ต่อไป »

[ariesanywhere]

ลงทุนด้านอีคอมเมิรซ์ เป็นเรื่องที่ดีครับ เพราะเป็นธุรกิจยุคใหม่ที่มีสัดส่วนการเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ และคำตอบที่ได้จากการค้นหาตนเอง ว่าจะดำเนินธุรกิจด้านอีคอมเมิรซ์ทางด้านใด อาทิ การขายสินค้า การวางตำแหน่งเป็นตลาด การเป็นวางตำแหน่งเป็นสื่อกลาง หรือรูปแบบอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นตามยุคตามสมัย

1. E-commerce เป็นธุรกิจที่ย่อโลกระหว่างสินค้าและคนซื้อ และมีการขยายตัวครอบคลุมไปในวงการสินค้าประเทศต่างๆหลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะขายสินค้ากันทุกประเภทอยู่แล้ว จึงยังมีช่องว่างทางการตลาดให้เจาะอีกเยอะครับ

2. E-commerce นอกเหนือจาก ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ผู้ซื้อ ตลาด สินค้า ผู้จัดส่ง ผู้ชำระเงิน ยังมีตัวแปรอื่นๆ ที่สามารถนำมาสร้างเป็นธุรกิจในแวดวงอีคอมเมิรซ์ได้ ทำให้เรามีลู่ทางทำมาหากินเยอะ ขึ้นอยู่กับหามันเจอหรือไม่

3. E-commerce ลงทุนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับธุรกิจออฟไลน์ประเภทอื่นๆ ยิ่งเดี๋ยวนี้มี dropship ยิ่งแทบจะไม่ต้องลงทุนกันเลย หากคิดจะเปิดร้านค้าขายสินค้า หรือเมื่อเทียบกิจกรรมด้านอื่นๆ อาทิ การลงโฆษณาเพื่อโปรโมทร้าน การหาตัวแทนจำหน่าย เรียกได้ว่าต้นทุนต่ำมาก

4. E-Commerce เป็นธุรกิจด้านหนึ่ง ที่อยู่บนพื้นที่หลักของ Internet ซึ่งคาบเกี่ยวกับธุรกิจหลักบน Internet ในหมวดอื่นๆ อาทิ สื่อหรือข่าวสาร, โฆษณา, แอปฯ, ฯลฯ ดังนั้นกลยุทธ์ที่มีให้เลือกใช้เพื่อผลักดันให้ธุรกิจ e-commerce ของเราประสบความสำเร็จและช่องทางหารายได้ จึงมีมากมายยิ่งขึ้นไปอีก

5. คุณประโยชน์ของ Internet ในเรื่องของความสด, ความทันสมัย, ความเรียลไทม์, ฯลฯ เป็นข้อได้เปรียบเหนือธุรกิจออฟไลน์ จึงมีโอกาสมากมายที่คุณจะนำมาใช้ให้ธุรกิจ e-commerce ของคุณประสบความสำเร็จ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อีคอมเมิรซ์ ก็เป็นธุรกิจด้านหนึ่งที่เหมือนธุรกิจประเภทอื่นๆ คือ มีความเสี่ยง และอาศัยตัวแปรในการดำเนินธุรกิจพื้นฐานเฉกเช่นเดียวกับธุรกิจอื่นเหมือนกัน ดังนั้น การทำการบ้าน ด้วยการค้นหาข้อมูลและวิจัยตลาด และการวางแผนเพื่อเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตนเองจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และที่สำคัญที่สุด ที่คนเริ่มต้นทำธุรกิจใดๆก็ตามในตอนแรกมักจะไม่ชอบฟัง ก็คือ เผื่อพลาด!!! ซึ่งมิใช่การคิดลบ ว่าจะพลาด แต่เป็นการปลงว่าสรรพสิ่งล้วนไม่จีรัง การวางแผนเผื่อพลาด เป็นการเดินเกมส์อย่างรอบคอบ และคำนึงถึงแม้แต่ตอนสิ้นสุดวัฏจักรการทำธุรกิจหรืออายุขัยของสินค้า

ดังนั้ัน ผมขอแนะนำให้วางแผนการเงินดีๆก่อน แล้วจึงวางแผนด้านอื่นๆจากสัดส่วนเงินที่เราแบ่งว่าสามารถใช้ได้


1. ค้นหาตัวเองให้พบ หรือถามตัวเองก่อนว่า นี่คือสิ่งที่คุณจะอยู่กับมันไปตลอดชีวิต ได้อย่างมีความสุขหรือไม่ โดยตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ เช่น
   - รู้สึกว่าตัวเองทำงานหรือไม่ ถ้าอยู่กับธุรกิจนี้ ถ้าเป็นธุรกิจหรือสินค้าที่ใช่ คุณจะไม่รู้สึกว่ากำลังทำงาน แต่เหมือนเป็นกิจวัตร ที่อยากทำมันประจำ ไม่ได้ทำแล้วหงุดหงิด

   - มีความสุขหรือไม่ ผมหมายถึง มีความสุขแม้เมื่อมันมีปัญหา เพราะคงไม่มีอะไรมีแต่ความสุขอย่างเดียว และมันมีปัญหาอยู่ทุกธุรกิจนั่นแหละครับ ถ้าคุณยังมีความสุข แม้เวลาที่มันมีปัญหา หรือไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันมาก นั่นแหละครับ ธุรกิจที่ใช่สำหรับคุณ

   - สินค้า หรือธุรกิจนั้นๆ มีความเกี่ยวเนื่อง สัมพันธ์ หรือหล่อหลอมอยู่ในชีิวิตคุณหรือไม่ เช่น สินค้าที่ครอบครัวเราเคยทำ เรื่องที่ตอนเด็กเราชอบ ความฝันหรืออนาคตที่เราอยากเป็น หรือสิ่งที่เราทำได้ดีในปัจจุบันถึงแม้ัจะไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ เพราะบางครั้ง "สิ่งที่เราทำได้ดี อาจไม่ใช่สิ่งที่เราชอบก็เป็นได้ครับ"

2. เก็บก่อนเลยครับ เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง คุณภาพชีวิตสำคัญสุด จะได้มีเวลา หรือสายป่านที่ยาวพอที่จะรันธุรกิจให้ต่อเนื่องได้ยาวนาน และรองรับความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น (สำหรับผม ปกติถ้ามีเงิน 2 แสน ผมจะเก็บมัน 1 แสนเลย แล้วใช้ 5 หมื่น อีก 5 หมื่นเอาไว้หมุน: อาจจะโหดไปหน่อย แต่ด้วยวัยและเหตุการณ์ที่โดนมาเยอะ วันนี้วิธีนี้จะทำให้ชีวิตดีขึ้นจนใจหายเลยครับ)

3. ทำการบ้านเยอะๆ ครับ ความสำเร็จ มันไม่มีสูตรตายตัว ใช่ว่าคนอื่นทำได้ เราจะทำได้ หรือถึงเราทำได้ จังหวะมันอาจจะไม่ใช่ดวงของเรา มองให้เห็นลึกลงไปในอุปสรรค กลยุทธ์ และวิธีการ ที่ผู้อื่นทำให้ธุรกิจนั้นๆประสบความสำเร็จได้ ค้นหากลยุทธ์ที่เหมาะกับรูปแบบ และไลฟ์สไตล์ของตัวเราเองด และดูเยอะๆ อ่านเยอะๆ จะให้ธุรกิจไลน์ใหม่ๆ ที่บ้านเราอาจยังไม่มี ก็เป็นแนวทางให้เราประสบความสำเร็จได้ครับ

4. เก็บข้อมูลและศึกษาสถิติที่ได้รับจากระบบ ความเคลื่อนไหวของคู่แข่ง และเทรนด์ต่างๆของโลก เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางสร้างประสบการณ์ผู้ใช้งาน หรือประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า ส่วนนี้จะทำให้ธุรกิจของคุณ "ครองใจ" ลูกค้าได้ เมื่อครองใจได้แล้ว เงินจะตามมาเอง

5. สร้างสิ่งที่ความรู้มีอยู่แล้ว + จินตนาการ = ความรู้ใหม่ที่คุณเป็นคนสร้างเอง จะทำให้สินค้าของคุณมี know how และเอกลักษณ์ เปรียบเสมือนผู้นำในตลาด และมีเวลาได้รับผลตอบแทนที่ยาวนาน กว่าคนที่จะมาเป็น copy cat ของคุณ ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้น คุณก็คงมีนวัตกรรมทางไอเดียใหม่ๆ เพิ่มลงในสินค้าของคุณใหม่อีก

แต่สุดท้ายแล้ว ธุรกิจ e-commerce สำหรับผม ข้อดีที่ถือว่าดีที่สุดสำหรับผม คือ "เวลา" ธุรกิจด้านนี้ ถ้าบริหารจัดการดีๆ คุณจะยังมีเวลาในหนึ่งวัน เหลือเท่าเดิม และยังทำธุรกิจใหม่ๆเพิ่มได้อีกเรื่อยๆ และสามารถเอาเวลาที่คุณเหลือนั้น ไปอยู่กับครอบครัวและคนที่คุณรัก สร้าง "บางสิ่ง" ทิ้งไว้ให้โลก และมีเวลาฝึกฝนตนเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆได้ครับ

ขอให้ประสบความสำเร็จและค้นพบตัวเองได้โดยไวครับ

[peerawat09]

เป็นกำลังใจให้ครับ

[bakavee]

สองแสน ผมแนะนำว่าเก็บไว้บริหารความเสี่ยงด้วยนะครับ เพราะว่ามันจะต้องเจอแน่ๆช่วงที่ขายไม่ดี จะได้มีเงินเก็บสำรองไว้หมุน พอช่วงขายดีๆก็เป็นกำไรทบกันได้ สู้ๆครับ พ่อค้าแม่ค้า 

[aodzy]

ขอบคุณทุกความเห็นจริงๆครับ เป็นประโยชน์มากจริงๆ  

[KhongNK]

เริ่มจากการลงทุนน้อยๆก่อนก็ได้ครับ บ้างคนเริ่มจากการ pre-order เอง   

[ShowOff]

ลอง Dropship สิครับ ดูแนวโน้มก่อนค่อยลงเต็มตัว

[50cc]

ตอบคำถามก่อนว่า ดีครับ

แต่ถ้าลงในรายละเอียดคือแนะนำให้ทำในสายที่ตัวเองชอบ, มีความรู้ จะทำให้ท่านไปต่อได้ไกล และลดความเสี่ยง

เช่นท่านสนใจสุนัข มีความรู้อยู่แล้ว ก็ใช้ internet เป็นช่องทางการตลาด เข้าเว็บบอร์ดสุนัข โพสต์ social media ทำนองนี้

[mymo]

5หมื่นก็เหลือเฟือแล้วครับ นอกนั้น idea ฝีมือ seo ล้วนๆ
แสนห้าเก็บไว้ช่วงเดือนที่เงียบๆ หมุนสินค้า ใช้จำเป็น

[DDD1985]

ลงทุนด้านอีคอมเมิรซ์ เป็นเรื่องที่ดีครับ เพราะเป็นธุรกิจยุคใหม่ที่มีสัดส่วนการเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ และคำตอบที่ได้จากการค้นหาตนเอง ว่าจะดำเนินธุรกิจด้านอีคอมเมิรซ์ทางด้านใด อาทิ การขายสินค้า การวางตำแหน่งเป็นตลาด การเป็นวางตำแหน่งเป็นสื่อกลาง หรือรูปแบบอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นตามยุคตามสมัย

1. E-commerce เป็นธุรกิจที่ย่อโลกระหว่างสินค้าและคนซื้อ และมีการขยายตัวครอบคลุมไปในวงการสินค้าประเทศต่างๆหลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะขายสินค้ากันทุกประเภทอยู่แล้ว จึงยังมีช่องว่างทางการตลาดให้เจาะอีกเยอะครับ

2. E-commerce นอกเหนือจาก ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ผู้ซื้อ ตลาด สินค้า ผู้จัดส่ง ผู้ชำระเงิน ยังมีตัวแปรอื่นๆ ที่สามารถนำมาสร้างเป็นธุรกิจในแวดวงอีคอมเมิรซ์ได้ ทำให้เรามีลู่ทางทำมาหากินเยอะ ขึ้นอยู่กับหามันเจอหรือไม่

3. E-commerce ลงทุนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับธุรกิจออฟไลน์ประเภทอื่นๆ ยิ่งเดี๋ยวนี้มี dropship ยิ่งแทบจะไม่ต้องลงทุนกันเลย หากคิดจะเปิดร้านค้าขายสินค้า หรือเมื่อเทียบกิจกรรมด้านอื่นๆ อาทิ การลงโฆษณาเพื่อโปรโมทร้าน การหาตัวแทนจำหน่าย เรียกได้ว่าต้นทุนต่ำมาก

4. E-Commerce เป็นธุรกิจด้านหนึ่ง ที่อยู่บนพื้นที่หลักของ Internet ซึ่งคาบเกี่ยวกับธุรกิจหลักบน Internet ในหมวดอื่นๆ อาทิ สื่อหรือข่าวสาร, โฆษณา, แอปฯ, ฯลฯ ดังนั้นกลยุทธ์ที่มีให้เลือกใช้เพื่อผลักดันให้ธุรกิจ e-commerce ของเราประสบความสำเร็จและช่องทางหารายได้ จึงมีมากมายยิ่งขึ้นไปอีก

5. คุณประโยชน์ของ Internet ในเรื่องของความสด, ความทันสมัย, ความเรียลไทม์, ฯลฯ เป็นข้อได้เปรียบเหนือธุรกิจออฟไลน์ จึงมีโอกาสมากมายที่คุณจะนำมาใช้ให้ธุรกิจ e-commerce ของคุณประสบความสำเร็จ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อีคอมเมิรซ์ ก็เป็นธุรกิจด้านหนึ่งที่เหมือนธุรกิจประเภทอื่นๆ คือ มีความเสี่ยง และอาศัยตัวแปรในการดำเนินธุรกิจพื้นฐานเฉกเช่นเดียวกับธุรกิจอื่นเหมือนกัน ดังนั้น การทำการบ้าน ด้วยการค้นหาข้อมูลและวิจัยตลาด และการวางแผนเพื่อเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตนเองจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และที่สำคัญที่สุด ที่คนเริ่มต้นทำธุรกิจใดๆก็ตามในตอนแรกมักจะไม่ชอบฟัง ก็คือ เผื่อพลาด!!! ซึ่งมิใช่การคิดลบ ว่าจะพลาด แต่เป็นการปลงว่าสรรพสิ่งล้วนไม่จีรัง การวางแผนเผื่อพลาด เป็นการเดินเกมส์อย่างรอบคอบ และคำนึงถึงแม้แต่ตอนสิ้นสุดวัฏจักรการทำธุรกิจหรืออายุขัยของสินค้า

ดังนั้ัน ผมขอแนะนำให้วางแผนการเงินดีๆก่อน แล้วจึงวางแผนด้านอื่นๆจากสัดส่วนเงินที่เราแบ่งว่าสามารถใช้ได้


1. ค้นหาตัวเองให้พบ หรือถามตัวเองก่อนว่า นี่คือสิ่งที่คุณจะอยู่กับมันไปตลอดชีวิต ได้อย่างมีความสุขหรือไม่ โดยตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ เช่น
   - รู้สึกว่าตัวเองทำงานหรือไม่ ถ้าอยู่กับธุรกิจนี้ ถ้าเป็นธุรกิจหรือสินค้าที่ใช่ คุณจะไม่รู้สึกว่ากำลังทำงาน แต่เหมือนเป็นกิจวัตร ที่อยากทำมันประจำ ไม่ได้ทำแล้วหงุดหงิด

   - มีความสุขหรือไม่ ผมหมายถึง มีความสุขแม้เมื่อมันมีปัญหา เพราะคงไม่มีอะไรมีแต่ความสุขอย่างเดียว และมันมีปัญหาอยู่ทุกธุรกิจนั่นแหละครับ ถ้าคุณยังมีความสุข แม้เวลาที่มันมีปัญหา หรือไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันมาก นั่นแหละครับ ธุรกิจที่ใช่สำหรับคุณ

   - สินค้า หรือธุรกิจนั้นๆ มีความเกี่ยวเนื่อง สัมพันธ์ หรือหล่อหลอมอยู่ในชีิวิตคุณหรือไม่ เช่น สินค้าที่ครอบครัวเราเคยทำ เรื่องที่ตอนเด็กเราชอบ ความฝันหรืออนาคตที่เราอยากเป็น หรือสิ่งที่เราทำได้ดีในปัจจุบันถึงแม้ัจะไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ เพราะบางครั้ง "สิ่งที่เราทำได้ดี อาจไม่ใช่สิ่งที่เราชอบก็เป็นได้ครับ"

2. เก็บก่อนเลยครับ เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง คุณภาพชีวิตสำคัญสุด จะได้มีเวลา หรือสายป่านที่ยาวพอที่จะรันธุรกิจให้ต่อเนื่องได้ยาวนาน และรองรับความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น (สำหรับผม ปกติถ้ามีเงิน 2 แสน ผมจะเก็บมัน 1 แสนเลย แล้วใช้ 5 หมื่น อีก 5 หมื่นเอาไว้หมุน: อาจจะโหดไปหน่อย แต่ด้วยวัยและเหตุการณ์ที่โดนมาเยอะ วันนี้วิธีนี้จะทำให้ชีวิตดีขึ้นจนใจหายเลยครับ)

3. ทำการบ้านเยอะๆ ครับ ความสำเร็จ มันไม่มีสูตรตายตัว ใช่ว่าคนอื่นทำได้ เราจะทำได้ หรือถึงเราทำได้ จังหวะมันอาจจะไม่ใช่ดวงของเรา มองให้เห็นลึกลงไปในอุปสรรค กลยุทธ์ และวิธีการ ที่ผู้อื่นทำให้ธุรกิจนั้นๆประสบความสำเร็จได้ ค้นหากลยุทธ์ที่เหมาะกับรูปแบบ และไลฟ์สไตล์ของตัวเราเองด และดูเยอะๆ อ่านเยอะๆ จะให้ธุรกิจไลน์ใหม่ๆ ที่บ้านเราอาจยังไม่มี ก็เป็นแนวทางให้เราประสบความสำเร็จได้ครับ

4. เก็บข้อมูลและศึกษาสถิติที่ได้รับจากระบบ ความเคลื่อนไหวของคู่แข่ง และเทรนด์ต่างๆของโลก เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางสร้างประสบการณ์ผู้ใช้งาน หรือประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า ส่วนนี้จะทำให้ธุรกิจของคุณ "ครองใจ" ลูกค้าได้ เมื่อครองใจได้แล้ว เงินจะตามมาเอง

5. สร้างสิ่งที่ความรู้มีอยู่แล้ว + จินตนาการ = ความรู้ใหม่ที่คุณเป็นคนสร้างเอง จะทำให้สินค้าของคุณมี know how และเอกลักษณ์ เปรียบเสมือนผู้นำในตลาด และมีเวลาได้รับผลตอบแทนที่ยาวนาน กว่าคนที่จะมาเป็น copy cat ของคุณ ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้น คุณก็คงมีนวัตกรรมทางไอเดียใหม่ๆ เพิ่มลงในสินค้าของคุณใหม่อีก

แต่สุดท้ายแล้ว ธุรกิจ e-commerce สำหรับผม ข้อดีที่ถือว่าดีที่สุดสำหรับผม คือ "เวลา" ธุรกิจด้านนี้ ถ้าบริหารจัดการดีๆ คุณจะยังมีเวลาในหนึ่งวัน เหลือเท่าเดิม และยังทำธุรกิจใหม่ๆเพิ่มได้อีกเรื่อยๆ และสามารถเอาเวลาที่คุณเหลือนั้น ไปอยู่กับครอบครัวและคนที่คุณรัก สร้าง "บางสิ่ง" ทิ้งไว้ให้โลก และมีเวลาฝึกฝนตนเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆได้ครับ

ขอให้ประสบความสำเร็จและค้นพบตัวเองได้โดยไวครับ

[คนใจดี]

จะทำอะไรลงทุนอะไรทุกอย่าง อยู่ที่ความรู้ในเรื่องนั้นครับ ไม่เกี่ยวกับเงิน บางคนรู้มากลงมือทำต้นทุนน้อย บางรู้น้อยลงทุนเป็นล้านก็หมดเหมือนกันครับ

ตามนี้เลยครับ 

ตามนั้นครับ ดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า

"ทรัพย์เหล่านี้ คือ ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ สุตะ จาคะ และปัญญา รวมเรียกว่า “อริยทรัพย์ 7” คือ ทรัพย์อันประเสริฐ 7 ประการ ที่ผู้มีทรัพย์เหล่านี้แล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่ยากจนจริงๆ"

หรือที่เราคุ้นหูกันดี "มีปัญญา เหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน" ดังนี้แล

มีปัญญาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน อันนี้น่าจะจริง มีปัญญามากสามารถสร้างเงินได้มาก แต่ใช่ว่าเงินจะซื้อปัญญาได้นะครับ

เช่นตั้งโจทย์ว่าทำยังไงเว็บคุณจะเป็นเว็บขายชุดกีฬาอันดับหนึ่งของเมืองไทย  อันนี้ยังไม่มีใครทำได้ครับแม้แต่คนรวยๆ แต่คนที่มีปัญญามากๆเท่านั้นถึงจะทำได้


ปล.มูลค่าวงเงินหมุนเวียนไม่น่าจะต่ำกว่า1-10ล้านต่อวันนะครับ ถ้าทำได้

[Bes]

ทำครึ่งนึง อีกครึ่งนึงศึกษาลงในกองทุนรวม

[Dr.Get]

ขึ้นอยู่กับ ROI ของธุรกิจ  ลองทำงบการเงินดูก็ได้ครับ  best case, medium case และ worth case และลองดูว่าตลาดน่าสนใจไหม  บางตลาดเดือนเดียวก็คืนทุนแล้วครับ  และก็ลองดูประสบการณ์ที่เคยลองทำดูว่าคุ้มไหม  มีเพื่อนผมคนนึงขายเสื้อผ้าผู้หญิงออนไลน์  เริ่มต้นจากเงิน 5,000 ตอนนี้ยอดขายเกือบเดือนละล้าน  เช่าออฟฟิศแถวทองหล่อสบายๆ

[mliverpool]

ลงทุนเล่นหุ้นซัก 1 แสน อย่างน้อยก็ได้แล้วเดือนละ 30K 

[MD.18]

อาจารย์ผมบอกว่า  ทำธุรกิจอะไรก็ได้  แต่ต้องมีกึ๋น   

[pink-roof]

เอามาปล่อยกู้แถวๆนี้ค่ะ

[mark1793]

ทำ dropship ก็ได้คับ ลงทุนแค่ ทำเวป + seo แล้วท้า คนซื้อเยอะๆ ค่อยเปลี่ยนเป็นแบบ สต๊อกเอง

[tstcb8214]

ง่ายสุดก็ต้อง Drop ship อย่างหลายๆท่านว่าครับ ความเสี่ยงน้อย แค่หาลูกค้าอย่างเดียวครับ

[dekmv]

ลอง Dropship สิครับ ดูแนวโน้มก่อนค่อยลงเต็มตัว

ผมเพิ่งเขียนเว็บ  Dropship ไปเองครับ ... ดูๆแล้ว รายได้มาเรื่อยๆ คนอยากได้ของแต่ไม่มีบัตรเยอะครับ แต่พร้อมที่จะจ่ายครับ

ลองดูตัวอย่างนะครับ ....buytothai.com

[Azzy]

dropship น่าสนใจ

[eyourhand]

สินค้า (พัฒนาสินค้า) > เว็บไซต์ +โปรโมชั่น +การบริการ  > SEO + โปรโมทเว็บไซต์

ทำสามอย่างเรียงตามลำดับ วนไปมา ทำไปเรื่อยๆครับ