Niche โดยความหมายก็คือ จำเพาะเจาะจง อธิบายความง่ายๆ เช่น
TV สินค้าตัวนี้โดยธรรมชาติตัวมันเองไม่สามารถเป็นเป็น Niche Market ได้
เพราะ TV เป็นที่นิยมของคนทุกกลุ่ม เด็กก็ชอบ ผู้ชายก็ชอบ ผู้หญิงก็ชอบ คนแก่ก็ชอบ
ถ้าจะต้องการให้ TV เป็น Niche Market ก็ต้องไปเจาะเน้นถึงลักษณะของตัว TV เอง
เช่น เจาะไปที่ลักษณะการใช้งาน หรือ ขนาด ก็จะทำให้มันเป็น Niche Market ได้
ตัวอย่างสินค้าที่ Niche Market ที่เห็นได้ชัดเจนเช่น สินค้าสำหรับคนพิการ
สินค้าสำหรับคนชราโดยเฉพาะ สินค้าหรับคนป่วย หรือสินค้าสำหรับคนถนัดซ้าย
อย่างที่ยกตัวอย่างมานี้ Niche Market แน่นอนครับ
พยายามมองภาพให้ดีนะครับอย่าสับสนเพราะตรงนี้เป็นหัวใจสำหรับในการทำ Affilite Marketing
มันมาก่อนคีย์เวิร์ดซะอีกครับ ลงอ่านบทความที่ผมเขียนไม่จบนี้ดูเล่นๆ นะครับ โชคดีทุกท่านครับ
==================================================
ทุกท่านที่ผ่านประสบการณ์ตรงนี้มาแล้วคงจำความรู้สึกตอนที่เข้าสู่วงการ เริ่มต้นเข้าสู่วงการ Affiliate Marketing ใหม่ๆ ตอนนั้นสับสนไปหมด เรื่มจาก มีคำถามว่า มันได้เงินจริงหรือ ,มันจะยากไหม ,เอาอะไรมาขายดี และอีกสารพัดคำถาม จากนั้นก็เริ่มค้นคว้าหาข้อมูล โดยเข้าบอร์ดนี้ ไป บอร์ดนั้น อ่านทุกกระทู้ ทุกบทความ ที่สนใจ อ่านจนสับสน ยิ่งอ่านก็ยิ่งงง จนในที่สุดก็มาลงมติ การหา Keyword (คำที่ใช้ค้นหาผ่าน Search Engine) คือด่านแรกที่ต้องทำ
เมื่อมาถึงตรงนี้และเริ่มลุยการหา Keyword แบบเอาเป็นเอาตาย หลังจากที่งมอยู่นาน ก็หา Keyword เป็น (แต่ดีหรือไม่ นั้นเป็นอีกเรื่อง) คราวนี้ก็มาถึงเกิดความมั่นใจในระดับหนึ่งที่พร้อมจะลงมือลุย ก็จัดการค้นหาหมวดสินค้าขายดีมา คัดเอาที่มี Rating สูงๆ มีคนซื้อเยอะๆ ยิ่งเป็นสินค้าที่ดังๆ ยอดนิยม ยิ่งชอบ
เมื่อได้สินค้ามาแล้ว ก็ลงมือหา Keyword ตามทีฝึกมาได้ Keywords มาจำนวนหนึ่ง โอเค คราวนี้ก็ นึกว่าจะทำแบบไหนดี ฟังเค้าว่ามา ถ้าทำเว็บคุณภาพก็ทำมือ (ทำมือไม่ใช่ว่าจะคือคุณภาพ ถ้าไม่เข้าใจวิธีทำเว็บคุณภาพ) ถ้าทำเว็บปั่นก็หาสคริปแรกๆ ก็หาแบบที่พอหาง่ายๆมาใช้ก่อน เอ้าเอา WP-Robot นี้แหละหาง่ายดี
ที่เกรื่นมาทั้งหมดนี้มันก็ตัวผมคนหนึ่งนั้นแหละครับที่อยู่ในเคสนี้ และเพื่อนๆอีกหลายคนที่อยู่ในชะตากรรมเดียวกัน เมื่อสมัยก่อนมันก็ดีอย่างหนึ่งคือหาอะไรก็ยาก เทพก็มีน้อย ไม่พอยาไส้ ไม่ทราบว่าจะหันหน้าไปถามใคร เอ้าค้นหาเองลองเองนี่แหละดีที่สุด ถึงช้าแต่มั่นคง หนักแน่น แต่เมื่อเปรียบเทียบกับทุกวันนี้สื่อด้านนี้มีมากมายเหลือเกิน เสพจนเลอ มีทั้งน้ำ ทั้งเนื้อ จนแยกไม่ถูกว่าอันไหนจริง อันไหนเท็จ เอ้ากลายเป็นข้อเสียไปเสียอีก เฮ้อ..ทำไมมันยุ่งยากอย่างนี้
เมื่อมาย้อนพิจารณาว่าขั้นตอนข้างต้นที่เกริ่นมานั้นมันถูกต้องหรือไม่ คำตอบคือ “ผิด” และผิดอย่างแรงเสียด้วย ผิดทั้งขั้นตอน และ ผิดทั้งวิธีคิด ผิดขั้นตอนคือ ข้ามการวิจัยตลาด ไปให้ความสำคัญ Keyword เสียก่อน ผิดที่สองคือวิธีคิด คือการที่เราไปนึกเอาสินค้าที่เราอยากขายเป็นตัวตั้ง โดยที่ไม่วิจัยตลาดให้ดี โอกาสสำเร็จยากกว่างมเข็มในบ่อน้ำ เปรียบเทียบก็เหมือนกับ เราต้องการจะไปขายของในตลาดสด เรารู้ว่าผัก ปลา เนื้อหมู ขายดี เราก็ตกลงขายพวกนี้แหละ พอเข้าไปขายจริงๆ เจอคู่แข่งที่เขี้ยวทั้งนั้น แต่ละเจ้ามีทั้งฐานลูกค้า แหล่งที่รับสินค้าที่ติดต่อกันมานาน รวมถึงกำลังการซื้อที่มีปริมาณมาก ต้นทุนก็ถูกกว่า ทำเลเค้าก็ดีกว่าเพราะอยู่มานาน ถ้าเทียบกับการทำเว็บก็คือ คู่แข่งทำมานาน มีอันดับที่ดีในผลการค้นหา มีค่า PR สูง ซึ่งเค้ามีความได้เปรียบเราแทบทุกประตู ทีนี้ย้อนกลับมาที่หนังชีวิตจริงอีกครั้ง เมื่อรู้ว่าขาย ผัก ขายปลา ขายเนื้อ มันไม่เวิร์ก นักการตลาดที่ดี ก็ต้องสำเร็จตลาดหาช่องว่างของตลาด จนในที่สุดก็พบว่า หนังกบตากแห้งหาซื้อยากไม่มีคู่แข่ง หรือมีน้อยมาก ข้าวเกรียบงา ข้างโป่ง ไม่มีคู่แข่ง อย่างนี้เอามาขายได้สบาย
มีสุภาษิตหนึ่งที่กล่าวว่า “เป็นราชสีห์ในป่าเล็กๆ ยังดีกว่าเป็นสุนัขในเมืองใหญ่” พอนึกมองเห็นภาพสุนัขที่เดินก็ต้องระวัง เดินบนฟุตบาทก็เจอคนเบียด พอลงเดินข้างถนนก็เจอรถวิ่งจะเฉี่ยวเอา พอเข้าซอยก็เจอ สุนัขเจ้าถิ่นไล่กัด ภาพมันช่างเหมือนที่เราเลือกสินค้าผิด เลือกตลาดผิด ทำอะไรก็ยากไปหมด
ดังนั้นการที่จะทำ Affiliate Marketing ให้ประสบความสำเร็จเราต้องฝึกวิธีคิด ให้หลักแหลม คิดให้รอบคอบ ในขณะคิดงาน อย่ายืนบนความโลภ อย่าคิดถึงตัวเลขรายได้ ให้คิดแค่ว่า มันมีโอกาสขายได้หรือไม่ก็พอ นอกเรื่องมาเสียนาน คราวนี้มาเข้าสู่เนื้อหาจริงๆ กันดีกว่า
Affiliate Marketing คืออะไร?
ยังไม่จบครับ ยังมีต่อไปอีก ในเนื้อหาเรื่อง Affiliate Marketing ที่เข็มข้นมากกว่านี้ โปรดรอติดตามครับ…
ทนไม่ได้ต้องล็อกอินเข้ามา +1 ให้ จึ๋งนึง
