หลายๆคนคงรู้ว่า เมื่อคราวที่ทีมวิศวกรของ Google สร้าง Google+ ออกมา พวกเค้าได้พยายามทำให้มันมีศักยภาพด้าน SEO ที่สุดยอดมากๆ และมากพอที่จะเบียดเอาชนะ social platform อื่นๆ เช่น Facebook ได้สบายๆ ถึงแม้ว่า Facebook และ Twitter นั้นจะจำเป็นสำหรับการทำการตลาด แต่ทั้งสองเว็บนั้นยังไม่เปิดโอกาสให้ Google ไปเก็บข้อมูลได้มากพอ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นการจำกัดประสิทธิภาพด้าน SEO, แต่สำหรับ Google+ มันไม่เป็นเช่นนั้นครับ

ทีนี้เรามาดูการทดลองกันเลยครับ , ผมได้ลองทำการ search google ด้วยชื่อของผมเองแล้วดูว่าใน 100 ผลการค้นหาแรกนั้นมีเว็บอะไรบ้าง ผลออกมาเป็นดังนี้ครับ
ถึงแม้ว่าผมจะใช้งานเจ้า Twitter และ Facebook บ่อยกว่า Google+ แต่จากผลการค้นหาจะพบว่า Google+ นำโด่งมาแต่ไกลเลยครับ ถึงขนาดชนะเว็บสุดยอด SEO อย่าง SEOmoz และ blog ของผมเอง ลองคูณเข้าไปดูครับว่าคนบนโลกนี้มีกี่ล้านคนแล้วคุณก็อาจจะเริ่มเข้าใจถึงลักษณะการทำงานของระบบของ Google ครับ
โชคดีครับ ที่มันมีหลายวิธีมากๆในการใช้ประโยชน์จากหลักการ SEO เหล่านี้ มาลองดูกันเลยครับ
1. ใช้งาน Follow link ใน profile ของคุณมาลองพิจารณากันครับ ที่ SEOmoz คุณจะต้องมี 200 Mozpoints ถึงจะทำให้ profile link ของคุณเป็นแบบ follow (การได้ points ทำได้โดยการแสดงความคิดเห็นดีๆครับ) แต่ถ้าเป็น Google+, คุณสามารถทำได้มากกว่าแค่ลิงค์ไปยัง profile อื่นแต่คุณยังสามารถจะฝังลิงค์ที่เป็น follow ได้โดยตรงในส่วนของประวัติของคุณเองโดยใส่ anchor text อะไรก็ได้ตามต้องการ

ในทางทฤษฎีแล้ว ค่าของลิงค์จาก Google+ นั้นก็เหมือนกับเว็บอื่น มันขึ้นอยู่กับค่า authority ของทั้งหน้าเว็บและโดเมนนั้น ซึ่ง profile ของผมมีค่าต่างๆดังนี้ครับ
MozRank: 1.91
PageAuthority: 49
PageRank: 3
ถ้าคุณสามารถทำให้คนอื่นเห็น profile คุณมากขึ้น โดยการที่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น , แชร์โพสต์ของคุณ หรือลิงค์มายังหน้า profile ของคุณโดยตรง นั่นจะทำให้ link ใน profile ของคุณมีค่ามากขึ้นตามมา
2. ใช้งาน post linksเช่นเดียวกับ profile links ครับ, คุณสามารถใส่ follow link ได้โดยตรงในโพสต์ของคุณ มากเท่าที่คุณต้องการ
ง่ายๆครับแค่ใส่ URL เต็มๆลงไปแล้ว Google ก็จะตัดเป็นลิงค์ให้เองเลย
โดยที่ค่าของลิงค์เหล่านี้จะเพิ่มขึ้นเมื่อโพสต์เหล่านี้ถูกแชร์ , ลิงค์ หรือกด +1
สำหรับตัวอย่าง เราลองมาดูการโพสต์แค่ประโยคเดียวของ Alexia Tsotsis ซึ่งมี PageRank 3 และถูกจัดเก็บข้อมูลโดย Google ทุกๆ 2-3 สัปดาห์ (ถึงแม้ว่า PageRank จะไม่ได้สอดคล้องกับเรื่องของอันดับโดยตรง แต่ก็ถือว่าเป็นหน่วยวัดที่สำคัญที่สุดตัวเดียวของ Google แล้วในตอนนี้)

ถ้าโพสต์ของคุณถูกส่งต่อจำนวนมหาศาลหรือถูกแชร์ต่อโดย profile ที่มีค่า authority สูง ก็จะทำให้ค่าของ links เหล่านี้สูงขึ้น
3. ตั้งค่า title tag ของ google+ ของคุณประโยคแรกของโพสต์ใน Google+ ของคุณจะกลายมาเป็น title tag ซึ่งส่งผลต่อเรื่องของอันดับอย่างมากและยังมีอิทธิพลต่อค่า CTR (click-through rates) อีกด้วย ดังนั้นคุณจะต้องเลือก keyword อย่างระมัดระวังและพิจารณาด้วยว่าประโยคแรกสุดนั้นจะเป็นสิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่จะสังเกตเห็น
มาดูกันครับว่าแค่โพสต์ง่ายๆของ Danny Sullivan ก็ติดอันดับได้อย่างไม่ยาก
https://www.google.com/search?...Pinterest.&pws=0&gl=us 

สำหรับโพสต์ที่มี title ดีๆและถูกแชร์เป็นวงกว้างนั้นจะมีโอกาสที่ดีในการติดอันดับตาม keyword ที่ต้องการ
4. คุณสามารถแก้ไขได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
Google+ นั้นเหมือนกับเป็น blog ส่วนตัวขนาดย่อมๆเลยทีเดียว ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณจะสามารถแก้ไขโพสต์ใดๆของคุณได้ในทุกเวลา ซึ่งไม่เหมือนกับ Facebook หรือ Twitter โดย Facebook นั้นคุณสามารถแก้ไขได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วน Twitter หากคุณได้ทำการ tweet ไปแล้ว คุณทำได้มากสุดคือลบทิ้งเท่านั้น
มันสำคัญนะครับถ้าหากว่าโพสต์ใน Google+ ของคุณถูกส่งต่อเรื่อยๆแล้วคุณต้องการทำการอัพเดทหรือเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง และถ้าต้องการคุณก็สามารถแก้ไขในส่วนของ title tag และ media ที่แนบมาด้วยได้อีกต่างหากครับ
ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่เจ้าของ platform เองเหมือนกับการทำเว็บไซต์ส่วนตัว, แต่ Google+ ก็ให้สิทธิ์ในการควบคุมเนื้อหาของคุณเองเต็มที่แล้วครับ
5. เนื้อหาถูก Index เร็วราวกับสายฟ้าถ้าคุณทำการแชร์เนื้อหาใหม่ๆบน Google+, มีโอกาสสูงมากที่ Google จะทำการ index หน้านั้นอย่างรวดเร็ว
มีข่าวลือว่า URL ใหม่ๆใน Google+ นั้นแทบจะถูก index เลยในทันที ซึ่งนั่นก็เป็นการยืนยันกับการที่จะใช้ Google+ แทนที่ส่วนของ Twitter ในการนำระบบ Google’s Realtime Search มาใช้งานจริง
ในสมัยก่อนนั้น หากคุณต้องการให้เว็บไซต์ถูก index คุณจะต้องทำการ submit เว็บของคุณใน form ของ google แล้วรอหลายอาทิตย์ แต่ปัจจุบันแค่กดปุ่ม +1 ใน Google+ ก็เป็นอันเสร็จพิธี
“Google+ คือระบบการ Submit URL ของ Google ดีๆนี่เอง”
- Rand Fishkin, GROW 2012
ดังนั้นอย่าลังเลที่จะทำการแชร์เนื้อหาใหม่ๆลงบน Google+ รวมไปถึง social networks อื่นๆ เพื่อการ index ที่รวดเร็ว
6. ติดต่อกับผู้ทรงอิทธิพลคุณสามารถเชื่อมต่อกับผู้ทรงอิทธิพลในวงการของคุณได้ผ่านทาง 1 ใน 17 วิธีในการทำให้เกิดการแจ้งเตือน (notification) บน Google+ ของพวกเขา
ซึ่งนั่นก็ขึ้นกับการตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ของแต่ละคน ซึ่งการแจ้งเตือนเหล่านี้สามารถอยู่ทั้งในรูปของ E-mail, SMS หรือบนแถบ Google notification bar ที่เราเห็นกันเป็นสีแดงๆ นั่นเอง

มีอยู่ 17 การกระทำที่จะทำให้เกิด notifications ได้แก่
กล่าวถึงพวกเขาใน post นั้น
แชร์โพสต์ไปหาโดยตรง
แชร์โพสต์และคุณอยู่ใน circle ที่เขาทำการ subscribe
แสดงความคิดเห็นใน post ของเขา
แสดงความคิดเห็นหลังจากที่เขาในแสดงความคิดเห็นไปก่อนแล้ว
เพิ่มเขาใน Circle
แนะนำสมาชิกใหม่ให้กับ Circle ของเขา
Tag เขาในรูป
Tag รูปใดๆของเขา
แนะนำรูปประจำ profile ให้
แสดงความคิดเห็นในรูปเดียวกัน
แสดงความคิดเห็นในรูปที่เขาโดน Tagged
แสดงความคิดเห็นในรูปที่เขา Tagged
เริ่มต้นการสนทนากัน
ส่งคำเชิญเข้า event หรือมีการอัพเดท event
แจ้งเตือนเขาเกี่ยวกับ event
การกระทำใดๆเกี่ยวกับ events ที่เขาสร้างขึ้น
ตอนนี้มีหลายๆคนพยายามจะทำให้ผมรู้จักเขาบน Google+ โดยใช้วิธีเหล่านี้อย่างสุภาพอยู่ครับ
แต่ต้องระวังด้วยครับ ถ้าคุณก้าวข้ามเส้นของการเป็น spammer แล้วล่ะก็คุณก็จะถูกแบนไปตลอดกาลได้เหมือนกัน
7. ปรับแต่งรูปของคุณเพื่อ traffic ที่มากขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้ว ผมได้ทำการทดสอบอยู่หลายอย่างเกี่ยวกับรูป Google+ ของผม เพื่อดูว่าจะทำอย่างไรให้มีคนคลิกเข้ามาดูเว็บของผมมากขึ้น

ถ้าคุณสามารถใช้งาน author tag ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีรูปที่ดึงดูดสายตา มันไม่สำคัญว่าคุณจะอยู่อันดับ 2 , 3 หรือกระทั่งอันดับ 4 ในผลการค้นหา ถ้าคุณมีรูปที่ดึงดูดมากๆ บ่อยครั้งที่คุณจะสามารถเรียก traffic ได้ฟรีๆจากคู่แข่งที่อันดับเหนือกว่าคุณได้อย่างไม่ยากเย็น
8. ทดลองใช้ G+ social media dashboard
Google Analytics ได้พัฒนาไปมากเกี่ยวกับการรายงานผลในเชิง social media แต่ถ้าคุณจำเป็นที่จะต้องพึ่ง social traffic แล้วล่ะก็ คุณจะต้องให้ความสนใจกับเรื่องเหล่านี้ก่อนเลยล่ะครับ
Adam Singer ได้สร้าง social media dashboard ซึ่งคุณสามารถใช้มันได้อย่างฟรีๆ คุณสามารถดูข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับ Traffic จาก Google+ และ social network อื่นๆได้ในชั่วพริบตา
ดูการกระทำบนโลก Social เช่น Google+1
ดูค่ารายได้ต่อผู้เยี่ยมชม บน Social Network
สถิติผู้เข้าชมโดยรวมจากแหล่ง Social ต่างๆ
คุณสามารถลง dashboard นี้ลงบนบัญชี Google Analytics ของคุณได้ฟรีๆ โดยการคลิกที่ลิงค์นี้ครับ
clicking here 
9. เช็คอันดับ CircleRank ของคุณเครื่องมือโปรดตัวใหม่ของผมคือเจ้า Circle Count ซึ่งสามารถลองใช้ที่นี่เลยครับ
www.circlecount.com 
โดยคุณแค่ นำลิงค์ URL Google+ ของคุณมาวางไว้ คุณก็จะสามารถดูการอัตราการเติบโตของผู้ที่ทำการ follow คุณ,
การส่งต่อโพสต์ของคุณ และกระทั่งค่า CircleRank ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบกับ Google+ Profile อื่นๆทั้งหมดครับ

ดูตัวอย่าง CircleRanks ของผู้มีชื่อเสียงกันครับ
Rand Fishkin: 2,214
Barack Obama: 43
Brittany Spears: 1
โดยตอนนี้ Britney spears นักร้องดังระดับโลกยังเป็นผู้นำอยู่ครับผม
10. มาเป็นผู้ใช้ในยุคบุกเบิกกันถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงที่มีการเติบโตอย่างมากสำหรับ Google+, แต่มีแค่ 1 ใน 4 เท่านั้นที่ใช้ Google+ เดือนละครั้ง ส่วนที่เหลือนั้นใช้งานน้อยกว่านี้อีกเสียด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าตัวเลขเหล่านี้จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆก็ตาม
เคล็ดลับเหล่านี้คงไม่มีประโยชน์อะไรหากคุณไม่ได้ใช้งาน Google+ จริงๆ, ในประมาณ 400 คนใน Circle ของผมใน Google+ มีเพียงแค่ประมาณ 75 คนเท่านั้นที่มีการใช้งานจริงๆจังๆ ซึ่งไม่น่าแปลกใจอะไรที่พวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่เป็นเทพในวงการ SEO กันทั้งนั้นเลยครับ
จะว่าไปแล้วตอนนี้ก็ยังพอมีเวลาอยู่ครับ ผู้ที่เริ่มต้นก่อนย่อมจะได้เปรียบอยู่เสมอๆครับ
คุณสามารถใช้งาน Google+ แค่ 10 นาทีต่อวัน โดยใช้วิธีการง่ายๆที่จะทำให้งานของคุณสะดวกขึ้น
กดปุ่ม +1 เพื่อเผยแพร่การแสดงความคิดเห็นที่มีประโยชน์
แสดงความคิดเห็นในเนื้อหาที่มีประโยชน์
เพิ่มปุ่ม +1 ให้กับเนื้อหาของคุณ
มีปฏิสัมพันธ์ / แสดงความคิดเห็น / ร่วมแชร์ / ทำการ Hang Out / สร้าง Event ต่างๆ
ทำการ Circle บุคคลที่สำคัญๆ
ทำยังไงก็ได้ ให้คนสามารถ Circle คุณได้ง่ายขึ้น
ขอบคุณสำหรับเนื้อหาจาก :
http://www.seomoz.org/blog/tips-to-use-google-for-seo 
สามารถตามไปอ่านที่ต้นฉบับได้ครับ
ตามอ่านฉบับแปลไทยต่อที่ :
http://vza.in.th/seo/507.html 