ขอร่ายยาว ฮะ พอดีถนัดระบบนี้ รอพิมยาวๆ สัก 30 นาทีนะ
พิมไปคิดไป แชทไป จัดไปชั่วโมงนิดๆ อะลองอ่านดู
สิ่งที่น้องบอกมา แค่คล้าย แต่ไม่ใช่ครับ
ของน้องมันแค่ระบบคล้าย Trouble Ticket เท่านั้น ซึ่งก็ยังไม่ครบของระบบ TT อยู่ดี
พอดีผมทำระบบ helpdesk ให้ที่ทำงานด้วยซึ่งถ้าเรียกว่าระบบ Helpdesk จริง มันกว้างกว่าที่น้องเขียนมาประมาณ 3-4 เท่าตัวครับ
Helpdesk มันไม่ได้มีแค่ ซ่อมเครือง เครื่องเสีย ไรงี้นะ แต่ helpdesk มันรวม service ของ IT ทั้งหมดเลยในองค์กรณ์
ยกตัวอย่างของหน่วยงานผมนะครับ user หลายๆ คนมีความต้องการอยากให้ IT Support ให้ดังนี้
นาย ณเดช ใช้ app แล้ว error
นางสาว ญาญ่า อยากลง Photoshp
นาย เจษฏาพร ขอสิทธิ์ user เข้าใช้งาน Database
นาย สรยุทธ ขอแก้ชือตัวเองในหน้าเว็บบริษัท เนื่องจากไปเปลี่ยนชื่อมา
ในแต่ละคน จึงต้องมาคีย์เข้าระบบ helpdesk ซึ้งในแต่ละ Order เรียกว่า Request
แต่ละอันมีความแตกต่างในแง่ของการขอความช่วยเหลือมั้ย? ดูออกม้ัยครับ???
เฉลยเลย ไม่รอช้า ต่างกันที่ "ประเภท" ของการร้องขอครับ
1. เป็นการขอ
fix problem ธรรมดา นี่คือสิ่งที่น้องทำอยู่ในตอนนี้
2. เป็นการ
ขอติดตั้งโปรแกรม แตกต่างกับอันแรกยังไง แตกต่างที่ การลงโปรแกรมแต่ละครั้ง ต้องมีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้องต้องควบคุม license ของแต่ละ software
พอคราวนี้ มีเรื่องเงิน it support จะไปลงให้เรื่อยเปื่อยก็ไม่ได้อีก ต้องให้หัวหน้างาน อนุมัติ อะคราวนี้ก็ค้องมีระบบ work flow เข้ามาเกี่ยวข้องละ
3. เป็นการ
ขอสิทธิ์ คราวนี้มันมีเรื่องของความปลอดภัยข้อมูลละ ต้องมีการขออนุมัติอีก แต่!!! ไม่เหมือนข้อ 2 แล้ว คราวนี้ IT Support คงไม่สามารถกำหนดสิทธิ์ให้ user เข้า Database ได้แน่นอน
คนที่กำหนดสิทธิ์ได้ควรเป็น DBA แล้วทำไงดีหละ แน่นอน โปรแกรมของเราก๋ต้องมีระบบการแจกจ่ายงานไปยังทีม DBA อีกครับ
4. เป็นการขอ
แก้ไขโปรแกรม คราวนี้หนักสุด นอกจากจะต้องจ่ายงาน ต้อง approve แล้ว ยังต้องมีการกำหนด plan อีกตังหาก เพราะการแก้ไขโปรแกรมไม่สามารถทำได้เลยเหมือนติดตั้งโปรแกรมหรือขอสิทธื์
ต้องดูเวลาว่างของ programmer ต้องดูผลกระทปกับโปรแกรมเดิม ระบบของเราก็ต้องมีการบันทึก การวิเคราะห์ผลกระทบ (Impact Analysis) ฮ่าๆๆ
ทำได้ขนาดนี้แหละ ถึงเรียกว่า helpdesk เต็มรูปแบบ
จริงๆ น้องทำแค่ Ticket+Line Approve ผมว่าก็โอแล้วนะ (ข้อ 1 กะ 2 )
ยังไม่หมดแค่นี้...........
ออ เรื่อง Approve, distribute งาน ไม่ใช่แต่ว่าจะใครก็ได้นะ แต่ละคนก็มีเจ้านายคนละคนกันนะ
เช่น
ณเดช ทำงานเป็น Programmer มีเจ้านายชื่อ สมชาย
ญาญ๋า ทำงานเป็น DBA มีเจ้านายชื่อ พรชิตา
ธีรเดช ทำงานเป็น IT Support มีเจ้านายชื่อ บุศกร
สรยุทธ ทำงานเป็น IT Support มีเจ้านายชื่อ บุศกร
คราวนี้ ณเดชจะขอลงโปรแกรม photoshop
ขั้นตอนการทำงาน
- ณเดช กรอก request และระบบส่งต่อให้ it support
- ธีรเดช ตรวจสอบ Request ว่าขอมาถูกต้องมั้ย และส่งต่อให้ approver

ปัญหาต่อไปคือ ใครหละจะเป็นคน Approve
คน Approve คือคนที่รับผิดชอบในส่วนได้ส่วนเสียของงานครับ เรื่องนี้คนรับผิดชอบก็คือคนที่ดูแลเรีิ้อง งบประมาณในการขอ Licensed ก็คือคุณ บุศกร นั่นเอง
- คุณ บุศกร Approve ระบบส่ง request นี้กลับไปยัง it support

ระบบจะส่งหาใคร!!! ในกรณ๊ที่มี support หลายคน
คราวนี้ ต้องเพิ่ม "คนกลาง" ของทีม มาเพื่อแจกจ่ายงาน ในแต่ละทีม แน่นอนไม่ม่ใครบ้าทำคนเดียวทุกอย่าง programmer ก็ต้องมีหลายคน DBA ก็ต้องมีหลายคน
ระบบจะต้อง set มา 1 คน เพื่อจ่ายงาน ซึ่งสมมุติว่า ระบบเซต คุณสรยุทธเป็นคนกลาง (Contact Person)
- Contact person ได้ทำการ assign งานให้ support คนอื่นๆ ยกตัวอย่าง ส่งให้ ธีรเดช
-ธีรเดชได้รับ request แล้วไปติดตั้งโปรแกรม
-ธีรเดชติดตั้งโปรแกรมเสร็จ กลับมาปิด job ระบบส่งเมล์หาณเดช บอกว่ามีคนปิด job แล้ว
-ณเดชได้รับเมล์ เข้าระบบ helpdesk มาแล้วก็ acept job
จบ
งงปะครับ
