กระทู้แชร์ประสบการณ์ค่ะ
วันนี้ ณ เวลา เย็นย่ำร่ำสนธยา ผีตากผ้าอ้อม ดิฉันไ้ด้รับโทรศัพท์ลูกค้า P รายหนึ่ง (เป็นเพื่อนของเพื่อนสนิท)
เขาเ่พิ่งเปิดร้านขายกระเป๋า ในตัวเมืองต่างจังหวัด โดยล็อตแรกมาเอาสินค้าที่ดิฉัน 20 กว่าใบ
เป็นสินค้าจากจีน ยี่ห้อ Axixi ซึ่งค่อนข้างโด่งดังมากทาง emarketing รอบหลังมาเห็นว่าน่าจะขายได้
จึงหันมาสั่ง pre order เพิ่มในราคาส่งอีก 40 กว่าใบ สินค้าเพิ่งจะได้ไปเมื่อวาน 1 รอบ พรุ่งนี้ถึงอีก 1 รอบ
ด้วยความที่กลัวทุนจะจม ไม่มีสินค้าหมุน จึงให้พี่ B ที่สนิทกันไปหากระเป๋าที่คล้ายกัน มีเจ้า A ขายอยู่ใน กทม.
ผลปรากฎว่า เจ้า A ที่พี่ B ไปเอามา ราคาสูงกว่า ทั่วไป 100 บาท ซึ่ง A บอกว่า ร้านเขามีลิขสิทธิ์ถูกต้อง ราคาที่แพงกว่า 100 บาท
เป็นค่าลิขสิทธิ์ พี่ B ได้ฟังดังนี้ จึงเกิดความกังวลขึ้นมาทันที่ว่า สินค้ายี่ห้อที่วางขายอยู่ในร้านตอนนี้ มันจะโดนลิขสิทธิ์น่ะสิ กลัวว่าจะโดนจับ
เพราะมันมีลิขสิทธิ์
ด้วยความที่ P กลัวว่า จะโดนจับเนื่องจากผิดลิขสิทธิ์มีคนนำเข้า จึงโทรมาหาดิฉันว่า สินค้าเป็นอะไรไหม มีลิขสิทธิ์หรือเปล่าไม่กล้าขาย
แบบนี้จะมีคนนำจับได้ไหม กลัว ตร มาจับนั่นเอง
จึงอธิบายไปว่า สินค้ายี่ห้อนี้แม้มี ตราประทับยี่ห้อ แต่มันก็นำมาจากโรงงานผลิตในจีน ที่ทำสินค้าแบบเดียวกันออกมาขายในจีน
ร้านนี้เขาแค่นำสินค้ามาประทับตราร้านตัวเองอีกต่อ จะเอาลิขสิทธิ์ที่ไหนมาขายได้ เพราะไม่ได้เป็นคนดีไซน์หรือเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
และไม่มีคนไทยคนไหนไปติดต่อขอลิขสิทธิ์นำเข้ามา การที่ร้าน A ขายในราคาที่แพงกว่าแต่บอกไปว่าเป็นสินค้าที่เป็นลิขสิทธิ์ถูกต้องและขยั้นขยอให้ซื้อที่เขา
มันเ็ป็นเพียงเพราะว่า เขาต้องการขายสินค้าฝห้ได้แค่นั้นเอง แต่ถ้า P รีบ คิดว่าพอใจราคาก็ซื้อจากเขา
เดี๋ยวนี้คนค้าขาย มีแต่บิดเบือนข้อเท็จจริงให้ตนเองดูดี หลอกลวงลูกค้า ใช้คำพูดแบบนี้ทำให้ดูน่าเชื่อถือมีเยอะเหลือเกิน
ทำให้คนค้าขายตรงไปตรงมา เซ็งไปเล็กๆ กันเลยทีเดียว