ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comอื่นๆCafeเพราะชีวิตคนเรามีแค่ 21,900 วัน [อ่านแล้วกำลังใจพุ่งปรี้ดทันที เก็บน้ำตาด้วย]
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 37   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เพราะชีวิตคนเรามีแค่ 21,900 วัน [อ่านแล้วกำลังใจพุ่งปรี้ดทันที เก็บน้ำตาด้วย]  (อ่าน 225730 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
nume
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 53
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 985



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #40 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2007, 14:32:09 »

ผมก็ถึงครี่งทางแล้วสิ หักเวลาตอนไม่มีแรงอีกก็เหลือนิดเดียว Lips Sealed Lips Sealed Cry
บันทึกการเข้า


best buy credit card Tongue
สมัครHostgatorไม่เป็นpmมาครับ
jzyjjx
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 182



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #41 เมื่อ: 29 มกราคม 2008, 13:26:32 »

power up ขึ้นมาทันทีเลยค่ะ

 Cool
บันทึกการเข้า

bankkungz
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 950



ดูรายละเอียด
« ตอบ #42 เมื่อ: 29 มกราคม 2008, 13:38:29 »

ลองหันไปดูที่ก้นกบซิ

มีวันหมดอายุพิมพ์ไว้ป่าว!

อิอิ

 Cheesy Cheesy Cheesy
บันทึกการเข้า

tiger
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 147



ดูรายละเอียด
« ตอบ #43 เมื่อ: 29 มกราคม 2008, 15:31:47 »

 Cry Cry Cry
บันทึกการเข้า

5.3 ห้ามติด Sign-profit
กระทู้ : ทุกท่านที่ใช้ลายเซนต์ของ sign-profit.com กรุณาเอาออกด้วยครับ !!
http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,12939.0.html

-SPK-
estefania
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 534



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #44 เมื่อ: 29 มกราคม 2008, 16:10:23 »

อ่านแล้ว น่าจะทำความดีให้มากขึ้นนะครับ หันเข้าวัดเข้าวา แล้วก็ รีบ make money Cheesy
บันทึกการเข้า

wat007
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 148
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,179



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #45 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2008, 18:19:14 »

เห็นกระทู้นี้แล้ว ใจหาย
เพราะเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง  ผมพึ่งพูดกับเพื่อนร่วมงานเลยว่า  พวกเราจะได้ดูฟุตบอลโลกอีกแค่ 5 หนเองมั๊ง
แล้วก็จะกลับคืนสู่ธรรมชาติดังเดิม 

คิดแล้วนะ  ผมจะได้ดูบอลโลกอีกแค่ 5 - 6 หนเองเหรอเนี่ย เอ้อ

อ้อลืมบอกไปนะ ว่า เพื่อนผมเฉพาะที่จบมาด้วยกัน 104 คน ตายไปแล้ว 14 คนนะ (ฆ่าตัวตาย 3 คน ที่เหลือก็อุบัติเหตุหมดเลย)

ส่วนเพื่อนๆที่เคยเล่นดนตรีด้วยกัน ก็ตายไปแล้ว 6 คน (เจ็บป่วยตาย 3 คน อุบัติเหตุ 3 คน)

เคยถามคนอื่นๆนะว่า  มีเพื่อนๆจากไปเยอะมั้ย  เค้าก็บอกแค่ คน สองคนนะ  แต่ไหงเพื่อนๆ ผมตายเยอะจังเลย
ยิ่งตอนเรียนจบใหม่ๆ ไปงานศพเพื่อนแทบทุกปีเลย

อยากจะเตือนเพื่อนๆทุกคนนะครับ ว่าให้ระวังอุบัติเหตุให้มากๆ นะครับ

ยังเล่นอยู่มั้ยครับ
เพื่อนผมเป็นมือกลองว่างงานอยู่บ้านอยู่แถว อุดมสุข
บันทึกการเข้า

dead_eazy
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 181



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #46 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2008, 23:16:24 »

 :(อย่าคิดมาก ชีวิตบางครั้งสั้นกว่าที่คิด บางทีอาจจะยาวเป็นร้อยปี ทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกัน Kiss
บันทึกการเข้า

รถเข็นชั้นเดียว, บันไดอลูมิเนียม, ตู้ช่าง,   ล้อรถเข็น
-----------------------------------------------
Where there's a will there's a way!ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น
da@jiab
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7



ดูรายละเอียด
« ตอบ #47 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2008, 20:45:50 »

อ้างถึง
แต่น่าแปลก หลายคนยังยอมทำงานน่าเบื่อ นั่งเอาหัวตากแอร์ไปวันๆ ยอมให้คนที่ไม่ใช่พ่อใช่แม่จิกหัวใช้
เพื่ออะไรบางอย่างที่เราเรียกว่า เงินเดือน

ชอบบทความส่วนนี้ มันตรงกับตัวเองดี..."อ้าว!มรึงจะทนเป็นลูกจ้างเขาอีกเมื่อไรว่ะ ทำอะไรก็ทำซักทีซิกล้าๆหน่อย"---ข้อความนี้พูดกับตัวเอง Cool
บันทึกการเข้า

www.komchadluek.net ---อ่านข่าวออนไลน์
www.thaipbs.or.th ---ทีวีสาธารณะของไทย(อย่างแท้จริง)ดีใจจัง^_^
spina
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 779



ดูรายละเอียด
« ตอบ #48 เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2008, 21:48:09 »

 Kiss Kiss
อภิเดช ชีวะประเสริฐ
บันทึกการเข้า

~สายลม~
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 234
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,559



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #49 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2008, 01:54:26 »

 Cry Cry
บันทึกการเข้า

ขายรายชื่ออีเมล์ รายชื่ออีเมล์คนไทย คุณภาพ ใช้งานได้จริง จากฐานข้อมูลการสมัครสมาชิกเว็บไซต์และบริการ ไม่ได้ใช้โปรแกรมดูด
เคสกันน้ำ Samsung Galaxy note 4 เคสกันน้ำ note 4 เคสกันน้ำ note 4
lifeproof เคสกันน้ำ lifeproof
vigo
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 74



ดูรายละเอียด
« ตอบ #50 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2008, 12:21:50 »

ขอบคุณนะครับ สำหรับข้อคิดดีๆ 
บันทึกการเข้า
adsene5438
Global Moderator
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*****

พลังน้ำใจ: 3851
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,764



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #51 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2008, 15:54:10 »

แล้วทำอะไรเพื่อชาติกันยังอะ ชีวิตนี้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ชีวิตเพื่อนของผมคนหนึ่ง อยากจะเล่าให้ฟัง
เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2538 ผมและเพื่อนๆอีกหลายคนได้สอบแข่งขันเข้าเรียนในสถาบันอันเป็นสถาบันหลักของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และต่อมาในวันที่ 1 พฤษภาคม 2538 ผมก็ได้เข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมทหาร โดยเพื่อนผมคนนี้ได้สอบเข้าได้ลำดับที่ 1 ของเหล่า โดยคำแรกที่ผมถามเพื่อนผม "มึงอยากทำงานที่ไหนวะ" มันตอบกับผมว่า "กูจะลงที่ สอ.ค่ายนเรศวร" ต่อมาในวันที่ 1 เมษายน 2540 ผมก็ได้เข้าไปเรียนสถาบันดังกล่าว ผมก็ถามมันอีกว่า "มึงจะทำงานที่ไหนวะ" มันก็ตอบผมเช่นเดิม ซึ่งผมไม่คิดหรอกว่าคนที่สอบได้ที่ 1 ของประเทศ จะไปทำงานเป็น ตำรวจตระเวนชายแดน อยู่ค่ายนเรศวร ซึ่งเป็นหน่วยรบที่สำคัญที่สุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อมาในวันที่ 1 มีนาคม 2544 ผมกับเพื่อนๆจบการศึกษาและรับพระราชทานกระบี่จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อนผมคนนั้นก็เลือกลงที่ ตำรวจตระเวนชายแดน(สอ.ค่ายนะเรศวร)ตามที่มันตั้งใจไว้ ซึ่งผมก็ติดต่อเพื่อนผมเป็นระยะ ซึ่งทราบข่าวต่อมาว่ามันต้องไปอารักขาพระบาทสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และทำงานคุ้มครองประชาชนในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมันเป็นคนเดียวของรุ่นที่สามารถฝึกหลักสูตรต่างๆที่หนักที่สุดของประเทศได้ และเป็นคนที่เก่งที่สุดของค่ายนเรศวร ต่อมาในปี 2550 มันถูกส่งไปประจำการที่ จ.ยะลา ซึ่งเป็นพื้นที่อันตรายมาก แต่มันก็ยังต้องไป โดยมันบอกกับผมคำเดียวว่า "มันเป็นหน้าที่ของกู ถ้ากูไม่ทำแล้วใครจะทำ ชาวบ้านเข้าจะอยู่กันยังไง " ต่อมาในเช้าวันที่ 29 กันยายน 2550 เวลาประมาณ 10.00 น.ผมได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนว่า "เพื่อนผมคนนี้ถูกผู้ก่อการร้าย ยิงเสียชีวิตที่เนินร้อยศพ จ.ยะลา ขณะลาดตระเวนอารักขา หีบส่งคะแนนบัตรเลือกตั้ง สท.ที่ยะละ โดยถูกยิงที่หัว จำนวน 2 นัด ด้วยอาวุธปืนอาก้าตายคาที ผมถึงกับตลึง เนื่องจากก่อนหนึ่งวันเป็นวันเกิดมันผมยังโทรศัพท์ไปคุยกับกันอยู่เลย มันทำหน้าที่สุดท้ายของมันแล้ว
คำพูดที่มันพูดกับผมตลอดว่า "จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง จะปิดทองหลังองค์พระปฎิมา"
และคำพูดที่มันพูดกับผมยามที่ผมเตือนมัน "มันเป็นหน้าที่ของกู ถ้ากูไม่ทำแล้วใครจะทำ ชาวบ้านเข้าจะอยู่กันยังไง "

สุดท้ายอยากจะบอกทุกคนว่า ชีวิตนี้แสนสั้นให้เราทำความดีทำเพื่อชาติบ้านเมืองด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 กุมภาพันธ์ 2008, 15:56:15 โดย adsene5438 » บันทึกการเข้า

โปรโมชั่นทุกคอร์สที่มีราคา 1000 บาท คลิก
คอร์ส affiliate marketing คลิก
วีดีโอสอน SEO อัพเดตให้ 14 ครั้งแล้ว ราคาหลักร้อยกำลังจะอัพเดตปี 2024 คลิก
intcyber
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #52 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2008, 20:06:00 »

นั่นสิจะตายงันตายพรุ่งไม่รู้ยังหาเมียไม่ได้เลย
บันทึกการเข้า
babymild
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 77
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,718



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #53 เมื่อ: 29 กุมภาพันธ์ 2008, 12:28:51 »

อ่านกี่ครั้งก็ยังประทับใจครับผม
บันทึกการเข้า

sutenm
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 98
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,563



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #54 เมื่อ: 29 กุมภาพันธ์ 2008, 17:37:21 »

แล้วทำอะไรเพื่อชาติกันยังอะ ชีวิตนี้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ชีวิตเพื่อนของผมคนหนึ่ง อยากจะเล่าให้ฟัง
เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2538 ผมและเพื่อนๆอีกหลายคนได้สอบแข่งขันเข้าเรียนในสถาบันอันเป็นสถาบันหลักของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และต่อมาในวันที่ 1 พฤษภาคม 2538 ผมก็ได้เข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมทหาร โดยเพื่อนผมคนนี้ได้สอบเข้าได้ลำดับที่ 1 ของเหล่า โดยคำแรกที่ผมถามเพื่อนผม "มึงอยากทำงานที่ไหนวะ" มันตอบกับผมว่า "กูจะลงที่ สอ.ค่ายนเรศวร" ต่อมาในวันที่ 1 เมษายน 2540 ผมก็ได้เข้าไปเรียนสถาบันดังกล่าว ผมก็ถามมันอีกว่า "มึงจะทำงานที่ไหนวะ" มันก็ตอบผมเช่นเดิม ซึ่งผมไม่คิดหรอกว่าคนที่สอบได้ที่ 1 ของประเทศ จะไปทำงานเป็น ตำรวจตระเวนชายแดน อยู่ค่ายนเรศวร ซึ่งเป็นหน่วยรบที่สำคัญที่สุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อมาในวันที่ 1 มีนาคม 2544 ผมกับเพื่อนๆจบการศึกษาและรับพระราชทานกระบี่จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อนผมคนนั้นก็เลือกลงที่ ตำรวจตระเวนชายแดน(สอ.ค่ายนะเรศวร)ตามที่มันตั้งใจไว้ ซึ่งผมก็ติดต่อเพื่อนผมเป็นระยะ ซึ่งทราบข่าวต่อมาว่ามันต้องไปอารักขาพระบาทสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และทำงานคุ้มครองประชาชนในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมันเป็นคนเดียวของรุ่นที่สามารถฝึกหลักสูตรต่างๆที่หนักที่สุดของประเทศได้ และเป็นคนที่เก่งที่สุดของค่ายนเรศวร ต่อมาในปี 2550 มันถูกส่งไปประจำการที่ จ.ยะลา ซึ่งเป็นพื้นที่อันตรายมาก แต่มันก็ยังต้องไป โดยมันบอกกับผมคำเดียวว่า "มันเป็นหน้าที่ของกู ถ้ากูไม่ทำแล้วใครจะทำ ชาวบ้านเข้าจะอยู่กันยังไง " ต่อมาในเช้าวันที่ 29 กันยายน 2550 เวลาประมาณ 10.00 น.ผมได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนว่า "เพื่อนผมคนนี้ถูกผู้ก่อการร้าย ยิงเสียชีวิตที่เนินร้อยศพ จ.ยะลา ขณะลาดตระเวนอารักขา หีบส่งคะแนนบัตรเลือกตั้ง สท.ที่ยะละ โดยถูกยิงที่หัว จำนวน 2 นัด ด้วยอาวุธปืนอาก้าตายคาที ผมถึงกับตลึง เนื่องจากก่อนหนึ่งวันเป็นวันเกิดมันผมยังโทรศัพท์ไปคุยกับกันอยู่เลย มันทำหน้าที่สุดท้ายของมันแล้ว
คำพูดที่มันพูดกับผมตลอดว่า "จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง จะปิดทองหลังองค์พระปฎิมา"
และคำพูดที่มันพูดกับผมยามที่ผมเตือนมัน "มันเป็นหน้าที่ของกู ถ้ากูไม่ทำแล้วใครจะทำ ชาวบ้านเข้าจะอยู่กันยังไง "

สุดท้ายอยากจะบอกทุกคนว่า ชีวิตนี้แสนสั้นให้เราทำความดีทำเพื่อชาติบ้านเมืองด้วย

ผมภูมิใจแทนคุณ ครอบครัวของเขา มากๆเลยครับ ขออนุญาติส่งไปให้เพื่อนๆอ่านนะครับ
บันทึกการเข้า

Powered By Sutenm
Ma_Lii
Verified Seller
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 75
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 833



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #55 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2008, 08:55:39 »

....ได้ข้อคิดดีครับบ...
บันทึกการเข้า

" เปิ้ลชอบ มาม่า
oosora
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 45
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,030



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #56 เมื่อ: 23 มีนาคม 2008, 10:28:01 »

เอ่อ อยากทำดังว่า ... แต่ไม่มีตังทำ เลยต้องทำงาน งกๆ หาเงินมา เพื่อใช้ชีวิตให้คุ้มค่า  Lips Sealed
บันทึกการเข้า

LinaEngword
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 15



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #57 เมื่อ: 26 มีนาคม 2008, 00:21:57 »

เป็นบทความที่สุดยอดเลยเจ้าคร้า  :Smiley
บันทึกการเข้า

ขาย Domain .ORG PR3 อายุ มากกว่า 5 ปี เสนอราคาได้ที่ PM ได้เลยค่ะ

รับทำ ออกแบบ ดีไซน์ Themes Wordpress เริ่มต้น ฿1,000
ultrasad
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 58
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,175



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #58 เมื่อ: 26 มีนาคม 2008, 07:45:03 »

ขอบคุณสำหรับ กระทู้ดีๆครับ ได้คิดอะไรดีๆขึ้นอีกเยอะเลย Cry
บันทึกการเข้า

ThaiseoBoard | รวมรักใดในภิภพจบโลกา แม้นเลิศหล้า ก็ไม่ถึงกึ่งมารดร | I am Redshirted

ทฤษฎีทาง SEO อาจต้องทำตัว Bold หรือ Underline แต่คำว่า "รัก" ไม่ต้องก็ได้ เพราะเธอคงรู้ว่ามันมีความหมาย และ สำคัญ.

ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี ทำเว็บให้คนใช้ ไม่ได้ทำไว้ให้บอทอ่าน Smiley
usman
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 474



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #59 เมื่อ: 26 มีนาคม 2008, 11:32:24 »


โอวาทของ Steve Jobs ผู้สร้าง Macintosh : Stay Hnugry , Stay Foolish

โอวาทที่ Steve Jobs ผู้สร้าง Macintosh แสดงในวันรับปริญญาของมหาวิทยาลัย Stanford เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ไม่เพียงสร้างความประทับใจให้แก่บัณฑิตจบใหม่ในวันนั้น แต่ยังรวมไปถึงโลกคอมพิวเตอร์ที่ Silicon Valleyและยังคงได้รับการชื่นชมและกล่าวขวัญไปทั่วโลกจนถึงวันนี้

สุนทรพจน์วันนั้น Jobs เพียงแต่เล่าถึงบทเรียนในชีวิตของเขา 3 บท แต่เป็น 3 บทที่ทำให้เขาซึ่งแม้แต่แม่ที่แท้จริงก็ไม่ต้องการ กลายเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก

บทเรียนบทแรกของ Jobsซึ่งเขาเรียกมันว่า “การลากเส้นต่อจุด”เริ่มต้นด้วยการเล่าว่า ตัวเขาเองไม่เคยเรียนจบมหาวิทยาลัย เพราะได้ลาออกหลังจากเรียนในมหาวิทยาลัย Reed Collegeไปได้เพียง 6 เดือน ส่วนเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยนั้น Jobs กล่าวว่า มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เขายังไม่เกิด

แม่ที่แท้จริงของเขาซึ่งเป็นนักศึกษาสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ต้องการเลี้ยงดูเขา และตัดสินใจยกเขาให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่นตั้งแต่เขายังไม่ลืมตาดูโลก แต่เธอมีเงื่อนไขว่า พ่อแม่บุญธรรมของลูกของเธอจะต้องเรียนจบมหาวิทยาลัย Jobs เกือบจะได้เป็นลูกบุญธรรมของนักกฎหมายที่จบมหาวิทยาลัยและมีฐานะ ถ้าเพียงแต่พวกเขาจะไม่เปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายว่า พวกเขาไม่ต้องการเด็กผู้ชาย

กว่า Jobs จะได้พ่อแม่บุญธรรม ซึ่งต่อมาเป็นผู้เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ ก็อีกหลายเดือนหลังจากเขาเกิด เนื่องจากแม่ที่แท้จริงของเขาเกิดจับได้ว่า ว่าที่พ่อแม่บุญธรรมของ Jobs ได้ปิดบังระดับการศึกษาที่แท้จริงซึ่งไม่ได้จบมหาวิทยาลัย และพ่อบุญธรรมของ Jobs ไม่ได้เรียนมัธยมด้วยซ้ำ แต่ต่อมาเธอก็ได้ยอมเซ็นยก Jobs ให้แก่พ่อแม่บุญธรรม เมื่อพวกเขารับปากว่าจะส่งเสียให้ Jobs ได้เรียนมหาวิทยาลัย

17 ปีต่อมา Jobs ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยสมตามความต้องการของแม่ที่แท้จริง ผู้ไม่เคยเลี้ยงดูเขาแต่กลับต้องการกำหนดชะตาชีวิตของลูกที่ตนไม่เคยเลี้ยงดู เพียง 6 เดือนในมหาวิทยาลัย Jobs ใช้เงินเก็บที่พ่อแม่บุญธรรมซึ่งเป็นเพียงชนชั้นแรงงานได้สะสมมาตลอดชีวิต หมดไปกับค่าเล่าเรียนที่แสนแพง Jobs ตัดสินใจลาออก เพราะเขามองไม่เห็นคุณค่าของการเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งไม่สามารถช่วยให้เขาคิดได้ว่า เขาต้องการจะทำอะไรในชีวิต

แม้ว่าตอนนี้เมื่อมองกลับไปเขาจะรู้สึกว่า การตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของเขา เพราะการลาออกทำให้เขาไม่ต้องฝืนเข้าเรียนในวิชาปกติที่บังคับเรียนซึ่งเขาไม่เคยชอบหรือสนใจ แต่สามารถเข้าเรียนในวิชาที่เขาเห็นว่าน่าสนใจได้

แต่เขาก็ยอมรับว่านั่นเป็นชีวิตที่ยากลำบาก เมื่อเขาไม่ได้เป็นนักศึกษาจึงไม่มีห้องพักในหอพัก และต้องนอนกับพื้นในห้องของเพื่อน ต้องเก็บขวดโค้กที่ทิ้งแล้วไปแลกเงินมัดจำขวดเพียงขวดละ 5 เซ็นต์ เพื่อนำเงินนั้นไปซื้ออาหาร และต้องเดินไกล 7 ไมล์ทุกคืนวันอาทิตย์ เพื่อไปกินอาหารดีๆ สัปดาห์ละหนึ่งมื้อที่วัด Hare Krishna

อย่างไรก็ตามเขาชอบที่หลังจากลาออก เขาสามารถที่จะไปเข้าเรียนวิชาใดก็ได้ที่สนใจและวิชาทั้งหลายที่เขาได้เรียนในช่วงนั้น ซึ่งเขาใช้เวลาทั้งหมด 18 เดือน โดยเลือกเรียนตามแต่ความสนใจและสัญชาตญาณของเขาจะพาไป ได้กลายมาเป็นความรู้ที่หาค่ามิได้ให้แก่ชีวิตของเขาในเวลาต่อมา และหนึ่งในนั้นคือ วิชา ศิลปะการประดิษฐ์และออกแบบตัวอักษร (calligraphy)

Jobs ยอมรับว่า ในตอนนั้นเขาเองก็ยังมองไม่ออกเช่นกันว่า จะนำความรู้ที่ได้จากวิชานี้ไปใช้ประโยชน์อะไรได้ในอนาคตของเขา แต่ 10 ปีหลังจากนั้น เมื่อเขากับเพื่อนช่วยกันออกแบบเครื่องคอมพิวเตอร์ Macintosh เครื่องแรก วิชานี้ได้กลับมาเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างไม่เคยนึกฝันมาก่อน และทำให้ Mac กลายเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรก ที่มีการออกแบบตัวอักษรและการจัดช่องไฟที่สวยงาม

ถ้าหากเขาไม่ลาออกจากมหาวิทยาลัย เขาก็คงจะไม่เคยเข้าไปนั่งเรียนวิชานี้ และ Mac ก็คงไม่อาจจะมีตัวอักษรแบบต่างๆ ที่หลากหลาย หรือ font ที่มีการเรียงพิมพ์ที่ได้สัดส่วนสวยงาม รวมทั้งเครื่องพีซี ซึ่งใช้ Windows ที่ลอกแบบไปจาก Mac อีกต่อหนึ่งก็เช่นกัน คงจะไม่มีตัวอักษรสวยๆ ใช้อย่างที่มีอยู่ในตอนนี้

อย่างไรก็ตาม Jobs บอกว่า ในเวลาที่เขาตัดสินใจลาออกนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถ“ลากเส้นต่อจุด”หรือหยั่งรู้อนาคตได้ว่า วิชาออกแบบและประดิษฐ์ตัวอักษร (คอลิกราฟฟี่) จะกลายเป็นความรู้ที่มีประโยชน์ในการออกแบบ Mac เขาเพียงสามารถจะลากเส้นต่อจุดระหว่างวิชาลิปิศิลป์กับการคิดค้นเครื่อง Mac ได้อย่างชัดเจน ก็ต่อเมื่อมองย้อนกลับไปข้างหลังเท่านั้น

ในเมื่อไม่มีใครที่จะลากเส้นต่อจุดไปในอนาคตได้ ดังนั้นคำแนะนำของ Jobs ก็คือ คุณจะต้อง“ไว้ใจและเชื่อมั่น”ว่า จุดทั้งหลายที่คุณได้ผ่านมาในชีวิตคุณ มันจะหาทางลากเส้นต่อเข้าด้วยกันเองในอนาคต ซึ่งจะเป็นอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา โชคชะตา ชีวิต หรือกฎแห่งกรรม ขอเพียงแต่คุณต้องมีศรัทธาในสิ่งนั้นอย่างแน่วแน่

บทเรียนชีวิตบทที่สองที่ Jobsเล่าต่อไปคือ ความรักและการสูญเสีย Jobs อายุเพียง 20 ปี เมื่อเขาเริ่มก่อตั้ง Apple กับเพื่อนที่โรงรถของพ่อ เพียง 10 ปีให้หลัง Apple เติบโตจากคนเพียง 2 คนกลายเป็นบริษัทใหญ่โตที่มีมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์และพนักงานมากกว่า 4,000 คน

แต่หลังจากที่เขาเพิ่งเปิดตัว Macintosh ซึ่งเป็นประดิษฐกรรมสร้างสรรค์ที่ดีที่สุดของเขา ได้เพียงปีเดียว Jobs ก็ถูกไล่ออกจากบริษัทที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งเองกับมือ เมื่ออายุเพียงแค่ 30 ปี หลังจากเขาทะเลาะถึงขั้นแตกหักกับนักบริหารมืออาชีพ ที่เขาเองเป็นผู้ว่าจ้างให้มาบริหาร Apple และกรรมการบริษัทกลับเข้าข้างผู้บริหารคนนั้น

ข่าวการถูกไล่ออกของเขาเป็นข่าวที่ใหญ่มาก และเช่นเดียวกัน มันเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา Jobs กล่าวว่าเขาได้สูญเสียสิ่งที่เขาได้ทำมาตลอดชีวิตไปในพริบตา และเขารู้สึกเหมือนตัวเองพังทลาย เขาไม่รู้จะทำอะไรอยู่หลายเดือน และถึงกับคิดจะหนีออกจากวงการคอมพิวเตอร์ไปชั่วชีวิต

แต่ความรู้สึกอย่างหนึ่งกลับค่อยๆ สว่างขึ้นข้างในตัวเขา และเขาก็พบว่า เขายังคงรักในสิ่งที่เขาทำมาแล้วความล้มเหลวที่ Apple มิอาจเปลี่ยนแปลงความรักที่เขามีต่อสิ่งที่ได้ทำมาแล้วแม้เพียงน้อยนิด เขาจึงตัดสินใจที่จะเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ซึ่งต่อมาเขาพบว่า การถูกอัปเปหิจาก Apple กลับกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของเขา เพราะความหนักอึ้งของการประสบความสำเร็จได้ถูกแทนที่ด้วยความเบาสบายของการเป็นมือใหม่อีกครั้ง และช่วยปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระ จนสามารถเข้าสู่ช่วงเวลาที่สร้างสรรค์ที่สุดในชีวิตของเขา

ช่วง 5 ปีหลังจากนั้น Jobs ได้เริ่มตั้งบริษัทใหม่ชื่อ NeXT และ Pixar และพบรักกับ Laurence ซึ่งต่อมาเป็นภรรยาของเขา Pixar ได้สร้างภาพยนตร์การ์ตูนจากคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องแรกของโลกนั่นคือ Toy Story และขณะนี้เป็นสตูดิโอผลิตการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก

ส่วน Apple กลับมาซื้อ NeXT ซึ่งทำให้ Jobs ได้กลับคืนสู่ Apple อีกครั้ง และเทคโนโลยีที่เขาได้คิดค้นขึ้นที่ NeXT ได้กลายมาเป็นหัวใจของยุคฟื้นฟูของ Apple

Jobs กล่าวว่า ความล้มเหลวเป็นยาขมแต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนไข้ เมื่อชีวิตเล่นตลกกับคุณ จงอย่าสูญเสียความเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณรัก Jobs เชื่อว่า สิ่งเดียวที่ทำให้เขาลุกขึ้นได้ในครั้งนั้น คือเขารักในสิ่งที่เขาทำ ดังนั้นคุณจะต้องหาสิ่งที่คุณรักให้เจอ เพราะวิธีเดียวที่จะทำให้คุณเกิดความพึงพอใจอย่างแท้จริง คือการได้ทำในสิ่งที่คุณเชื่อว่ามันยอดเยี่ยม และวิธีเดียวที่คุณจะทำให้คุณสามารถทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมได้ก็คือ คุณจะต้องรักในสิ่งที่คุณทำ และถ้าหากคุณยังหามันไม่พบ อย่าหยุดหาจนกว่าจะพบ และคุณจะรู้ได้เองเมื่อคุณได้ค้นพบสิ่งที่คุณรักแล้ว

ส่วนบทเรียนชีวิตบทสุดท้ายในโอวาทของเขาคือ ความตาย เมื่ออายุ 17 ปี Jobs ประทับใจในข้อความหนึ่งที่เขาได้อ่านมาซึ่งเสนอแนวคิดให้คนมีชีวิตอยู่โดยคิดว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต และตลอด 33 ปีที่ผ่านมา Jobs จะถามตัวเองในกระจกทุกเช้าว่า ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิตของเขา เขาจะยังคงต้องการทำสิ่งที่เขากำลังจะทำในวันนี้หรือไม่ ถ้าหากคำตอบเป็น “ไม่” ติดๆ กันหลายวัน เขาก็รู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลง

Jobs กล่าวว่า วิธีคิดว่าคนเราอาจจะตายวันตายพรุ่ง เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จักมา ซึ่งได้ช่วยให้เขาสามารถตัดสินใจครั้งใหญ่ๆ ในชีวิตได้ เพราะเมื่อความตายมาอยู่ตรงหน้า แทบทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความคาดหวังของคนอื่น ชื่อเสียงเกียรติยศ ความกลัวที่จะต้องอับอายขายหน้าหรือล้มเหลว จะหมดความหมายไปสิ้น เหลือไว้ก็แต่เพียงสิ่งที่มีคุณค่าความหมายและความสำคัญที่แท้จริงเท่านั้น

วิธีคิดเช่นนี้ยังเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะช่วยให้คุณไม่ตกลงไปในกับดักความคิดที่ว่า คุณมีอะไรที่จะต้องสูญเสีย เพราะความจริงแล้ว เราทุกคนล้วนมีแต่ตัวเปล่าๆ ด้วยกันทั้งนั้น

เมื่อปีที่แล้วเขาได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งที่ตับอ่อนชนิดที่รักษาไม่ได้ และจะตายภายในเวลาไม่เกิน 3-6 เดือน แพทย์ถึงกับบอกให้เขากลับไปสั่งเสียครอบครัวซึ่งเท่ากับเตรียมตัวตาย

แต่แล้วในเย็นวันเดียวกัน เมื่อแพทย์ได้ใช้กล้องสอดเข้าไปตัดชิ้นเนื้อที่ตับอ่อนของเขาออกมาตรวจอย่างละเอียด ก็กลับพบว่า มะเร็งตับอ่อนที่เขาเป็นนั้นแม้จะเป็นชนิดที่พบได้ยากก็จริงแต่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ด้วยการผ่าตัด และเขาก็ได้รับการผ่าตัดและหายดีแล้ว

นั่นเป็นการเข้าใกล้ความตายมากที่สุดเท่าที่ Jobs เคยเผชิญมา และทำให้ขณะนี้เขายิ่งสามารถพูดได้เต็มปาก เสียยิ่งกว่าเมื่อตอนที่เขาเพียงแต่ใช้ความตายมาเตือนตัวเองเป็นมรณานุสติว่า ไม่มีใครที่อยากตาย แม้แต่คนที่อยากขึ้นสวรรค์ก็ยังไม่อยากตายก่อนเพื่อจะไปสวรรค์ แต่ก็ไม่มีใครหลีกหนีความตายพ้น และเขาคิดว่า มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น Jobs เห็นว่า ความตายคือประดิษฐกรรมที่ดีที่สุดของ “ชีวิต” ความตายคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิต ความตายกวาดล้างสิ่งเก่าๆ ให้หมดไปเพื่อเปิดทางให้แก่สิ่งใหม่ๆ

ดังนั้น Jobs บอกว่า เวลาของคุณจึงมีจำกัด และอย่ายอมเสียเวลามีชีวิตอยู่ในชีวิตของคนอื่น จงอย่ามีชีวิตอยู่ด้วยผลจากความคิดของคนอื่น และอย่ายอมให้เสียงของคนอื่นๆ มากลบเสียงที่อยู่ภายในตัวของคุณ และที่สำคัญที่สุดคือ คุณจะต้องมีความกล้าที่จะก้าวไปตามที่หัวใจคุณปรารถนาและสัญชาตญาณของคุณจะพาไป เพราะหัวใจและสัญชาตญาณของคุณรู้ดีว่า คุณต้องการจะเป็นอะไร
[/b]
Jobs ปิดท้ายสุนทรพจน์ของเขา ด้วยการหยิบยกวลีที่อยู่ใต้ภาพบนปกหลังของวารสารฉบับสุดท้ายของวารสารเล่มหนึ่งที่เลิกผลิตไปตั้งแต่เมื่อ 30 ปีก่อน ซึ่งเขาเปรียบวารสารดังกล่าวเป็น Google บนแผ่นกระดาษและเป็นประดุจคัมภีร์ของคนรุ่นเขา วารสารดังกล่าวมีชื่อว่า The Whole Earth Catalog จัดทำโดย Stewart Brand ส่วนวลีนั้นคือ

“จงหิวโหย จงโง่เขลาอยู่เสมอ”


ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาหวังจะเป็นเช่นนั้นเสมอมา

หมายเหตุ:
นำมาจาก: www.positioningmag.com
ที่มา: Fortune ฉบับเดือนกันยายน 2548
แปลและเรียบเรียงโดย: เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์


-------------------------------------------------

จากเด็กไม่มีพ่อ สู่ยอดคนแห่งโลกไอที อ่านแล้วมีแรงกระตุ้นในการดำเนินชีวิตอีกมากเลยครับ เท่าที่อ่านสังเกตุได้ว่าพี่
jobs แกมี'จุดล้า'น้อยมาก หรือแทบไม่มีเลย นี่แหละคือเหตุผลที่ทำไมบางคนทำงาน 365 วันต่อปี
7 วันต่อสัปดาห์ 24ชั่วโมงต่อวันได้อย่างไม่มีปัญหาเลย ผิดกับบางคนที่เจอปัญหานิดหน่อยก็ท้อแล้ว

สูดหายลมหายใจให้เต็มปอด  Sad แล้วบุกมัน  Angry สู้ๆ Cool

ป.ล. เป็น forward mail เอามาจาก http://tuleedin.wordpress.com/2008/03/15/fwmail-2/
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 37   ขึ้นบน
พิมพ์