ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comอื่นๆCafeมีอาการเหมือนโรคซึมเศร้า ทำไงดีคะ
หน้า: 1 [2] 3   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: มีอาการเหมือนโรคซึมเศร้า ทำไงดีคะ  (อ่าน 6528 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
tanawat30
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 384
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,656



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2012, 09:23:51 »

ว่ากันไปตามหลักทฤษฎีอนุสัยเลย  จากที่ผมอ่านมา  เจ้าของกระทู้พยายามใช้วิธีปลงกับปัญหาที่เกิดขึ้น  เมื่อพยายามอดทนโดยไม่พิจารณาหาเเหตุที่ทำให้เราคิดแล้วทำให้ไม่สบายใจออกไปให้พ้นจากความคิดของเรา

สิ่งที่ทำให้เราคิดจะสะสมอยุ่ในจิตและสมองของเรามากขึ้น  เมื่อมากถึงระดับหนึ่งลองนึกถึงถังขยะที่ใส่ขยะไว้จนเต็ม  แทนที่จะใช้วิธีเทขยะทิ้งกลับใช้ไม้มากดอัดให้ขยะมันอัดแน่นลงสุ่ก้นถัง  พอถึงจุด ๆ  หนึ่ง

ที่จะใช้อะไรกดอัดขยะลงสู่ก้นถังไม่ได้อีกแล้ว  ขยะที่ใส่อัดกันลงไปจะสูงขึ้นจนถึงปากถังแล้วใส่ขยะใหม่ลงไปมันก็ล้นออกจากปากถังออกนอกถังทันที  นี่คืออาการที่เจ้าของกระทู้เป็น  วิธีแก้คือให้ใช้สมาธิแหล่ะ

แต่ไม่ใช่การสวดมนต์  เพราะนั่นเป็นการนำขยะชนิดใหม่ใส่เข้าไปเพิ่ม  แล้วพอนานวันเข้าผลที่ได้จะหวนกลับมาอย่างที่เจ้าของกระทุ้เป็นอีกแล้วจะทรมานมากกว่าเดิม  เพราะการสวดมนต์ทำให้เราไม่รู้ว่า

อะไรคือสิ่งดีและอะไรคือขยะ  เราก็เก็บทุกอย่างไว้ในถังเดียวจนเต็มอัดแน่นจนล้นออกจากถังอีก  วิธีการแก้คือพิจารณาหาเหตุที่ทำให้เราคิดแล้วเอามันออก  เหมือนกับการค้นหาขยะในถังแล้วค่อย ๆ  มอง

ว่าอะไรคือขยะแล้วหยิบมันออก  ต่อไปพอหยิบขยะออกไปแล้ว  ให้หยิบสิ่งที่ดี ๆ  ออกจากถังไปด้วย  ก็จะเหลือแต่ถังเปล่า ๆ  (ถังเปล่า ๆ  ; สภาวะนิพพาน)  ทีนี้พอมีอะไรตกลงไปในถังที่ว่าง

จะรู้ทันทีว่านั่นคืออะไร  (อะไรหล่นลงไปในถัง  ;  พิจารณาตนเองตลอดเวลาโดยอัตโนมัติแล้วขจัดสิ่งนั้นทันที)  จิตก็จะบริสุทธิ์ตลอดเวลาเช่นกัน

ธรรมดาผมไม่ค่อยมาตอบในนี้หรอก  ผมหันไปตอบผ่านแชทสด ๆ  ดีกว่า  แล้วจากที่คนที่คุยกับผมสด ๆ  ส่วนมากจะเป็นคนที่มีปัญหาสติแตกม  บางคนหนักกว่าเจ้าของกระทุ้อีก  มาปรึกษาผมตลอดระยะ

เวลา  3  ปีเศษ ๆ  คนเหล่านี้เขาพ้นจากสภาวะสติใกล้แตกเข้าสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว  บางคนถึงกับงงว่าสิ่งที่ตนกำลังคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้มันหายไปอย่างรวดเร็วได้อย่างไร  แต่นั่นก็พิสูจน์ให้เห็น

ในระดับหนึ่งว่า  การปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องแก้ปัญหาในทุกเรื่องให้ทุกคนได้อย่างแท้จริง  ไม่เว้นแม้กระทั่งคนตกกำแพงบ้านเท้าแพลงมาทำสมาธิกับผมหายได้โดยไม่ต้องทายาสักหยด

ไปอ่านวิธีปฏิบัติอย่างละเอียดมีอยู่หน้าเดียวที่ลายเซ็นต์ของผมนั่นแหล่ะ

อีกอย่างสำหรับคนที่มีอาการสมาธิสั้น  นั่นก็มีเหตุจากการที่สมองของเรามีเรื่องให้คิดมากกว่าคนปกติ  ทำให้ประสิทธิภาพในการสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นการเฉพาะลดลง  ทำให้ความสามารถ

ในการจดจ่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งลดลง  บางครั้งอาจพัฒนาไปสู่อาการย้ำคิดย้ำทำเพราะขาดความมันใจในตนเอง  ซึ่งคนปกติในยบางเวลาก็มีอาการเนว่านี้ในบางโอกาส   แต่คนสมาธิสั้นจะมีอาการ

มากกว่า  แต่ถ้าหากว่าเราไปหาหมอจิตเภทด้วยอาการทั้งหมดที่ผมอธิบายมาตั้งแต่ต้น  อย่างดีหมอก็ให้ยาระงับประสาทมากินให้ทุเลาลงไปบ้าง  แต่นั่นเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ  ซึ่งช่วยอะไรไม่ได้

มาก  ขอให้เจ้าของกระทู้แก้ไขสภาวะที่ตนเป็นได้สำเร็จ
บันทึกการเข้า

บรรยายวิธีทำสมาธิล้วน ๆ  จ้า ทำสมาธิกันโลด
GooooGle
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 40
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 786



ดูรายละเอียด
« ตอบ #21 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2012, 10:20:48 »

ยืนยันอีกเสียงครับ ใช้ธรรมะ ช่วยได้
บันทึกการเข้า
holidaytours
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 291
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,581



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #22 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2012, 13:58:28 »

ยืนยันอีกเสียงครับ ใช้ธรรมะ ช่วยได้
ช่วยใด้จริง ๆ ครับ
ใจสุข ทุกข์คลาย ด้วยวิธีคิดอันมีสติ
 wanwan017
บันทึกการเข้า

youtalen
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 55
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,514



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #23 เมื่อ: 25 ธันวาคม 2012, 23:56:40 »

คิดในแง่ + เยอะ ๆ ครับ

ผมเองก็เป็นคนคิดมากครับ ชอบเครียดเป็นประจำบางทีก็เศร้าบ้าง

แต่ผมก็เป็นอีกโรคนึง คือ โรคที่ เวลาเจอเพื่อน ๆ เจอคนรู้จักแล้วจะรู้สึกดีครับ
ก็คือเป็นพวกที่อารมณ์ดีเวลาอยู่กับคนอื่น แต่เวลาอยู่กับตัวเองจะรวบรวมความเครียดจากทุกสิ่งไว้ในเวลานั้นนั้นแหละครับ

ผมใช้วิธีระบายโดยการ บ่น เล่น แกล้ง กับเพื่อน ๆ ครับ [ตามนิสัยเด็ก ๆ] ถึงจะโตแล้วก็เถอะ [ปล.ผมเพิ่ง 17 55+]

แต่ผมว่าทุกอย่างย่อมมีทางแก้ ลอง นึกในแง่ดี บ้างครับ บางทีทุกอย่างจะ มี สิ่งที่ดี ๆ ในมุมมองที่ไม่ดีก็ได้ครับ ^_^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 ธันวาคม 2012, 23:59:14 โดย youtalen » บันทึกการเข้า

tanawat30
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 384
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,656



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: 26 ธันวาคม 2012, 06:41:06 »

ปกติแล้วการที่เราไปรับฟังคนอื่นมาระบายปัญหาให้เราฟังนั้น  เราจะเป็นผู้รองรับแล้วซึมซับสิ่งที่เขาระบายมาไว้ที่ตัวเราแล้วกลายเป็นของเราด้วย

เสมือนเราปล่อยให้เพื่อนบ้านกวาดขยะจากบ้านเขามากองไว้ที่บ้านเรา  บ้านของเพื่อนบ้านก็จะสะอาดแล้วมาสกปรกที่บ้านของเราแทน  นั่นหมาย

ตวามว่า  การที่เรารับฟังปัญหาจากใครแล้วทำให้เขารู้สึกดีสบายใจ  เราก็จะรับสิ่งนั้นมาไว้ที่เราด้วยตรรกะเดียวกันแล้วรับมามาก ๆ  เราก็จะไม่สบาย

ใจเสียเอง

การปฏิบัติธรรมอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก  ทุกวันนี้เวลามีคนที่สติกำลังจะแตกมาปรึกษาผม  ผมจะให้แต่ละคนพิจารณาหาสาเหตุของแต่ละคน

ว่ามาจากไหน  เช่นความกังวลเป็นเหตุเพราะไม่มีเงินค่าเช่าบ้านสิ้นเดือน  ก็ให้ขจัดความกังวลให้ค่อย ๆ  หมดไปชั่วขณะ  หยุดกังวลเรื่องหาเงิน

จ่ายค่าเช่าบ้านไปชั่วคราว  เมื่อเราหยุดกังสวลเรื่องการหาเงินค่าเช่าบ้านชั่วคราวทำมให้เรามีสติดีขึ้น  เมื่อมีสติมากขึ้นทำให้พิจารณาว่าจะหา

เงินค่าเช่าบ้านมาจากไหนช่องทางใดได้บ้าง  แล้วผมก็ให้แต่ละคนพิจารณาตนเองในแต่ละกรณีปัญหาไปทีละเรื่องจนครบทุกเรื่อง  แล้วให้

พิจารณาขจัดเหตุของแต่ละเรื่องไปตามลำดับจนหมด  ปกติสำหรับทุกคนรวมทั้งผมด้วย  ถ้ามีเรื่องที่ทำให้เราไม่สบายใจแล้วกำลังไม่สบายใจ

อยู่แสดงว่ามีเหตุที่ทำให้ไม่สบายใจเกิดขึ้นแล้ว  ต้องไปพิจารณาแล้วขจัดเหตุนั้นเสียให้ค่อย ๆ  หมดสิ้นไปในขณะนั้น  เหตุของเรื่องนั้นหมด

เราจะหยุดคิดเรื่องนั้นในสมองเป็นการชั่วคราวจนกระทั่งเหตุของเรื่องนั้นมาใหม่อีกรอบก็จะคิดเรื่องนั้นอีก  ถ้าไม่มีเหตุของเรื่องใด  ต่อให้

มีคนเอาปืนมาจี้แล้วบังคับให้เราคิดเรื่องนั้นเพื่อทำให้เราไม่สบายใจ  เราก็ไม่สามารถทำได้แต่จะไม่สบายใจเพราะถูกเอาปืนจ่อหัวซึ่งเป็นคนละ

ประเด็น  ในทางกลับกันแล้วเป็นปกติสำหรับปุถุชน  คือเมื่อมีเรื่องไทม่สบายใจให้คิดกลับบังคับให้หยุดไม่ได้  ทำได้เพียงชั่วคราว  เช่นการ

สวดมนต์  หรือการตะโกนหรือแกล้งเพื่อน ฯลฯ  เพื่อให้ลืมเรื่องที่ทำให้ไม่สบายไปได้ชั่วขณะ

แต่เมื่อเราหยุดทำกิจกรรมที่ผมอธิบายมาแล้วมานั่งว่าง ๆ  เรื่องที่ทำให้เราไม่สบายใจนั้นจะผุดขึ้นมาแล้วทำให้เราไม่สบายใจมากขึ้นหนักขึ้นกว่าเดิม

เพราะเราไม่พิจารณาขจัดเหตุที่ทำให้เราไม่สบายใจนั้นให้ค่อย ๆ หมดไป  หรือพิจารณาเหตุที่ทำให้เราไม่สบายใจได้แต่ขจัดไม่ได้  ก็จะรู้สึกหงุดหงิด

เช่นบางคนเพิ่งด่าเพื่อนมาเพราะความโกรธ  รู้ว่าตนกำลังโกรธ  แต่กลับทำให้ความโกรธค่อย ๆ  ลดลงไม่ได้  แล้วไปหาทางออกโดยการไปทำกิจกรรม

อื่น ๆ  เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจในอารมณ์โกรธไปทำอย่างอื่นแทน  แต่พอเราหยุดทำกิจกรรมนั้นแล้วสักพักพอสมองว่างก็ค่อย ๆ  รู้สึกว่ามีความโกรธ

ผุดขึ้นมาใหม่  หรือบางทีพยายามขจัดความโกรธออกไป  แต่กลับพบว่ายิ่งขจัดยิ่งมีความโกรธเพิ่มขึ้น  ทั้งนี้เพราะความเป็นปุถุชนมีกำลังสมาธิไม่พอ

ที่จะพิจารณาขจัดเหตุที่ผุดขึ้นในตนได้  ทำให้ผมเองบอกให้ทุกคนที่มาปฏิบัติธรรมกับผมขอกำลังสมาธิจากผมตรง ๆ  แล้วปัจจุบันนี้หลายคนที่

มาปฏิบัติกับผมแล้วเข้าสู่ความสงบได้ชั่วพริบตาทั้ง ๆ  ที่ก่อนหน้านี้กำลังกระวนกระวายใจอย่างแรง  แต่ก็มีไม่น้อยไม่ยอมขอให้ผมช่วยจะด้วงยความ

ไม่เข้าใจหรือดื้อหรืออะไรก็แล้วแต่  ทำยังไงก็ไม่สงบลงได้เลยแถมยิ่งทำสมาธิกับผมยิ่งไม่สงบมากขึ้น  นั่นหมายความว่าเป็นการยากที่จะทำให้ปุถุชน

ปฏิบัติธรรมแล้วเข้าสู่ความสงบด้วย

แล้วตามธรรมชาติของเรา  เวลาจะมีเรื่องใดผุดขึ้นมาในสมองมันจะผุดขึ้นมาให้คิดเอง  แล้วคนส่วนมากจะใช้วิธีการบังคับให้หยุดคิด  เช่นการปลง

ปล่อยวาง  ซึ่งก็ทำได้ประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น  เพราะเราไม่พิจารณาขจัดเหตุที่ทำให้เราไม่สบายใจออก  ซึ่งถ้าเรารู้เหตุที่ทำให้เราคิดแล้วขจัดเสีย

มันก็ไม่ต้องปลงหรือปล่อยวาง  เสมือนคนกำลังหิวข้าวบังคับให้อิ่มโดยไม่กินมันก็อาจจะอิ่มได้ชั่วคราว  หิวข้าวแล้วไม่กินเหมือนคนกำลังปล่อยวาง

แต่ถ้าเราหิวแล้วไปกินก็จบ  เมื่อกินอิ่มแล้วจะกินไม่ได้อีกแม้จะยังอยากกินก็ตามจนกว่าจะเกิดความหิวขึ้นมาใหม่    ความคิดในสมองก็เช่นกันเมื่อมัน

หยุดไปแล้วจะพยายามคิดก็ไม่ได้จนกว่ามันจะเกิดขึ้นมาใหม่  แล้วในขณะที่ใจเราสงบก็แผ่เมตตาอุทิศกุศลให้สรรพจิตและสรรพชีวิตทั้งหลาย  เมื่อใจของ

เราสงบจากเหตุทั้งหลายแสดงว่าขณะนั้นจิตเราเข้าสู่สภาวะความบริสุทธิ์  เมื่อแผ่เมตตาจะได้กุศลที่บริสุทธิ์  นำกุศลไปอุทิศให้ใครย่อมเป็นที่ปรารถนา

ของผู้รับ  สงบแล้วแผ่เมตตาไม่สงบพิจารณาหาเหตุของแต่ละเรื่อง  ขจัดเหตุที่ทำให้เราคิดแต่ละเรื่องแล้วขจัดเหตุที่ทำให้คิดแต่ละเรื่องไปตามลำดับ

ในเมื่อสมองของเรามีเรื่องนั้นเรื่องนี้ผุดขึ้นมาตลอดเวลาก็เอาเวลานั้นมาพิจารณาหาเหตุเลย  ดีกว่าปล่อยให้ความไม่สบายใจครอบงำจิตใจของตนเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 ธันวาคม 2012, 07:17:57 โดย tanawat30 » บันทึกการเข้า

บรรยายวิธีทำสมาธิล้วน ๆ  จ้า ทำสมาธิกันโลด
Serge
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 202
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,009



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #25 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2012, 21:01:04 »

คหบน นี้สวดมายาวแท้!! แต่ก็ตามนั้น ลองนั่งอยู่กับตัวเองเงียบๆแล้วลองหนึกดูว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไร ผมคิดว่ามันคงไม่มีอะไรหรอกครับ อย่าไปคิดมาก อย่าฝังใจเรื่องอุบัติเหตุ อะไรที่มันผ่านไปแล้วให้มันผ่านไปครับ คิดทุกครั้งที่พูด อย่าพูดทุกคำที่คิด ตั้งสติและระลึกถึงตัวเองตลอด แล้วเราจะกับมาเป็นคนเดิม
บันทึกการเข้า

Herbraga ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เหมาะสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ
tanawat30
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 384
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,656



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #26 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2012, 22:15:44 »

แหะ ๆ  สรุปยังไงก็ยาว  รายละเอียดในเรื่องเกี่ยวกับคนมันซับซ้อน  เขียนให้สั้นก็อ่านไม่รู้เรื่อง  เขียนยาวเกินมันก็เยิ่นเย้อ  เขียนยังไงก็ไม่สั้น  ที่เขียนก็สั้นสุดแล้ว
บันทึกการเข้า

บรรยายวิธีทำสมาธิล้วน ๆ  จ้า ทำสมาธิกันโลด
atzcret
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 130
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,669



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #27 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2012, 02:24:02 »

วางก็ว่างคะ

 wanwan020
บันทึกการเข้า

สูงเกิน 250 pixel
padangbaza
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 14
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 346



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #28 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2012, 10:14:07 »

หรืออาจะเป็นโรค  คิคิมูริ ครับ  wanwan031
บันทึกการเข้า

goldxp
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 73
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 556



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #29 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2012, 19:04:14 »

รักในตนเองอย่างที่ตัวเองเป็นครับ การยึดติดอะไรบางอย่างอาจจะดีในบางช่วงเวลา
แต่ถ้ามากไปจะสร้างความแปลกแยกต่อผู้คนและแม้กระทั่งตัวเอง
บันทึกการเข้า

alex2007
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 77
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 526



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #30 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2012, 20:39:34 »

ลองอ่านอันนี้ ครับ คงช่วยได้ ไม่มากก็น้อย

http://satinow.wordpress.com/

 wanwan012

บันทึกการเข้า

AMAZON แบน ไม่ปัญหา Web ยังมี Traffic มีค่าเสมอ Viglink OR Skimmlinks   ทำเงินให้คุณต่อได้ทันที สมัครวันนี้ คลิ้ก!! รับปรึกษาฟรี จากผู้ที่ใช้ Viglink มากว่า 2 ปี --จ่ายเร็ว จ่ายจริง ไม่ตุกติก--

BUDISMO ©© บางข้อคิดที่ทำให้ชีวิตเป็นสุข - บล็อคส่วนตัว
เกมส์เกมส์.com
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 322
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,122



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #31 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2012, 08:32:57 »

ถ้ามันส่งผลต่อกิจวัตรประจำวันของคุณ จนทำให้เครียด ก็ปรึกษาหมอเถอะครับ คนปกติดีๆเขาก็ปรึกษากันได้ปกติ พวกที่โดนวางยาตอนผ่าตัดมันมีผลข้างเคียงบ้าง อาจมีอาการการสูญเสียความทรงจำ (recent memory)ชั่วคราว

recent memory เช่น

                        คุณกำลังทำอะไรก่อนที่จะมาที่นี่ ?
                        คุณตื่นนอนกี่โมง ?
                        มื้อที่แล้วคุณ รับกินอะไร ?

ภาวะเศร้า เครียด ร่างกายจะหลังฮอร์โมน cortisol มายับยั้งพวกการเรียนรู้ และทำให้คิดอะไรไม่ออกได้ อาจส่งผลต่อพฤติกรรมหงุดหงิดตามมา...ยิ่งคุณเป็นนักเรียน work ของคุณคือการเรียน(รบกวนการทำกิจวัตรประจำวันล่ะ ...เริ่มเป็นปัญหาแล้ว ก็ควรพบแพทย์ได้แล้วล่ะ) เมื่อมันมีปัญหาก็ยิ่งเครียดยิ่งเศร้าไปกันใหญ่ อาการจะยิ่งรุนแรง..
บันทึกการเข้า

santaya
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 34



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #32 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2012, 08:47:30 »

เราว่าก็คงต้องหาหมอจริงๆ แล้วมั้งคะ
เหมือนเคยอ่านมาว่า บางทีมันเป็นที่ระดับฮอโมน หรือสารอะไรสักอย่างในสมองทำงานไม่ปกติ
ถ้าปล่อยไว้นานๆ กลัวว่าจะยิ่งเป็นหนักขึ้น
ลองปรึกษาที่บ้านดูไหมคะ
เราเห็นคนเป็นแนวๆ นี้ โพส บ่อยๆ ที่พันทิป ห้อง ศาลาประชาคม กับ ห้อง สวนลุมพินี น่ะค่ะ
ลองหาข้อมูลดูนะคะ
เราเคยอ่านผ่านๆ คนเป็นกันเยอะ มาจากหลายสาเหตุต่างๆ กัน
เราอ่านผ่านๆ ก็เลยไม่ค่อยเข้าใจ บางทีศัพท์ก็เป็นทางการแพทย์น่ะค่ะ  Embarrassed
บันทึกการเข้า

Freelance makeup artist
tanawat30
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 384
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,656



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #33 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2012, 21:54:39 »

สำหรับผมเอง  โรคไหน ๆ  ถ้าไปหาหมอมีแต่หมดหวัง  ขนาดผมขาหักกระดูกเชิงกรานแตก  หมอก็ตอบได้เพียงให้ใส่ข้อเทียมแล้วใส่ข้อใหม่

คือหมอบอกว่ายังไงก็ไม่รอด  บอกมาตั้งแต่ปี  2546  จนตอนนี้จะ 10 ปีแล้ว  ผมอยู่ได้ด้วยการใช้สมาธิบำบัด  ไม่ง้อหมอง้อยา

ทุกวันนี้ใช้ชีวิตปกติ  วิ่งขึ้นรถเมล์ได้เหมือนคนอื่น  ขาก็ไม่ปวดมีแค่อาการขัด ๆ  เท่านั้น  ไม่ว่าหมอบอกอะไรมาไม่ดียังไง  10 ปี

ผ่านไปมันพิสูจน์ชัดว่าตรงข้ามกับที่หมอบอกทุกอย่าง 100%  ทางด้านร่างกายยังหายได้  ทางด้านจิตใจไม่ต้องพูดถึง  ง่ายกว่า

เยอะ  แล้ววันนี้หมาด ๆ  ผมนั่งรถไฟไปอยุธยาเจอคนปวดฟันหน้าเหย๋เก  ผมแนะนำวิธีทำสมาธิให้  ยังทำให้เค้าหายปวดฟันได้เลย
บันทึกการเข้า

บรรยายวิธีทำสมาธิล้วน ๆ  จ้า ทำสมาธิกันโลด
jugjun
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 9
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 148



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #34 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2012, 15:06:02 »

ที่หลายโพสมาก็ถูกต้องครับ
อาการต่างๆที่ทำให้เราเปลี่ยนไปจนรู้สึกได้ ก็มาจากความเครียดที่สะสมที่ผ่านมา
อาการในตัวเรามันเตือน ว่า ท่านกำลังดำเนินชีวิต ไม่เหมาะสม
จิตใจเราต้องการผ่อนคลาย และต้องการให้เราเปลี่ยนแปลงชีวิต จากเดิม
ให้ทำสิ่งที่เหมาะสม และผ่อนคลาย ซึ่งมีมากมายหลายแบบ เช่น
1.ทำสมาธิ ถือเป็นวิชาช่วยคลายทุกข์ได้อย่างเหลือเชื่อครับ ตอนผมเป็นเยอะ ความดันจะสูง หัวใจเต้นเร็วมาก
จนตัวร้อนตลอดเวลา พอนั่งสมาธิ ความดัน หัวใจลดลงมาสู่จุดปกติ ต้องทำทุกวัน วันละ10-20นาทีสักเดือน
จะดีขึ้น
2. เปลี่ยนกิจวัตร กิจวัตรบางอย่างมันทำลายสุขภาพจิตครับ เช่น  นั่งทำงานหน้าคอม หรือ ทำงานในที่เดิมๆจุดเดิมๆซ้ำๆ
ร่างกายไม่เคลื่อนไหว หากิจกรรมส่งเสริมสุขภาพจิต โดยทั่วไป คือ กิจกรรมที่ทำให้เคลื่อนไหวตลอดเวลา เช่น ออกกำลังกาย เดินเล่น ช๊อบปิ้ง ปลูกต้นไม้ ส่วนกิจกรรมที่ไม่เคลื่อนที่ เช่น เล่นดนตรี วาดรูป ดูหนัง อ่านหนังสือ ก็ช่วยได้มันให้ผลในเรื่อง
ของการเปลี่ยนจุดสนใจ แต่ให้ผลน้อยกว่ากิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหว
3. การนอน ถ้าอดนอน นอนไม่พอ นอนไม่เป็นเวลา ร่างกายเรามันต้องการนอน8ชม. เรานอน4-6ชม. นั่นคือ
เราใช้งานร่างกายเกินเวลาไปครับ ส่วนที่เราใช้เกินไปมันก็คือความเครียดสะสม ซึ่งการนอนจะเกิดผลได้ง่าย ชัดเจน รวดเร็ว
จะสังเกตได้ เวลารับยาจากหมอ มักจะยาที่ทำให้เราหลับ การหลับมันทำลดโหลดของความเครียดที่เกิดขึ้นได้
4. หาแพทย์ อันนี้ถ้าเป็นหนักๆ จนไม่สามารถ ทำสิ่งใดไ้ด้เหมือนเดิม เช่น ทำงานไม่ได้เลย(อันนี้ผมเคยเป็น)คุมสติไม่ได้เลย
หาแพทย์ รับยา เพื่อปรับอาการให้กลับที่เดิมเร็วที่สุด

ข้อ1-2-3 เป็นที่ควรทำเพื่อลดการสะสมความเครียด เพราะไปหาหมอ หายครับ แต่มันจะวนมาเป็นอีกถ้า้เรายังทำนิสัยเดิมๆ
ดังนั้นต้องสร้างสรรกิจกรรมใหม่ๆ เป็นภูมิต้านทานครับ
บันทึกการเข้า

trakun
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 0



ดูรายละเอียด
« ตอบ #35 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2012, 15:09:25 »

สู้ๆ นะครับ  wanwan003
บันทึกการเข้า

trakun--ตระกูล
Ae_Baboo
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 51
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 236



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #36 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2012, 15:59:05 »

เคยไปหาหมอมาครับ ตอนนั้นผมเดินเข้าโรงบาลจิตเวช
เห็นจากคลิปครูอ้อยฐิตินาฐแล้วอยากไปหานักจิตวิทยากะเค้ามั่ง หวังว่าสมาธิในการทำงานจะมีมากขึ้นและจิตใจคงสงบไม่คิดฟุ้งซ่าน
ไปถึงผิดหวังนิดหน่อย ไม่ได้เจอนักจิตวิทยาแบบในคลิปเลย สะกดจงสะกดจิตในจินตนาการของผมไม่เห็นมีเลย มีแค่นั่งคุยกะหมอสาวจบใหม่ไฟแรงแค่ห้านาที แล้วก็ให้ยามากิน

หลังจากกินยา รู้สึกว่าจิตใจแจ่มใสขึ้นครับ มีสมาธิมากขึ้นด้วย ทำงานได้ดีขึ้นสมองทะลุปุโปร่งทีเดียว
ว่างๆไม่มีอะไรทำลองไปดูนะครับ ไม่ต้องเป็นโรคซึมเศร้าก็ไปได้ถ้ารู้สึกว่าสุขภาพของเราไม่ค่อยดีหงุดหงิดง่าย ลองไปดูครับ
บันทึกการเข้า
tanawat30
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 384
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,656



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #37 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2012, 17:05:24 »

ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็แล้วแต่  รวมทั้งการกินยาด้วย  ถ้ากินยาเข้าไปแล้วยาหมดฤทธิ์ก็ต้องกินอีก

แต่การใช้สมาธิ  ความสงบในจิตใจจะเกิดจากการขจัดเหตุที่ทำให้ใจไม่สงบอย่างแท้จริง

เมื่อทำสมาธิอย่างถูกวิธีไปสักพัก  จะพบว่าสมองจะโปร่ง  เพราะตามธรรมชาติของมนุษย์

จะมีเรื่องให้คิดขึ้นมาเอง  แล้วจะหยุดคิดต่อเมื่อคิดจนเหนื่อย  หรือว่าบางคนก็ใช้ยา  ซึ่งวิธี

การใดที่ทำได้ง่าย ๆ  มักจะไม่ใช่วิธีที่ยั่งยืน  แต่ถ้าเราทำสมาธิ  ตอนแรก ๆ  จะทำยากมาก

เพราะเราต้อง  Active  ตัวเองให้พิจารณาตนเองต่อความคิดที่เกิดขึ้นสด ๆ  ตอนนั้น

ตลอด  แต่พอทำสมาธิไปสักพักจะติดเป็นนิสัยแล้วกลายเป็นสิ่งที่ทำตลอดเวลาโดยอัตโนมัติ

สมองเราก็จะโปร่งจากความคิด  เพราะเราพยายามจะคิดเรื่องที่ไม่มีเหตุให้คิดลงสู่สมองได้เลย

ทุกวันนี้ผมก็ยังมีเรื่องให้สมองคิด  แต่เมื่อผมพิจารณาเรื่องนั้นจนทะลุปรุโปร่งถึงที่มาและที่ไป

ของเรื่องนั้นอย่างเข้าใจโดยละเอียดแล้ว  เรื่องนั้นก็จะถูกลบจากความคิดในสมองไปเอง  ให้

นึกว่าเรากำลังคิดอะไรก็นึกไม่ออก  สำหรับคนที่มีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็เช่นกัน  หาให้ได้

ว่าไม่สบายใจมาจากเหตุใด  เมื่อเราพิจารณาแล้วว่าเพราะอะไร  ให้ขจัดเหตุของเรื่องออกไป

ขจัดเหตุได้หมด  เรื่องนั้นจะถูกลบออกจากสมองเช่นกัน  ทำไปนาน ๆ  เข้าเรื่องที่ทำให้เราไม่

สบายใจจะลดลงไปตามลำดับ  เราจะเข้าสุ่ความสงบนิ่งตั้งมันได้นานขึ้นมากขึ้นจนสังเกต

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตนเอง  ไม่ต้องกินยาแม้แต่เม็ดเดียว  ทั้ง ๆ  ที่ผมเองก็เคยเป็น

โรคซ.ึมเศร้ามาก่อน  เมื่อก่อนชอบนั่งเหมอลอยอยู่ดี ๆ  ก็คิดถึงเรื่องที่ทำให้เศร้าแล้ว

ก็นั่งเหม่อกับเรื่องนั้น  หรือมีใครด่าก็จะนั่งเหม่อลอยด้วยความเศร้าเสียใจ  แต่ 10 กว่า

ปีมาแล้ว  อาการเช่นว่าได้ลาขาดไปจากผมเลย
บันทึกการเข้า

บรรยายวิธีทำสมาธิล้วน ๆ  จ้า ทำสมาธิกันโลด
Hungryjack
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 0



ดูรายละเอียด
« ตอบ #38 เมื่อ: 01 มกราคม 2013, 21:41:59 »

แม่เราเป็นอยู่ ไปพบคุณหมอจิตเวช โรคนี้เกิดจากสารเคมีในสมองไม่สมดุล ทานยาจะช่วยลดความกระวนกระวาย
ฝังเข็มช่วยให้หายเร็วขึ้น ออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดิน วิ่งเหยาะ หรือกีฬาที่เล่นเป็นกลุ่มก็ช่วยคลายเหงาได้

คุณแม่หายแล้ว ใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน ตอนนี้สดชื่นแข็งแรงดีมาก
เป็นกำลังใจให้หายไวๆนะคะ    wanwan020
บันทึกการเข้า
goldxp
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 73
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 556



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #39 เมื่อ: 01 มกราคม 2013, 22:39:50 »

ยาน่าจะสำหรับใช้ชั่วคราวครับ เพราะคนเราตอนเศร้าก็จะเศร้าไปเลยคิดอะไรไม่ออกอาจจะต้องใช้ยาช่วยด้วย
แต่เคยเจอคนรู้จักอยู่คนหนึ่งเหมือนจะเสพติดยา ถ้าไม่ทานยาคลายเครียดหรือยาอะไรสักอย่างที่หมอให้มาจะเครียดทำงานไม่ได้
กินมาหลายเดือนก็เป็นเหมือนเดิม อันนี้การทานยาไม่ใช่วิธีที่ถูกละ
มันเหมือนจิตใจคนเราเป็นแก้วน้ำรั่วหมอผู้รักษาก็เติมน้ำเพิ่มๆ แต่ไม่ได้อุดรอยรั่วที่เป็นต้นเหตุของปัญหา..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 มกราคม 2013, 22:40:22 โดย goldxp » บันทึกการเข้า

หน้า: 1 [2] 3   ขึ้นบน
พิมพ์