การทำการวิจัยคีย์เวิร์ดถือเป็นกระบวนการที่อยู่ภายใต้ความสำเร็จของการทำ SEO
ผมได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับการการวิจัยคีย์เวิร์ดมาบ้างแล้วใน SEOmoz เพราะผมเชื่อว่ามันคือการทำ SEO ที่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนนี่คือข้อผิดพลาดทั่วไปบางประการที่ผมเห็นคนอื่นๆทำกับการวิจัยคีย์เวิร์ดของพวกเขา
1 .คุณต้องสมเหตุสมผล"คงดีกว่าหากเราได้ขนมพายเพียงแค่ชิ้นเล็ก ๆ แทนที่เราจะไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวของพายชิ้นใหญ่"
การทำวิจัยคีย์เวิร์ดเริ่มดูเหมือนจะเป็นงานง่ายๆ คุณเพียงแค่หาเครื่องมือในการทำวิจัยคีย์เวิร์ดและหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณที่จะทำให้มีจำนวนการค้นหาสูงๆ มันน่าเศร้าตรงที่ไม่มีวิธีทำใดที่ให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากที่สุด
คีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันสูงเป็นคีย์เวิร์ดที่ยากเกินเอื้อม – ส่วนหนึ่งของการวิจัยคีย์เวิร์ดที่ดีนั้นต้องมีเหตุมีผล การเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมสำหรับกำหนดเป้าหมายโดยคำนึงถึงอายุของเว็บไซต์ ผู้มีอำนาจในปัจจุบันและการเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้ดีขึ้นในอนาคต
การกำหนดเป้าหมายด้วยคีย์เวิร์ดเพียงคำเดียวจะดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่นัก แต่ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าหากขาดคีเวิร์ดคำดังกล่าวก็จะทำให้ขาดกำไรในส่วนนั้นได้ด้วยเช่นกัน – หากมีผู้ใช้ค้นหาคำว่า ‘Toshiba l670 laptop’ ส่วนมากจะสืบเนื่องและพบถึงขั้นตอนการซื้อ
ไม่มีอะไรถูกต้องในการกำหนดเป้าหมายคีย์เวิร์ดทั่วไป ผมขอพูดว่าหากแคมเปญของคุณมีงบประมาณจำกัดและคุณต้องการผลลัพธ์เพียงระยะสั้นๆหรือระยะกลางนั้น คุณควรกำหนดเป้าหมายให้มีคีย์เวิร์ดที่มีทราฟฟิคน้อยลงและเป็นคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันสูงๆน้อยลงด้วยเช่นกัน วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า
ทราฟฟิคที่ต่ำลงและลดจำนวนคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งสูงอาจไม่น่าตื่นเต้นในการกำหนดเป้าหมายแต่หากเว็บไซต์ของคุณสามารถครอบคลุมพื้นที่เหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วคุณจะเห็นว่าเว็บไซต์ของคุณมีทราฟฟิคที่เพิ่มขึ้นจากเสิร์ชเอนจินขึ้นด้วย
2.คุณกำลังให้ความสนใจกับการค้นหาแบบกว้างๆแทนการค้นหาแบบตรงจุดข้อผิดพลาดที่ดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้แต่ก็ยังทำผิดซ้ำๆอย่างต่อเนื่อง…
จำนวนการค้นหาเป็นการวัดที่สำคัญมากเมื่อต้องทำการวิจัยคีย์เวิร์ด แต่บ่อยครั้งหลายๆคนมักทำผิดพลาดโดยการให้ความสนใจไปกับจำนวนการค้นหาแบบกว้างๆแทนการค้นหาแบบแน่นอนตรงจุดเมื่อใช้เครื่องมืออย่าง Google’s Keyword Tool
ซึ่งมีความสามารถที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดระหว่างทราฟฟิคการค้นหาแบบกว้างละการค้นหาแบบตรงจุด ตัวอย่างเช่น:
มีการค้นหา ‘dog kennels’ แบบกว้างเป็นจำนวนถึง 135,000 ครั้งต่อเดือนในประเทศอังกฤษ ส่วนการค้นหาแบบตรงจุดสำหรับคีย์เวิร์ดคำเดียวกันมีเพียง 14,800 ครั้งเท่านั้น แต่ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ถึงวิธีการแก้ไขปัญหานี้ได้เนื่อจากการกำหนดเป้าหมายแบบนี้เป็นการกำหนดเป้าหมายที่คุ้มค่า– มันสามารถลดวิธีการคาดการณ์ ROI และทราฟฟิคลงหากคุณทำตามขั้นตอนดังกล่าว
ปัญหาที่แท้จริงจะเกิดขึ้นเมื่อคุณเลือกกำหนดเป้าหมายคีย์เวิร์ดเป็น ‘ladies leather handbags’ ซึ่งมีจำนวนการค้นหาแบบกว้างถึง 2,400 ครั้งแต่จำนวนการค้นหาแบบตรงจุดมีเพียง 260 ครั้ง – ความล้มเหลวของการวิจัยข้อมูลการค้นหาแบบตรงจุดอาจเป็นไปได้โดยคุณคิดว่าจริงๆแล้วคุณกำหนดเป้าหมายคีย์เวิร์ดไว้ดีแล้ว แต่เมื่อคุณได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอาจเป็นเพราะคุณกำลังดูคีย์เวิร์ดที่มีจำนวนการค้นหาต่ำมากๆอยู่
เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าเครื่องมือ Google’s Keyword Tool ไม่ได้ถูกต้องที่สุดในแง่ของจำนวนการค้นหาแต่การใช้การค้นหาแบบตรงจุดจะให้ข้อมูลที่ดีที่สุดเมื่อประเมินถึงการทำงานของคีย์เวิร์ดเป้าหมาย
3.คุณกำลังกำหนดคีย์เวิร์ดประเภทหลายรูปแบบแทนการกำหนดแบบรูปแบบเดียวเป็นปกติที่เรามักจะเห็นได้ว่าเว็บไซต์จะกำหนดเป้าหมายคีย์เวิร์ดประเภทหลายรูปแบบ แต่ส่วนใหญ่ผู้คนมักค้นหาคีย์เวิร์ดที่ถูกกำหนดเป็นประเภทรูปแบบเดียว
ผมมักพบเจอบ่อยครั้งในเว็บไซต์ประเภท eCommerce ที่ซึ่งเจ้าของเว็บไซต์ได้เพิ่มประสิทธิภาพหน้าเว็บประเภทหมวดหมู่เนื่องจากพวกเขาขายสินค้ามากกว่าหนึ่งชนิด พวกเขาจึงโฟกัสไปยังคีย์เวิร์ดหลากหลายรูปแบบเช่น “tablet PCs” ซึ่งมีการค้นหาน้อยกว่า 91% “tablet PC” ถึง 91%
ผมยอมรับว่า Google พิจารณาได้ดีว่าคีย์เวิร์ดประเภทหลากหลายรูปแบบและคีย์เวิร์ดประเภทรูปแบบเดียวมีลักษณะเหมือนกัน แต่ในหลายๆกรณีก็ยังคงมีผลลัพธ์การค้นหาที่แตกต่างอยู่เช่นกัน ความล้มเหลวในการกำหนดเป้าหมายคีย์เวิร์ดประเภทรูปแบบเดียวสามารถบอกถึงความแตกต่างของรายการค้นหาที่ถูกไฮไลท์ใน SERPs (= การคลิกที่เพิ่มขึ้น) และยังหมายความว่าเว็บไซต์ของคุณปรากฎน้อยว่าหน้าเว็บเป้าหมาย – อาจมีความแตกต่างระหว่างการทำการขายหรือไม่
4.คุณกำลังละเลยการเปลี่ยนแปลงคำพูดนี้ถือเป็นคำพูดที่เกรี้ยวกราดสำหรับผมมาก เพราะบ่อยครั้งที่ผมต่อต้านลูกค้าที่ต้องการอันดับคีย์เวิร์ด [โดยการใส่คีย์เวิร์ดยอดนิยม] เมื่อในความเป็นจริงพวกเขาสามารถทำการกำหนดเป้าหมายได้ดีกว่านี้โดยใช้คีย์เวิร์ดที่แตกต่างหรือกลุ่มคีย์เวิร์ด ผมพยายามอธิบายว่าคีย์เวิร์ดที่นำทราฟฟิคมาให้เว็บไซต์นั้นจะทำให้สิ้นเปลืองแบนด์วิดท์ หากทราฟฟิคไม่ถูกเปลี่ยนแปลง คุณไม่ได้จ้างบริษัทผมเพื่อให้ได้ผลประโยชน์จากทราฟฟิค….. คุณจ้างพวกเราเพื่อช่วยให้คุณเพิ่มยอดขาย
โลกออนไลน์ค่อนข้างมีการแข่งขันสูงและยังมีการแข่งขันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการสร้างรายได้เพื่อลงทุนต่อไปมีความสำคัญมาก
สิ่งนี้ทำให้การวิเคราะห์ภาษาและการเปลี่ยนแปลงเป็นส่วนสำคัญในการทำวิจัยคีย์เวิร์ด โดยมีจิตใจมนุษย์เป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถทำการ “ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลง” ของรายการคีย์เวิร์ดได้ดีที่สุดเพราะมีโปรแกรมที่สามารถกรองและเรียงลำดับคีย์เวิร์ดเพื่อทำให้ชีวิตดูง่ายขึ้น และไม่มีสิ่งใดที่สามารถทดแทนประสบการณ์และความรู้ทางด้าน SEO ได้
มีตัวบ่งชี้พื้นฐานบางตัวที่ใช้นำหน้าเช่น ‘buy’ อาจเป็นตัวบ่งชี้ที่บอกได้ชัดเจนว่าทราฟฟิคจากคีย์เวิร์ดนี้กำลังถูกเปลี่ยนแปลง
การตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงคีย์เวิร์ดมีอะไรซับซ้อนมากกว่านั้น อย่างไรก็ตามเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์และตลาดแต่ละกลุ่มจะแยกกันออกไป ผมพบข้อมูลที่มีอยู่ซึ่งมีประโยชน์ในการพิจารณาว่าคีย์เวิร์ดใดมีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่ดี หากคุณมีเป้าหมายในการตั้งค่าแทรคกิ้งด้วย Google Analytics คุณสามารถกำหนดคีย์เวิร์ดที่มีการเปลี่ยนแปลงสูงสุดซึ่งเว็บไซต์ของคุณได้รับทราฟฟิคจากคีย์เวิร์ดนั้น พยายามระบุรูปแบบในคีย์เวิร์ดที่มีการเปลี่ยนแปลงสูงสุดของคุณแล้วแปลและนำความรู้นี้ไปใช้กับส่วนอื่นๆของการวิจัยคีย์เวิร์ด
5.คุณกำลังเลือกคีย์เวิร์ดที่ไม่มีอยู่ในเนื้อหาเว็บนี่คือหนึ่งเหตุผลที่เอื้อต่อกระบวนการวิจัยคีย์เวิร์ดเพราะเครื่องมือคีย์เวิร์ดส่วนมากจะพยายามคำนวณคำและความหมายในวิธีของมนุษย์
ตัวอย่างเช่น ผู้ค้นหากำลังค้นหาคำว่า ’storage’ อาจหมายความว่าเขากำลังค้นหาศูนย์บริการพื้นที่เก็บของ กล่อง หรือ เฟอร์นิเจอร์ในการจัดเก็บของใช้หรือแม้แต่บริษัทที่บริการพื้นที่โกดังเก็บของ
โอกาสที่จะสับสนในการกำหนดเป้าหมายนั้นมีค่อนข้างมากและคีย์เวิร์ดที่คุณตัดสินใจในการกำหนดเป้าหมายจะต้องให้สอดคล้องมากที่สุดและตรงประเด็นที่สุดจึงจะสามารถบอกถึงสาระสำคัญและธุรกิจของคุณได้ว่าเสนออะไรบ้าง
วิธีที่ดีที่สุดคือการค้นหาด้วยตัวเองใน Google ด้วยคีย์เวิร์ดและดูว่าผลลัพธ์ที่ได้เป็นอย่างไร คุณจะเห็นได้ว่าคีย์เวิร์ดได้ปรับใช้กับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณตั้งใจกำหนดไว้หรือไม่
6.คุณกำลังล้มเหลวในการตรวจสอบคีย์เวิร์ดเป็นที่ยอมรับกันดีว่า SEO เป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องแต่ไม่ค่อยกำหนดเป้าหมายการตรวจสอบและการออร์ดิทคีย์เวิร์ด หากการตลาดยังปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาคุณก็ต้องคาดเดาพฤติกรรมของลูกค้าเพื่อพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปตามพฤติกรรมลูกค้าด้วยเช่นกัน – ถือว่าเป็นการตรวจสอบคีย์เวิร์ดทั่วๆไปที่สำคัญ
ในตลาดส่วนมากผมพบว่าการตรวจสอบรายปีนั้นก็เพียงพอแล้ว หากทำการตรวจสอบในช่วงเวลาที่สั้นกว่านี้จะมีความเสี่ยงเกิดขึ้นและจะเกิดความสับสนวุ่นวายในการให้ความสนใจกับคีย์เวิร์ดใหม่ๆก่อนที่ผลลัพธ์ของคีย์เวิร์ดเก่าๆจะสำเร็จและได้รับการประเมิน
กล่าวได้ว่า ในการตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงและมีการแข่งขันกันสูงนั้นการตรวจสอบคีย์เวิร์ดทั่วไปก็จะมีความจำเป็นมากขึ้นเช่นกัน
จุดประสงค์ของการตรวจสอบคีย์เวิร์ด:ตัดคีย์เวิร์ดที่มีประสิทธิภาพต่ำทิ้ง
กำหนดโอกาสและพื้นที่ในการเติบโต
ร่างกลยุทธ์ SEO สำหรับอนาคต
1.) ศักยภาพการเติบโตของคีย์เวิร์ดสูง
2.) ประสิทธิภาพของคีย์เวิร์ด
3.) กลุ่มน่าสงสัย (question marks)
4.) กลุ่มดาวรุ่ง (stars)
5.) กลุ่มสุนัข (dogs)
6.) กลุ่มแม่วัวให้นม (cash cows)
เพื่อทำการตรวจสอบกลยุทธ์และการดำเนินการของคีย์เวิร์ดคุณสามารถประยุกต์ใช้ Boston Matrix เหมือนผมได้
แบรนด์ใหญ่ๆมักใช้ Boston Matrix เพื่อเข้าถึงความสมบูรณ์ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ของพวกเขาและเพื่อระบุว่าจะมุ่งเน้นทรัพยากรของพวกเขาไปยังพื้นที่ที่ไหน
คุณสามารถทำเช่นเดียวกันนี้กับกลุ่มคีย์เวิร์ดของคุณได้เช่นกัน
สามารถทำได้โดยแบ่งคีย์เวิร์ดของคุณเป็น 4 กลุ่ม เพื่อง่ายต่อการร่างกลยุทธ์การค้นหาของคุณในอนาคต
กลุ่มน่าสงสัย (Question marks) – นี่คือกลุ่มคีย์เวิร์ดในพื้นที่ที่มีแนวโน้มการเจริญเติบโตแต่คุณยังไม่เห็นประสิทธิภาพมันในตอนนี้ นี่ถือเป็นโอกาสของคีย์เวิร์ดที่ยังไม่เกิดประโยชน์ คุณควรวางแผนว่าคุณจะทำการพัฒนาประสิทธิภาพของคีย์เวิร์ดกลุ่มนี้อย่างไร
กลุ่มดาวรุ่ง (Stars) – กลุ่มคีย์เวิร์ดที่มีประสิทธิภาพสูงและมีพื้นที่ให้เติบโตมาก – ควรหาหนทางเพื่อให้เกิดประโยชน์จากการเติบโตนี้ ผมขอแนะนำให้คุณโฟกัสทรัพยากรของคุณเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในพื้นที่นี้เพื่อให้มี ROI สูงสุดในช่วงเวลาสั้นๆ
กลุ่มสุนัข (Dogs) – กลุ่มคีย์เวิร์ดที่มีประสิทธิภาพต่ำที่ไม่มีโอกาสเติบโตหรือมีโอกาสการเติบโตเพียงเล็กน้อย – ตัดกลุ่มคีย์เวิร์ดเหล่านี้ทิ้งและจัดสรรทรัพยากรไปยังพื้นที่อื่นๆ
กลุ่มแม่วัวให้นม (Cash cows) – กลุ่มคีย์เวิร์ดที่มีประสิทธิภาพสูงซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีโอกาสในการเติบโตเพียงเล็กน้อย – ควรคิดหาหนทางในการเพิ่มประสิทธิภาพและคงประสิทธิภาพของคีย์เวิร์ดกลุ่มนี้และแปลงการเรียนรู้จากกลุ่มนี้ไปใช้กับพื้นที่อื่นๆ
คุณพบข้อผิดพลาดอะไรในขั้นตอนการทำวิจัยคีย์เวิร์ดของคุณบ้างหรือยัง? ร่วมแบ่งปันความคิดเห็นของคุณได้
SEOmoz : ที่มา
http://blog.uptopromo.com/?p=327