ผมเชื่อว่าร้านค้าออนไลน์ให้ความสำคัญอย่างยิ่งเกี่ยวกับระบบเทคโนโลยี การจัดการทราฟฟิกและการลิงค์เว็บไซต์ โดยลืมไปว่าสิ่งที่มีผลที่สุดก็คือคุณภาพของตัวสินค้า และสิ่งอื่นๆนั่นเป็นเพียงเครื่องมือที่เข้ามาช่วยเหลือเท่านั้นเอง ด้านล่างนี้ผมจะชี้ให้เห็นถึง 4 ข้อผิดพลาดใหญ่ในหน้าออนไลน์ที่สามารถพบเห็นได้ในปัจจุบัน
1) ต้องจินตนาภาพ ในเพจสินค้าหลายๆเพจนั้นต้องการให้ลูกค้าสร้างจินตนาภาพอันดีต่อตัวสินค้า ตัวอย่างเช่นภาพสินค้าโดยมีแบล็คกราวน์เป็นสีขาวล้วน เป็นต้น การซื้อของออนไลน์นั้นอาจจะไม่มีความจำเป็นที่ต้องอ่านเนื้อหาบรรยายสินค้าถ้าหากภาพประกอบมีคุณภาพเพียงพอที่แสดงถึงคุณสมบัติของสินค้าดังกล่าวพร้อมทั้งวิธีใช้ เนื่องจากภาพนั้นได้บรรยายทุกอย่างไว้หมดแล้ว
ใช่แล้วครับ มันเป็นเรื่องที่ยากในการที่จะได้มาซึ่งภาพดังกล่าว เช่นเดียวกับภาพที่ผมได้แชร์ใน C28′s lifestyle images
จงอย่าคาดหวังให้ลูกค้าของท่านมีจินตนาภาพที่ดีได้เอง แต่จงสร้างภาพเหล่านั้นให้พวกเขา โดยบอกรายละเอียดลงให้เขาได้เกิดจินตนาการถึงสัมผัส และความรู้สึกในขณะใช้สินค้า
2) พูดถึงลักษณะสินค้ามากเกินไป ยิ่งท่านรู้เกี่ยวกับสินค้ามากเท่าใดก็จะมีความยากในการที่จะบรรยายสิ่งนั้นมากขึ้นเท่านั้น และหากสินค้านั้นถูกบรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญในตัวสินค้านั้นด้วยแล้วอาจจะทำให้การบรรยายนั้นอ่านได้เข้าใจยากขึ้นได้ในบางกรณี
สินค้าที่น่าสนใจหลายตัวนั้นล้มเหลวในการพูดถึงตัวสินค้าเอง เพราะใครจะจำ เครื่องเล่น mp3 สร้างสรรค์ ขณาด 5GB ได้หล่ะ เพราะเรามักจะจำเป็น Ipod ตัวแรกของ Apple
จงจำไว้ว่าลักษณะของสินค้าจะไร้ความหมายหากไม่มีคุณสมบัติที่มีความโดดเด่น อย่าเข้าใจผิดว่าลูกค้าสามารถเข้าใจประโยชน์ของสินค้าได้ครบเพียงแค่ดูภาพสินค้าเพียงอย่างเดียว
3) ปราศจากเรื่องราวสินค้าทุกตัวมีเรื่องราวของมัน แต่มันจะไม่ค่อยมีการนำมาบอกกล่าวว่าทำไมสินค้าชนิดนี้ถึงได้ถูกสร้างขึ้น มันถูกสร้างขึ้นจากแรงบันดาลใจหรือสิ่งใด ให้ท่านคิดถึงเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายที่ท่านได้บอกเล่าเกี่ยวกับสาเหตุและแรงบันดาลใจการผลิตสินค้านี้ขึ้นมา เพราะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการนึกถึงสาเหตุและที่มา
ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวกับที่ว่าทำไมเราถึงชอบฟังเรื่องราวของดาราว่าทำไมถึงได้กลายมาเป็นดารายอดนิยม ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ทำให้ผู้ฟังสนใจและอยากนำไปบอกต่อ การใส่เรื่องราวความสำคัญให้แก่ตัวสินค้านั้นทำให้ลูกค้ารู้สึกมากกว่าการซื้อตัวสินค้า แต่ได้ซื้อเรื่องราวด้วย
หากท่านไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องราวของตัวสินค้า ท่านสามารถสอบถามโดยตรงกับผู้ผลิต หรือสำรวจข้อมูลและนำไปบอกต่อแก่ลูกค้า
4) สนใจที่หลักเหตุและผลและการซื้อที่เกิดจากความรู้สึกบ่อยครั้งที่เราคาดหวังให้ลูกค้าใช้เหตุผลในการเลือกซื้อ ตัวอย่างเช่นการรีวิวสินค้า การรีวิวสินค้านั้นโดยส่วนมากแล้วจะไม่ได้เขียนถึงจุดประสงค์โดยตรงแต่จะถามว่าลูกค้ามีความชอบหรือไม่ชอบสินค้าอย่างไร แต่หากท่านลองเปลี่ยนมาถามเกี่ยวกับเรื่องราวการใช้สินค้าของลูกค้าโดยเปลี่ยนคำถามเช่น “ช่วยบอกพวกเราว่าชอบสิ้นค้าชนิดนี้อย่างไร” ซึ่งจะทำให้การรีวิวเปลี่ยนจาก “มันใช้งานได้ดีมากเลย คันลอกหมุนได้ลื่นไหลมาก” มาเป็น “ฉันใช้เวลาทั้งวันในทะเลสาบและจับปลาตัวใหญ่ได้ถึงห้าตัวเลยทีเดียว”
แม้ว่าเรามักจะคิดว่าเราเป็นผู้ซื้อที่มีเหตุผล แต่ในความเป็นจริงแล้วเราใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้ามากกว่าต่างหาก
ที่มา
http://blog.uptopromo.com/?p=162