เท่าที่ผมทำมา สรุปตลาด E-commerce ในไทยให้นะครับ จากทีปัญหาที่อ่านในบอร์ดและลองทำทุกวันมาหลายตลาดในระยะเวลาที่ผ่านมา
ขอข้ามจุดอ่อนขุดแข็งแบบดาดๆที่หาอ่านได้ตามบทความนักวิชาการทั่วไปนะครับ
1.วิเคราะห์ ปรับกลยุทธ์ได้เร็ว : real time เลยทีเดียวสำหรับ stat ทั้งหลายที่เอาไว้เก็บข้อมูล ลูกค้าเข้ามาจากทางไหน ลูกค้าอยู่นานไหม
อันนี้หัวใจสำคัญเลยที่ผมหลงรัก ทำบริษัทมันวัดผลรายเดือนรายไตรมาสนะครับ กว่าจะปรับตัวได้ คู่แข่งนำไปลิ่วไปไหนต่อไหนไม่รู้แล้ว
ยิ่งทำการตลาด E-Commerce ยิ่้งสนุก มีการยึดหน้าแรก การสร้างหลายร้านค้าเจ้าของเดียวกัน มันส์ดี
2.ไม่ต้องง้อใครจ่ายเงินให้ (aff ทั้งหลาย) : ผมก็ทำครับ amazon adsense พวก t3 ด้วย ได้เงินก็เอามาเป็นค่าเมมเบอร์ อุ๊ยหลุด แต่ E-commerce มันสะใจตรงที่เรา control ทุกอย่างเองได้หมด
รวมถึงพร้อมรับความเสี่ยงด้วยนะครับในกรณี stock ของเอง
3.ไม่รู้จะขายอะไร ?? ปัญหาโลกแตก : ขอแนะนำว่า หาของขายตาม keyword ถ้าคิดอะไรไม่ออก ให้หา keyword ก่อนและหาแหล่งสินค้า หรือเอาสินค้ามาสักตัว แตก keyword แล้วไล่เช็คดู
วันเดียวก็ได้แล้วครับ ถ้าคิดจะทำ สำหรับมือใหม่ไปอ่านเรื่อง keyword จากส่วนของ amazon ได้ครับ หลักการเดียวกันเป๊ะ
4.ไม่มีทุน : หาทุนซะ (แนะนำที่ 5k) พอค่าโดเมน ค่าโฮสท์ ค่าดัน seo สักคีย์หนึ่ง หรือใช้ของฟรีพวก lnwshop แล้วหาแหล่งสินค้าแบบรับส่งแทน(dropship ที่เขาพูดๆกัน)ในตลาดมีอยู่พอสมควร
ถ้าคิดอะไรไม่ออกเดินไปร้านขายของสักอย่างแถวบ้าน ไปถามเขาเลย ผมหาลูกค้าให้กำไรแบ่งกัน ส่วนใหญ่ ok หมด ฝึกไว้ครับเจรจาต่อรอง ได้ใช้แน่ แม้ทำงานอยู่หน้าคอม
หรือใครอยากหาเพื่อนไปด้วย pm มาได้ครับ ถ้าสินค้าน่าสนใจแล้วดูแนวโน้มตลาดยังไม่มีของผมไปด้วยได้ ไม่แย่งตลาดท่านหรอก ผมชอบคุยกับคน แลกเปลี่ยนไอเดียกัน
อ้อ เสริมเรื่องทุนหน่อยครับ พอเราทำโปรไฟล์ของเราให้ดีในระดับหนึ่งแล้ว ต้องเอาโปรไฟล์ไปเสนอไอเดียเพิ่มทุนครับถ้าจะทำ
ติดต่อเพื่อน ญาติ หรือนายทุนอื่นๆที่รู้จัก ไปเสนอ profile ว่าเราทำการตลาดตรงนี้อยู่ สามารถปั้นร้านสร้างรายได้ให้ได้
โดยแบ่งการลงทุนกันเป็น (นายทุน)เงิน : ความรู้ (เรา) ได้สบายๆครับ ทีนี้จะขยับขยายอะไรก็ง่าย แต่ต้องทำโปรไฟล์ให้ดีนะครับ มีหลักฐานและทำสำเร็จจริง
สถาบันการเงินก็รับนะครับ ถ้าเดินเสตทเมนท์ จดทะเบียนดีๆ เรื่องทุนไม่ใช่ปัญหาเท่าความสามารถในการทำตลาดครับ มันมาเอง
5.หา partner ซะ : เริ่มต้นผมทำคนเดียว หมกอยู่แต่บ้าน พอเริ่มมีทักษะในการทำก็มาเจอเพื่อนสมัยมหาลัยอีกคนหนึ่งที่ยกตัวอย่างเว็บ 1 น่ะแหละครับ ก็ได้ความรู้เรื่องนำเข้าส่งออกและชิปปิ้ง รวมไปถึงแลกเปลี่ยนกัน
ค้าขายต้องแลกเปลี่ยนครับ สำคัญจะเพิ่มรอยหยักในสมอง ต้องเป็นแก้วน้ำไม่เต็มจะพัฒนาตัวเองได้เรื่อยๆไม่ตกยุค ตอนนี้ร่วมงานกันแบบแยกส่วน
คือไม่ร่วมหุ้นแต่ถ้ามีอะไรดีๆก็จะแลกกันในเรื่องการทำตลาด ... เออมรึงลง ads facebook ไปผลเป็นไงบ้าง ประมาณนี้ แต่อนาคตไม่แน่อาจจะร่วมลงทุน
6.อย่าคิดมาก : ค้าขายเริ่มง่ายๆ อย่าคิดมาก ที่สำคัญสำหรับ E-commerce ก็คือ เริ่มเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี และปัญหาที่เห็นในบอร์ดคือ ให้ความสำคัญกับบางส่วนเยอะไป
เช่น
รูปร่างหน้าตาเว็บไซท์(โดนใจเจ้าของ ไม่โดนใจลูกค้า)
การโปรโมท(มัวไปหาอยู่นั่น nofollow, dofollow, prสูง ,ทำไม index ลด ,blah blah blah)
การหาสินค้า (ไม่เชื่อข้อมูล เชื่อความคิดตัวเอง) อันนี้มีข้อยกเว้น บางครั้งสัญชาตญาณของเราจะแม่นกว่าข้อมูล เอ๊ะแล้วจะเขียนมาทำไมเนี่ย
คิดมากจากคอมเมนท์ลูกค้า : ลูกค้าคือพระเจ้าจริง แต่พระเจ้าบางองค์ก็เหมาะโดนถีบ อย่าซีเรียสมากครับ ถ้าเราวางหลักการ service ลูกค้าไปแล้ว
พ่อค้าแม่ค้าบางคนเอาเก็บมาคิดอยู่นั่นโดนลูกค้าต่อว่ามาเสียเซล์ฟไปเป็นอาทิตย์
7.ตลาดนี้ไม่ใช่สำหรับทุกคน อย่าไปกลัว : บางคนทำเว็บได้สวยขั้นเทพ การตลาดห่วยแตก , บางคนค้าขายแค่ในเว็บบอร์ด กำไรมหาศาล
บางคนทำ seo ได้ดี แต่ไม่กล้าหาของขาย , บางคนหาของราคาดีได้ แต่ทำเว็บของขายในเน็ทไม่เป็น
อีกทั้งยังมีเหตุไม่คาดฝันอะไรอีกหลายๆอย่าง .... พ่อค้าแม่ค้าบางคนทำเว็บขายของตลาดกำลังดี มีลูกค้าประจำ
เกิดวิกฤติในครอบครัวจำเป็นต้องดูแลใกล้ชิด ร้านค้าประจำหายไป โอกาสตกอยู่กับเจ้าที่เหลือในตลาด สารพัดครับ
ช่วงเดือนที่ผ่านมาผมสอนคนในหมู่บ้านที่รู้จักกันไป 5 คนเพื่อนอีก 2 พบว่าโอกาสที่เราเห็นมันอาจไม่ใช่โอกาสของคนอื่นครับ
ตอนนี้มี 1 คนที่คิดจะผลิตของขายเอง ที่เหลือยังชิลๆกันอยู่ ขนาดเปิดเว็บ เปิด analytic เปิดยอดออเดอร์ + กำไรให้ดูแล้วนะครับ
8.ระบบต้องดีถ้าคิดจะหาเงินจาก E-commerce : จาก excel ที่ผมไม่เคยเป็น(บ้านนอกเนาะ) ตอนนี้กลายเป็นโปรแกรมหลัก ถ้าเซ็ทระบบไว้ดีหมดแล้ว จะหาของขายกี่อย่างก็ได้ครับ
ตลาดมหาศาลจริงๆ E-commerce ไทย ยิ่งถ้าทำอันแรกเป็นแนวทางไว้แล้วได้นะครับ เว็บที่ 2 - 3 - 4 - 5 - 6 เป็นเรื่องง่ายๆเลยทีเดียว
ถ้าวางระบบไม่ดีเกิดอุบัติเหตุหายไปสักวันสองวัน จะยุ่งครับ แล้วมันเบียดเบียนเวลาชีวิตที่เราจะไปหา product หรือพัฒนาการเรียนรู้ของตัวเอง
9.ใช้เงินทำงาน : แน่นอน เริ่มแรกต้องทำเองให้พอรู้ทุกอย่างเหมือนกิจการทั่วไป พอถึงจุดหนึ่งแล้ว จ้างได้จ้างครับ พวก post ประกาศ ปรับแต่งเว็บไซท์ การทำ seo การเขียนบทความทั้งหลายเหล่านี้
พยายามใช้บริการไว้และหาเจ้าประจำที่คุยกันรู้เรื่องและตรงความต้องการของเรา ผมชอบใช้บริการนักศึกษา(อย่าคิดลึกนะ) พอดีที่บ้านอยู่ใกล้สถาบัน
ก็หาคนทำอะไรหลายๆอย่างที่ใช้เวลาแต่ไม่เกิดผลมากโยนให้เด็กทำไป โปรแกรมอะไรบางตัวที่ต้องใช้ทุกวันก็หามาใช้ ซื้อของจริงไปเลย
10.มองธุรกิจให้ออก : อันนี้ขึ้นอยู่กับพื้นฐานความคิดแต่ละคนด้วยครับ บางคนมองสินค้าตลาดนัดแว้บเดียว ตีราคาได้ + ต้นทุนขนส่ง + คิดราคาขายหน้าเว็บ + วิธีโปรโมทเสร็จ
บางคนมองแทบตายก็ไม่ออก ไม่ต้องคิดมากเช่นเคยครับ ค่อยๆตรองไปว่าทำตลาดยังไงดีเดี๋ยวมันก็ติดนิสัยเอง
งานแฟร์ ตลาดนัด เดินๆบ้างครับ กระแสอะไรมาจับให้ออก เช่นมะหาดช่วงก่อน มันแรงมาได้ยังไง ลองคิดต่อยอด
รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าด้วยครับ ลูกค้าเรากลุ่มไหน พฤติกรรมลูกค้าเราเป็นยังไง ตีให้แตกแล้วเข้าไปนั่งครองใจลูกค้าครับ
11.ไม่มีความรู้ ไม่ได้เรียนมา : ถ้าคิดจะทำจริงๆ อันนี้จะไม่ใช่ข้ออ้าง ในบอร์ดนี้และร้านหนังสือมีทุกอย่างครับ เป็นข้ออ้างสำหรับคนที่ตกหลุม(ที่คิดว่าตัวเอง)สบายไม่อยากทำอะไรเพิ่มต่างหาก
12.สินค้าที่คุณขาย คุณกล้าใช้ไหม : อันนี้ไม่เขียนมาก กระทบเยอะ แต่บางอย่างเห็นตลาดแล้วไปได้ดีแต่สำหรับผมไม่ขายครับ บาปเข้าตัว
13.แบ่งปัน : แบ่งปัน = ทำบุญ เมื่อเราแผ่ความเอื้อเฟื้อออกไป มันจะกลับเข้ามาไม่ว่าทางใดทางหนึ่งครับ เอาง่ายๆจดโดเมนสักอัน godaddy
เลือกบริจาคให้เต็มเหรียญหน่อยแล้วคิดในใจแบบตั้งใจหน่อย ขอผลบุญนี้อุทิศให้ทุกชีวิตในโลกและเจ้ากรรมนายเวร
ส่งการบ้านรอบ 6 เดือนให้ thaiseoboard ครับ เขียนจากประสบการณ์จริงไม่มีกั๊กเพราะผมเชื่อแล้วว่าตลาดไม่ใช่สำหรับทุกคนจากการที่แบ่งปันเพื่อนๆมา
เดี๋ยวทำไปอีกสักพักจะมาสรุปผลให้ช่วงปลายปีต่อ ตอนนี้เพิ่มไลน์สินค้าไปเยอะ เนื่องจากระบบลงตัวหมดแล้ว + มีนายทุนแล้ว
ปกติส่งแต่เรื่องหื่นๆ มาเจอวิชาการแบบนี้ไม่ค่อยชิน
ถามในกระทู้ได้นะครับ ไม่ต้อง pm ยินดีมากหากข้อเขียนจากประสบการณ์อันน้อยนิดนี้มีคนนำไปทำเงินได้