เป็นเวลาหลายทศวรรษมาแล้วที่เราคุ้นเคยกับการเรียนสูงๆเพื่อเป้าหมายในการได้งานดีๆเงินเดือนสูงๆทำ จริงๆมันก็ไม่แปลกที่เราจะคิดแบบนี้เพราะจำความได้ค่านิยมทางความคิดนี้ก็ถูกปลูกฝังมาเลย เราจะได้ยินทั้งพี่ ป้า น้า อา พ่อแม่ สอนคล้ายๆกันว่า
"จงเรียนสูงๆจะได้มีงานดีๆทำ" พอเราทุกคนเรียนจบออกมาก็แห่ไปสมัครงานจนล้นตลาด หมดอัตราจ้าง ตกงานกันเป็นแถบ
ถ้าเราอยากจะมีชีวิตที่แตกต่าง เราต้องเปลี่ยนค่านิยมทางความคิดของตัวเองออกจากกรอบเพราะการศึกษาไม่ได้เคยบังคับว่าจบแล้วต้องไปเป็นลูกจ้าง
ที่อเมริกามีมหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อในเรื่องสร้างผู้นำทางธุรกิจอย่าง Harvard และ Stanford ที่มี Online Entrepreneur คือ มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก, แลรี่ เพจ และ เซอร์จี บริน ตามลำดับ -- และยังมีอีกแห่งที่เป็นตัวอย่างที่ดี คือ MIT มหาวิทยาลัยเหล่านี้มีตัวเลขที่น่าทึ่ง
1) บัณฑิต Stanford จำนวน 140,000 คนได้เป็นผู้ประกอบการ 39,900 บริษัท หรือ 29% conversion rate สร้างรายได้รวมทุกบริษัทต่อปีเฉลี่ย 2.7 ล้านล้านเหรียญ
2) บัณฑิต MIT จำนวน 105,000 คนได้เป็นผู้ประกอบการ 25,800 บริษัท หรือ 25% conversion rate สร้างรายได้รวมทุกบริษัทต่อปีเฉลี่ย 2 ล้านล้านเหรียญ
มหาวิทยาลัยเหล่านี้กำลังกลายเป็น Land Mark ของคนอยากเป็นผู้ประกอบการ แนวโน้มของวัฒนธรรมการเรียนในอนาคตคือ ว่าที่นักศึกษาใหม่เริ่มมุ่งแสวงหาสำนักที่ไม่ใช่การเพื่อจบมาเป็นลูกจ้างเพียงเท่านั้น... แต่จบมาเพื่อเป็นผู้ประกอบการคือเป้าหมายสูงสุด
แต่ในความเป็นจริงเราไม่ต้องรอความหวังที่จะไป Havard, Stanford หรือ MIT เพราะโอกาสบ่อยครั้งเริ่มที่ตัวเรา และสิ่งสำคัญที่จะผลักดันความสำเร็จคือ ความคิด/ความรู้ เป้าหมาย แผนงาน และการลงมือทำสำหรับใครที่กำลังโครตเบื่องานประจำและอยากลาออกให้มันรู้แล้วรู้รอดเพื่อมาทำ IM -- อดทนแล้วหยุดคิด คิดก่อนว่าคุณจะ position ตนเองในแนวไหนในโลก IM คิดถึงแนวทางการทำเงิน แผนงาน การปฏิบัติ และระยะเวลาเล็งเห็นผลแรก ...ดีที่สุดคือเริ่มต้นทำตั้งแต่วันนี้ในขณะที่คุณกำลังทำงานประจำอยู่
Keep Moving Forward ครับ โย่ว!
www.facebook.com/theceoblogger