หนาวครับ
ข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ
รัฐบาลทำงบฯรายจ่ายปี"55 อยู่ที่ 2.35 ล้านล้านบาท ขาดดุล 4 แสนล้านบาท เร่งสปีด 3 กรมจัดเก็บรายได้หาเงินเข้าคลังเพิ่ม ชี้รัฐบาลไม่มีนโยบายขยายฐานภาษี เน้นเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ "กรมสรรพากร" รับบทหนัก ต้องหารายได้เพิ่ม 10.5% ประกาศไล่บี้ 3 ธุรกิจมาแรง "อีคอมเมิร์ซ-ธุรกิจความงามและร้านทอง"
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังกระทรวงการคลังได้มีการหารือร่วมกับสำนักงบประมาณ, ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อจัดทำงบประมาณปี 2555 ว่า ที่ประชุมปรึกษากันเพื่อดูตัวเลขงบประมาณ ซึ่งเบื้องต้นพยายามลดงบประมาณรายจ่ายในโครงการที่ไม่จำเป็น ซ้ำซ้อน และไม่ตรงกับนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ขณะเดียวกันเล็งเห็นว่าต้องแสวงหารายได้ในจุดต่าง ๆ โดยได้มองหลายจุด ซึ่งงบประมาณขาดดุลอาจสูงกว่าเดิมเล็กน้อย แต่สัดส่วนต่อ GDP ลดลง ฉะนั้น ในแง่ของจำนวนอาจจะสูงกว่าเดิม แต่ก็ไม่มีผลทำให้เศรษฐกิจติดลบ
ขณะที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวเสริมว่า ในการประชุมได้ข้อสรุปว่า รัฐบาลจะมีการจัดทำงบประมาณเป็นแบบขาดดุล วงเงิน 4 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.4% ของ GDP จากปีงบประมาณ 2554 มียอดขาดดุลอยู่ที่ 3.5 แสนล้านบาท คิดเป็น 3.7% ของ GDP เห็นได้ว่าสัดส่วนต่อ GDP ลดลง ขณะที่การประมาณการรายได้ในปีหน้านี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1.95 ล้านล้านบาท ทำให้วงเงินงบประมาณรายจ่ายในปี 2555 มียอดรวมอยู่ที่ 2.35 ล้านล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นงบฯประจำรวมงบฯชำระหนี้ประมาณ 82% และอีก 18% เป็นงบฯลงทุนตามนโยบายของรัฐบาล
"จะเห็นได้ว่าในการจัดทำงบฯปี 2555 ทางกระทรวงการคลังได้มีการปรับประมาณการรายได้ขึ้นมาอีกเล็กน้อย ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้กระทรวงการคลังเน้นเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีเป็นหลัก และยังไม่อยากจะให้มีการขยายฐานภาษี หรือเพิ่มการจัดเก็บภาษีตัวใหม่ ๆ เพราะเกรงว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน อย่างไรก็ตามคงจะต้องรอดูผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย หากเศรษฐกิจกลับมาขยายตัวดี การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลก็จะขยายตัวตาม โดยไม่ต้องไปจัดเก็บภาษีอย่างอื่น หากเศรษฐกิจในปีหน้าขยายตัวเพิ่มขึ้น 4% คาดว่าจะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น 10-11% ถือว่าเพียงพอที่จะนำไปใช้ในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่" นายบุญทรงกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนโยบายของรัฐบาลทำให้ 3 หน่วยงานจัดเก็บรายได้อย่างกรมสรรพสามิต กรมสรรพากร และกรมศุลกากร ต้องเร่งดำเนินมาตรการจัดเก็บรายได้เพิ่ม
นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้มีการหารือกับ 4 หน่วยงาน ได้ข้อสรุปว่า ในปีงบประมาณ 2555 ทางกรมสรรพากรจะเป็นหน่วยงานหลักในการจัดเก็บภาษีให้กับรัฐบาล โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,536,613 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากประมาณการรายได้ปี 2554 ประมาณ 10.5% ในส่วนของกรมสรรพากร ตอนนี้ยังไม่ได้รับนโยบายให้มีการปรับขึ้นอัตราภาษีตัวไหนทั้งสิ้น มีแต่จะปรับลดอัตราภาษีบางประเภทลง
ดังนั้นกลยุทธ์ในการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรปีหน้าจะต้องเน้นไปที่เรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี โดยดึงคนที่ยังไม่ได้เสียภาษีให้เข้ามาเสียภาษีให้ถูกต้อง ส่วนคนที่เสียภาษีอยู่แล้วก็ต้องไปดูว่าเสียถูกต้องครบถ้วนแล้วหรือยัง อย่างเช่น ธุรกิจซื้อขายสินค้าและบริการผ่านเว็บไซต์ หรืออีคอมเมิร์ซ ตอนนี้เฟื่องฟูมาก ตนได้มอบหมายให้สำนักมาตรฐานภาษีของกรมสรรพากรไปทำการศึกษาโครงสร้างรายได้ของธุรกิจประเภทนี้มีที่มาจาก ช่องทางใดบ้าง เพื่อที่กรมสรรพากรจะเข้าไปเก็บภาษีได้ถูกต้อง ถัดมาก็จะเป็นธุรกิจเสริมความงาม ซึ่งกำลังตรวจดูอยู่ว่าเสียภาษีครบถ้วนแล้วหรือยัง
นายสาธิตกล่าวต่อไปอีกว่า ส่วนร้านทองคำ (ตู้แดง) เนื่องจากตอนนี้ราคาทองคำมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ธุรกิจประเภทนี้จะมีรายได้ที่มาจากส่วนต่างระหว่างราคารับซื้อกับราคาขายไม่มากนัก แต่ตอนนี้คนนิยมเข้ามาซื้อทองคำกันเป็นจำนวนมาก ธุรกิจค้าทองคำก็น่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น