พิสูจน์สาวตาเอกซเรย์ มองทะลุคน-เก่งกว่าหมอ
น.ส.นาตัลยา นิโคลาเยฟน่า เดมคินา หรือ "นาตาชา" ชาวรัสเซีย ได้ชื่อว่าเป็น "สาวตาเอกซเรย์" เธอเกิดที่เมืองซารานสค์เมื่อพ.ศ.2530 ปัจจุบันอายุ 21 ปี และอ้างว่ามีตาเอกซเรย์มองเห็นอวัยวะภายในของบุคคลอื่นๆ ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ
"ฉันมองได้ 2 ลักษณะ ตาสามารถสวิตช์ไปมาได้ ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร การสวิตช์นั้นไม่ยาก เพียงแค่นึกขึ้นมาเท่านั้น ฉันก็จะเห็นอวัยวะภายในทั้งหมดของคน ยากเหมือนกันนะที่จะอธิบายว่า คนๆ นั้นป่วยเป็นโรคอะไรอยู่ อวัยวะที่มีปัญหาคล้ายจะมีรังสีออกมา" นาตาชากล่าว
ความสามารถของนาตาชามีขึ้นในวันหนึ่งขณะที่เธออยู่บ้านกับนางทัตยาน่า วลาดิมอฟน่า มารดา ทันใดนั้นก็มองเห็นอวัยวะภายในของมารดา และอธิบายว่า อวัยวะภายในนั้นเป็นอย่างไร สำหรับภาพที่เธอเห็นนั้นเป็นภาพสี และเริ่มทำการวิเคราะห์เมื่อเปรียบเทียบอวัยวะภายในของคนหลายๆ คน
ต่อมาเธอก็ดูอวัยวะภายในของญาติ คนรู้จัก นางทัตยาน่ากล่าวว่า ตอนแรกเธอไม่กล้าบอกเรื่องความสามารถของลูกสาวกับใคร แต่ผู้คนก็มาที่บ้านเธอเรื่อยๆ ครั้งหนึ่งหญิงคนหนึ่งมาหานาตาชา บอกว่าเธอมีลูกยาก แม้จะใช้เวลารอคอยมาหลายปีแล้ว นาตาชารับปากที่จะช่วยเหลือ จากนั้นไม่นาน หญิงคนนี้ก็คลอดบุตรชาย แต่เธอกลับไม่เชิญนาตาชาแม้แต่จะไปเยี่ยมทารกนี้
จากนั้นจนชื่อเสียงของเธอเข้าหูสื่อมวลชน ทั้งของรัสเซียเองและต่างชาติ อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถมองเห็นอวัยวะภายในของตัวเอง และการมองอวัยวะภายในของผู้อื่นทำได้ในช่วงกลางวันเท่านั้น
ด้านนายนิโคไล เดมคินา บิดาของนาตาชา กล่าวว่า "เราซ่อนความสามารถพิเศษของนาตาชาไว้นานมาก แต่ความสามารถนี้กลายเป็นความสนใจของสาธารณชนไปแล้ว บ้านเรามีผู้สื่อข่าวมาหาเป็นจำนวนมาก หนังสือพิมพ์รัสเซียเขียนถึงนาตาชา และบ่อยครั้งที่ข้อความในหนังสือพิมพ์ทำให้เรารู้สึกเสียใจ"
จากรายงานของสื่อมวลชน นาตาชาระบุว่า บุคคลที่เธอมองเห็นอวัยวะภายในนั้นกำลังป่วยเป็นโรคอะไร ได้ถูกต้องแม่นยำกว่าแพทย์ที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์เข้ามาช่วยเหลือ จากนั้นหนังสือพิมพ์เดอะซันของอังกฤษ เชิญนาตาชากับมารดาไปกรุงลอนดอน พร้อมเข้ารับการทดสอบตาหน้ากล้องโทรทัศน์
ผลที่ได้ปรากฏว่า เธอสามารถมองออกว่า ไบรโอนี่ วาร์ดเดน ผู้สื่อข่าวของเดอะซัน บาดเจ็บที่อวัยวะภายในจากอุบัติเหตุรถยนต์ แต่บ่ายเบียงที่จะตอบว่า มีอวัยวะใดที่หักบ้าง
จนช่องดิสคัฟเวอรี่ สนใจปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับนาตาชา จึงเชิญเธอมารับการทดสอบที่สหรัฐ โดยคณะที่เตรียมการทดสอบคือ คณะกรรมาธิการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ถึงปรากฏการณ์ที่อ้างว่าเหนือธรรมชาติ (CSICOP) และคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์การแพทย์และสุขภาพจิต (CSMMH) ส่วนผู้ที่ทำการทดสอบคือ ศ.ดร.เรย์ ไฮแมน จากมหาวิทยาลัยโอเรกอน ศ.ดร.ริชาร์ด ไวส์แมน ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเฮิร์ตฟอร์ดไชร์ นายแอนดรูว์ สคอลนิก บรรณาธิการวารสารของสมาคมแพทย์อเมริกัน
การทดลองมีอยู่ว่า เธอต้องมองอวัยวะภายในของคน 7 คน โดย 6 คนในนั้น มีความผิดปกติของอวัยวะภายในเรียงดังนี้คือ ถูกผ่าตัดไส้ติ่งออกไปแล้ว ถูกผ่าตัดที่ด้านล่างของหลอดอาหาร มีแม็กที่ใช้ในทางการแพทย์ติดอยู่ที่หน้าอกเนื่องจากการผ่าตัดหัวใจ มีผู้ใส่ข้อต่อสะโพกเทียม มีผู้ถูกตัดปอดด้านบนของปอดซ้ายออก มีผู้ที่ต้องใส่โลหะที่กะโหลกเนื่องจากเข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกในสมอง ส่วนบุคคลที่ 7 มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีความผิดปกติใดๆ
หลักการตัดสินคือ นาตาชาจะต้องบอกว่า ใครมีอวัยวะภายในที่ผิดปกติให้ถูกต้องอย่างน้อย 5 ใน 7 คน ถึงจะตัดสินได้ว่า ความสามารถของเธอน่าจะทำการทดสอบทางการแพทย์ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่า นาตาชาตอบถูกเพียง 4 ใน 7 เท่านั้น แม้ว่านางทัตยาน่า มารดา จะกล่าวกับใครต่อใครว่า ลูกสาวไม่เคยทายผิดเลย
ศ.ดร.ไวส์แมน มีความเห็นว่า "ขณะทำการทดสอบ ความรู้สึกประทับใจที่มีต่อนาตาชาของผู้ชมและคณะกรรมาธิการนั้นแตกต่างกัน นาตาชาใช้เวลานานถึง 4 ชั่วโมงกว่าจะตอบได้ และหลายครั้งเธอตอบผิด ผมคิดว่า ผู้ชมคงลุกออกไปแล้ว แต่ที่ไหนได้ ผู้ชมกลับเชื่อเธอ ผมคิดว่า ความเชื่อของผู้ชมที่มีต่อนาตาชาคงเหมือนกับความเชื่อที่มีต่อหมอดู ซึ่งผู้ชมให้ความสนใจคำพูดของนาตาชาในส่วนที่ผู้ชมเชื่อเท่านั้น"
ด้านนาตาชาแย้งผลของคณะกรรมาธิการที่ทำการตรวจสอบว่า ความสามารถของเธอนั้นไม่เพียงพอที่จะเข้ารับการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ต่อไป เธอกล่าวว่า สภาพและสิ่งแวดล้อมขณะทำการตรวจสอบนั้น ไม่เหมาะที่เธอจะทำการทดสอบ เช่น เธอไม่เคยเอกซเรย์คนมากเท่านี้มาก่อน
ส่วนคณะกรรมาธิการระบุว่า การทดลองนี้มีข้อบกพร่องหลายข้อ เช่น นาตาชามาถึงสถานที่ทำการทดสอบก่อนเวลาที่นัดหมายไว้ ทำให้เธอพบอาสาสมัคร 2 คนก่อนเวลา ทั้งๆ ที่เธอไม่ควรพบกับอาสาสมัครก่อนหน้านั้นเลย
ดังนั้น เมื่อเธอได้รับเชิญจาก ศ.โยชิโอะ มาชิ ให้ไปเข้ารับการทดสอบที่มหาวิทยาลัยโตเกียวอีเล็กทริกคัลประเทศญี่ปุ่น เธอจึงออกกฎว่า ต้องให้อาสาสมัครที่เข้ามารับการทดสอบนำใบรับรองแพทย์ที่ระบุถึงอาการผิดปกติภายในมาด้วย อาสาสมัครยังต้องระบุว่า มีความปกติตรงส่วนใดของร่างกาย เช่น ช่องท้อง ศีรษะ เธอต้องใช้เวลานานจนกว่าจะพอใจเพื่อจะระบุความผิดปกติ
จากเว็บไซต์ของนาตาชา ระบุว่า เธอเห็นข้อเข่าเทียมของอาสาสมัคร เห็นอาสาสมัครกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ เธอยังทายถูกว่า สุนัขตัวหนึ่งใส่อุปกรณ์การแพทย์ไว้ที่ขาหลังด้านขวา อย่างไรก็ตาม ทางมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นไม่เปิดเผยรายละเอียดของการทดลองให้บุคคลภายนอกทราบ
ด้านนายแพทย์ไบรอัน โจเซฟสัน ผู้อำนวยการโครงการ Mind-Matter Unification มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ และเคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ มีความเห็นถึงการทดสอบของคณะกรรมมาธิการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ถึงปรากฏการณ์ที่อ้างว่าเหนือธรรมชาติ และคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์การแพทย์และสุขภาพจิตว่า "มีความพยายามที่จะดิสเครดิตความสามารถของนาตาชา และผลที่ได้ควรจะระบุว่า ไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากการที่นาตาชาระบุอาการได้ถูกต้อง 4 ใน 7 คน นับว่าตอบถูกถึงกว่าครึ่ง ซึ่งเป็นสถิติที่น่าสนใจ"
ความสามารถของนาตาชา สาวน้อยจากรัสเซีย จึงยังเป็นที่ถกเถียงกันในชุมชนวิทยาศาสตร์ว่า สายตาเอกซเรย์นั้นมีอยู่จริงหรือ ปัจจุบัน นาตาชาเรียนอยู่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยซีมาชโค สเตต สตอมมาโทโลจิคัล กรุงมอสโก และทำงานอยู่ที่ศูนย์รักษาพิเศษนาตัลยา เดมคินา (TSSD) ซึ่งศูนย์นี้จะระบุโรคและรักษาผู้ป่วยด้วยความร่วมมือจาก "ผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถพิเศษเหนือธรรมชาติ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญการแพทย์แผนโบราณ"
_______________________________________________________________________