
Google ร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชน สานต่อโครงการธุรกิจไทย โก ออนไลน์ ตั้งเป้าดันธุรกิจไทยเข้าโลกออนไลน์เพื่อเพิ่มโอกาส เผย 6 เดือน มีผู้สนใจร่วมโครงการกว่า 40,000 ราย...
Google (Google) จับมือ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.), ธนาคารกสิกรไทย, สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย, ดอทอะไร (Dot Arai), เว็บบิส (Webiz) และไปรษณีย์ไทย ยืนยันการทำธุรกิจผ่านออนไลน์ สานต่อโครงการ "ธุรกิจไทย Go Online” โดยให้ความช่วยเหลือองค์กรที่ต้องการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ในปัจจุบัน
นาง สาวพรทิพย์ กองชุน หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Google ประเทศไทยและหัวหน้าโครงการฯ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวได้การตอบรับที่ดีกว่าที่คาดการณ์ ขณะนี้มีผู้ประกอบการทั่วประเทศร่วมลงทะเบียนแล้ว 65,000 ราย มี 20,000 ราย เข้าร่วมโครงการในช่วงเดือนแรก และในช่วงเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์นี้ บริษัทเตรียมนำเสนอสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจทุกขนาด ฟื้นฟูกิจการหลังเกิดอุทกภัย อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายในปี 2555 ธุรกิจของไทยจะเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกออนไลน์ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจแก่ประเทศอื่นๆ ในการดำเนินการลักษณะเดียวกัน
ภาย หลังเปิดตัวโครงการธุรกิจไทย Go Online ได้ 6 เดือน จากเป้าหมายในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการชาวไทย 50,000 ราย ในการก้าวเข้าสู่โลกธุรกิจออนไลน์ภายใน 1 ปี ปรากฏว่ามีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการแล้ว 40,000 ราย โดยมีการสร้างเว็บไซต์และเชื่อมต่อกับลูกค้า รวมทั้งขยายขอบเขตธุรกิจบนโลกออนไลน์ ด้วยความช่วยเหลือของพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญภายใต้โครงการดังกล่าว
จาก เหตุการณ์อุทกภัยในช่วงปลายปี 2554 ประเทศไทยเริ่มเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างจริงจัง และโครงการธุรกิจไทย Go Online มุ่งมั่นช่วยฟื้นฟูกิจการผู้ประกอบการชาวไทย ภายใต้แนวคิด ดังนี้
- รวดเร็ว
ปี 2554 ผู้เข้าร่วมโครงการใช้เวลาโดยเฉลี่ยเพียงแค่ 14 นาที ในการสร้างเว็บไซต์และเข้าสู่โลกออนไลน์
ปี 2555 โปรแกรม Webiz Express จะช่วยให้ผู้ประกอบการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยใช้อุปกรณ์พกพา ช่วยอัพโหลดข้อมูลและตรวจสอบ ID ที่ฉับไวในเวลาเพียง 5 นาที
- ฟรี
เพียงคลิกเมาส์ไม่กี่ครั้ง ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับเว็บไซต์ฟรี พร้อมบริการเว็บโฮสติ้งฟรีตลอดชีพ รวมไปถึงชื่อโดเมนและการลงทะเบียนฟรีหนึ่งปีแรก ด้วยอภินันทนาการจากดอทอะไร และในปี 2555 นี้ ธุรกิจไทยจะได้รับโอกาสเพิ่มขึ้นในการเชื่อมต่อกับลูกค้าที่ไม่ได้ค้นหา ผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน
ในภาษาอังกฤษ โดยเปิดให้มีการจับคู่ชื่อโดเมนที่เป็นภาษาไทยฟรี
- ง่ายดาย
การ เชื่อมโยงลูกค้าเข้ากับสินค้าและบริการคุณภาพสูงง่ายดายอย่างที่ไม่เคยมีมา ก่อนด้วยเครื่องมือตรวจสอบอัตราค่าบริการและติดตามพัสดุภัณฑ์ทางออนไลน์ของ ไปรษณีย์ไทย พร้อมบริการจัดส่งสินค้าและเรียกเก็บเงิน ณ ที่อยู่ผู้รับ โดยทุกฝ่ายจะสามารถตรวจสอบทุกอย่างได้อย่างชัดเจนและไร้ความกังวลใจ และถ้าคุณพร้อมที่จะประกอบธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ช่องทางการชำระเงิน และด้วยบริการที่ครบวงจรของบัญชีเพื่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ของธนาคารกสิกรไทย ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการดำเนินการขยายธุรกิจ ทั่วประเทศและทั่วโลกได้อย่างมั่นใจ
- ยั่งยืน
ถ้าคุณไม่มี ประสบการณ์เกี่ยวกับเว็บหรือการทำธุรกิจออนไลน์ ไม่ต้องกังวล สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย พร้อมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยแห่งชาติ มีศูนย์ฝึกอบรม 55 แห่ง ซึ่งจะช่วยให้ผู้เข้าร่วมโครงการก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์และเติบโตอย่าง ยั่งยืน ด้วยการฝึกอบรมส่วนบุคคลและการแก้ไขปัญหา รวมไปถึงศูนย์คอลเซ็นเตอร์ และศูนย์การเรียนรู้ทางออนไลน์แบบครบวงจรที่
www.goonline.in.th 
- สร้างแรงบันดาลใจ
การทำให้ธุรกิจอยู่บนโลก ออนไลน์เป็นก้าวแรกสำหรับผู้ประกอบการไทยและในปีนี้ สสว. จะช่วยให้ผู้ประกอบการกลุ่มใหม่สามารถทำธุรกิจออนไลน์ได้ด้วยการขยายขอบเขต ไปยังผู้ประกอบการกลุ่ม OTOP นอกจากนั้นยังเพิ่มจำนวนกิจกรรมในแต่ละภูมิภาค เพื่อให้ทักษะแก่ผู้ประกอบการในการนำสินค้าหรือบริการไปเสนอต่อกลุ่มเป้า หมายทั่วโลกด้วย ทั้งนี้ยังจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการอื่นๆ ด้วยเรื่องราวความสำเร็จของผู้ประกอบการท้องถิ่นเหล่านี้
นายยุทธ ศักดิ์ สุภสร ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ด้วยบทบาทของ สสว. ในการเป็นศูนย์กลางการส่งเสริม สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่นับเป็นร้อยละ 99.6 ของวิสาหกิจทั้งหมดทั่วไทย สสว. เชื่อว่าเอสเอ็มอีเป็นกลไกสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤติน้ำท่วมและ พัฒนาประเทศในปี 2555 โดยที่ผ่านมา สสว. ได้สนับสนุนผู้ประกอบการให้เข้าสู่ตลาดออนไลน์มาอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 และในปีนี้ สสว.จะต่อยอดโดยขยายกลุ่มผู้ประกอบการให้ทั่วถึง OTOP (OTOP GO ONLINE) ในระดับชุมชนที่มีจำนวนกว่า 33,228 ราย พร้อมกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบไทย ในตลาดท้องถิ่น และประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอนาคต
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า เพื่อตอกย้ำภาพการเป็นผู้นำด้านดิจิตอลแบงก์กิ้ง ธนาคารได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยธนาคารได้รวบรวมบริการทางการเงินที่ครบวงจรของบัญชี เพื่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถบริหารจัดการบัญชีได้ทุกที่ทุกเวลา ใช้บริการ SMS เพื่อติดตามทุกยอดเงินเคลื่อนไหวในบัญชี และยังได้พัฒนาช่องทางการชำระเงินออนไลน์ ที่สะดวกและปลอดภัย เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถดำเนินการขยายธุรกิจไปได้ทั่วประเทศและ ทั่วโลก.
hxxp://www.thairath.co.th/content/tech/233972
ทีมข่าวไทยรัฐ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๕
อ่านแล้วเห็นอะไรไหม? ต้องเห็น!