ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 15   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: 49 วัน หลังความตาย ใครไม่เคยอ่านซะ!  (อ่าน 27779 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ROCK RHYTHM
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 29
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 401



ดูรายละเอียด
« ตอบ #40 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2010, 14:37:27 »

สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ กระทู้เรียกเทพชัด ๆ  Tongue

มาจริงๆ
 Tongue
บันทึกการเข้า

หกล้มคลุกคลานเท่าไร มันจะไปจบที่ตรงไหนจะยังไงก็ต้องไปให้ถึง
ที่สุดถ้ามันจะไม่คุ้ม แต่มันก็ดีที่อย่างน้อยได้จดจำ ว่าครั้งหนึ่งเคยก้าวไป
tanawat30
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 384
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,656



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #41 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2010, 14:38:54 »

ผิดมั๊ยอ่ะ ผมไม่เชื่อเลย ไม่เชื่อทั้งโลกหน้าและโลกหลังความตาย ผมเชื่อแต่โลกนี้และวิทยาศาสตร์  Tongue
วิทยาศาสตร์ มันก็เป็นวิชาความรู้แขนงหนึ่ง แต่ไม่ใช่แก่นแท้ของศาสตร์ในโลกนะครับ ศาสดาของทุกศาสนาบรรลุแก่นแท้ของศาสตร์ รวมถึงวิทยาศาสตร์ด้วย
 wanwan016

ไม่จริงหรอกครับ พระเจ้ามีจริงเหรอ ไม่อยากดราม่านะ แต่จุดประเด็นแบบนี้ไม่รอดแน่ๆตรู Tongue

เอางี้ซิเปลี่ยนเป็นว่า  จะหาวิธิพิสุจน์ว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่ด้วยวิธีการใด  จากนั้นนำวิธีการนั้นไปพิสูจน์เพื่อหาคำตอบโดยไม่ฟันธงหรือตั้งะงไว้ในใจก่อนว่ามีหรือไม่ไว้ล่วงหน้า

เรื่องพระเจ้ามีจริงหรือไม่ ถ้าพิสูจน์ได้ ผมเชื่อ ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ ผมก็ไม่เชื่อ หลักคิดของผมไม่ได้ซับซ้อนเลย
ส่วน บาป บุญ คุณ โทษ นะผมเชื่อ เพราะมันพิสูจน์ได้ชัดเจน แถมไม่ต้องรอโลกหน้า เห็นผลโลกนี้ทั้งนั้นแหล่ะ

ถูกต้องตามที่คุณว่ามาทั้งหมดแล้วผมก็สามารถพิสูจน์สิ่งที่ว่านี้มาได้ด้วยตนเงแล้ว  เริ่มจากบุญบาปพิสูจน์ได้ชัดเจนเป็นระบบ realtime  เกิดขึ้นในใจทันทีเรียกว่าวิบากกรรม

ทำให้ผมไม่กลัวบาปกรรมไงครับ  ถ้าใจกเป็นทุกข์เมื่ไหร่ก็รุ้ทันทีว่าไปทำอะไรมา  แต่ถ้าใจยังปกติสุขอยุ่แสดงว่ายังไม่มีบาปกรรมส่งถึงหรืออีกอย่างเกิดสถานะการที่ผลกรรมที่

ส่งถึงมีผลเป็นอโหสิกรรมหมดแล้ว  ส่วนเรื่องการพิสุจน์เรื่องพระเจ้าผมพิสุจน์มาแล้วด้วยตนเอง  แล้วผมก็ได้คำตอบแล้วว่ามีหรือไม่  เรื่องนี้ต่างคนต่างพิสูจน์ด้วยตนเอง  เหมือน

คนที่ไม่เคยไปกินข้าวร้าน ก.  ย่อมไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์รสชาติอาหารของร้าน ก.  ได้หากยังไม่ได้กินด้วยตนเอง  การพิสุจน์ผลเรื่องการมีอยู่จริงของพระเจ้าก็ใช้ตรรกะ

เดียวกันเช่นกัน
บันทึกการเข้า

บรรยายวิธีทำสมาธิล้วน ๆ  จ้า ทำสมาธิกันโลด
ROCK RHYTHM
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 29
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 401



ดูรายละเอียด
« ตอบ #42 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2010, 14:43:20 »

ถูกต้องตามที่คุณว่ามาทั้งหมดแล้วผมก็สามารถพิสูจน์สิ่งที่ว่านี้มาได้ด้วยตนเงแล้ว  เริ่มจากบุญบาปพิสูจน์ได้ชัดเจนเป็นระบบ realtime  เกิดขึ้นในใจทันทีเรียกว่าวิบากกรรม

ทำให้ผมไม่กลัวบาปกรรมไงครับ  ถ้าใจกเป็นทุกข์เมื่ไหร่ก็รุ้ทันทีว่าไปทำอะไรมา  แต่ถ้าใจยังปกติสุขอยุ่แสดงว่ายังไม่มีบาปกรรมส่งถึงหรืออีกอย่างเกิดสถานะการที่ผลกรรมที่

ส่งถึงมีผลเป็นอโหสิกรรมหมดแล้ว  ส่วนเรื่องการพิสุจน์เรื่องพระเจ้าผมพิสุจน์มาแล้วด้วยตนเอง  แล้วผมก็ได้คำตอบแล้วว่ามีหรือไม่  เรื่องนี้ต่างคนต่างพิสูจน์ด้วยตนเอง  เหมือน

คนที่ไม่เคยไปกินข้าวร้าน ก.  ย่อมไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์รสชาติอาหารของร้าน ก.  ได้หากยังไม่ได้กินด้วยตนเอง  การพิสุจน์ผลเรื่องการมีอยู่จริงของพระเจ้าก็ใช้ตรรกะ

เดียวกันเช่นกัน

แล้วถ้านั่งสมาธิเพ่งไปร้าน ก. ลองชิมในสมาธิ ก็ตัดสินรสชาตได้สินะครับ wanwan001
บันทึกการเข้า

หกล้มคลุกคลานเท่าไร มันจะไปจบที่ตรงไหนจะยังไงก็ต้องไปให้ถึง
ที่สุดถ้ามันจะไม่คุ้ม แต่มันก็ดีที่อย่างน้อยได้จดจำ ว่าครั้งหนึ่งเคยก้าวไป
tanawat30
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 384
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,656



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #43 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2010, 14:48:40 »

ถูกต้องตามที่คุณว่ามาทั้งหมดแล้วผมก็สามารถพิสูจน์สิ่งที่ว่านี้มาได้ด้วยตนเงแล้ว  เริ่มจากบุญบาปพิสูจน์ได้ชัดเจนเป็นระบบ realtime  เกิดขึ้นในใจทันทีเรียกว่าวิบากกรรม

ทำให้ผมไม่กลัวบาปกรรมไงครับ  ถ้าใจกเป็นทุกข์เมื่ไหร่ก็รุ้ทันทีว่าไปทำอะไรมา  แต่ถ้าใจยังปกติสุขอยุ่แสดงว่ายังไม่มีบาปกรรมส่งถึงหรืออีกอย่างเกิดสถานะการที่ผลกรรมที่

ส่งถึงมีผลเป็นอโหสิกรรมหมดแล้ว  ส่วนเรื่องการพิสุจน์เรื่องพระเจ้าผมพิสุจน์มาแล้วด้วยตนเอง  แล้วผมก็ได้คำตอบแล้วว่ามีหรือไม่  เรื่องนี้ต่างคนต่างพิสูจน์ด้วยตนเอง  เหมือน

คนที่ไม่เคยไปกินข้าวร้าน ก.  ย่อมไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์รสชาติอาหารของร้าน ก.  ได้หากยังไม่ได้กินด้วยตนเอง  การพิสุจน์ผลเรื่องการมีอยู่จริงของพระเจ้าก็ใช้ตรรกะ

เดียวกันเช่นกัน

แล้วถ้านั่งสมาธิเพ่งไปร้าน ก. ลองชิมในสมาธิ ก็ตัดสินรสชาตได้สินะครับ wanwan001

วิธีพิสูจน์ในเรื่องใดใช้กับเรื่องนั้น ๆ  เท่านั้น  วิธีการทำสมาธิใช้พิสุจน์เรื่องการมีอยู่จริงของพระเจ้าได้หรือไม่  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้พิสูจน์รสชาติของอาหารในร้าน ก.  ได้

ในขณะเดียวกัน  วิธีการกินหรือวิธีการอื่นใดที่พยายามใช้พิสุจน์ความีอยุ่จริงของพระเจ้าได้เช่นกัน  มีวิะีเดียวเท่านั้นคือการทำสมาธิเท่านั้น  ฉะนั้นการใช้กระบวนการผิดวิธีไป

พิสูจน์ในเรื่องใด ๆ  ย่อมไม่ได้ผลในเชิงประจักษ์ในเรื่องนั้นอย่างแน่นอน
บันทึกการเข้า

บรรยายวิธีทำสมาธิล้วน ๆ  จ้า ทำสมาธิกันโลด
จอห๋น ชาวไร่
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 162
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,607



ดูรายละเอียด
« ตอบ #44 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2010, 14:51:20 »

 Tongue ยาวไปๆ
บันทึกการเข้า
zizou
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 156
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 375



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #45 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2010, 14:51:38 »

ผิดมั๊ยอ่ะ ผมไม่เชื่อเลย ไม่เชื่อทั้งโลกหน้าและโลกหลังความตาย ผมเชื่อแต่โลกนี้และวิทยาศาสตร์  Tongue
วิทยาศาสตร์ มันก็เป็นวิชาความรู้แขนงหนึ่ง แต่ไม่ใช่แก่นแท้ของศาสตร์ในโลกนะครับ ศาสดาของทุกศาสนาบรรลุแก่นแท้ของศาสตร์ รวมถึงวิทยาศาสตร์ด้วย
 wanwan016

ไม่จริงหรอกครับ พระเจ้ามีจริงเหรอ ไม่อยากดราม่านะ แต่จุดประเด็นแบบนี้ไม่รอดแน่ๆตรู Tongue

เอางี้ซิเปลี่ยนเป็นว่า  จะหาวิธิพิสุจน์ว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่ด้วยวิธีการใด  จากนั้นนำวิธีการนั้นไปพิสูจน์เพื่อหาคำตอบโดยไม่ฟันธงหรือตั้งะงไว้ในใจก่อนว่ามีหรือไม่ไว้ล่วงหน้า

เรื่องพระเจ้ามีจริงหรือไม่ ถ้าพิสูจน์ได้ ผมเชื่อ ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ ผมก็ไม่เชื่อ หลักคิดของผมไม่ได้ซับซ้อนเลย
ส่วน บาป บุญ คุณ โทษ นะผมเชื่อ เพราะมันพิสูจน์ได้ชัดเจน แถมไม่ต้องรอโลกหน้า เห็นผลโลกนี้ทั้งนั้นแหล่ะ

ถูกต้องตามที่คุณว่ามาทั้งหมดแล้วผมก็สามารถพิสูจน์สิ่งที่ว่านี้มาได้ด้วยตนเงแล้ว  เริ่มจากบุญบาปพิสูจน์ได้ชัดเจนเป็นระบบ realtime  เกิดขึ้นในใจทันทีเรียกว่าวิบากกรรม

ทำให้ผมไม่กลัวบาปกรรมไงครับ  ถ้าใจกเป็นทุกข์เมื่ไหร่ก็รุ้ทันทีว่าไปทำอะไรมา  แต่ถ้าใจยังปกติสุขอยุ่แสดงว่ายังไม่มีบาปกรรมส่งถึงหรืออีกอย่างเกิดสถานะการที่ผลกรรมที่

ส่งถึงมีผลเป็นอโหสิกรรมหมดแล้ว  ส่วนเรื่องการพิสุจน์เรื่องพระเจ้าผมพิสุจน์มาแล้วด้วยตนเอง  แล้วผมก็ได้คำตอบแล้วว่ามีหรือไม่  เรื่องนี้ต่างคนต่างพิสูจน์ด้วยตนเอง  เหมือน

คนที่ไม่เคยไปกินข้าวร้าน ก.  ย่อมไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์รสชาติอาหารของร้าน ก.  ได้หากยังไม่ได้กินด้วยตนเอง  การพิสุจน์ผลเรื่องการมีอยู่จริงของพระเจ้าก็ใช้ตรรกะ

เดียวกันเช่นกัน

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
ที่ว่าโลกหน้ามีจริงเพราะ...มีเมื่อวาน ก็ต้องมีวันนี้ และต้องมีวันพรุ่งนี้
มีปีที่แล้วก็ต้องมี ปีนี้  และต้องมีปีหน้า

เหตุใด มีโลกนี้ แล้วจึงจะไม่มีโลกหน้า...
บันทึกการเข้า
knight15
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 30
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 391



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #46 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2010, 14:54:19 »

ท่าน tanawat30

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่ท่านเห็น รู้ หรือสัมผัส เป็นเรื่องจริง

คือ ผมมีญาติคนนึงเป็นจิตเภท ตอนนี้ได้รับการรักษาจนดีขึ้นแล้ว ตอนที่เป็นเขาบอกผมว่า เขาได้ยินคนอื่นด่าเขา บางทีนั่งๆอยู่ด้วยกันเขาก้บอกว่า ผมกำลังด่าเขาอยู่ ทั้งๆที่ผมไม่ได้คิดเรื่องเขาเลย ตรงนี้ทำให้ผมทราบว่า ที่เขาได้ยินไม่จริงแน่นอน

เขาเชื่อไปถึงขั้นว่า เขามีหูทิพย์ ผมลองให้พิสูจน์อ่านใจว่าผมคิดอะไร แล้วผมก็ลองคิดในใจท่องคำว่าดอกไม้ นึกถึงดอกไม้ เขาพยายามแล้วก็บอกมาว่า อ่านใจไม่ออก


ท่าน tanawat30 จะเชื่อได้อย่างไรว่าสิ่งที่ท่านรับรู้ สัมผัส ได้ยิน เป็นเรื่องจริง
เคยมีการทดสอบ ผู้ถอดจิต ปรากฏว่าเป็นแค่สภาวะหนึ่ง คล้ายๆกับการรู้สึกตัวในฝันเท่านั้น (ประมาณในหนัง inception )

แม้กระทั่งคนที่เห็นผี อย่างเช่นผมเองก็เคยเห็น ผมยังคิดเลยว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่านั่นเป็นแค่การทำงานผิดปกติของสมอง คล้ายๆกับคนบ้าที่เห็นคนอื่นแล้วพูดคุยกับคนที่เขาเห็น

สิ่งที่มีอาจไม่เห็น แต่สิ่งที่เห็นก้อาจไม่มี
บันทึกการเข้า
dummy
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 46
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 878



ดูรายละเอียด
« ตอบ #47 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2010, 14:59:45 »

คิดถึงหนังสือนิยายวิทยาศาสตร์ ที่ว่าเทพเจ้า และ สัตว์ประหลาด เกิดจากการแปรผันทางพันธุกรรมที่เกิดจากเชื้อจุลินทรีย์ที่เกาะมากะอุกกาบาต แล้วตกใส่โลก
สิ่งมีชีวิตที่อยู่บริวณนั้นได้รับเลยเิกิดการ มิวแต้นท์ ไปในลักษณะต่างๆ จนคนทั่วไปเรียกว่า เทพเจ้า กะ สัตว์ประหลาด


ปล. คอหนังไซไฟ อย่าลืมไปดู skyline นะคะ แล้วมาเม้าท์กัน  wanwan007
บันทึกการเข้า

อยากลองปั่น ลองนี่ โฮสต์ + โดเมนฟรีเดือนแรก เทคนิคการใช้ PM มาเลย...
tanawat30
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 384
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,656



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #48 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2010, 15:25:19 »

ท่าน tanawat30

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่ท่านเห็น รู้ หรือสัมผัส เป็นเรื่องจริง

คือ ผมมีญาติคนนึงเป็นจิตเภท ตอนนี้ได้รับการรักษาจนดีขึ้นแล้ว ตอนที่เป็นเขาบอกผมว่า เขาได้ยินคนอื่นด่าเขา บางทีนั่งๆอยู่ด้วยกันเขาก้บอกว่า ผมกำลังด่าเขาอยู่ ทั้งๆที่ผมไม่ได้คิดเรื่องเขาเลย ตรงนี้ทำให้ผมทราบว่า ที่เขาได้ยินไม่จริงแน่นอน

เขาเชื่อไปถึงขั้นว่า เขามีหูทิพย์ ผมลองให้พิสูจน์อ่านใจว่าผมคิดอะไร แล้วผมก็ลองคิดในใจท่องคำว่าดอกไม้ นึกถึงดอกไม้ เขาพยายามแล้วก็บอกมาว่า อ่านใจไม่ออก


ท่าน tanawat30 จะเชื่อได้อย่างไรว่าสิ่งที่ท่านรับรู้ สัมผัส ได้ยิน เป็นเรื่องจริง
เคยมีการทดสอบ ผู้ถอดจิต ปรากฏว่าเป็นแค่สภาวะหนึ่ง คล้ายๆกับการรู้สึกตัวในฝันเท่านั้น (ประมาณในหนัง inception )

แม้กระทั่งคนที่เห็นผี อย่างเช่นผมเองก็เคยเห็น ผมยังคิดเลยว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่านั่นเป็นแค่การทำงานผิดปกติของสมอง คล้ายๆกับคนบ้าที่เห็นคนอื่นแล้วพูดคุยกับคนที่เขาเห็น

สิ่งที่มีอาจไม่เห็น แต่สิ่งที่เห็นก้อาจไม่มี


ประการแรกต้องพิจารณาถึงคำสอนในหลักพุทธศาสนาเสียก่อน  คำสอนมีอยู่ว่าสิ่งที่รู้เห็นมาทั้งหมดถ้ายังไม่เกิดขึ้นจริงก็อย่าเพิ่งเชื่อ  จาก rep  แรกที่ผมตอบผมรู้ล่วงหน้าว่า

อนาคตผมจะมีเงินไปเล่นหุ้น  ผมรู้ตอนปี 2542  เพราะฝันเห็น  ตั้งแต่ปี 2542  จนถึงปี 2549  ผมไม่เคยเชื่อเลยว่าผมจะได้เล่นหุ้น  จนกระทั่งปี 2550  ตอนตปลายปี

เกิดมีเงินขึ้นมา  ผมก็มีเงินไปเล่นหุ้น  จากนั้นผมก็เชื่อด้วยตนเองว่าสิ่งที่ผมรู้เห็นนั้นเป็นเรื่องจริง  ยังมีอีกอย่างหนึ่งคือการทำสมาธิทำให้รู้ข้อธรรมด้วย  แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า

ข้อะรรมนั้นถูกต้องหรือไม่  ปกติการปฏิบัติะรรมจะต้องทำให้ตนพ้ททุกข์ใช่หรือไม่  ตอนที่ผมยังไม่ปฏิบัติธรรมหรือปฏิบัติธรรมผิดวิธี  ผมก็ยังมีอาการเป็นโรคหัวใจอยุ่สัมผัสได้

เลย  ต่อมาเมื่อผมลงมือปฏิบัติธรรมอย่างถูกวิธีร่างกายผมดีขึ้น  โรคหัวใจที่เคยเป็นก็ค่อย ๆ  หายไป

การรู้ซึ้งในข้อธรรมรวมถึงการมีประสบการณ์จากการปฏิบัติธรรมนั้นอย่างแท้จริงคือหัวใจที่สำคัญ  หากเปรียบเทียบการปฏิบัติธรรมกับการกิน  การปฏิบัติธรรมไม่ง่ายเหมือนการตัก

ผัดซีอิ๊วเข้าปาก  แต่หลายคนอยากให้เป็นแบบงั้นเพราะมันง่ายเห็นแล้วเอาช้อนตักกินได้เลย  แต่การปฏิบัติธรรมจริง ๆ  จะเริ่มต้นจากการซื้อหมุอย่างไรไม่ให้เน่า  ซื้อเส้นอย่างไรไม่ให้

ได้เส้นเก่า  ซื้อผักคะน้าอย่างไรไม่ให้มีสารพิษ  บรรดาหมู  คะน้า  เส้น  ล้วนต้องนำมาผ่านกระบวนการปรุงเสียก่อนจึงจะกินได้  นั่นหมายความว่าการรู้หลักธรมเดี่ยว-ๆ  เช่นมีเส้น

อย่างเดียวก็เรียกว่าผัดซีอิ๊วไม่ได้  ฉะนั้นเมื่อผมจะตอบคุณได้ผมต้องรู้ว่าจะนำหลักธรรมใด ๆ  มารวมกันบ้างเพื่อนำมาตอบหรือนำไปปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย  นี่เป็นอีกเหตุที่ทำให้

คำตอบของผมบางทีรถึงดูแล้วยาว  เพราะต้องเอาหลักธรรมหลาย ๆ  อย่างมาสังเคราะห์เข้าด้วยกันก่อนจะนำออกไปเป็นวิธีการปฏิบัติหรือแก้ไขปัญหานั้น

ท้ายสุดเรื่องของอุปทาน  อุปทานนั้นทำให้เกิดความงมงายขึ้นมา  เพราะความงมงายนั้นคือการเชื่ออะไรง่าย ๆ  โดยไม่พิสูจน์  ทางออกที่ถูกต้องคือไม่ว่ารู้อะไรมาก็ให้เฉย ๆ  ไว้ก่อน

อย่าเดิ่งปักใจเชื่อหรือไม่เชื่อในสิ่งที่รู้มาในทันทีหากยังไม่ได้คำตอบประจักษ์ชัดในใจตนก่อน  เพราะคนที่เชื่อหรือไม่เชื่อไว้ก่อนจะก่อให้เกิดทุกข์ขึ้นในใจตน  ถ้าไม่เชื่อหรือเชื่อไว้

แต่ต้นแล้ว  หากผลพิสุจน์ออกมาตรงกันข้ามก็จะเกิดความขัดแย้งแล้วนำทุกข์มาสุ่ตน  หรือไม่ต้องถึงกับพิสุจน์หรอก  แค่รู้อะไรมาตรงกันข้ามหรือต่างไปจากความรู้เดิมที่ตนรู้มาทั้ง

ชีวิตก็เป็นทุกข์ได้เลย  ความทุกข์ที่เกิดขึ้นเบื้องต้นคือการตั้งเงื่อนไขเพื่อปฏิเสธสิ่งที่รุ้เข้ามาใหม่เพื่อหาทางปฏิเสธในสิ่งที่รู้มาใหม่ ๆ  ด้วยเหตุผลต่าง ๆ  นา ๆ  ท้ายสุดจนแล้วจน

รอดก็ไม่ได้พิสูจน์ผลประจักษ์ในตนเสียที

ผมใช้คำว่าผลประจักษ์ในตน  ฉะนั้นต่างคนต่างพิสุจน์ด้วยตนเอง  ผมก็พิสูจน์ของผมคุณพิสุจน์ของคุณ  ผมกินข้าวร้าน ก.  ผมบอกว่าข้าวร้าน ก.  อร่อย  คุณยังไม่ได้กินข้าวร้าน ก.

จะรู้ได้อย่างไรว่าอร่อยหรือไม่  แต่ถ้าคุณได้กินแล้วก็ต้องมาดุด้วยว่ากินถูกวิธีหรือไม่  เช่นยผมบอกว่าสังขยาอร่อยมาก  ปรากฎว่าคุณเอาพริกไปใส่แล้วก็บอกว่าสังขยาทำไมเผ็ด  ก็

ต้องมาปรับให้วิะีการกินเหมือนกันเสียก่อนแล้วค่อยวัดผล  การปฏิบัติธรมก็เช่นกัน  ถ้าหากยังไม่ปฏิัติมาถึงขั้นนี้ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้เสียทีไงครับ
บันทึกการเข้า

บรรยายวิธีทำสมาธิล้วน ๆ  จ้า ทำสมาธิกันโลด
kongpair
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 333
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,721



ดูรายละเอียด
« ตอบ #49 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2010, 15:31:07 »

เพ้อเจ้อ...!!!

 wanwan004
บันทึกการเข้า
มายองเนสจัง
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 582
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,137



ดูรายละเอียด
« ตอบ #50 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2010, 15:53:19 »

มายองมาเยือน  wanwan019
บันทึกการเข้า
bubbleball
Administrator
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 444
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,695



ดูรายละเอียด
« ตอบ #51 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2010, 16:00:51 »

ล๊อคแล้วครับ










อำเล่น
บันทึกการเข้า

กลุ่มซื้อขายบริการเกี่ยวกับ SEO อื่นๆ โดยตรง
SEO MARKET THAILAND

สงสัยติดต่ออะไรไปทักหาที่ Fair Thailand (ไม่ค่อยอ่านกล่องข้อความที่นี่)

Fair Market Thailand   กลุ่มค้าขายรวมอื่นๆ ในภายหลัง


ปลาทอง
ลายเซนต์สูงไม่เกิน 250px
Moyzier
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 161
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,212



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #52 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2010, 16:13:34 »

ข้อทีควรจำ

1 ตายไปแล้ว ใครเล่าจะได้มีโอกาศกลับมาเล่า
2 คนไม่ตายเขียนเองทั้งนั้น
บันทึกการเข้า

knight15
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 30
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 391



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #53 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2010, 16:16:44 »

อ้างถึง
ประการแรกต้องพิจารณาถึงคำสอนในหลักพุทธศาสนาเสียก่อน  คำสอนมีอยู่ว่าสิ่งที่รู้เห็นมาทั้งหมดถ้ายังไม่เกิดขึ้นจริงก็อย่าเพิ่ง เชื่อ  จาก rep  แรกที่ผมตอบผมรู้ล่วงหน้าว่า

อนาคตผมจะมีเงินไปเล่น หุ้น  ผมรู้ตอนปี 2542  เพราะฝันเห็น  ตั้งแต่ปี 2542  จนถึงปี 2549  ผมไม่เคยเชื่อเลยว่าผมจะได้เล่นหุ้น  จนกระทั่งปี 2550  ตอนตปลายปี

เกิด มีเงินขึ้นมา  ผมก็มีเงินไปเล่นหุ้น  จากนั้นผมก็เชื่อด้วยตนเองว่าสิ่งที่ผมรู้เห็นนั้นเป็นเรื่องจริง  ยังมีอีกอย่างหนึ่งคือการทำสมาธิทำให้รู้ข้อธรรมด้วย  แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า

ข้อะรรมนั้นถูกต้องหรือไม่  ปกติการปฏิบัติะรรมจะต้องทำให้ตนพ้ททุกข์ใช่หรือไม่  ตอนที่ผมยังไม่ปฏิบัติธรรมหรือปฏิบัติธรรมผิดวิธี  ผมก็ยังมีอาการเป็นโรคหัวใจอยุ่สัมผัสได้

เลย  ต่อมาเมื่อผมลงมือปฏิบัติธรรมอย่างถูกวิธีร่างกายผมดีขึ้น  โรคหัวใจที่เคยเป็นก็ค่อย ๆ  หายไป

การ รู้ซึ้งในข้อธรรมรวมถึงการมีประสบการณ์จากการปฏิบัติธรรมนั้นอย่างแท้จริง คือหัวใจที่สำคัญ  หากเปรียบเทียบการปฏิบัติธรรมกับการกิน  การปฏิบัติธรรมไม่ง่ายเหมือนการตัก

ผัดซีอิ๊วเข้าปาก  แต่หลายคนอยากให้เป็นแบบงั้นเพราะมันง่ายเห็นแล้วเอาช้อนตักกินได้เลย  แต่การปฏิบัติธรรมจริง ๆ  จะเริ่มต้นจากการซื้อหมุอย่างไรไม่ให้เน่า  ซื้อเส้นอย่างไรไม่ให้

ได้เส้นเก่า  ซื้อผักคะน้าอย่างไรไม่ให้มีสารพิษ  บรรดาหมู  คะน้า  เส้น  ล้วนต้องนำมาผ่านกระบวนการปรุงเสียก่อนจึงจะกินได้  นั่นหมายความว่าการรู้หลักธรมเดี่ยว-ๆ  เช่นมีเส้น

อย่างเดียวก็ เรียกว่าผัดซีอิ๊วไม่ได้  ฉะนั้นเมื่อผมจะตอบคุณได้ผมต้องรู้ว่าจะนำหลักธรรมใด ๆ  มารวมกันบ้างเพื่อนำมาตอบหรือนำไปปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย  นี่เป็นอีกเหตุที่ทำให้

คำตอบของผมบางทีรถึงดูแล้วยาว  เพราะต้องเอาหลักธรรมหลาย ๆ  อย่างมาสังเคราะห์เข้าด้วยกันก่อนจะนำออกไปเป็นวิธีการปฏิบัติหรือแก้ไข ปัญหานั้น

ท้ายสุดเรื่องของอุปทาน  อุปทานนั้นทำให้เกิดความงมงายขึ้นมา  เพราะความงมงายนั้นคือการเชื่ออะไรง่าย ๆ  โดยไม่พิสูจน์  ทางออกที่ถูกต้องคือไม่ว่ารู้อะไรมาก็ให้เฉย ๆ  ไว้ก่อน

อย่าเดิ่ง ปักใจเชื่อหรือไม่เชื่อในสิ่งที่รู้มาในทันทีหากยังไม่ได้คำตอบประจักษ์ชัด ในใจตนก่อน  เพราะคนที่เชื่อหรือไม่เชื่อไว้ก่อนจะก่อให้เกิดทุกข์ขึ้นในใจตน  ถ้าไม่เชื่อหรือเชื่อไว้

แต่ต้นแล้ว  หากผลพิสุจน์ออกมาตรงกันข้ามก็จะเกิดความขัดแย้งแล้วนำทุกข์มาสุ่ตน  หรือไม่ต้องถึงกับพิสุจน์หรอก  แค่รู้อะไรมาตรงกันข้ามหรือต่างไปจากความรู้เดิมที่ตนรู้มาทั้ง

ชีวิต ก็เป็นทุกข์ได้เลย  ความทุกข์ที่เกิดขึ้นเบื้องต้นคือการตั้งเงื่อนไขเพื่อปฏิเสธสิ่งที่รุ้เข้า มาใหม่เพื่อหาทางปฏิเสธในสิ่งที่รู้มาใหม่ ๆ  ด้วยเหตุผลต่าง ๆ  นา ๆ  ท้ายสุดจนแล้วจน

รอดก็ไม่ได้พิสูจน์ผลประจักษ์ในตนเสียที

ผม ใช้คำว่าผลประจักษ์ในตน  ฉะนั้นต่างคนต่างพิสุจน์ด้วยตนเอง  ผมก็พิสูจน์ของผมคุณพิสุจน์ของคุณ  ผมกินข้าวร้าน ก.  ผมบอกว่าข้าวร้าน ก.  อร่อย  คุณยังไม่ได้กินข้าวร้าน ก.

จะรู้ได้อย่างไรว่าอร่อยหรือ ไม่  แต่ถ้าคุณได้กินแล้วก็ต้องมาดุด้วยว่ากินถูกวิธีหรือไม่  เช่นยผมบอกว่าสังขยาอร่อยมาก  ปรากฎว่าคุณเอาพริกไปใส่แล้วก็บอกว่าสังขยาทำไมเผ็ด  ก็

ต้องมาปรับ ให้วิะีการกินเหมือนกันเสียก่อนแล้วค่อยวัดผล  การปฏิบัติธรมก็เช่นกัน  ถ้าหากยังไม่ปฏิัติมาถึงขั้นนี้ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้เสียทีไงครับ


เรื่องเล่นหุ้น แค่ท่านฝันเห็นแล้วท่านปฏิบัติตามนั้น ท่านก็เชื่อแล้วเหรอครับว่า ทุกๆสิ่งทุกเรื่องที่ท่านสัมผัสมามันจริงหมด ผมหมายถึงเรื่องพระศิวะซ่อมร่างท่านที่ไหม้ เรื่องที่ท่านตายไปแล้ว เป็นต้น

ส่วนเรื่องการปฏิบัติธรรมแล้วท่านมีอาการดีขึ้นจากโรคต่างๆ ผมเชื่อครับว่าเป็นอย่างนั้น แต่จากเหตุผลข้อนี้ ทำให้ท่านเชื่อเรื่องพระศิวะเตะวิญญาณท่านขึ้นสวรรค์ด้วยเหรอครับ ผมว่ามันคนละเรื่องกัน

เหมือนกับบางคนที่ไปไหว้พระขอหวย พอฝันไป แล้วนำไปตีเป็นตัวเลข เอาไปซื้อหวยถูก ก็ตัดสินได้แล้วว่าเป็นเพราะอำนาจของพระอย่างนั้นเหรอครับ แต่อีก 20 งวดที่ไปไหว้แล้วซื้อไม่ถูกหละ

ส่วนเรื่องการพิสูจน์ ที่มาเปรียบเทียบกับการกินข้าว ร้าน ก ผมไม่เห็นด้วยครับ เพราะต่อให้กินเหมือนกันทุกอย่าง ก็ไม่จำเป็นต้องอร่อยเหมือนกัน ขนาดพี่น้องที่เกิดตามกันมา ยังไม่ได้ชอบกินอาหารแบบเดียวกัน อย่างคุณบอกสังขยาอร่อยมาก ผมกินสังขยาแบบคุณ ไม่ได้ใส่พริก ผมอาจไม่ได้รู้สึกอร่อยไปด้วยก็เ็ป็นได้

การพิสูจน์ว่าสิ่งที่ท่านสัมผัสมาในทุกเรื่องจริงหรือไม่ ทำได้ไม่ยาก โดยไม่ต้องรอให้คนที่อยากพิสูจน์ปรับตรงกันก่อน เพราะถ้ามันไม่จริงก้จะไม่มีวันที่จะเกิดการพิสูจน์
บันทึกการเข้า
Babybinge
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 139
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120



ดูรายละเอียด
« ตอบ #54 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2010, 16:37:34 »

ว่าแล้วกระทู้นี้ต้องยาวเพราะท่านมัค

ไม่ได้มีประเด็นของเจ้าของกระทู้เลย อุๆๆ


พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า

ความรู้ใดๆในโลกนี้ มีมากมายเหมือนใบไม้ บนต้นไม้ทั่วทั้งป่า

แต่ความรู้ที่จะทำให้มนุษย์หลุดพ้นจากความทุกข์ได้นั้น มีเพียงใบไม้กำมือเดียว


วิทยาศาสตร์เป็นเพียงศาสตร์หนึ่งที่พยายามอธิบายทุกสรรพสิ่งตามหลักเหตุและผล

ซึ่งย่ิอมจะมีเหตุและผลใหม่ๆมาหักล้างเหตุและผลเดิมไม่จบสิ้น

ความรู้ ณ ปัจจุบันที่เชื่อว่าจริง เพราะพิสูจน์แล้ว

วันข้างหน้าอาจจะมีเหตุผลหรือความรู้ใหม่ๆ เกิดขึ้นมาหักล้างได้เสมอๆ


อย่าเถียงกันเลยครับ เสียเวลาเปล่า หมั่นทำความดี อย่าลืมทำบุญ ละเว้นความชั่ว แผ่เมตตาวันละนิด ชีวิตดีขึ้นทุกคนครับ
บันทึกการเข้า
vidsava
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 7
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 216



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #55 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2010, 16:38:25 »

ผมเชื่อว่าเรามีวิญญาณ แต่ผมไม่เชื่อเรื่อง49วันครับ ใส่น้ำมากไป ไม่ทราบใครเขียนหรือเอามาจากไหนครับ จะบอกว่ามั่วมากๆก็เกรงใจ

ศาสนาพุทธไม่มีควา่มเชื่อเรื่อง49วันนะครับ ไปเอามาจากไหนใครโม้ให้ฟังครับ
พุทธจีนก็พูดจำนวนวันที่ต่างกัน
พุทธญี่ปุ่นก็อีกหลายอย่างเลยเพราะมีหลายลัทธิ
ก่อนจะเชื่ออะไร ลองหาข้อมูลหรือศึกษาให้มากๆรอบๆด้านก่อนนะครับ

ส่วนเรื่อง ผู้ตัดสินว่าถูกรึผิดหลังความตายจะไปนรกสวรรค์ ผมว่าอาจจะมีจริง เพราะมีในคำสอนทุกศาสนา และก่อนมีศาสนายุคปัจจุบันก็มีปรากฏในประวัติศาสตร์โบราณทั้งฝังโรมัน อียิปต์ และจีน ถึงแม้จะเรียกต่างกัน แต่มีการกล่าวถึงผู้พิพากษาหรือผู้ตัดสินในโลกหลังความตายเหมือนๆกันอย่างน่าแปลกใจ
ส่วนรายละเอียดนั้นแตกต่างกันมากครับ เช่นคริสต์-อิสลาม-ยิวบอกรอวันสินโลกค่อยพิพากษาพร้อมๆกันส่วนฝั่งโรมันเมื่อประมาณ2500ปีที่แล้วพบบันทึกหนึ่งบอกว่ามีการพิพากษาหลังตายเหมือนที่ไทยเชื่อกันมา

สงสัยไหมครับว่าทำไม คนละศาสนากันคนละมุมโลก แต่ดันมีบ้างสิ่งที่เหมือนกัน เช่นบัลลังก์พิพากษา คำอธิบายเกี่ยวกับผี ผมลองศึกษาวิจัยเยอะๆแล้วทำให้ผมพบเรื่องที่น่ากลัวว่า
บางอย่างน่าเชื่อมากๆกรณีคนที่ตายแล้วฟื้นและระลึกชาติ กลับพูดเหมือนๆกันทั้งๆที่เป็นคนละศาสนาและคนละมุมโลกกันด้วย อันนี้ทั้งแปลก น่ากลัวและน่าสนใจมากๆครับ อยากให้ลองศึกษาดูบันทึกโบราณ หรือแม้แต่คัมภีร์พระไตรปิฎกโดยเฉพาะพระวินัย จะพบคำอธิบายบางอย่างของวินัยที่สงฆ์ต้องปฎิบัติที่เกี่ยวกับเรื่องลึกลับ โลกหลังความตายอยู่หลายที่เลยครับ ลองไปศึกษาดูก่อนครับ ใครสนใจลองpmมาคุยกันได้ครับ

ส่วนเรื่องพระอินทร์นั้นเป็นความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ครับ ศาสนาพุทธได้รับอิทธิพลมาบ้างเพราะพระพุทธเจ้าทรงเป็นพราหมณ์มาก่อน แต่พระอินทร์คงไม่ได้ไปจัดระเบียบสวรรค์ฝั่งคริสต์หรืออื่นๆหรอกนะ


ผมใช้เวลากับการศึกษาเรื่องพวกนี้อยู่นานพอสมควร แต่อาจจะไม่นานมากที่สุด แต่ท้ายที่สุดแล้วผมพบว่า ยังไงคนเราก็ต้องกิน ต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ต่อใครคุณเป็นสงฆ์แล้วคุณก็ต้องฉันท์ หากคนไม่ตักบาตรพระเณรก็ต้องทำฉันท์เอง นึกง่ายๆหมู่บ้านที่โดนน้ำท่วมตอนนี้อย่าว่าแต่คนตักบาตรเลย จะหากินเองยังไม่ได้เลย
ดังนั้นผมจึงต้องกลับมาก้มหน้าก้มตาทำเว็บและอยู่ในบอร์ดนี้อยู่ครับ

เงินนั้นตายไปเอาไปไม่ได้สักแดง แต่เงินสำคัญต่อการใช้ชีวิตบนโลกนี้ครับ
ขอแนะนำให้หาเงินก่อนครับ หากสนใจเรื่องโลกหลังความตายหรือศาสนา ผมว่าเราควรมีเงินสำรองเพียงพอต่อการกินอยู่และเพียงพอต่อเหตุฉุกเฉินต่างๆของครอบครัวเราได้ก่อนครับ หากคิดว่าเงินพอแล้ว คุณจะใช้เวลาศึกษาพวกนี้ให้เอาจริงเอาจังแค่ไหนก็ได้ครับ
แต่ปากท้องของเราและครอบครัวต้องมาก่อน
บันทึกการเข้า
เกรียนก๊อก
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 10
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 435



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #56 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2010, 16:53:58 »

 wanwan017 ที่ผมมาโพสนิไม่ใช่อยากให้คนคลิกรายเซ็นต์ผมเลย

แค่อยากให้รู้ว่าบาปบุญมีจริงเ่ท่านั้นเอง

อยู่ที่จิตใจของคุณทั้งนั้น!

ใครที่กำลังคิดทำเรวอยู่รีบแก้ความคิดเรวๆ ออกซะ  Cry
บันทึกการเข้า

กลับมาครั้งนี้เพื่อให้ดูรูปที่ รูปกวนตีนมากๆ
tanawat30
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 384
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,656



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #57 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2010, 16:54:51 »

อ้างถึง
ประการแรกต้องพิจารณาถึงคำสอนในหลักพุทธศาสนาเสียก่อน  คำสอนมีอยู่ว่าสิ่งที่รู้เห็นมาทั้งหมดถ้ายังไม่เกิดขึ้นจริงก็อย่าเพิ่ง เชื่อ  จาก rep  แรกที่ผมตอบผมรู้ล่วงหน้าว่า

อนาคตผมจะมีเงินไปเล่น หุ้น  ผมรู้ตอนปี 2542  เพราะฝันเห็น  ตั้งแต่ปี 2542  จนถึงปี 2549  ผมไม่เคยเชื่อเลยว่าผมจะได้เล่นหุ้น  จนกระทั่งปี 2550  ตอนตปลายปี

เกิด มีเงินขึ้นมา  ผมก็มีเงินไปเล่นหุ้น  จากนั้นผมก็เชื่อด้วยตนเองว่าสิ่งที่ผมรู้เห็นนั้นเป็นเรื่องจริง  ยังมีอีกอย่างหนึ่งคือการทำสมาธิทำให้รู้ข้อธรรมด้วย  แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า

ข้อะรรมนั้นถูกต้องหรือไม่  ปกติการปฏิบัติะรรมจะต้องทำให้ตนพ้ททุกข์ใช่หรือไม่  ตอนที่ผมยังไม่ปฏิบัติธรรมหรือปฏิบัติธรรมผิดวิธี  ผมก็ยังมีอาการเป็นโรคหัวใจอยุ่สัมผัสได้

เลย  ต่อมาเมื่อผมลงมือปฏิบัติธรรมอย่างถูกวิธีร่างกายผมดีขึ้น  โรคหัวใจที่เคยเป็นก็ค่อย ๆ  หายไป

การ รู้ซึ้งในข้อธรรมรวมถึงการมีประสบการณ์จากการปฏิบัติธรรมนั้นอย่างแท้จริง คือหัวใจที่สำคัญ  หากเปรียบเทียบการปฏิบัติธรรมกับการกิน  การปฏิบัติธรรมไม่ง่ายเหมือนการตัก

ผัดซีอิ๊วเข้าปาก  แต่หลายคนอยากให้เป็นแบบงั้นเพราะมันง่ายเห็นแล้วเอาช้อนตักกินได้เลย  แต่การปฏิบัติธรรมจริง ๆ  จะเริ่มต้นจากการซื้อหมุอย่างไรไม่ให้เน่า  ซื้อเส้นอย่างไรไม่ให้

ได้เส้นเก่า  ซื้อผักคะน้าอย่างไรไม่ให้มีสารพิษ  บรรดาหมู  คะน้า  เส้น  ล้วนต้องนำมาผ่านกระบวนการปรุงเสียก่อนจึงจะกินได้  นั่นหมายความว่าการรู้หลักธรมเดี่ยว-ๆ  เช่นมีเส้น

อย่างเดียวก็ เรียกว่าผัดซีอิ๊วไม่ได้  ฉะนั้นเมื่อผมจะตอบคุณได้ผมต้องรู้ว่าจะนำหลักธรรมใด ๆ  มารวมกันบ้างเพื่อนำมาตอบหรือนำไปปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย  นี่เป็นอีกเหตุที่ทำให้

คำตอบของผมบางทีรถึงดูแล้วยาว  เพราะต้องเอาหลักธรรมหลาย ๆ  อย่างมาสังเคราะห์เข้าด้วยกันก่อนจะนำออกไปเป็นวิธีการปฏิบัติหรือแก้ไข ปัญหานั้น

ท้ายสุดเรื่องของอุปทาน  อุปทานนั้นทำให้เกิดความงมงายขึ้นมา  เพราะความงมงายนั้นคือการเชื่ออะไรง่าย ๆ  โดยไม่พิสูจน์  ทางออกที่ถูกต้องคือไม่ว่ารู้อะไรมาก็ให้เฉย ๆ  ไว้ก่อน

อย่าเดิ่ง ปักใจเชื่อหรือไม่เชื่อในสิ่งที่รู้มาในทันทีหากยังไม่ได้คำตอบประจักษ์ชัด ในใจตนก่อน  เพราะคนที่เชื่อหรือไม่เชื่อไว้ก่อนจะก่อให้เกิดทุกข์ขึ้นในใจตน  ถ้าไม่เชื่อหรือเชื่อไว้

แต่ต้นแล้ว  หากผลพิสุจน์ออกมาตรงกันข้ามก็จะเกิดความขัดแย้งแล้วนำทุกข์มาสุ่ตน  หรือไม่ต้องถึงกับพิสุจน์หรอก  แค่รู้อะไรมาตรงกันข้ามหรือต่างไปจากความรู้เดิมที่ตนรู้มาทั้ง

ชีวิต ก็เป็นทุกข์ได้เลย  ความทุกข์ที่เกิดขึ้นเบื้องต้นคือการตั้งเงื่อนไขเพื่อปฏิเสธสิ่งที่รุ้เข้า มาใหม่เพื่อหาทางปฏิเสธในสิ่งที่รู้มาใหม่ ๆ  ด้วยเหตุผลต่าง ๆ  นา ๆ  ท้ายสุดจนแล้วจน

รอดก็ไม่ได้พิสูจน์ผลประจักษ์ในตนเสียที

ผม ใช้คำว่าผลประจักษ์ในตน  ฉะนั้นต่างคนต่างพิสุจน์ด้วยตนเอง  ผมก็พิสูจน์ของผมคุณพิสุจน์ของคุณ  ผมกินข้าวร้าน ก.  ผมบอกว่าข้าวร้าน ก.  อร่อย  คุณยังไม่ได้กินข้าวร้าน ก.

จะรู้ได้อย่างไรว่าอร่อยหรือ ไม่  แต่ถ้าคุณได้กินแล้วก็ต้องมาดุด้วยว่ากินถูกวิธีหรือไม่  เช่นยผมบอกว่าสังขยาอร่อยมาก  ปรากฎว่าคุณเอาพริกไปใส่แล้วก็บอกว่าสังขยาทำไมเผ็ด  ก็

ต้องมาปรับ ให้วิะีการกินเหมือนกันเสียก่อนแล้วค่อยวัดผล  การปฏิบัติธรมก็เช่นกัน  ถ้าหากยังไม่ปฏิัติมาถึงขั้นนี้ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้เสียทีไงครับ


เรื่องเล่นหุ้น แค่ท่านฝันเห็นแล้วท่านปฏิบัติตามนั้น ท่านก็เชื่อแล้วเหรอครับว่า ทุกๆสิ่งทุกเรื่องที่ท่านสัมผัสมามันจริงหมด ผมหมายถึงเรื่องพระศิวะซ่อมร่างท่านที่ไหม้ เรื่องที่ท่านตายไปแล้ว เป็นต้น

ส่วนเรื่องการปฏิบัติธรรมแล้วท่านมีอาการดีขึ้นจากโรคต่างๆ ผมเชื่อครับว่าเป็นอย่างนั้น แต่จากเหตุผลข้อนี้ ทำให้ท่านเชื่อเรื่องพระศิวะเตะวิญญาณท่านขึ้นสวรรค์ด้วยเหรอครับ ผมว่ามันคนละเรื่องกัน

เหมือนกับบางคนที่ไปไหว้พระขอหวย พอฝันไป แล้วนำไปตีเป็นตัวเลข เอาไปซื้อหวยถูก ก็ตัดสินได้แล้วว่าเป็นเพราะอำนาจของพระอย่างนั้นเหรอครับ แต่อีก 20 งวดที่ไปไหว้แล้วซื้อไม่ถูกหละ

ส่วนเรื่องการพิสูจน์ ที่มาเปรียบเทียบกับการกินข้าว ร้าน ก ผมไม่เห็นด้วยครับ เพราะต่อให้กินเหมือนกันทุกอย่าง ก็ไม่จำเป็นต้องอร่อยเหมือนกัน ขนาดพี่น้องที่เกิดตามกันมา ยังไม่ได้ชอบกินอาหารแบบเดียวกัน อย่างคุณบอกสังขยาอร่อยมาก ผมกินสังขยาแบบคุณ ไม่ได้ใส่พริก ผมอาจไม่ได้รู้สึกอร่อยไปด้วยก็เ็ป็นได้

การพิสูจน์ว่าสิ่งที่ท่านสัมผัสมาในทุกเรื่องจริงหรือไม่ ทำได้ไม่ยาก โดยไม่ต้องรอให้คนที่อยากพิสูจน์ปรับตรงกันก่อน เพราะถ้ามันไม่จริงก้จะไม่มีวันที่จะเกิดการพิสูจน์


เรื่องพระศิวะพาขึ้นสวรรค์นั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงตอนที่จิตผมอยู่นอกร่าง  มันก็ต้องเชื่อครับเพราะผมมีอีกร่างหนึ่งนอนเละอยู่บนที่นอนอีกร่างหนึ่ง  ส่วนเรื่องการมีเงินเล่นหุ้นก็

เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในขณะที่จิตอยุ่ในร่างแล้ว  เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นคนละเวลาและคนละลักษณะ  คือตอนหนึ่งเกิดตอนที่อยุ่นอกร่างแต่อีกตอนหนึ่งเกิดขึ้นในร่าง  แล้วผมก็เชื่อ

เฉพาะที่เกิดขึ้นเท่านั้น  แล้วตรรกะการเล่นหุ้นกับการซื้อหวยถูกนี่มันคนละตรรกะกันเพราะเรื่องการซื้อหวยถูกนี่เป็นเรื่องที่ตนเองต้องมีบุญเก่าอยุ่แล้ว  ส่วนเรื่องการเล่นหุ้นเป็น

เรื่องที่เกิดขึ้นในอนาคต  แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นเฉพาะเรื่อง  ไม่สามารถเหมาได้ว่้าถูกหนึ่งเรื่องใช้ได้กับทุกเรื่องทั้งหมดที่เหลือ  มันต้องเป็นกรณีต่อกรณีเท่านั้น  

กรณีไหนมาถึงก็พิสุจน์ได้ตามนั้นกรณีไหนยังมาไม่ถึงก็รอไปก่อน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 พฤศจิกายน 2010, 17:02:09 โดย tanawat30 » บันทึกการเข้า

บรรยายวิธีทำสมาธิล้วน ๆ  จ้า ทำสมาธิกันโลด
เกรียนก๊อก
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 10
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 435



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #58 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2010, 16:57:50 »



เรื่องพระศิวะพาขึ้นสวรรค์นั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงตอนที่จิตผมอยู่นอกร่าง  มันก็ต้องเชื่อครับเพราะผมมีอีกร่างหนึ่งนอนเละอยู่บนที่นอนอีกร่างหนึ่ง  ส่วนเรื่องการมีเงินเล่นหุ้นก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในขณะที่จิตอยุ่ในร่างแล้ว

เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นคนละเวลาและคนละลักษณะ  คือตอนหนึ่งเกิดตอนที่อยุ่นอกร่างแต่อีกตอนหนึ่งเกิดขึ้นในร่าง  แล้วผมก็เชื่อเฉพาะที่เกิดขึ้นเท่านั้น  แล้วตรรกะการเล่นหุ้นกับการซื้อหวยถูกนี่มันคนละตรรกะกัน

เพราะเรื่องการซื้อหวยถูกนี่เป็นเรื่องที่ตนเองต้องมีบุญเก่าอยุ่แล้ว  ส่วนเรื่องการเล่นหุ้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอนาคต  แล้วต้องใช้กับทุกเรื่องไม่สามารถเหมาได้ว่้าถูกหนึ่งเรื่องใช้ได้กับทุกเรื่องทั้งหมดที่เหลือ  มันต้อง

เป็นกรณีต่อกรณีเท่านั้น  กรณีไหนมาถึงก็พิสุจน์ได้ตามนั้น  กรณีไหนยังมาไม่ถึงก็รอไปก่อน
[/quote]

 wanwan016 ผมก็เคยนะฝันบอกเหตุเดี่ยวค่อยเล่าแล้วกันถ้าอยากฟัง ผมจะลองจำแล้วเขียนเล่าให้ฟังครับ  Tongue
บันทึกการเข้า

กลับมาครั้งนี้เพื่อให้ดูรูปที่ รูปกวนตีนมากๆ
nu_eng
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 55
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,118



ดูรายละเอียด
« ตอบ #59 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2010, 16:59:53 »

สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ กระทู้เรียกเทพชัด ๆ  Tongue

มาจริงๆ
 Tongue

กะแล้วต้องมา  Lips Sealed
บันทึกการเข้า

"แล้วก็จะมีประโยชน์อะไรที่จะทะนงตัวว่าชนะ เวลาอยู่บนกองซากปรักหักพัง" พระราชดำรัส พฤษภาคม ๒๕๓๕
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 15   ขึ้นบน
พิมพ์