ต่อจากโพส ก่อนหน้านี้คือ การกำหนด STP - >
http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,166784.0.html 
ใครยังไม่ได้อ่าน
SWOT กับ
การกำหนด STP กลับไปอ่านก่อนนะครับเดี๋ยวไม่รู้เรื่องนะ
Marketing Strategy หรือ
การเลือกใช้กลยุทธ์ ทางการตลาดเพื่อนๆหลายๆท่านอาจจะเคยเล่นเกมส์กลยุทธ วางแผนสร้างฐาน สร้างเมืองอะไรมากันนักต่อนัก เเม้เเต่ DotA กลยุทธ พิชัยสงคราม สามก๊ก เเละอื่นๆ อีกมากมาย ที่เพื่อนเคยได้รู้จักเเละได้ยินกันมา เช่นกลยุทธ ป่าล้อมเมือง , กลยุทธ Market Share , กลยุทธ Blue Ocean , White Ocean เเต่ผมไม่ได้มาเล่าให้ฟังทั้งหมดน่ะครับ เพราะเยอะมากเป็นหลายพันหลายหมื่นกลยุทธ์ทางการตลาดเลยก็ว่าได้
วันนี้ผมจะขอนำเสนอ กลยุทธ์ ของ สุดยอดนัก Marketing Strategy ของโลกนี้จาก ม.Harvard ท่านศาสตราจารย์ Michael E. Porter ผู้เคยคิดค้น Marketing Strategy มามากมาย
Biography ท่านอาจารย์ ->
http://drfd.hbs.edu/fit/public....do?facInfo=bio&facId=6532 ผลงานของท่านศาสตราจารย์ Michael E. Porter (ไมเคิล อี พอทเตอร์) ดังๆมากมาย อาทิเช่น การวิเคราะห์
Five Force Model(วิเคราะห์ เเรงทั้ง 5 เเบบในการที่จะเลือกกระโดดเข้าสู่ธุรกิจ ไม่สอนนะครับเพราะไง เราก้โดดเข้ามากันหมดเเล้ว) ,
Value Chain Model (การส่งมอบห่วงโซ่เเห่งคุณค่า สู่ท่านลูกค้าของเราอย่างต่อเนื่องครับ ใครตั้งใจกับ SMO ไม่ศึกษาเรื่องนี้ให้ดี SMO ของท่านจะไม่เเสดงผลเต็มที่นะครับ ) เเละอื่นๆ อีกมากๆ ที่สาธยายวันเดียวก็ไม่จบครับ
เเต่วันนี้ที่ผมอยากนำเสนอเพื่อนๆ เป็น กลยุทธเเบบทั่วๆไป ที่นำมาใช้ได้ผลในทุกสถานะการ คือ Generic strategies ของท่านศาสตราจารย์ครับ
Generic strategies หรือกลยุทธเเบบทั่วๆไป ที่ใช้ได้ทุกสถานะการ ท่านอาจารย์ฯ ได้เเบ่งกลยุทธ ที่สำคัญไว้ 3 ลักษณะคือ
1.Cost Leadership. การเป็นผู้นำในด้านต้นทุน
2.Differentiation เปลี่ยนเเปลงเพื่อให้เเตกต่าง
3.Focus or Niche strategy. เลือกเฉพาะเจาะจง
Cost Leadership หรือ การเป็นผู้นำด้านต้นทุน การเลือกใช้กลยุทธนี้ ผู้ใช้ต้องมองให้ออกนะครับ ว่าการเป็นผู้นำในด้านต้นทุนต่ำ คือการใช้หลักการประหยัดจากขนาด หรือ Economy of scale เช่าโฮสใหญ่(ถูกว่าเช่าโฮสเล็กๆอยู่เเล้วเมื่อเทียบสิ่งที่ไ้ดรับกับต้นทุนที่เสียไป) เปิดเว็ปทีละเยอะๆ การสั่งการต่างๆ ใช้ iMacro เชื่อหรือไม่ว่า การเปิดเว็ปเยอะๆ เกิดการประหยัดจากขนาด ทั้งเงิน ทั้งเวลา ทั้งกระบวนการทำงานมากกว่าเปิดน้อยๆ มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยละครับ ถ้าคุฯมีเว็ปน้อย คุณจะไม่อยากเขียน iMacro เพราะมันไม่คุ้มค่าเสียเวลา เเต่ถ้าคุณมีเว็ปเยอะ มันจะบีบให้คุณเขียน iMacro ซึ่งมันประหยัดเวลากว่ามากๆ ( เปลี่ยน Title Tag 10 เว็ป ไม่มี iMacro กับ เปลี่ยน Title Tag 1 พันเว็ปที่ใช้ iMacro ใช้เวลาใกล้เคียงกันเลยนะ ^^ ) มีนัก IM ระดับขั้นเทพหลายท่านเลือกใช้ กลยุทธ Cost Leadership ให้กับตัวเอง
Differentiation เปลี่ยนเเปลงเพื่อให้เเตกต่าง เพื่อจะได้กำหนดราคาที่สูงขึ้นได้ เพื่อความเเตกต่างจากกำไรที่เพิ่มขึ้น ผมคนนึงละครับ ที่ชอบใช้บริการ โฮส จากผู้ให้บริการที่บอกว่า มันเหมาะกับงานนั้นงานนี้เเบบเฉพาะทาง เช่น รองรับ AOM ได้เยอะพี่ โฮสนี่เอาไว้ Run BMG นี่เเจ่มมากๆเลยค้าบ ทั้งๆ ที่มันไม่ได้ถูกกว่าไปหาโฮสเอง ทำเองเเต่ผมก็ชอบใช้บริการเเบบเเตกต่าง เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของผมมากที่สุดเลยครับ ส่วนตัวเเทน Aff. อย่างเราๆ เมื่อเราสังเกตไปนานๆ เราจะรู้ว่าเราขายสินค้าให้เจ้าไหนได้เยอะๆ อย่าัมัวจมเป็นทาสให้ Amazon เเบบนี้อยู่ตลอดไปนะครับ ลองติดต่อไปทางเจ้าของ Brand สินค้าชิ้นนั้นๆ โดยตรงเลยว่าเค้ามี Affiliate Program.โดยตรงหรือไม่ สมัครตรงกับเค้าเลยครับ จะได้ไม่ต้องมาคอยให้ Amazon มาหักหัวคิวเราอยู่เเบบนี้นะครับ
อยากเป็น นายหน้า Aff. ให้ Apple ดูมั้ยครับ ^^ ->
http://www.apple.com/itunes/affiliates/ หรืออยากลองเเนวสุขภาพ Markethealth.com ->
http://www.markethealth.com/affiliate.php บาง Brand จะมีอนุญาต TradeMark บางเเบรนด์ ไม่อนุญาต บางเว็บให้ดูด Feed มาโพส ได้ บางอันไม่ได้ เงื่อนไขต่างๆ ไม่เหมือนกันลองดูกันนะครับ ( ปล. ใครทำ Market Health อยู่สอนผมหน่อยนะคับ ผมอยากทำของเจ้านี้นะคับ ติดต่อหลังไมค์ด้วยนะ ^^ ) หรือจะลองผ่านนายหน้าเจ้าอื่นๆ ที่ให้ค่า Commission ที่สูงขึ้นดูก็ได้นะครับ เช่น CJ , Linkshare ท่านที่บอกว่า พวกเหล่านี้เขาไม่ให้คนไทยทำนี่ครับ ผมเห็นคนไทยทำเเล้วทุกเจ้าเลยครับ (คนไทยไม่เเพ้ชาติใดในโลกจริงๆ) การเขียน Mail เพื่อขอสมัคร Aff. ที่เค้าไม่ให้เราทำน่ะครับ มีอาจารย์ท่านนึงสอนผมมาว่ามี 2 เเนว ในการเขียน Mail 1.เเนวขอร้อง ให้ผมทำเถอะ ผมอยากทำ อย่างงั้นอย่างงี้ กับ 2.เเนวโชว์เทพ มาถึงโชว์ยอด Amazon โชว์ยอด Ads งั้นงี้บอกผมไม่อยากทำเเบบเดิม ผมอยากขายให้คุณเเทน อาจารย์ท่านนั้นบอกผมว่า เเนวโชว์ป๋า โชว์เทพเเบบที่ 2 ได้ผลมากกว่านักเเล ถ้าไงลองดูกันนะครับ
Focus or Niche strategy โฟกัส หรือ Niche หรือที่พวกเราชอบเรียก Niche Keyword กันน่ะครับ มากจาก กลยุทธนี้ล่ะครับ
ก็คือเลือกให้เฉพาะเจาะจงกลุ่มย่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เพื่อผลทาง Search engine ที่คู่เเข่งต่ำๆ เราก็ไม่ต้องไปเเข่งกับใครมาก โอกาสสำเร็จก็สูงตามไปด้วยครับ
ภาพรวม Generic strategies
ไม่ว่าจะ Cost Leader หรือ Differentiation ก็เลือกให้ Focus กับกลุ่มเป้าหมายได้ ว่าจะเลือกเป้าหมายเเบบเเคบหรือจะเเบบกว้างกับตลาดทั่วไปนะครับ เพื่อนๆสามารถปรับประยุคให้กับตัวเองดูนะครับ พวกเราส่วนใหญ่ มักถูกสอนให้อยู่ใน Focus หรือ Niche strategy
เเต่ดูให้ดีว่ามันเหมาะกับเราที่สุดจริงๆ หรือไม่? นะครับ ย้อนกลับไปดู SWOT กับ STP ของเราอีกครั้ง เเล้วมองย้อนทวนอีกทีนะครับ
มี ทริกเล็กๆ ที่ผมได้เรียนกับท่าน อ.ผศ.ศรัณยพงศ์ เที่ยงธรรม ผู้เชี่ยวชาญด้าน Marketing IT ที่ผมว่าที่สุดเเล้วใน ป.โท ธรรมศาสตร์
ได้สอนผมไว้ว่า
ให้ลองปิด Threats ให้ SWOT ดู เเล้วลองปิด Weakness ใน SWOT ดูตามมา จากนั้นมองภาพรวมของ Trend ในธุรกิจในภาพรวมว่ามันกำลังอยู่ในช่วง Growth ใช่หรือไม่? เเล้วเราลองสมมุติตัวเองว่าเราจะสามารถเเก้ไข Weakness ในตัวเองได้หรือไม่? ถ้าได้(หรือไม่ได้อย่างไร) Marketing Strategy ที่เหมาะสมกับท่านที่สุดจะออกมาเองครับ เพื่อนๆสามารถ อ่านบทความ ของอาจารย์ ผศ.ศรัณยพงศ์ เที่ยงธรรม เพิ่มเติมได้ที่นี่นะครับ
http://www.marketeer.co.th/result_marketeer_new.php หรือใครสนใจ ติดต่ออาจารย์ผมเป็นที่ปรึกษาก็ได้นะครับ (ค่าตัวเเพงโพด ชม.เป็นหมื่นเลยทีเดียว :'( )
สรุปสุดท้ายในสิ่งที่สำคัญมากๆ ที่ผมเป็นห่วงที่สุดของเรื่อง Marketing Strategy นั่นคือ เพื่อนๆ
ติดอยู่ตรงกลาง ไม่ไปทางนู้น ไม่มาทางนี้ ไม่สุดซักอย่าง จึงไม่สามารถสร้างความได้เปรียบจากคู่เเข่งได้เลย มันก็เลยพอจะมีรายได้ เเต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จซักที เนี่ยละครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาถึงภาค 3 จาก 6 ภาค
1.SWOT Analysis วิเคราะห์ จุดเเข็ง จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค
2.STP หรือ การวางตัวเอง ลงในตำเเหน่งที่เหมาะสมในธุรกิจ หรือว่าในภาษาเราๆ ก็คือ เลือก Keyword ให้เหมาะกับ SWOT นั่นเองครับ
3.Marketing Strategy การเลือกใช้กลยุทธ์ทางการตลาดให้เหมาะสมกับตัวเอง
4.Marketing Objective การกำหนดวัตถุประสงค์ วางเป้าหมายในการทำการตลาด เช่น อับดับ หรือ ปริมาณ Traffic
5.Marketing Plan แผนการทำการตลาดเพื่อที่จะตอบสนองวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้
6.Marketing Action แผนการลงมือปฏิบัติ การเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือ โฮส,โดเมน,Tool รวมไปถึงระบบการจัดการต่างๆให้เหมาะสม
อีก 3 เรื่องถัดไปไม่น่าจะหนักเเล้วครับ สู้ๆ นะครับ
Giftrin
ความรู้ทั่วไป
