เฮ้อเลือดร้อนกันเจงๆ ตาฟี่ของเรา
สมัยพี่ยังเด็กๆก็เลือดร้อนแบบนี้แหละ สมัยที่อยู่ปีหนึ่งนี่ยิงคนมาครั้งนึง แต่ยิงที่ขา
แค่นี้ก็สั่นแล้วครับ เอิ๊กๆๆ ทั้งตกใจทั้งสงสารเค้า
มีปืนนี่ใช่จะใจร้อนนะครับ บางทียิ่งทำให้ปอดแหกได้ด้วยนะ อิอิ
แล้วที่บอกว่าเค้ามีมีดค่อยใช้มีดสู้ เค้ามีมีปืนค่อยใช้ปืน อันนี้ไม่สมควรนะครับ
ถ้าเรามีปืนก็ต้องใช้ปืนไม่ว่ามันจะมีไม้หรือมีมีดก็ตาม แต่ใช้ให้ถูกไม่ใช่โผล่มาแล้วก็ยิงเลยนี่ไม่ไหว
ลองดูสถานการณ์นะครับ
สถานการณ์แรก
ดึกคืนหนึ่ง น้องฟี่กำลังนอนหลับอยู่ได้ยินเสียงคนปีนประตูรั้วเข้ามา โดยที่บริเว็ณนั้นเห็นไม่ชัดเจนว่าเป็นใคร
ขณะนั้นน้องฟี่มีปืนอยู่ในมือ ใจสั่นๆกลัว เพราะว่ามีคู่อริมาก่อน เลยตะโกนถามว่าเป็นใคร แล้วบอกว่าอย่าเข้ามานะ ไม่งั้นยิง แต่หมอนั่นไม่สนใจ ปีนเข้ามาจนเสร็จ แล้วควักของออกมาชิ้นนึง ซึ่งน้องฟี่ก็ไม่ได้รู้ว่ามันคืออะไร ทำให้สงสัยว่าจะเป็นอาวุธชนิดใดหรือเปล่า ไม่รู้ว่าเป็นปืนหรือมีด
แบบนี้ยิงไปโลดไม่ต้องกลัว เราไม่ผิดหรอก เพราะเราต้องป้องกันที่จะทำให้เกิดเหตุร้ายขึ้นมา แทนที่จะรอให้เกิดเหตุคนร้ายยิงเข้ามาก่อน เพราะไม่ใช่ว่าคนร้ายจะยิงปืนไม่แม่นเหมือนในหนังไทยซะเมื่อไหร่ หรือ ไม่ใช่ว่าเราโดนยิงที่หน้าอกจะเข้าโรงพยาบาลสองวันแล้วออกมาเดินเฉิบ ไม่ใช่แน่ๆครับ
เพราะฉะนั้นอันนี้เราต้องป้องกันตัว ส่วนจะผิดหรือไม่ผิดไม่ต้องพูดกัน เพราะอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลครับ แต่ส่วนมากแบบนี้คนยิงจะรอด นะจ๊ะ
กรณีที่สอง
มีคนมายืนที่หน้าบ้านน้องฟี่ น้องฟี่เดินอกมาแล้วเห็นแล้วว่าเคยมีเรื่องกัน น้องฟี่เลยเดินเข้าไปเอาปืนออกมา แล้วถือปืนไว้ในมือ แล้วตะโกนบอกมันว่ามาทำไม มันไม่ตอบทั้งๆที่เป็นปืนในมือ มันเดินเข้ามาพร้อมกับล้วงเข้าในเสื้อ พร้อมกับจะจับของชิ้นนึงออกมาอย่างรวดเร็ว
แบบนี้ไม่ต้องรอดูหรอกครับว่ามันเป็นปืนรึเปล่า เราเตืนคุณก่อนหน้านี้แล้วโดยทำให้เป็นปืนในมือ มันยังทำให้เรากลัวอีก แบบนี้ซัดไปซักโป้งครับ เล็งที่ตัว อย่าคิดว่าแม่นที่จะเลือกยิงหัวเนี่ย
ตายก็ช่างรอดตายก็ช่าง
กรณีนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ขึ้นอยู่กับว่าทนายเราเก่งรึเปล่า แบบนี้โอกาสไม่ต้องรับความผิดก็เยอะครับ
ลองดูกรณีตำรวจ สิบคน รุมจ่อืนใส่คนร้ายแล้วบอกให้คนร้ายยกมือขึ้น แต่คนร้ายดันไม่ยกขึ้น ตำรวจเลยซัดเปรี้ยงเข้าให้
แบบนี้ไม่ถือเป็นการทำความผิดนะครับ เพราะเป็นการป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น
เราต้องลองคิดดูนะครับว่าสถานการณ์เป็นแบบไหน
มาดูสถานการณ์ที่สาม
น้องฟี่มีเรื่องกับคนอื่น แล้วไปสืบรู้มาว่าหมอนั่นมีปืนด้วย หรือไม่รู้มาก่อนก็ได้ มันมาที่บ้านกดกริ่ง แล้วน้องฟี่กับแฟนก็ออกไป แล้วบอกว่า มึ -- งกลับไปซะ มันเลยบอกว่ามาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน น้องฟี่ตะโกนออกไป กุม่ายมีไรคุยกะมึ--ง แต่มันดันไม่ยอมไป ยังยืนอยู่และจะเดินเข้ามา น้องฟี่เลยจัดไปซะ สามดอก อันนี้เตรียมตัวติดคุกนะครับ ไม่มีใครช่วยคุณได้ นอกจากผู้มีอิทธิพลทางการเมืองหรือการเงิน
--------------------------------------------------------------------
ที่ผมพูดไปหลายคนอาจจะงง บอกว่าอ่าวแล้วเราจะรู้ได้ไงว่าอันไหนสมควรรึไม่สมควรแก่เหตุ
ให้เราดูไปว่า
ลองดูนะครับถ้า
- คนที่ไม่มีหน้าที่ต้องพกอาวุธ แต่พกอาวุธไปบ้านคนอื่น โดยมีท่าทีประทุษร้าย แบบนี้เจ้าของบ้านมีสิทธิ์ป้องกันตัวทั้งนั้นแหละครับ
- ถ้าคนร้ายมีอาวุธคือมีด แต่เรามีปืน แล้วก็ไม่มีมีด และอีกอย่างเราไม่ใช่จาพนม แบบนี้สมควรอย่างยิ่งที่เราจะยิงไปที่คนร้ายซักนัด ใช่มั้ยครับ แต่ต้องดูด้วยนะว่าไกลกันแค่ไหน แล้วเราก็พยายามหนีแล้วรึยัง ไม่ใช่ว่าใจร้อนสู้แล้วไปยิงเค้านี่มันคนละเรื่องกับว่าเราพยายามหนี รึหาทางอื่นรึเปล่านะครับ ถ้าหมดทางจริงๆ นี่แหละสมควรแก่เหตุ แต่อย่านะครับ อย่ายิงซะเค้าพรุนหละ อันนั้นรู้แน่ว่าเราอยากฆ่าเค้าหละ
- คนร้ายไม่มีอาวุธ แต่จะเข้ามาหาเราโดยท่าทางที่เก่งเรื่องการต่อสู้ ตีลังกาเข้ามาเหมือนในหนัง แบบนี้ทำให้คิดได้ครับว่าเราไม่รอดแน่ มีปืนก็รีบยิงซะนะครับ อย่ารอให้เค้ามากระชากคอหอยเรา อิอิ
- อีกกรณี ถ้าคนร้ายคือจาพนม จะเข้ามาทำร้ายเรา แต่เราไม่รู้ฝีมือที่แท้จริงของจาพนม และสำคัญผิดคิดว่าเค้าเก่งเหมือนในหนังจริงๆ เลยยิงโป้งเข้าให้ แบบนี้ สบายใจได้ อย่างน้อยก็ได้ลดโทษกึ่งนึงแล้วหละ เอิ๊กๆๆ
เอ้าเดี๋ยวว่างๆจะมสร้างสถนการณ์ต่อนะครับ อิอิ เอาแค่นี้ไปคิดลองดูก่อน
ปล. ผมอยู่กับนักกฎหมายประจำอำเภอมาตั้งแต่เกิด(พ่อผมเอง 555 ตอนนี้แกสอบเนติผ่านตั้งหลายปีแล้ว) เลยได้ความรู้เรื่องพวกนี้มาบ้าง อาจจะผิดบ้างแต่มันก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลครับ