;Dเป็นไปได้ยากครับ เพราะผมรับทำบัตรเครดิตอยู่ ข้อมูลลูกค้า แค่ชื่อ และที่อยู่ไม่พอครับ ต้องใช้เอกสารต่างๆประกอบการสมัครด้วยครับ
เช่น 1. บัตรผู้เสียภาษี กรณีที่เงินเดือน 15,000 up
2. บัญชีธนาคาร
3. สำเนาทะเบรยนบ้าน - บัตรปรชาชน
ส่วนพวกมิชฉาชีพ ที่มันต้องการจริงๆ คือ เลขบัตรเครติด 16 หลัก และรหัส ccv 3 ตัวหลังบัตรครับ
เพราะ รหัส ccv3 ตัว นี้ก็เหมือนรหัสกดเงินที่ atm ครับ แต่ รหัส ccv3 ตัว หลังบัตร ใช้ชำระสินค้า - บริการ ออนไลน์ครับ
เห็นด้วยครับ กรณีของนาย B ผมเองก็มีความเห็นว่าโยนความผิดให้การหาเงินทางอินเตอร์เน็ต ผมเลยต้องมาเรียกร้องความเป็นธรรม (จะว่าเจือก ก็ยอม) เลยอยากมาขอความคิดเห็นท่านอื่นๆ งัยครับ
สมมุติที่ 1 เอาข้อมูลของเราไปทำบัตรเครดิต ผมว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ เหตุผลตามท่าน dezing ว่า
สมมุติที่ 2 หากนาย B มีบัตรเครดิตอยูแ้ล้ว ถูกล่อลวงให้ให้แจ้งรหัส แล้วมีคนแอบเอาไปใช้
แล้วมีการทวงหนี้แบบรุ่นแรงเกิดขึ้น ถึงขั้นต้องหนีไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน อันนี้ก็น่าสงสัย
มีบัตรเครดิตที่ไหนทวงรุนแรงถึงขั้นทำร้ายร่างกาย อย่างมากก็หนังสือทวงถามจากทนายมั่ง ตำรวจ(เลวๆ บางคน)
รับจ้างทวงหนี้ตามขู่บ้าง ว่าจะจับติดคุก ที่เห็นทวงกันถึงขั้นทำร้ายร่างกายก็มีแต่ทวงหนี้การพนันต่าง ๆ เท่านั้น
สมมุติที่ 3 หากเป็นหนี้โดยไม่ได้ก่อ แล้วมีคนขู่ หรือทำร้ายจริง ทำไมไม่หาที่พึ่ง เช่นแจ้งความ หรือติดต่อบริษัทบัตรเครดิต
หรือสื่อสารมวลชน ก็มันเป็นหนี้ที่เราไม่ได้ก่อ หนำซ้ำยังถูกข่มขู่ ทำร้าย
แต่กลับหนีไปอยู่ระเทศเพื่อนบ้านแทน
สมมุติที่ 4 หากสุดท้ายพึ่งใครไม่ได้ ทำไมไม่จ่ายหนี้นั้นซะ จะผ่อนจ่าย หรือกู้มาจ่าย แทนที่จะเสี่ยงถูกทำร้าย
หนีไปก็เสียหน้าที่การงาน อายุ 35-45 ปี และเป็นข้าราชการเนี่ย เงินเดือนไม่ใช่น้อย
บำเหน็จบำนาญก็ไม่ใช่น้อย สวัสดิการก็มี หนีไปแล้วมีอะไรดีขึ้นมา
ข้อสังเกตุ เท่าที่เห็นข้าราชการที่หนีออกนอกประเทศ ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการที่ทำงานด้านการเงิน ยักเงินแล้วหอบหนี
ส่วนพวกที่เป็นหนี้สาระพัดบัตร สาระพัดกู้ สินเชื่ออีกบาน ไม่เห็นมีใครหนีไปไหน ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย
ผมเห็นว่ามันไม่เป็นธรรม หากจะมีใครสักคน มีปัญหาด้วยเรื่องใดก็แล้วแต่ ถึงขึ้นอยู่เมืองไทยไม่ได้ แล้วต้องหนีไปต่างประเทศ แล้วมาโยนความผิดว่า มาจากการหาเงินทางอินเตอร์เน็ต