่องอันดับมากเกินไป หากคุณปฏิบัติตาม 9 ข้อด้านบนแล้ว คุณจะเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนผู้ชม อย่ากังวลเกี่ยวกับอันดับมากจนเกินไป แต่ให้ดูที่จำนวนผู้ชมที่คุณได้รับ ยอดขาย และความนิยมที่เพิ่มขึ้น (โดยคุณสามารถดาวน์โหลดGoogle Analyticsฟรีเพื่อประเมินหาปัจจัยที่ส่งผลดีต่อเว็บไซต์) การเพิ่มข้อความที่เป็นประโยชน์ถือเป็นเรื่องที่ควรทำและให้ความสนใจ แต่ไม่ควรเพิ่มสิ่งไร้สาระลงไปเนื่องจากไม่มีผลดีต่อตัวเว็บไซต์และธุรกิจของคุณ
ที่มา
http://blog.uptopromo.com/?p=743 