ท่านใจร้อนเกินไปจริงๆ ท่านไปต่อยคนไม่รู้ แม้ว่าท่านจะมีเหตุผลของท่าน แต่ว่าก็ยังดูไม่ดีนะครับ คนๆนั้นแค่พวกปากปลาไหลสักแต่ว่าพูด เป็นผม ผมไม่เสียเวลาเสวนาด้วยหรอก ถ้าเป็นผมผมจะฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ใครจะมาดูถูกงานIm งานประจำ หรือมาดูถูกตัวผม ผมก็ไม่คิดจะต่อยใคร เพราะ ผมถือคติ ดราม่า ความแค้น การทะเลาวิวาท ไม่ทำให้ชีวิตใครเจริญหรอก
สำหรับผม งานประจำ คืองานที่ทำให้คนอื่นรวย แต่มีข้อดีคือ เราทำกำไร 1 ครั้ง (โปรเจ็กต์ใหญ่) แต่เราสามารถทำขาดทุน 10 ครั้ง แต่เราก็ยังได้รับเงินทุกเดือน
แต่งาน Im คือ งานที่รายได้สูงแต่ค่อนข้างโดเดี่ยว (อยู่แต่หน้าคอมเหงาจริงๆ) หากเราทำมากลงทุนมากก็ได้มาก หากเราทำน้อยลงทุนน้อยได้น้อย แต่ว่าถ้าเราลงทุนแล้วพลาดขาดทุน 1 ครั้งใหญ่ เราอาจจะไม่มีข้าวกินเลยก็ได้
ผมก็เคยดูถูกงานประจำ แต่ว่างานประจำมันก็ทำให้ผมมีโอกาสพบน้องๆอาทิตย์ละ1-2วัน ไปกินข้าวกันคุยกันเรื่องงานในบริษัท เรื่องชีวิตในอนาคต แถมปัจจุบันผมไม่ต้องเข้าออฟฟิต แต่ผมก็มีงานเสนอเจ้านายได้ทุกเดือน
ส่วนงาน Im มันทำให้ผมได้เปิดโลก ทางความคิดที่สมัยก่อนผมไม่เคยคิด เช่น เงินคือทุน แต่เวลาสำคัญกว่าทุน เราลงทุนเพื่อเป้าหมายอะไร ใช้เวลาเท่าไร
ปัจจุบัน ผมเอาหลักแนวคิดจาก Im ไปใช้กับงานประจำ ทำให้ผมสามารถทำงานประจำได้ดีขึ้น ส่วนงานImก็ทำควบคู่กันไป ทำมันให้ดีทั้งคู่เพราะงานประจำ ทำให้ผมมีรถขับมีเงินจ่ายค่ากิน และมีเงินเลี้ยงแฟน1คน ส่วนงานImทำให้ผมมีเงินจ่ายหนี้
เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ผมเคยคิดจะลาออกจากงานประจำ แต่ไม่รู้เป็นไรงานประจำกลับรุ่ง งานIm ตัวหลักเกิดโชคร้ายโดนป้าเม แบนเสียทุนไปหลายหมื่น แถมโดนยึดเงินที่ควรจะได้ไปหมด
ผมก็เลยคิดไว้ว่า ถ้าวันนั้นเราทิ้งงานประจำไป เราคงเครียดหนักน่าดู เพราะคงไม่มีงานประจำที่ไหนที่ 1 เดือน เข้าออฟฟิตแค่ 6-7 วัน และเข้าโรงงาน1ครั้งเพื่อประชุม ส่วนเวลาที่เหลือก็แบ่ง 50/50 ทำงานให้บริษัท และทำงาน IM ที่รายได้สูง
:wanwan017:หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยดูถูกงานประจำอีกต่อไป แถมปัจจุบัน งาน Im ก็กำลังกลับมาดีขึ้นเหมือนก่อน