copy เหมือนเด๊ะ ก็โดนเรื่อง not unique สิครับ และถ้าเว็บต้นทางเค้า link canonical ไว้ด้วยแล้วก็ ยังไง google ก็รู้ว่าใครต้นฉบับ ส่วนที่ค้นแล้วบอกติด ได้ลอง mode incognito รึยัง
ค้นแล้วบอกติด ได้ลอง mode incognito รึยัง
ผมมองคำนี้เหมือนคำสบประมาทเลยครับ อ่านแล้วเหมือนคล้ายๆคำดูถูกไก่กาอ่อนหัดเลยครับ
ผมคิดว่าเขาคงหลุดประเด็นไปหน่อยครับ
1. canonical meta ที่จริงแล้วจะใช้สำหรับป้องกันเนื้อหาซ้ำกันภายในโดเมนเดียวกัน/cross-domains ไม่ใช่เป็นตัวบอกว่าใครเป็นบทความที่แท้จริง แต่ google จะดูว่าใครเผยแพร่ก่อน คนนั้น(น่าจะ)เป็นเจ้าของเนื้อหานั้น นั่นแสดงว่า ถึงแม้ว่าเรา copy เนื้อหาจากเว็บอื่นที่ต่างโดเมน ก็ไม่ถือว่าผิดร้ายแรงครับ แต่อันดับนั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายส่วนของ 200 algo ของพี่ goo เค้า
ยกตัวอย่างเช่น:
link1 ไม่ใส่ canonical แต่เป็น master/original
link2 ใส่ canonical แต่เป็น duplicate google จะมองว่าหน้านี้เป็น orignial และนำไป index ให้แล้วเปลี่ยนให้ link1 เป็น duplicate แทน
2. สำหรับการเช็คอันดับในหน้า SERPs นั้น ผมมองว่าคนที่ต้องการเช็คอันดับนั้นน่าจะรู้เรื่องเหล่านี้ดีอยู่แล้วว่าควรจะทำอย่างไรหรือใช้เครื่องมืออะไร ส่วน private mode ของบราวเซอร์นั้นแค่เป็นการปกปิดข้อมูลบางส่วนของผู้ใช้ไว้ครับ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปิดหมดทุกส่วน เพราะถ้าเราสังเกตุต่างบราวเซอร์ก็จะเห็นอันดับที่แตกต่างกัน เวลาผมเช็คอันดับผมเคลียร์หมดไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามของบราวเซอร์ แล้วใช้หลายบราวเซอร์ หลาย user agent string เปรียบเทียบกันดูครับ แล้วคุณจะร้อง "อ๋อ" ทันที
3. copy บทความดีหรือไม่ ผมคิดว่ามันมองได้หลายแบบครับ การนำไปใช้งาน การเคารพในสิทธิของเจ้าของบทความ อะไรแบบนี้ ซึ่งอย่างหลังต่างประเทศจะให้ความสำคัญมาก ถึง copy มาก็จะมีการ ref ส่งกลับไปลิงค์ของที่มาครับ