“วันนี้ “เถ้าแก่น้อย”ก้าวไกลไปกว่าที่ผมฝันไว้มาก
ยอดขายปี 2553 สูงถึง 1,600 ล้าน...บาท
ปี 2554 ประมาณ 2,000 ล้านบาท
โรงงานขยายเพิ่มขื้นเป็น 3 โรงงาน คือที่ ท่าอิฐ บางบัวทอง และปทุมธานี
มีพนักงานประมาณ 2,000 คน
ส่งไปจำหน่ายใน 26 ประเทศ
ผมสามารถชำระหนี้ 40 ล้านบาทของครอบครัวได้เมื่อปี 2550 หรือ 3 ปีหลังจากตั้งบริษัท เถ้าแก่น้อยฯ
ในโลกนี้มีอะไรที่เราไม่เคยคิดฝันมากมาย
แต่สามารถเป็นจริงได้
ขอเพียงแค่เราลงมือทำอย่างจริงจัง
ทำด้วยความรัก
ที่สำคัญเมื่อเจออุปสรรคขวางหน้า
... อย่ายอมแพ้
ชีวิตของผมเปรียบไปแล้วก็เหมือนกับ “สาหร่าย”
ทุกครั้งที่สาหร่ายเจอ “ความร้อน”
มันก็จะมีมูลค่าสูงขึ้น
เจอความร้อนจากแสงแดด หรือเตาอบ ก็กลายเป็น “สาหร่ายแห้ง”
มูลค่าเพิ่ม
เจอความร้อนจากน้ำมันในกระทะ ก็กลายเป็น “สาหร่ายทอดกรอบ”
มูลค่ายิ่งเพิ่ม
ชีวิตที่ผ่านมาของผมก็เช่นกัน
ถ้าถามว่า “ความสำเร็จ”ของผมมาจากอะไร
ผมจะตอบว่า “ปัญหา”“ปัญหา” คือ น้ำมันร้อน
คือ “แสงแดด” ของชีวิต
ทุกครั้ง ที่มี “ปัญหา” ผมจะเติบโตขึ้นเพราะถ้าบ้านผมยังคงร่ำรวยอยู่ ธุรกิจที่บ้านไม่มีปัญหา ไม่เป็นหนี้
ผมคงไม่ลุกขึ้นมาทำเกาลัด
ถ้าร้านเกาลัดของผมไม่เจอปัญหาเรื่องกลิ่นและควัน จนทำให้ฝ้าเหลือง
ผมคงไม่คิดหาสินค้าใหม่มาขายเพิ่ม
และคงไม่ได้ขาย “สาหร่ายทอดกรอบ”
ถ้าไม่มีปัญหาต้องหาช่องทางการขายเพิ่มเพื่อรองรับกับกำลังการผลิตที่มากขึ้น
ผมคงไม่นำ “เถ้าแก่น้อย” ไปเสนอ “เซเว่น-อีเลฟเว่น”
และถ้า...ฯลฯ
“ปัญหา” จึงเปรียบเสมือน “ความร้อน”ที่ทำให้ผมเติบโต
สำหรับผม “ปัญหา” ไม่ใช่ “อุปสรรค”
แต่เป็นองค์ประกอบหนึ่งของความสำเร็จที่ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น
ผมไม่เคยกลัว “ปัญหา”
และไม่เคยกลัว “ความล้มเหลว”
ผมจะบอกคนรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นทำธุรกิจทุกคนว่า “อย่ากลัว ความล้มเหลว”
ให้คิดเสมอว่า “ล้มก็ครู ชนะก็ครู”
ทุกอย่างในโลกล้วนเป็นครูหมด
เมื่อชนะก็อย่าคิดว่าจะชนะตลอดไป
บางทีการแพ้ก็คือการชนะ
เหมือนกับมีคนมาวิจารณ์เรา ถ้าเราเถียง เราอาจจะชนะ
แต่เราไม่ได้อะไรเลย
หากเราฟัง ไม่เถียง
เหมือนกับว่าเราจะแพ้
แต่จริงๆแล้ว เราชนะ เพราะเราได้ฟังมากขึ้น
จากนั้นเราค่อยกลั่นกรองว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ”
ต๊อบ-อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์
ผู้เริ่มสร้างธุรกิจสาหร่าย “เถ้าแก่น้อย” เมื่อเขาอายุเพียง 18 ปี
ปัจจุบันเขาอายุ 28 ปี “เถ้าแก่น้อย”มียอดขายประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี
โดย: บัณฑิต ปิ่นมงคลกุล — with Sirivadee Sarunnayawatsin.