คอมพิวเตอร์ผีสิง

เมื่อเย็นต่อหัวค่ำ นั่งคุยกะหลานเขยที่เป็นตำรวจ ผมแทบหัวโกร๋น เพราะหลานเขยมันเล่าเรื่อง คดีประหลาดให้ฟัง
เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ

.........เขาได้รับคดีมาคดีหนึ่ง ที่เกี่ยวกับการตายอย่างไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด จึงไปสอบสวน
ได้ความว่า เด็กหนุ่มนักศึกษาชั้นปีที่สามของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง(ขอสงวนนาม) ที่เสียชีวิตนั้น ตายคาโต๊ะที่ใช้ทำงาน อันมีคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งซื้อมาเพียงสามวันแทนเครื่องเก่าที่ตกรุ่นไป
ทางการชันสูตร ได้ผลว่า เด็กคนนี้เป็นโรคหัวใจล้มเหลวอย่างเฉียบพลัน แต่เมื่อสืบดูแล้ว เด็กคนนี้แข็งแรงสมบูรณ์ทุกอย่าง ไม่มีโรคประจำตัวใดๆ แถมเป็นนักกีฬาของคณะด้วย ที่สำคัญ ก่อนการตายประมาณหนึ่งอาทิคย์ เขาเพิ่งไปเช็คสุขภาพประจำปีที่โรงพยาบาลมา ซึ่งก็ปกติทุกอย่าง

เรื่องทำท่าจะจบ หาก พ่อแม่ของเด็กคนนี้(อยู่ต่างจังหวัด ส่วน เด็ก อยู่ คอนโดในกรุงเทพ)เกิดไม่เชื่อว่าลูกชายตนเองจะตายแบบนี้ และบังเอิญไปรู้จักกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ขอร้องให้ลองตรวจสอบเรื่องนี้อีกที หลานชายผมเลยต้องเอาคดีนี้มาสาง

หลังจากสำรวจห้องนอนและโต๊ะทำงานแล้ว หลานชายผมก็พบ ภาพประหลาด จำนวนหนึ่งที่ถูกพิมพ์ออกมา เป็นภาพที่มีเบื้องหลังเป็นสีดำ แต่กระดำกระด่างเป็นหย่อมๆ และกลางภาพเป็นเหมือนกลุ่มควันที่มองไปแล้ว คล้ายใบหน้าของคน!!!
ภาพประหลาดนั้น มีทั้งหมดเจ็ดภาพ
น่าแปลกตรงที่กลุ่มควันทั้งเจ็ดภาพนั้น มีความต่อเนื่องกัน จากภาพแรกที่เห็นเพียงใบหน้าเลือนลาง ภาพต่อๆมาจะเป็นส่วนของคอ หน้าอก เรื่อยมาจนภาพสุดท้ายทำให้เห็นเต็มตัว และเมื่อพิจารณาภาพสุดท้ายนั้น มองดูแล้ว เหมือนผู้หญิงสวมชุดยาวๆ น่าจะเป็นชุดนอน ยื่นมือทั้งสองมาข้างหน้า เหมือนจะไขว่คว้าอะไรสักอย่าง

หลานชายจึงเปิดเครื่องดูเพื่อหาภาพดังกล่าว แต่ไม่พบ ค้นซีดี ค้นดิสก์ทั้งหมดที่มี ก็ไม่พบอะไร?
จึงคิดว่าอาจเป็นภาพที่เอามาจากที่อื่นก็ได้ แต่เมื่อพิจารณจากกระดาษพิมพ์แล้วก็ต้องตกใจ เพราะ พบว่า ก่อนที่เด็กหนุ่มจะตาย ในคืนนั้น เย็นวันเดียวกัน เขาเพิ่งไปซื้อกระดาษพิมพ์ยี่ห้อนี้มาจากสหกรณ์ของมหาวิทยาลัย เพราะมีหลักฐานเป็นใบเสร็จ และได้เทียบกระดาษดูกับยี่ห้อที่ขายอยู่แล้ว เป็นปึกที่เพิ่งขายออกไปจริงๆ

หลานชายจึงตัดสินใจส่งเครื่องให้ผู้เชี่ยวชาญของกรมฯทำการตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ของเครื่อง แต่ก็ไม่พบอะไรเลย เว้นแต่พบว่า อุปกรณ์ทั้งหมดภายในเป็นของหนีภาษี
จึงสาวไปยังแหล่ง และได้ทำการบุกจับกุมทลายแหล่งดังกล่าว(เป็นผลงานที่เป็นผลพลอยได้ในคดีอีกต่างหาก) เอามาดำเนินคดี

จากการสอบสวน พบว่า อะไหล่ดังกล่าวเป็นอะไหล่ที่มาจากประเทศเกาหลีใต้ ผ่านเอเย่นต์ชาวเกาหลีที่ไปๆมาๆหากินกับอะไหล่เครื่องคอมหนึภาษี จึงไปจับกุมตัวมาสอบอีก ก็พบว่า นายคนนี้เป็นลูกสมุนของมาเฟียใหญ่ที่เกาหลี
และอะไหล่รุ่นนี้นั้น เขาบอกว่ามาจากเครื่องคอมฯในบริษัทแห่งหนึ่งที่ใช้บ้านพักเป็นออฟฟิส ที่พวกมันไปขโมยออกมาก่อนจะวางเพลิงบริษัทนั้น(คาดว่าเป็นเรื่องเรียกค่าคุ้มครอง) และมีคนตายในที่เกิดเหตุเพราะหนีออกมาไม่ทัน สองคน เป็นหญิงสาววัยรุ่น ลูกเจ้าของทั้งคู่

จากนั้น หลานชายได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากเพื่อนสนิทของเด็กหนุ่มผู้ตายว่า เขามีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ และอาจเกี่ยวกับคดี จึงนัดมาพบและคุยกัน
เพื่อนเด็กฯ บอกเล่าว่า ก่อนหน้าวันที่ตาย หนึ่งวัน ได้เล่นโปรแกรมแชทกัน และเพื่อน ส่งภาพมาให้ เป็นอะไรก็ไม่รู้ จึงเซฟและเปิดดู ก็พบภาพที่เหมือนกับที่หลานชายพบ แต่เพื่อนที่แชทอยู่บอกว่าอย่ามาอำ ภาพที่ส่งให้น่ะ เป็นภาพผู้หญิงสาวสวยพี่น้องสองคน ที่เขาแชทคุยกัน เด็กทั้งสองเป็นเด็กเกาหลี บอกว่าอยากมาเที่ยวเมืองไทยด้วย เพื่อนเขาก็งงๆ เพราะภาพที่ได้รับมันไม่ใช่เลย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร? เขาก็พิมพ์ภาพออกมาเหมือนกัน ยังเก็บไว้เลย แต่ไฟล์ภาพดังกล่าว ไม่รู้เป็นอะไร จู่ๆก็หายไปจากเครื่องของเขาทั้งที่เซฟไว้แล้ว

หลานชายผมก็ฟังๆ แต่ก็ปิดคดีไปเรียร้อยแล้ว ว่า หัวใจวายตายจริง......
เรื่องมันน่าจะจบ หากเขาไม่ไปพบกับหมอนิติเวชอีกท่านที่ชันสูตรและคุยกัน หมอบอกว่า พ่อแม่เด็กให้ปิดเรื่องหนึ่งผ่านคำสั่งผู้ใหญ่มา เพราะอาย หลานเลยถามว่าเรื่องอะไร
.หมอบอกว่า มีร่องรอยของการร่วมเพศก่อนตายและหมอก็ยังเก็บ ขน ที่ไม่ใช่ของเด็กหนุ่มไว้เลย. แต่ไม่ได้พิสูจน์ดีเอ็นเอ

หลานชายผมก็เลยขอเอาไว้ แล้วมาปรึกษาผมว่า อยากทำเรื่องส่งไปตรวจพิสูจน์กับนิติเวชที่เกาหลีจังว่า มันเป็นขนของเธอหรือเปล่า?......ถ้าไม่ใช่ก็อาจต้องรื้อคดีมาทำใหม่แล้ว
แต่ถ้าใช่.............เขาจะตอบผู้ใหญ่และอธิบายอย่างไร?ในความเป็นไปได้

จากเว็บพลังจิต