คำแนะนำเพื่อการซื้อขายสินค้าออนไลน์อย่างปลอดภัยสังเกตว่าผู้ขายลงข้อมูลส่วนตัวและรายละเอียดในการติดต่อชัดเจนหรือไม่ คุณสามารถตรวจสอบประวัติเบื้องต้นโดยใช้ ชื่อ เบอร์โทรศัพท์ อีเมลผู้ขาย ไปค้นหาใน Google.com
กรณีเป็นร้านค้า ตรวจสอบ ชื่อที่อยู่ร้านค้า หรือ หมายเลขทะเบียนพาณิชย์ฯ หากไม่มีหน้าร้าน อาจขอสำเนาบัตรประชาชนของผู้ขาย
ตรวจสอบราคาสินค้าว่าไม่ถูกกว่าท้องตลาดจนเกินไป
เมื่อมั่นใจแล้วว่าจะติดต่อซื้อขายกับผู้ขายรายใด ควรบันทึกรายละเอียดประกาศรวมทั้งข้อมูลผู้ประกาศ โดย save หน้าประกาศนั้นไว้ เพราะหลังการซื้อขาย ผู้ที่เป็นมิจฉาชีพมักเข้ามาแก้ไขหรือลบข้อมูลในประกาศของตนเองเสมอ
ควรใช้วิธีนัดพบเพื่อชำระเงินและส่งมอบสินค้า ซึ่งควรจะนัดในสถานที่ชุมชน และทดสอบสินค้าให้เรียบร้อยก่อนชำระเงิน
หากจำเป็นต้องโอนเงินค่าสินค้าก่อน ควรโอนเงินผ่านเคาเตอร์ธนาคาร เพราะจะสามารถติดตามหรืออาญัติเงินได้ หากใช้บริการโอนเงินผ่านตู้ ATM การติดตามจะเป็นไปได้ยาก และควรเก็บหลักฐานการโอนเงินไว้ทุกครั้ง
เจาะลึกกลโกงของมิจฉาชีพออนไลน์พฤติกรรมที่น่าสงสัยและเข้าข่ายเป็นกลุ่มมิจฉาชีพ มีดังนี้
ขายสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาดมากเกินไป
หลอกล่อให้โอนเงินค่าสินค้าล่วงหน้าโดยไม่ให้หลักฐานเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือแต่อย่างใด
เมื่อโอนเงินแล้ว ผู้ขายจะหายตัวไป ไม่รับโทรศัพท์ และปิดโทรศัพท์หนีในที่สุด
เปลี่ยนชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ไม่ซ้ำกัน ทำให้ยากต่อการติดตาม
อย่างไรก็ดีมิจฉาชีพมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบกลโกงไปเรื่อยๆ และมีความซับซ้อนยากที่จะป้องกันมากขึ้น ดังนั้นการนัดเจอเพื่อดูสินค้าและชำระเงินซึ่งหน้าจึงเป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดค่ะ
ทำอย่างไรเมื่อถูกโกงบันทึกรายละเอียดของประกาศนั้น ไว้เป็นหลักฐาน โดยเซฟหน้าประกาศนั้นและ print ออกมาเป็นเอกสาร
เตรียมหลักฐานการโอนเงิน , เลขที่บัญชีธนาคาร , หลักฐานการติดต่อระหว่างคุณกับมิจฉาชีพ เช่น e-mail , เบอร์โทรศัพท์ หรือหมายเลขพัสดุ
แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.ท้องที่ที่คุณไปโอนเงิน ว่า “ถูกฉ้อโกง” เพื่อลงบันทึกประจำวัน และออกใบแจ้งความเพื่อดำเนินคดี
นำใบแจ้งความ ส่งให้ผู้ดูแลเว็บไซต์ เพื่อขอหมายเลข IP ของมิจฉาชีพ (หมายเลข IP สามารถใช้แกะร่องรอยและขยายผลในการจับกุมได้)
นำเอกสารข้อ 1-4 ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท้องที่ที่แจ้งความ เพื่อออกหมายจับ และพาไปจับกุมตัว หรือ ส่งให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (
http://www.tcsd.in.th )
คำแนะนำ : ต้องแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า "ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุด" อย่าแจ้งเพียงว่า แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน (ถ้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเฉยๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจเพิกเฉย เพราะถือว่าการแจ้งแบบนี้แปลว่าเจ้าทุกข์จะดำเนินการทางศาลด้วยตนเอง)
+1 เพื่อเป็นกำลังใจจ๊ะ