คนที่จะขายของแบบมี vat ได้ ก็คือผู้ที่มีหน้าที่ออก vat นะคะ ไม่ใช่ว่าสุ่มสี่สุ่มห้าจะทำได้
ตรงนี้ต้องไปดูที่ตัวกฎหมายว่า ใครบ้างที่มีหน้าที่ออกภาษีมูลค่าเพิ่ม
ถ้าขายของแบบเล็กๆน้อยๆ แนะนำว่าเวลาซื้อของพยายามขอบิลที่มีหัวร้านค้า
ถ้าไม่มีเราก็ทำใบรับเงิน ให้เค้าเซ็นรับตอนได้เงินจากเราค่ะ
ที่สำคัญเราต้องทำบัญชีรายรับรายจ่ายของร้านเราแยกต่างหาก เขียนแต่ที่เป็นค่าใช้จ่ายของร้านอย่างเดียว
เวลาไปซื้อของตามห้าง ปั๊ม หรือทุกที่ที่สามารถออกใบกำกับภาษีได้ เราก็ขอแบบเต็มรูปแบบไปเลย
โดยให้เค้าลงหัวบิลลูกค้าเป็นชื่อเราเลยค่ะ เป็นชื่อบุคคลสามารถทำได้นะคะ
แต่เราต้องดูด้วยว่าของที่ซื้อเกี่ยวกับกิจการเราหรือไม่ พวกค่าใช้จ่าย ของใช้ส่วนตัวอะไรพวกนี้ไม่ได้นะคะ
แล้วเสตทเม้นท์กับรายการสั่งซื้อควรสัมพันธ์กันค่ะ เพื่อที่ยืนยันว่ารายได้มาจากไหน
เราจะถ่ายเอกสารแล้วมาเขียนเลยว่าค่าอะไร (เงินเดือนโด้ดท้ายบัญชีระบุอยู่แล้วว่าเป็นเงินเดือนไม่ต้องกังวลค่ะ)
อย่างลูกค้าโทร.สั่ง เนื่องจากไม่มีใบสั่งซื้อ เราก็จะเก็บใบเสร็จตอนส่งของไปรษณีย์ไว้เป็นหลักฐานว่าคนที่สั่ง โอนเข้า ส่งแล้ว
บัญชีจะได้สมดุลกันค่ะ
เอกสารการซื้อขายบัญชีเก็บไว้ประมาณ 5 ปี อย่าเพิ่งทิ้งค่ะ ตรงนี้เราไม่แน่ใจว่ากฎหมายระบุไว้ว่ากี่ปีเหมือนกัน
กรณีจขกท. แนะนำให้จดทะเบียนเป็น บจก. จ้างบริษัทบัญชีเค้าจะมีคำปรึกษาให้เราค่ะ
เวลามีปัญหากับสรรพากร ก็จะเคลียร์ให้เราได้ หากรายได้เยอะขนาดนี้ ถ้าคุณไม่จด อนาคตอาจจะเสียมากกว่าเดิมนะคะ
ขอให้ปัญหา อุปสรรคทุกๆอย่าง ผ่านไปด้วยดีค่ะ
**เรื่องบัญชี เราต้องศึกษาด้วยตัวเองค่ะ ถ้าคิดจะขายของ มีรายได้ ก็ต้องทำใจว่ามันเป็นหน้าที่
วิธีเลี่ยงภาษีถ้าทำได้ ก็อย่าพลาด เพราะถ้าพลาดก็เหมือนดาราพลอยน่ะค่ะ โดนกันเป็นแถบๆ
ทางที่ดี เราศึกษาเรื่องนี้ แล้วหาวิธีที่จะทำให้เสียน้อยที่สุด
อย่าเครียดค่ะ ไม่งั้นธุรกิจยักษ์ใหญ่ในประเทศเค้าคงอยู่กันไม่ได้หรอก จริงมั้ย
สู้ๆค่ะทุกคน
