โอกาสของท่านที่จะประสบความสำเร็จได้มาถึงแล้ว หากได้อ่านบทความต่อไปนี้โดยท่านอาจจะเริ่มต้นจากความไม่มั่นใจไปถึงการสร้างความน่าเชื่อถือใน Google เรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องมือช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพก็ยังคงเข้ามาเกี่ยวข้องและหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดที่มีการเตรียมมา ด้วยกลยุทธที่ปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและรูปแบบที่เหมาะสมจะช่วยให้ท่านทำงานได้ง่าย แต่นั้นก็อาจจะกลายเป็นผลเสียได้หากไม่มีความเข้าใจในการใช้งานที่ดี
สำหรับการใช้งาน SEO อย่างมีประสิทธิภาพนั้นก็คือการทำตามขั้นตอนและมีการวางแผนที่ดี โดยต้องสร้างเนื้อหาที่ดีและมีการฝึกฝนทางด้านการทำธุรกิจซึ่งจะเป็นวิธีการสู่ความสำเร็จ
1. ความพึงพอใจและการรับประกันมาเริ่มต้นกันที่กลยุทธค้นหาทางการตลาด ซึ่งโดยทั่วไปแล้วผลการค้นหาไม่แน่นอนและไม่สามารถรับประกันได้ บริษัทและผู้เชี่ยวชาญควรมีความเข้าใจโดยสร้างคีย์เวิร์ดแบบเฉพาะเจาะจงและสามารถใช้งานได้ในระยะยาว ซึ่งอาจเป็นคีย์เวิร์ดที่กว้างหรือใช้เวลาตั้งแต่อาทิตย์ถึงเดือน โดยนักการตลาดที่ดีควรจะมีการวางแผนการทำ SEO สำหรับหน้าหลักหรือหน้าเนื้อหาของเว็บไซต์
มีปัจจัยตั้งแต่ 100 -200 ปัจจัยที่มีผลต่อการจัดอันดับเมื่อค้นหาด้วยเครื่องมือช่วยในการค้นหา และไม่มีใครที่สามารถควบคุมตัวแปรเหล่านี้ได้หมด
การทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จนั้นอาจจำเป็นต้องใช้ทักษะพิเศษ แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆที่เข้ามากระทบได้ตลอดเวลา
บรรณาธิการข่าวของ Search Engine Land ชื่อว่า Matt McGee กล่าวว่า “วิธีเดียวที่สามารถการันตีอันดับเว็บไซต์ได้นั้นก็คือต้องมีการจ่ายเงินที่สูงพอ เพื่อจะได้รับจำนวนคลิกที่เยอะและได้ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่สูงได้ แต่ความเป็นจริงแล้วยังไม่มีวิธีการได้ที่สามารถรับประกันได้ว่าจะสามารถจัดอันดับเว็บไซต์ดังกล่าวให้ขึ้นเป็นที่ 1 ใน Google ได้ ”
2. ค่า PageRank ใน Google ที่สูง = อันดับที่สูงจากความเชื่อกันอย่างแพร่หลายว่า PageRank ของ Google ไม่เกี่ยวกับการจัดอันดับ แนวคิดที่ว่าการมีค่า PR ที่สูงแล้วท่านได้ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ดี ” ในคีย์เวิร์ดที่มีค่า PR ที่ต่ำก็จะไม่สามารถแข่งขันกับเพจที่มีค่า PR ที่สูงกว่าได้ แต่การจัดลำดับที่แท้จริงก็ไม่ได้ดูแค่ค่า PR แต่เพียงอย่างเดียว” Matt McGee กล่าว การที่มีค่า PageRank ที่สูงนั้นถือเป็นเรื่องดีแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ค่าต่างๆสูงตามไปด้วย และไม่ได้หมายความว่าท่านจะได้รับทราฟฟิคหรือยอดขายที่สูงตาม
McGee เสริมว่า “พบได้บ่อยครั้งว่าหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่ออัลกอริธึมของ Google นั้นก็คือปัจจัยนับร้อยที่ปรากฎให้เห็น ซึ่งเว็บมาสเตอร์รวมถึงนักธุรกิจต้องพบเจอ แต่ยิ่งใช้เวลามากในการค้นหาเท่าใดท่านจะพบได้ว่าไม่มีที่สิ้นสุด”
3. รับรองโดย Googleตัวอย่างเช่น หากท่านติดต่อกับบริษัทที่ประกาศว่าได้รับการรับรองการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บจาก Google ให้ถือว่าเป็นเรื่องโกหกเพราะในความเป็นจริง Google ไม่สามารถรับรองคุณภาพของ SEO ให้แก่บริษัทใดได้ เนื่องจากทางเว็บไม่มีนโยบายออกประกาศนียบัตรรับรอง Analytics และ AdWords โดยนาย Matt McGee ได้ยืนยันว่า Google ไม่มีการลงประทับรับรองเรื่องดังกล่าวให้แก่บริษัทใดๆเลย
โดยส่วนตัวแล้ว ผมก็ไม่ได้ไม่เห็นด้วยในการให้ออกใบรับรองหรืออื่นๆ แต่แค่เห็นถึงความไม่น่าที่จะเป็นไปได้ คู่มือของเว็บมาสเตอร์ Google และคู่มือการทำ SEO และข้อมูลอื่นๆจากเว็บไซต์ควรได้รับการจัดทำโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้าน SEO เท่านั้น แต่ในหลายๆเว็บไซต์ที่พบเห็นไม่เป็นดังนั้น นาย McGee กล่าวว่า “ เปรียบเสมือนพาท่านไปสู่ประตู แต่ไม่สามารถพาท่านไปทุกที่ที่อยากไปได้”
4. ปัญหาของคีย์เวิร์ด Meta tagความเชื่ออีกอย่างหนึ่งคือเรื่องของคีย์เวิร์ด meta tag นาย Matt Cutts หัวหน้างาน Webspam ของ Google กล่าวว่า Google ไม่ได้ใช้คีย์เวิร์ด meta tag ในการสืบค้นแต่อย่างใด และเป็นการเสียเวลาหากจะหาคีย์เวิร์ดหรือวลีใส่ลงใน meta tag จะเป็นการดีหากเปลี่ยนมาสนใจหาวิธีเพิ่มความเร็วให้กับเว็บไซต์ของท่านเพราะมันจะช่วยเพิ่มคุณภาพการใช้งานของเว็บไซต์และ SEO ได้ การอธิบายเรื่อง mega tag หรือหัวข้ออื่นๆที่เกี่ยวข้องนั้นตามจริงแล้วเพียงหัวข้อเรื่อง keywords tag ก็ครอบคลุมได้เพียงพอแล้ว
นาย David Mihm ผู้อำนวยการของ GetListed.org เห็นได้เห็นด้วยกับประโยคที่ว่า “‘คุณสามารถช่วยผมเพิ่มประสิทธิภาพของ mega keywords ได้หรือไม่?’ ประโยคนี้ผมมักจะได้ยินบ่อยๆจากเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่โทรศัพท์เข้ามาแล้วขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่เว็บไซต์ แต่ความจริงก็คือเครื่องมือช่วยในการค้นหาไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้แล้ว ในอัลกอริธึมของ Google ก็ไม่มีการใช้งานของ meta keywords ในการค้นหาที่มีประสิทธิภาพมาเป็นเวลาสองปีแล้วเช่นกัน มีอยู่ 2 meta ที่เจ้าของเว็บไซต์ควรให้ความสนใจนั้นก็คือ คีย์เวิร์ดใน <title> tag ( มีความสำคัญมากในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ) และคำบรรยาย meta ซึ่งอาจจะดูเหมือนไม่กระทบต่อการจัดอันดับแต่มันจะสามารถช่วยเพิ่มจำนวนคลิกในผลการค้นหาได้
5. หาทางขึ้นสู่อันดับสูงสุดการใช้วิธีที่ไม่ถูกต้องกับ Google หรือพยายามปั่นระบบการค้นหาถือเป็นความคิดที่ผิด และถึงแม้จะประสบผลสำเร็จ แต่หากเครื่องมือช่วยในการค้นหาตรวจจับได้ เว็บไซต์ของท่านก็จะมีความเสี่ยงที่จะถูกลบออกจากรายชื่อและปัญหาอื่นๆที่ตามมายังบริษัท
อาจจะเถียงไม่ได้ว่า Google et al ในบางครั้งก็เกิดข้อผิดพลาดได้และทำบางคีย์เวิร์ดหายไป แต่สามารถแก้ไขได้ แต่การทำ SEO ด้วยวิธีการอื่นที่แตกต่างจากการใช้เครื่องมือช่วยในการค้นหานั้นจะมีผลเสียมากกว่าผลดี
6. จัดการคีย์เวิร์ดเพจของคีย์เวิร์ดจะต้องมีระยะเวลาของ outrank ที่สามารถนำไปแข่งขันได้ โดยนาย Matt McGee กล่าวว่า “ผมได้พูดเสมอว่าคุณต้องใช้คีย์เวิร์ด คุณจะต้องมีเพจเกี่ยวกับสินค้าและบริการของคุณ และไม่มีจำนวนที่แน่นอนว่าคุณจะใช้คีย์เวิร์ดเดียวกันถึง 7 ครั้งแล้วจะถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ดี เนื่องจากวิธีการไม่ได้เป็นเช่นนั้นเพราะมีอีกหลายๆตัวแปรที่จะทำให้เพจมีลิงค์ขาเข้าพร้อมกับ text anchor ที่ดี ดังนั้นจำนวนคีย์เวิร์ดอย่างเดียวไม่ใช่ทุกอย่าง”
มากกว่านั้น คีย์เวิร์ดที่ถูกใช้ซ้ำจะต้องน่าดึงดูดใจ และสร้างโอกาสในการพูดถึงบริษัท สินค้า และกลุ่มลูกค้าของคุณ
David Mihm กล่าวว่า “มีผู้อ้างว่า ฉันจะเพิ่มประสิทธิภาพคีย์เวิร์ดให้แก่เว็บไซต์โดยการเพิ่มจำนวนคีย์เวิร์ด” ใช่มันเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมีคีย์เวิร์ดในเพจของคุณ แต่ไม่มีจำนวนที่แน่นอนที่จะรับประกันความสำเร็จดังกล่าว
7. ลงทุนใน Google AdWords จะได้อันดับที่ดีการลงทุนใน Adwords ดูจะเป็นไปได้ที่จะส่งผลต่อการค้นหาใน Google แต่เชื่อเถอะว่ามันไม่จริง เพราะว่า Google ได้บอกมานานแล้วว่าเรื่องนี้ไม่มีผลอันใด แต่ถือว่าไม่ใช่เรื่องผิดหากจะทำการเปรียบเทียบกับคู่แข่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้นหานาย Matt McGee กล่าวว่า “ ผมได้ศึกษาเรื่องนี้มาเป็นปี โดยหากท่านตั้งงบการลงทุนที่ถูกต้องจะช่วยสามารถเพิ่มจำนวนคลิกมายังเพจได้และช่วยเพิ่มจำนวนทราฟฟิคอีกด้วย ดังนั้นผมไม่คิดว่าเป็นการผิดหากจะลงทุนกับ Adwords ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ส่งผลกับการจัดอันดับเว็บไซต์ให้คุณก็ตาม
8. ที่ตั้งทุกเพจในเว็บไซต์ของท่านควรมีความเหมาะสมสำหรับเป็น landing page โดยคุณไม่สามารถทำให้ลูกค้าเข้าไปชมหน้า homepage หรือสินค้าอย่างเดียวได้ และทุกๆเพจนั้นมีสิทธิที่จะเป็น landing page ด้วยกันทั้งสิ้น
9. ติดตั้งและไม่ต้องกังวลเป็นความจริงที่ว่าในขณะที่เว็บไซต์ของท่านไต่ลำดับสูงขึ้นเรื่อยๆ แถมยังไม่ต้องให้ท่านมากังวลใจกับการจัดการในภายหลังและสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่ขอแนะนำให้ทำเช่นนั้นเนื่องจากโปรเจค SEO ไม่ใช่ทุกอย่างและการทำ SEO ไม่มีวันสิ้นสุด เช่นเดียวกับบริษัทที่จะประสบความสำเร็จจะไม่หยุดที่จะลงทุนในการทำการตลาด
หากคุณคิดว่าได้รับทุกอย่างแล้วจากการทำ SEO แสดงว่าคุณยังเข้าถึงเว็บไซต์และกิจกรรมการตลาดแบบออฟไลน์ไม่หมด เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่สามารถจัดการได้และถึงแม้ว่าเว็บไซต์ของคุณยังไม่ได้รับการจัดอันดับที่ดีแต่คุณสามารถทำให้เว็บไซต์ดีขึ้นต่อไปได้เช่นการเพิ่มเพจใหม่ในทุกเดือน ก็ยังดีกว่าการไม่ทำอะไรเลย
10. อันดับไม่ใช้ผลลัพธ์ของทุกอย่างหลายท่านทำ SEO เพียงเพื่อต้องการให้ช่วยในการจัดอันดับ แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงแล้วก็คือการสร้างรายได้ “ หากคีย์เวิร์ดเหล่านั้นไม่ได้ช่วยคุณในการสร้างรายได้ ก็จะไม่มีความหมายอันใดแถมยังเสียเวลาเปล่า แต่หากถูกจัดอันดับที่ต่ำลงมาที่ 3 หรือ 4 แต่สามารถช่วยให้คุณได้รับจำนวนคลิกเพิ่มขึ้นและมีทราฟฟิครวมถึงจำนวนลูกค้าที่มากขึ้น อันดับเหล่านั้นควรที่จะถูกมองว่าประสบผลสำเร็จมากกว่า” นาย Matt McGee กล่าว
นี้เป็นเรื่องที่ผมชื่นชอบ การอยู่ในอันดับที่หนึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ในความคิดของผมแล้วมันไม่ใช่ทั้งหมด ตามหลักแล้วคุณต้องทำให้เว็บไซต์โดดเด่นและเนื้อหาในเว็บไซต์ถือเป็นเรื่องหลักที่ควรให้ความสนใจ
สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือความเร็ว ความละเอียดและเข้มข้นของเนื้อหาที่สื่อสารออกไปไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ แบรนด์สินค้า ตัวสินค้าเองและความแม่นยำของข้อความในเว็บไซต์ SEO ควรเป็นแค่เพียงตัวช่วยให้งานที่ดีของคุณประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น โดยอย่าละเลยการทำเว็บไซต์ของท่านให้มีคุณภาพอยู่ตลอด
โปรดจำไว้ไว้ว่า ถึงแม้ว่าการจัดอันดับคือผลลัพธ์แต่ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ควรทำ
ขอบคุณบทความจาก
http://blog.uptopromo.com/?p=426