ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: 10 สิ่งประดิษฐ์ที่สมควรมีในอนาคต  (อ่าน 4606 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
kitdee
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 305
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,162



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 07 กันยายน 2010, 10:13:14 »



อันดับที่ 10   
Interstellar Travel

 
มนุษย์ มีความกระหายและกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้จากดินแดนใหม่ๆ มาเป็นเวลานาน ภายหลังจากที่มนุษย์คิดค้นจรวดได้ เป็นแรงปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่จะส่ง ยานอวกาศ ไปพร้อมกับจรวดเพื่อสำรวจดินแดนอันกว้างใหญ่ในอวกาศ จวบจนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน แต่ ก็มีปัญหาก็คือเชื้อเพลิงที่ต้องใช้อย่างมหาศาลและระยะทางมหาศาลที่มีหน่วย วัดเป็นปีแสง มีวิธีไหนที่เราสามารถการเดินทางระหว่างดวงดาวได้ง่ายๆ บ้างหนอ สังเกต ไหมครับว่าทำไมมนุษย์ต่างดาวถึงมายังโลกได้ ทั้งๆ ที่มีโลกมีระยะทางไกลหลายหมื่นปีแสดง ก็เพราะยานของพวกเขาต้องมีระบบอะไรสักอย่างในการย่นระยะทางการเดินทางแน่นอน หากเรารู้เทคโนโลยีนี้เราสามารถเดินทางไปดวงดาวไหนๆ ก็ได้ในจักรวาล โดยแนวคิดนี้ปรากฏอยู่ในนิยายวิทยาศาสตร์มานานแล้ว ปัจจุบันดูเหมือนว่า NASA จะพยายามทดลองโครงการการขับเคลื่อนเช่นนี้อยู่ และบางทีมันอาจเป็นไปได้ในอนาคต

อันดับที่ 9
Terraforming
 
มี ความหมายว่า การเปลี่ยนสภาพของดาวเคราะห์(Terraform) กระบวนการสมมุติที่ให้ดาวที่แห้งแล้ง มีบรรยากาศเบาบาง มีความเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา การเปลี่ยนแปลงสภาพภายในดาว จนเกือบปราศจากสนามแม่เหล็ก(และรังสีต่างๆจากดวงอาทิตย์ ชการปรับเปลี่ยนบรรยากาศ, อุณหภูมิ, พื้นผิว และนิเวศวิทยาให้ดวงดาวนั้นมีลักษณะคล้ายโลก ที่เราสามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้ เช่นดวงอังคารที่มีโครงการมายาวนานแล้วว่าสักวันเราจะสามารถอพยพไปอยู่ที่ นั้นได้เหมือนกับอยู่บนโลก โดยแนวคิดนี้เป็นขององค์การนาซา ที่เริ่มมีโครงการจะไปเริ่มสร้างเมืองในอวกาศ โดยเลือกพื้นที่ดาวอังคาร เพราะมีสภาพเหมือนกับโลก ขณะที่ดาวดวงอื่นเต็มไปด้วยอากาศพิษ ดาวพุธอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์เกินไป ดาวพฤหัสฯ มีสภาพเป็นกรด ดาวอังคารแม้อากาศหนาวและมีสภาพไร้น้ำหนัก แต่มนุษย์อยู่ได้ด้วยการไปสร้างเมืองกระจกทำให้มีแรงโน้มถ่วงเหมือนกับอยู่ บนโลกได้ ในเบื้องต้นจะส่งคนออกไปสร้างอุตสาหกรรมในอวกาศ ใช้วัตถุดิบจากดวงจันทร์ของดาวอังคาร ซึ่งมีอยู่ 2 ดวง จะมีสารทุกอย่างที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก ยิปซัม แร่ธาตุต่างๆ และการขนย้ายแร่ธาตุเหล่านี้จะเป็นไปโดยง่ายบนสภาพไร้น้ำหนัก และองค์การนาซาวางแผนไว้ปี ค.ศ. 2020 มนุษย์จะลงไปบนดาวอังคารเป็นครั้งแรก 

อันดับที่ 8
Space Elevator
 

แนว คิดเรื่องลิฟต์อวกาศ ถูกเสนอขึ้นครั้งแรกโดยผู้เชี่ยวชาญด้านอวกาศ และจรวดขับดัน ชาวรัสเซีย ชื่อ คอนสแตนติน โซลคอฟสกี (Constantin Tsiolkovsky, ค.ศ. 1857 - 1935) ได้เขียนบทความชื่อ "Daydream about the Earth and the Heaven" (ฝันกลางวันเกี่ยวกับโลกและสวรรค์) ในปี 1985 กล่าวถึง "หอคอยสูงเสียดฟ้าจากผิวโลกถึงอวกาศ” จากนั้นเป็นต้นมาก็มีหลายคนวางโครงการที่ยิ่งใหญ่โดยพยายามสร้างทางเชื่อม โลกกับดวงดาวต่างๆ ไว้มีวัตถุประสงค์เคลื่อนย้ายคนและสิ่งของจากพื้นผิวโลกขึ้นไปในอวกาศ รูปแบบที่มีการนำเสนอมักเป็นโครงสร้าง โดยสร้างต่อเนื่องจากผิวโลก ขึ้นไปยังวงโคจรค้างฟ้า และสร้างต่อเนื่องออกไป โดยมีตุ้มน้ำหนักถ่วงที่ปลายอีกด้านหนึ่ง วัสดุที่มีการเสนอให้ใช้ มีลักษณะเป็นเคเบิล หรือแถบรับน้ำหนัก ที่สามารถรับกำลังได้สูง โดยทำเลที่ตั้งโครงสร้างจะอยู่บริเวณแถบเส้นศูนย์สูตร แนวคิดเรื่องลิฟต์อวกาศมีเค้าลางแห่งความเป็นจริงมากขึ้นเมื่อ นาซ่า ได้ให้ความสนใจโครงการดังกล่าวอย่างจริงจังและได้นำแนวคิดดังกล่าวเข้าร่วม พิจารณาในปี คศ.1999 ทั้งได้มีการทดลองเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของ "ลิฟต์อวกาศ" หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า Geostationary Orbiting Tether "Space Elevator" โดยได้ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์การบินอวกาศมาร์แชล เมืองฮันสวิลล์ รัฐอลาบามา ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งนาซ่าจัดให้มีการวิจัยในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น การศึกษาวิจัยความเป็นไปได้จริงของลิฟต์อวกาศมีมากน้อยเพียงใด การวิจัยและพัฒนาหาวัสดุเหมาะสมสำหรับใช้เป็นสายเคเบิลของลิฟต์อวกาศ การทดลองขั้นต้นเกี่ยวกับลิฟต์อวกาศโดยยานขนส่งอวกาศโดยได้ทดลองปล่อยสายเค เบิ้ลหลายกิโลเมตรเป็นจำนวนหลายครั้ง โครงสร้างของลิฟต์อวกาศ ระบบขับเคลื่อน รวมทั้งเรื่องผลตอบแทนทางด้านเศรษฐศาสตร์

อันดับที่ 7
Force field
 

สนาม พลังงาน, บาเรีย, เกราะพลังงาน เกราะบาเรีย โล่มหัศจรรย์ ที่เราพบเห็นในหนังนิยายไซไฟแหละครับ เคยเห็นไหมจำพวกสงครามอวกาศที่ปล่อยพลังงานโดยใช้อนุภาคอะไรสักอย่างป้องกัน อาวุธหรืออุกาบาตต่างๆ ไม่ให้เข้ามาทำอันตราย ยาน, ดวงดาวได้ มันคงดีไม่น้อยหากเรามีเทคโนโลยีชนิดนี้ เพราะหากมีโลกเราก็จะปลอดภัยเรื่องอุกาบาตรชนโลก ยานอวกาศสามารถป้องกันชั้นบรรยากาศก็ได้ สหรัฐก็ไม่ต้องกลัวนิวเคลียร์เกาหลีเหนือโจมตีประเทศของตน ป้องกันน้ำท่วม ป้องกันเมียที่เห็นเราเจ้าชู้เอาปืนมายิง ทุกอย่างป้องกันด้วยบาเรีย รู้สึกว่าเทคโนโลยีเป็นจริงอีกครั้งเมื่อมหาลัยกลุ่มวอชิงตันพยายามทดสอบโดย ใช้ม่านพลาสม่าห่อหุ้มยานอวกาศ เพื่อใช้ป้องกันรังสีจากดวงดาวและอนุภาคบางอย่างเวลาท่องอวกาศ เช่นเดียวกับคนงานในโรงไฟฟ้า 3M ในมลรัฐเซาท์แคโรไลนา ในเดือนสิงหาคม 1980 ได้พบผนังไฟฟ้าสถิตมองไม่เห็นในพื้นที่หนึ่งในแผ่นฟิล์มพอลิโพรไพลีนซึ่งบาง ทีมันอาจสามารถดัดแปลงเป็นบาเรียในอนาคตก็เป็นไปได้

อันดับที่ 6
Panacea (medicine)
 

ยา แก้สารพัดโลก(ภาษาอังกฤษตั้งชื่อตามเทพธิดาแห่งการรักษาของกรีก)แน่นอนว่า เทคโนโ,ยีสำคัญต่อชีวิตเราแน่นอน ต่อไปนี้เราก็ไม่ต้องกลัวโรคร้ายที่รักษาไม่หายอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็น เอดส์, มะเร็ง, ไวรัสทุกอย่าง อีกทั้งยังมีสรรพคุณในการยืดอายุอีก เรียกได้ว่าครอบจักรวาลเลย และความคิดเหล่านี้กำลังเป็นจริงเมื่อความก้าวหน้าทางการแพทย์ โดยพวกเขากำลังศึกษายีนพันธุกกรมและสิ่งแวดล้อมที่ ในการสร้างระบบภูมิคุ้มกันเพื่อให้มนุษย์มีอายุยืนยาวขึ้นในยุคปัจจุบัน

อันดับที่ 5
Anti-Gravity
 

พลังงาน ต้านแรงโน้มถ่วง มันเป็นแนวคิดในการสร้างสถานที่หรือวัตถุที่เป็นอิสระจากแรงโน้มถ่วงของโลก 8คือแรงโน้มถ่วงของโลกจะไม่แสดงหรือไม่สามารถใช้ได้กับสถานที่หรือวัตถุ เหล่านั้น พลังงานต้านแรงโน้มถ่วงนั้นไม่ใช่ของใหม่ มนุษย์เราใฝ่ฝันถึงเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว ทั้งในนิยายวิทยาศาสตร์และโลกของวิชาการ สำหรับในประวัติศาสตร์ของฟิสิกส์นั้น ความคิดเกี่ยวกับ Anti-Gravity ที่สำคัญที่สุด ได้ถูกประดิษฐ์เมื่อต้นศตวรรษที่ 20 โดยนักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่แล้ว ซึ่งในเวลานั้นเป็นเพียงแค่เสมียนธรรมดาๆคนหนึ่งในสำนำงานจดลิขสิทธิ์ เขาผู้นั้นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นั่นเอง และต่อมาก็มีการพัฒนาเรื่องนี้หลายโครงการและบางทีมันอาจจะเป็นจริงในอนาคต ก็ได้ 

อันดับที่ 4
Bionics
 

Bionics หมายถึงการพัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะที่เลียนแบบการปรับตัวทางชีวิภาพในสิ่งแวด ล้อม เช่นเรือดำน้ำผิวเหมือนปลาโลมา, ภาพอัลตราซาวด์เลียนแบบคลื่นความถี่ของค้างคาว นอกจากนี้คำนี้ยังหมายถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มประสิทธิภาพร่างกายหรืออวัยวะ ของมนุษย์ให้เข้ากับเครื่องจักร เช่น หัวใจเทียม, ประสาทหูเทียม เลนส์ตา ฯลฯ แนวความคิดที่จะจับเอาบางส่วนของหุ่นยนต์มาใส่ให้แก่คนที่มีสมรรถนะร่างกาย ต่ำกว่าคนปกติ เช่น แขนเทียม ขาเทียม ไปจนถึงมือเทียม ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวางจากทั้งผู้วิจัยและพัฒนา และผู้ใช้ทั่วโลก ในปี ค.ศ. 2006 โลกได้กำเนิดมนุษย์กึ่งหุ่นยนต์ทั้งเพศชายและเพศหญิงเป็นครั้งแรก ทั้งคู่ได้สูญเสียแขนจากอุบัติเหตุ คลาวเดีย มิทเชล (Claudia Mitchell) เล่าว่าในช่วงแรกที่เธอกลับมาใช้ชีวิตที่มีแขนข้างเดียว เวลาจะรับประทานกล้วย เธอต้องเอาเท้าทั้งสองจับกล้วยแล้วใช้มือขวาที่เหลืออยู่ปอกกล้วย “การปอกกล้วยเข้าปากไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างที่เคยคิด” ถึงแม้ในที่สุดเธอจะยังสามารถทำภารกิจแบบนี้ได้ มันก็มักจะทำให้อารมณ์เธอแปรปรวนทุกครั้ง แต่ตอนนี้เธอเพียงแต่เอาแขนกลมาอยู่ใกล้ๆ กล้วยแล้วพยายามคิดที่จะจับกล้วย แขนกลนั้นจะตอบสนองคำสั่งจากสมองของเธอด้วยการจับกล้วยลูกนั้น ก่อนที่เธอจะใช้มือจริงของเธอปลอกเปลือกมันออกเพื่อรับประทาน ทหารผ่านศึกพิการจากสงครามในอิรักของสหรัฐอเมริกาจำนวนหลายร้อยคน ต่างก็รอคอยการกลับไปใช้ชีวิตที่ถึงไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียงกับสิ่งที่เคยทำ อยู่เดิม เทคโนโลยี Bionics จักเป็นความหวังให้ผู้พิการทางร่างกายทั่วโลก ได้ใช้ชีวิตเทียบเท่ากับคนธรรมดา

อันดับที่ 3
 
Global Municipal Wi-Fi
 

เครือ ข่ายระบบไร้สายทั่วโลก หรือ Wi-Fi(WLAN = Wireless Local Area Network) เป็นแนวคิดการเปลี่ยนทุกที่ในโลกในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สารให้เป็น แบบบริการสากล โดยใช้โปรแกรมเครือข่ายไร้สาร อุปกรณ์ทุกตัวที่ต่างยี่ห้อกันจะสามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยไม่ประสบ ปัญหา โดยระบบการสื่อสารข้อมูลแบบไร้สารนี้มีความคล่องตัวมาก เพราะใช้การส่งคลื่นความถี่วิทยุในย่านวิทยุ RF และ คลื่นอินฟราเรด ในการรับและส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ผ่านอากาศ ทะลุกำแพง เพดานหรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ โดยปราศจากความต้องการของการเดินสาย อีกทั้งยังสามารถทำงานได้โดยสะดวก ไม่เหมือนระบบ LAN แบบใช้สาย ที่ต้องใช้เวลาและการลงทุนในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งการใช้งานเครื่อง คอมพิวเตอร์ แต่เทคโนโลยีดังกล่าวนั้นอาจไม่สามารถเป็นจริงได้เพราะขาดความเข้าใจกัน ระหว่างบริษัท เอกชน และรัฐบาล ที่ไม่สนับสนุนเท่าใดนัก

อันดับที่ 2
 
Transatlantic tunnel
 

อุโมงค์ ข้ามหมาสมุทรแอตแลนติก เป็นอุโมงค์ของรถไฟฟ้าที่คิดจะสร้างขึ้นเพื่อใช้ข้ามระหว่างทวีปอเมริกา เหนือและทวีปยุโรป โดยรถไฟฟ้านั้นจะใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง 300 ถุง 5000 mph(500 ถึง 8000 km/h) พูดง่ายๆ ก็คือสามารถเดินทางจากนิวยอร์กไปลอนดอนได้โดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง หรือจัดส่งสินค้าต่างประเทศได้อย่างสะดวกสบาย ความเป็นไปได้ของโครงการดังกล่าวนี้ความจริงไม่เกินความสามารถของเรา หากแต่อุปสรรคสำคัญในการสร้างอุโมงค์ดังกล่าวคือค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ประมาณ 12,000,000,000,000 ดอลลาร์(เลขศูนย์ครบทุกตัว)และเทคโนโลยีที่จำเป็นต้องใช้วัสดุอย่างดี พร้อมระยะเวลาในการสร้างที่ยาวนานซึ่งบางทีอาจใช้เวลา 3,000 ปี 

อันดับที่ 1
 
Ocean Colonization
 

หาก วันหนึ่งน้ำท่วมโลกเราจะไปอยู่ที่ไหน คำตอบคือเทคโนโลยี “การสร้างอาณานิคมใต้น้ำ” จะดีขนาดไหนที่เราสามารถสร้างโลกใต้น้ำโดยไม่ต้องกังวลน้ำท่วมได้ Ocean Colonization เป็นทฤษฏีที่มีความคิดว่ามนุษย์น่าจะสามารถสร้างชุมชนถาวรขนาดใหญ่ที่สามารถ จุคนได้เป็นแสคนในโลกใต้ทะเลได้โดยไม่ต้องกลัวเรื่องความกดดันอากาศของน้ำ หรือเรื่องอากาศหายใจ โดยอาณานิคมนั้นใช้พลังงานหมุนเวียน ทำให้เกิดแสงสว่างเสมือนกับหนึ่งโลกข้างบน(ความจริงความหมายนี้รวมไปถึงการ สร้างอาณานิคมที่พื้นน้ำด้วย) แน่นอนว่าเทคโนโลยีนี้ก็ยังคงเป็นทฤษฏีในฝันต่อไปเนื่องจากความเป็นไปได้ต่ำ มาก ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมอารยธรรมและสภาพเศรษฐกิจและสังคมใน อาณานิคม การสร้างสิ่งมีชีวิตที่สามารถปรับตัวกับโลกใต้ทะเล ระบบพลังงานมหาศาล การขนส่งทางทะเล
บันทึกการเข้า

"ชีวิตนี้สั้นนัก, อย่ายึดติดกับกฎเกณฑ์, อภัยให้ไว, รักอย่างแท้จริง, หัวเราะให้เต็มที่ และยิ้มอยู่เสมอ "
chewpong
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 160
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,065



ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 07 กันยายน 2010, 15:12:56 »

อืมม..ชอบ ไทม์แมชีนแฮ่ะ ดูโดเรม่อนบ่อย.. wanwan024
บันทึกการเข้า
เก๋าลัดคุง
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 196
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,906



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 07 กันยายน 2010, 15:20:30 »

 wanwan019
บันทึกการเข้า

soonbiz
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 88
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,099



ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 07 กันยายน 2010, 15:52:27 »

เสียดาย ไม่มี ภาพ ปลากรอบ
บันทึกการเข้า

predatortom
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 8
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 220



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 07 กันยายน 2010, 15:55:39 »

ขอรถบินได้ก็พอแระ  wanwan008
บันทึกการเข้า
mikeyx
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 271
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 07 กันยายน 2010, 16:03:29 »

ตายแล้วเกิดใหม่อีกชัก 2 ชาติก็ได้พบแล้วคิดว่าไม่น่าจะเกิน 500 ปีคนเราคิดได้แน่นอน
บันทึกการเข้า
HeyHaaaaa
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 49
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 527



ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 07 กันยายน 2010, 16:07:36 »

อืมม..ชอบ ไทม์แมชีนแฮ่ะ ดูโดเรม่อนบ่อย.. wanwan024
อืม เนื้อเรื่องโดเรม่อนตอบโจทย์ได้ทั้งหมดแล้ว ตอบมานานแล้ว ^^"
บันทึกการเข้า
aCustiCz
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 164
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,820



ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 07 กันยายน 2010, 16:10:56 »

ถ้ามีจริงๆจะเป็นยังไงน๊อออ
บันทึกการเข้า
pjumpod
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 32
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 851



ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 07 กันยายน 2010, 16:13:53 »

อยากได้ประตูสารพัดสถานที่ กับไทม์แมชชีน
บันทึกการเข้า

googbot
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 14
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 237



ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 07 กันยายน 2010, 16:17:25 »

ขอรถบินได้ก็พอแระ  wanwan008
รถบินได้  Shocked ชนกันจะทำไงหว่า
บันทึกการเข้า

ถ้าเดินตามรอยเท้าคนอื่น แล้วเมื่อไหร่จะมีรอยเท้าเป็นของตัวเอง !
ฉันไม่ได้พูดง่ายๆกับใคร ฉันใช้คำนี้กับคนที่รัก ฉันพูดว่ารักออกมาจากหัวใจ
การให้ที่ดี คือการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
protun
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 44
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,202



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 07 กันยายน 2010, 17:02:01 »

ตายแล้วเกิดใหม่อีกชัก 2 ชาติก็ได้พบแล้วคิดว่าไม่น่าจะเกิน 500 ปีคนเราคิดได้แน่นอน

ก็น่าจะทำได้ ถ้าไม่ทำลายกันเองซะก่อน
บันทึกการเข้า

thaizeal
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 120
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,202



ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: 07 กันยายน 2010, 17:02:46 »


อันดับที่ 10  
Interstellar Travel

 
มนุษย์ มีความกระหายและกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้จากดินแดนใหม่ๆ มาเป็นเวลานาน ภายหลังจากที่มนุษย์คิดค้นจรวดได้ เป็นแรงปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่จะส่ง ยานอวกาศ ไปพร้อมกับจรวดเพื่อสำรวจดินแดนอันกว้างใหญ่ในอวกาศ จวบจนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน แต่ ก็มีปัญหาก็คือเชื้อเพลิงที่ต้องใช้อย่างมหาศาลและระยะทางมหาศาลที่มีหน่วย วัดเป็นปีแสง มีวิธีไหนที่เราสามารถการเดินทางระหว่างดวงดาวได้ง่ายๆ บ้างหนอ สังเกต ไหมครับว่าทำไมมนุษย์ต่างดาวถึงมายังโลกได้ ทั้งๆ ที่มีโลกมีระยะทางไกลหลายหมื่นปีแสดง ก็เพราะยานของพวกเขาต้องมีระบบอะไรสักอย่างในการย่นระยะทางการเดินทางแน่นอน หากเรารู้เทคโนโลยีนี้เราสามารถเดินทางไปดวงดาวไหนๆ ก็ได้ในจักรวาล โดยแนวคิดนี้ปรากฏอยู่ในนิยายวิทยาศาสตร์มานานแล้ว ปัจจุบันดูเหมือนว่า NASA จะพยายามทดลองโครงการการขับเคลื่อนเช่นนี้อยู่ และบางทีมันอาจเป็นไปได้ในอนาคต

อันดับที่ 9
Terraforming
 

มี ความหมายว่า การเปลี่ยนสภาพของดาวเคราะห์(Terraform) กระบวนการสมมุติที่ให้ดาวที่แห้งแล้ง มีบรรยากาศเบาบาง มีความเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา การเปลี่ยนแปลงสภาพภายในดาว จนเกือบปราศจากสนามแม่เหล็ก(และรังสีต่างๆจากดวงอาทิตย์ ชการปรับเปลี่ยนบรรยากาศ, อุณหภูมิ, พื้นผิว และนิเวศวิทยาให้ดวงดาวนั้นมีลักษณะคล้ายโลก ที่เราสามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้ เช่นดวงอังคารที่มีโครงการมายาวนานแล้วว่าสักวันเราจะสามารถอพยพไปอยู่ที่ นั้นได้เหมือนกับอยู่บนโลก โดยแนวคิดนี้เป็นขององค์การนาซา ที่เริ่มมีโครงการจะไปเริ่มสร้างเมืองในอวกาศ โดยเลือกพื้นที่ดาวอังคาร เพราะมีสภาพเหมือนกับโลก ขณะที่ดาวดวงอื่นเต็มไปด้วยอากาศพิษ ดาวพุธอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์เกินไป ดาวพฤหัสฯ มีสภาพเป็นกรด ดาวอังคารแม้อากาศหนาวและมีสภาพไร้น้ำหนัก แต่มนุษย์อยู่ได้ด้วยการไปสร้างเมืองกระจกทำให้มีแรงโน้มถ่วงเหมือนกับอยู่ บนโลกได้ ในเบื้องต้นจะส่งคนออกไปสร้างอุตสาหกรรมในอวกาศ ใช้วัตถุดิบจากดวงจันทร์ของดาวอังคาร ซึ่งมีอยู่ 2 ดวง จะมีสารทุกอย่างที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก ยิปซัม แร่ธาตุต่างๆ และการขนย้ายแร่ธาตุเหล่านี้จะเป็นไปโดยง่ายบนสภาพไร้น้ำหนัก และองค์การนาซาวางแผนไว้ปี ค.ศ. 2020 มนุษย์จะลงไปบนดาวอังคารเป็นครั้งแรก  

อันดับที่ 8
Space Elevator


แนว คิดเรื่องลิฟต์อวกาศ ถูกเสนอขึ้นครั้งแรกโดยผู้เชี่ยวชาญด้านอวกาศ และจรวดขับดัน ชาวรัสเซีย ชื่อ คอนสแตนติน โซลคอฟสกี (Constantin Tsiolkovsky, ค.ศ. 1857 - 1935) ได้เขียนบทความชื่อ "Daydream about the Earth and the Heaven" (ฝันกลางวันเกี่ยวกับโลกและสวรรค์) ในปี 1985 กล่าวถึง "หอคอยสูงเสียดฟ้าจากผิวโลกถึงอวกาศ” จากนั้นเป็นต้นมาก็มีหลายคนวางโครงการที่ยิ่งใหญ่โดยพยายามสร้างทางเชื่อม โลกกับดวงดาวต่างๆ ไว้มีวัตถุประสงค์เคลื่อนย้ายคนและสิ่งของจากพื้นผิวโลกขึ้นไปในอวกาศ รูปแบบที่มีการนำเสนอมักเป็นโครงสร้าง โดยสร้างต่อเนื่องจากผิวโลก ขึ้นไปยังวงโคจรค้างฟ้า และสร้างต่อเนื่องออกไป โดยมีตุ้มน้ำหนักถ่วงที่ปลายอีกด้านหนึ่ง วัสดุที่มีการเสนอให้ใช้ มีลักษณะเป็นเคเบิล หรือแถบรับน้ำหนัก ที่สามารถรับกำลังได้สูง โดยทำเลที่ตั้งโครงสร้างจะอยู่บริเวณแถบเส้นศูนย์สูตร แนวคิดเรื่องลิฟต์อวกาศมีเค้าลางแห่งความเป็นจริงมากขึ้นเมื่อ นาซ่า ได้ให้ความสนใจโครงการดังกล่าวอย่างจริงจังและได้นำแนวคิดดังกล่าวเข้าร่วม พิจารณาในปี คศ.1999 ทั้งได้มีการทดลองเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของ "ลิฟต์อวกาศ" หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า Geostationary Orbiting Tether "Space Elevator" โดยได้ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์การบินอวกาศมาร์แชล เมืองฮันสวิลล์ รัฐอลาบามา ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งนาซ่าจัดให้มีการวิจัยในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น การศึกษาวิจัยความเป็นไปได้จริงของลิฟต์อวกาศมีมากน้อยเพียงใด การวิจัยและพัฒนาหาวัสดุเหมาะสมสำหรับใช้เป็นสายเคเบิลของลิฟต์อวกาศ การทดลองขั้นต้นเกี่ยวกับลิฟต์อวกาศโดยยานขนส่งอวกาศโดยได้ทดลองปล่อยสายเค เบิ้ลหลายกิโลเมตรเป็นจำนวนหลายครั้ง โครงสร้างของลิฟต์อวกาศ ระบบขับเคลื่อน รวมทั้งเรื่องผลตอบแทนทางด้านเศรษฐศาสตร์

อันดับที่ 7
Force field
 

สนาม พลังงาน, บาเรีย, เกราะพลังงาน เกราะบาเรีย โล่มหัศจรรย์ ที่เราพบเห็นในหนังนิยายไซไฟแหละครับ เคยเห็นไหมจำพวกสงครามอวกาศที่ปล่อยพลังงานโดยใช้อนุภาคอะไรสักอย่างป้องกัน อาวุธหรืออุกาบาตต่างๆ ไม่ให้เข้ามาทำอันตราย ยาน, ดวงดาวได้ มันคงดีไม่น้อยหากเรามีเทคโนโลยีชนิดนี้ เพราะหากมีโลกเราก็จะปลอดภัยเรื่องอุกาบาตรชนโลก ยานอวกาศสามารถป้องกันชั้นบรรยากาศก็ได้ สหรัฐก็ไม่ต้องกลัวนิวเคลียร์เกาหลีเหนือโจมตีประเทศของตน ป้องกันน้ำท่วม ป้องกันเมียที่เห็นเราเจ้าชู้เอาปืนมายิง ทุกอย่างป้องกันด้วยบาเรีย รู้สึกว่าเทคโนโลยีเป็นจริงอีกครั้งเมื่อมหาลัยกลุ่มวอชิงตันพยายามทดสอบโดย ใช้ม่านพลาสม่าห่อหุ้มยานอวกาศ เพื่อใช้ป้องกันรังสีจากดวงดาวและอนุภาคบางอย่างเวลาท่องอวกาศ เช่นเดียวกับคนงานในโรงไฟฟ้า 3M ในมลรัฐเซาท์แคโรไลนา ในเดือนสิงหาคม 1980 ได้พบผนังไฟฟ้าสถิตมองไม่เห็นในพื้นที่หนึ่งในแผ่นฟิล์มพอลิโพรไพลีนซึ่งบาง ทีมันอาจสามารถดัดแปลงเป็นบาเรียในอนาคตก็เป็นไปได้

อันดับที่ 6
Panacea (medicine)
 


ยา แก้สารพัดโลก(ภาษาอังกฤษตั้งชื่อตามเทพธิดาแห่งการรักษาของกรีก)แน่นอนว่า เทคโนโ,ยีสำคัญต่อชีวิตเราแน่นอน ต่อไปนี้เราก็ไม่ต้องกลัวโรคร้ายที่รักษาไม่หายอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็น เอดส์, มะเร็ง, ไวรัสทุกอย่าง อีกทั้งยังมีสรรพคุณในการยืดอายุอีก เรียกได้ว่าครอบจักรวาลเลย และความคิดเหล่านี้กำลังเป็นจริงเมื่อความก้าวหน้าทางการแพทย์ โดยพวกเขากำลังศึกษายีนพันธุกกรมและสิ่งแวดล้อมที่ ในการสร้างระบบภูมิคุ้มกันเพื่อให้มนุษย์มีอายุยืนยาวขึ้นในยุคปัจจุบัน

อันดับที่ 5
Anti-Gravity
 


พลังงาน ต้านแรงโน้มถ่วง มันเป็นแนวคิดในการสร้างสถานที่หรือวัตถุที่เป็นอิสระจากแรงโน้มถ่วงของโลก 8คือแรงโน้มถ่วงของโลกจะไม่แสดงหรือไม่สามารถใช้ได้กับสถานที่หรือวัตถุ เหล่านั้น พลังงานต้านแรงโน้มถ่วงนั้นไม่ใช่ของใหม่ มนุษย์เราใฝ่ฝันถึงเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว ทั้งในนิยายวิทยาศาสตร์และโลกของวิชาการ สำหรับในประวัติศาสตร์ของฟิสิกส์นั้น ความคิดเกี่ยวกับ Anti-Gravity ที่สำคัญที่สุด ได้ถูกประดิษฐ์เมื่อต้นศตวรรษที่ 20 โดยนักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่แล้ว ซึ่งในเวลานั้นเป็นเพียงแค่เสมียนธรรมดาๆคนหนึ่งในสำนำงานจดลิขสิทธิ์ เขาผู้นั้นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นั่นเอง และต่อมาก็มีการพัฒนาเรื่องนี้หลายโครงการและบางทีมันอาจจะเป็นจริงในอนาคต ก็ได้  

อันดับที่ 4
Bionics
 


Bionics หมายถึงการพัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะที่เลียนแบบการปรับตัวทางชีวิภาพในสิ่งแวด ล้อม เช่นเรือดำน้ำผิวเหมือนปลาโลมา, ภาพอัลตราซาวด์เลียนแบบคลื่นความถี่ของค้างคาว นอกจากนี้คำนี้ยังหมายถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มประสิทธิภาพร่างกายหรืออวัยวะ ของมนุษย์ให้เข้ากับเครื่องจักร เช่น หัวใจเทียม, ประสาทหูเทียม เลนส์ตา ฯลฯ แนวความคิดที่จะจับเอาบางส่วนของหุ่นยนต์มาใส่ให้แก่คนที่มีสมรรถนะร่างกาย ต่ำกว่าคนปกติ เช่น แขนเทียม ขาเทียม ไปจนถึงมือเทียม ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวางจากทั้งผู้วิจัยและพัฒนา และผู้ใช้ทั่วโลก ในปี ค.ศ. 2006 โลกได้กำเนิดมนุษย์กึ่งหุ่นยนต์ทั้งเพศชายและเพศหญิงเป็นครั้งแรก ทั้งคู่ได้สูญเสียแขนจากอุบัติเหตุ คลาวเดีย มิทเชล (Claudia Mitchell) เล่าว่าในช่วงแรกที่เธอกลับมาใช้ชีวิตที่มีแขนข้างเดียว เวลาจะรับประทานกล้วย เธอต้องเอาเท้าทั้งสองจับกล้วยแล้วใช้มือขวาที่เหลืออยู่ปอกกล้วย “การปอกกล้วยเข้าปากไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างที่เคยคิด” ถึงแม้ในที่สุดเธอจะยังสามารถทำภารกิจแบบนี้ได้ มันก็มักจะทำให้อารมณ์เธอแปรปรวนทุกครั้ง แต่ตอนนี้เธอเพียงแต่เอาแขนกลมาอยู่ใกล้ๆ กล้วยแล้วพยายามคิดที่จะจับกล้วย แขนกลนั้นจะตอบสนองคำสั่งจากสมองของเธอด้วยการจับกล้วยลูกนั้น ก่อนที่เธอจะใช้มือจริงของเธอปลอกเปลือกมันออกเพื่อรับประทาน ทหารผ่านศึกพิการจากสงครามในอิรักของสหรัฐอเมริกาจำนวนหลายร้อยคน ต่างก็รอคอยการกลับไปใช้ชีวิตที่ถึงไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียงกับสิ่งที่เคยทำ อยู่เดิม เทคโนโลยี Bionics จักเป็นความหวังให้ผู้พิการทางร่างกายทั่วโลก ได้ใช้ชีวิตเทียบเท่ากับคนธรรมดา

อันดับที่ 3
 
Global Municipal Wi-Fi
 


เครือ ข่ายระบบไร้สายทั่วโลก หรือ Wi-Fi(WLAN = Wireless Local Area Network) เป็นแนวคิดการเปลี่ยนทุกที่ในโลกในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สารให้เป็น แบบบริการสากล โดยใช้โปรแกรมเครือข่ายไร้สาร อุปกรณ์ทุกตัวที่ต่างยี่ห้อกันจะสามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยไม่ประสบ ปัญหา โดยระบบการสื่อสารข้อมูลแบบไร้สารนี้มีความคล่องตัวมาก เพราะใช้การส่งคลื่นความถี่วิทยุในย่านวิทยุ RF และ คลื่นอินฟราเรด ในการรับและส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ผ่านอากาศ ทะลุกำแพง เพดานหรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ โดยปราศจากความต้องการของการเดินสาย อีกทั้งยังสามารถทำงานได้โดยสะดวก ไม่เหมือนระบบ LAN แบบใช้สาย ที่ต้องใช้เวลาและการลงทุนในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งการใช้งานเครื่อง คอมพิวเตอร์ แต่เทคโนโลยีดังกล่าวนั้นอาจไม่สามารถเป็นจริงได้เพราะขาดความเข้าใจกัน ระหว่างบริษัท เอกชน และรัฐบาล ที่ไม่สนับสนุนเท่าใดนัก

อันดับที่ 2
 
Transatlantic tunnel
 

อุโมงค์ ข้ามหมาสมุทรแอตแลนติก เป็นอุโมงค์ของรถไฟฟ้าที่คิดจะสร้างขึ้นเพื่อใช้ข้ามระหว่างทวีปอเมริกา เหนือและทวีปยุโรป โดยรถไฟฟ้านั้นจะใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง 300 ถุง 5000 mph(500 ถึง 8000 km/h) พูดง่ายๆ ก็คือสามารถเดินทางจากนิวยอร์กไปลอนดอนได้โดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง หรือจัดส่งสินค้าต่างประเทศได้อย่างสะดวกสบาย ความเป็นไปได้ของโครงการดังกล่าวนี้ความจริงไม่เกินความสามารถของเรา หากแต่อุปสรรคสำคัญในการสร้างอุโมงค์ดังกล่าวคือค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ประมาณ 12,000,000,000,000 ดอลลาร์(เลขศูนย์ครบทุกตัว)และเทคโนโลยีที่จำเป็นต้องใช้วัสดุอย่างดี พร้อมระยะเวลาในการสร้างที่ยาวนานซึ่งบางทีอาจใช้เวลา 3,000 ปี  

อันดับที่ 1
 
Ocean Colonization
 


หาก วันหนึ่งน้ำท่วมโลกเราจะไปอยู่ที่ไหน คำตอบคือเทคโนโลยี “การสร้างอาณานิคมใต้น้ำ” จะดีขนาดไหนที่เราสามารถสร้างโลกใต้น้ำโดยไม่ต้องกังวลน้ำท่วมได้ Ocean Colonization เป็นทฤษฏีที่มีความคิดว่ามนุษย์น่าจะสามารถสร้างชุมชนถาวรขนาดใหญ่ที่สามารถ จุคนได้เป็นแสคนในโลกใต้ทะเลได้โดยไม่ต้องกลัวเรื่องความกดดันอากาศของน้ำ หรือเรื่องอากาศหายใจ โดยอาณานิคมนั้นใช้พลังงานหมุนเวียน ทำให้เกิดแสงสว่างเสมือนกับหนึ่งโลกข้างบน(ความจริงความหมายนี้รวมไปถึงการ สร้างอาณานิคมที่พื้นน้ำด้วย) แน่นอนว่าเทคโนโลยีนี้ก็ยังคงเป็นทฤษฏีในฝันต่อไปเนื่องจากความเป็นไปได้ต่ำ มาก ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมอารยธรรมและสภาพเศรษฐกิจและสังคมใน อาณานิคม การสร้างสิ่งมีชีวิตที่สามารถปรับตัวกับโลกใต้ทะเล ระบบพลังงานมหาศาล การขนส่งทางทะเล
มีวิดีโอประกอบน่าจะได้อัถรสกว่า  Smiley
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 กันยายน 2010, 17:07:24 โดย thaizeal » บันทึกการเข้า
nscyber
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 50
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,165



ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: 07 กันยายน 2010, 17:26:03 »

สุดยอด *0*
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 กันยายน 2010, 17:27:57 โดย nscyber » บันทึกการเข้า
HeyHaaaaa
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 49
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 527



ดูรายละเอียด
« ตอบ #13 เมื่อ: 07 กันยายน 2010, 18:14:19 »

!! คุณ thaizeal +1 ค่ะ 43>44

อันดับที่ 10   
Interstellar Travel
http://www.youtube.com/watch?v=aRrBzLX7rpw
 
มนุษย์ มีความกระหายและกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้จากดินแดนใหม่ๆ มาเป็นเวลานาน ภายหลังจากที่มนุษย์คิดค้นจรวดได้ เป็นแรงปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่จะส่ง ยานอวกาศ ไปพร้อมกับจรวดเพื่อสำรวจดินแดนอันกว้างใหญ่ในอวกาศ จวบจนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน แต่ ก็มีปัญหาก็คือเชื้อเพลิงที่ต้องใช้อย่างมหาศาลและระยะทางมหาศาลที่มีหน่วย วัดเป็นปีแสง มีวิธีไหนที่เราสามารถการเดินทางระหว่างดวงดาวได้ง่ายๆ บ้างหนอ สังเกต ไหมครับว่าทำไมมนุษย์ต่างดาวถึงมายังโลกได้ ทั้งๆ ที่มีโลกมีระยะทางไกลหลายหมื่นปีแสดง ก็เพราะยานของพวกเขาต้องมีระบบอะไรสักอย่างในการย่นระยะทางการเดินทางแน่นอน หากเรารู้เทคโนโลยีนี้เราสามารถเดินทางไปดวงดาวไหนๆ ก็ได้ในจักรวาล โดยแนวคิดนี้ปรากฏอยู่ในนิยายวิทยาศาสตร์มานานแล้ว ปัจจุบันดูเหมือนว่า NASA จะพยายามทดลองโครงการการขับเคลื่อนเช่นนี้อยู่ และบางทีมันอาจเป็นไปได้ในอนาคต

อันดับที่ 9
Terraforming
 http://www.youtube.com/watch?v=V-aP5DlNHiw
มี ความหมายว่า การเปลี่ยนสภาพของดาวเคราะห์(Terraform) กระบวนการสมมุติที่ให้ดาวที่แห้งแล้ง มีบรรยากาศเบาบาง มีความเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา การเปลี่ยนแปลงสภาพภายในดาว จนเกือบปราศจากสนามแม่เหล็ก(และรังสีต่างๆจากดวงอาทิตย์ ชการปรับเปลี่ยนบรรยากาศ, อุณหภูมิ, พื้นผิว และนิเวศวิทยาให้ดวงดาวนั้นมีลักษณะคล้ายโลก ที่เราสามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้ เช่นดวงอังคารที่มีโครงการมายาวนานแล้วว่าสักวันเราจะสามารถอพยพไปอยู่ที่ นั้นได้เหมือนกับอยู่บนโลก โดยแนวคิดนี้เป็นขององค์การนาซา ที่เริ่มมีโครงการจะไปเริ่มสร้างเมืองในอวกาศ โดยเลือกพื้นที่ดาวอังคาร เพราะมีสภาพเหมือนกับโลก ขณะที่ดาวดวงอื่นเต็มไปด้วยอากาศพิษ ดาวพุธอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์เกินไป ดาวพฤหัสฯ มีสภาพเป็นกรด ดาวอังคารแม้อากาศหนาวและมีสภาพไร้น้ำหนัก แต่มนุษย์อยู่ได้ด้วยการไปสร้างเมืองกระจกทำให้มีแรงโน้มถ่วงเหมือนกับอยู่ บนโลกได้ ในเบื้องต้นจะส่งคนออกไปสร้างอุตสาหกรรมในอวกาศ ใช้วัตถุดิบจากดวงจันทร์ของดาวอังคาร ซึ่งมีอยู่ 2 ดวง จะมีสารทุกอย่างที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก ยิปซัม แร่ธาตุต่างๆ และการขนย้ายแร่ธาตุเหล่านี้จะเป็นไปโดยง่ายบนสภาพไร้น้ำหนัก และองค์การนาซาวางแผนไว้ปี ค.ศ. 2020 มนุษย์จะลงไปบนดาวอังคารเป็นครั้งแรก 

อันดับที่ 8
Space Elevator
http://www.youtube.com/watch?v=pnwZmWoymeI

แนว คิดเรื่องลิฟต์อวกาศ ถูกเสนอขึ้นครั้งแรกโดยผู้เชี่ยวชาญด้านอวกาศ และจรวดขับดัน ชาวรัสเซีย ชื่อ คอนสแตนติน โซลคอฟสกี (Constantin Tsiolkovsky, ค.ศ. 1857 - 1935) ได้เขียนบทความชื่อ "Daydream about the Earth and the Heaven" (ฝันกลางวันเกี่ยวกับโลกและสวรรค์) ในปี 1985 กล่าวถึง "หอคอยสูงเสียดฟ้าจากผิวโลกถึงอวกาศ” จากนั้นเป็นต้นมาก็มีหลายคนวางโครงการที่ยิ่งใหญ่โดยพยายามสร้างทางเชื่อม โลกกับดวงดาวต่างๆ ไว้มีวัตถุประสงค์เคลื่อนย้ายคนและสิ่งของจากพื้นผิวโลกขึ้นไปในอวกาศ รูปแบบที่มีการนำเสนอมักเป็นโครงสร้าง โดยสร้างต่อเนื่องจากผิวโลก ขึ้นไปยังวงโคจรค้างฟ้า และสร้างต่อเนื่องออกไป โดยมีตุ้มน้ำหนักถ่วงที่ปลายอีกด้านหนึ่ง วัสดุที่มีการเสนอให้ใช้ มีลักษณะเป็นเคเบิล หรือแถบรับน้ำหนัก ที่สามารถรับกำลังได้สูง โดยทำเลที่ตั้งโครงสร้างจะอยู่บริเวณแถบเส้นศูนย์สูตร แนวคิดเรื่องลิฟต์อวกาศมีเค้าลางแห่งความเป็นจริงมากขึ้นเมื่อ นาซ่า ได้ให้ความสนใจโครงการดังกล่าวอย่างจริงจังและได้นำแนวคิดดังกล่าวเข้าร่วม พิจารณาในปี คศ.1999 ทั้งได้มีการทดลองเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของ "ลิฟต์อวกาศ" หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า Geostationary Orbiting Tether "Space Elevator" โดยได้ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์การบินอวกาศมาร์แชล เมืองฮันสวิลล์ รัฐอลาบามา ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งนาซ่าจัดให้มีการวิจัยในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น การศึกษาวิจัยความเป็นไปได้จริงของลิฟต์อวกาศมีมากน้อยเพียงใด การวิจัยและพัฒนาหาวัสดุเหมาะสมสำหรับใช้เป็นสายเคเบิลของลิฟต์อวกาศ การทดลองขั้นต้นเกี่ยวกับลิฟต์อวกาศโดยยานขนส่งอวกาศโดยได้ทดลองปล่อยสายเค เบิ้ลหลายกิโลเมตรเป็นจำนวนหลายครั้ง โครงสร้างของลิฟต์อวกาศ ระบบขับเคลื่อน รวมทั้งเรื่องผลตอบแทนทางด้านเศรษฐศาสตร์

อันดับที่ 7
Force field
 
http://www.youtube.com/watch?v=-yVdwvodPo8
สนาม พลังงาน, บาเรีย, เกราะพลังงาน เกราะบาเรีย โล่มหัศจรรย์ ที่เราพบเห็นในหนังนิยายไซไฟแหละครับ เคยเห็นไหมจำพวกสงครามอวกาศที่ปล่อยพลังงานโดยใช้อนุภาคอะไรสักอย่างป้องกัน อาวุธหรืออุกาบาตต่างๆ ไม่ให้เข้ามาทำอันตราย ยาน, ดวงดาวได้ มันคงดีไม่น้อยหากเรามีเทคโนโลยีชนิดนี้ เพราะหากมีโลกเราก็จะปลอดภัยเรื่องอุกาบาตรชนโลก ยานอวกาศสามารถป้องกันชั้นบรรยากาศก็ได้ สหรัฐก็ไม่ต้องกลัวนิวเคลียร์เกาหลีเหนือโจมตีประเทศของตน ป้องกันน้ำท่วม ป้องกันเมียที่เห็นเราเจ้าชู้เอาปืนมายิง ทุกอย่างป้องกันด้วยบาเรีย รู้สึกว่าเทคโนโลยีเป็นจริงอีกครั้งเมื่อมหาลัยกลุ่มวอชิงตันพยายามทดสอบโดย ใช้ม่านพลาสม่าห่อหุ้มยานอวกาศ เพื่อใช้ป้องกันรังสีจากดวงดาวและอนุภาคบางอย่างเวลาท่องอวกาศ เช่นเดียวกับคนงานในโรงไฟฟ้า 3M ในมลรัฐเซาท์แคโรไลนา ในเดือนสิงหาคม 1980 ได้พบผนังไฟฟ้าสถิตมองไม่เห็นในพื้นที่หนึ่งในแผ่นฟิล์มพอลิโพรไพลีนซึ่งบาง ทีมันอาจสามารถดัดแปลงเป็นบาเรียในอนาคตก็เป็นไปได้

อันดับที่ 6
Panacea (medicine)
 http://www.youtube.com/watch?v=v9XVEDmF44U

ยา แก้สารพัดโลก(ภาษาอังกฤษตั้งชื่อตามเทพธิดาแห่งการรักษาของกรีก)แน่นอนว่า เทคโนโ,ยีสำคัญต่อชีวิตเราแน่นอน ต่อไปนี้เราก็ไม่ต้องกลัวโรคร้ายที่รักษาไม่หายอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็น เอดส์, มะเร็ง, ไวรัสทุกอย่าง อีกทั้งยังมีสรรพคุณในการยืดอายุอีก เรียกได้ว่าครอบจักรวาลเลย และความคิดเหล่านี้กำลังเป็นจริงเมื่อความก้าวหน้าทางการแพทย์ โดยพวกเขากำลังศึกษายีนพันธุกกรมและสิ่งแวดล้อมที่ ในการสร้างระบบภูมิคุ้มกันเพื่อให้มนุษย์มีอายุยืนยาวขึ้นในยุคปัจจุบัน

อันดับที่ 5
Anti-Gravity
 http://www.youtube.com/watch?v=pJJ-4lnwrck

พลังงาน ต้านแรงโน้มถ่วง มันเป็นแนวคิดในการสร้างสถานที่หรือวัตถุที่เป็นอิสระจากแรงโน้มถ่วงของโลก 8คือแรงโน้มถ่วงของโลกจะไม่แสดงหรือไม่สามารถใช้ได้กับสถานที่หรือวัตถุ เหล่านั้น พลังงานต้านแรงโน้มถ่วงนั้นไม่ใช่ของใหม่ มนุษย์เราใฝ่ฝันถึงเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว ทั้งในนิยายวิทยาศาสตร์และโลกของวิชาการ สำหรับในประวัติศาสตร์ของฟิสิกส์นั้น ความคิดเกี่ยวกับ Anti-Gravity ที่สำคัญที่สุด ได้ถูกประดิษฐ์เมื่อต้นศตวรรษที่ 20 โดยนักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่แล้ว ซึ่งในเวลานั้นเป็นเพียงแค่เสมียนธรรมดาๆคนหนึ่งในสำนำงานจดลิขสิทธิ์ เขาผู้นั้นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นั่นเอง และต่อมาก็มีการพัฒนาเรื่องนี้หลายโครงการและบางทีมันอาจจะเป็นจริงในอนาคต ก็ได้ 

อันดับที่ 4
Bionics
 http://www.youtube.com/watch?v=a-yoZMZbqfw

Bionics หมายถึงการพัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะที่เลียนแบบการปรับตัวทางชีวิภาพในสิ่งแวด ล้อม เช่นเรือดำน้ำผิวเหมือนปลาโลมา, ภาพอัลตราซาวด์เลียนแบบคลื่นความถี่ของค้างคาว นอกจากนี้คำนี้ยังหมายถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มประสิทธิภาพร่างกายหรืออวัยวะ ของมนุษย์ให้เข้ากับเครื่องจักร เช่น หัวใจเทียม, ประสาทหูเทียม เลนส์ตา ฯลฯ แนวความคิดที่จะจับเอาบางส่วนของหุ่นยนต์มาใส่ให้แก่คนที่มีสมรรถนะร่างกาย ต่ำกว่าคนปกติ เช่น แขนเทียม ขาเทียม ไปจนถึงมือเทียม ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวางจากทั้งผู้วิจัยและพัฒนา และผู้ใช้ทั่วโลก ในปี ค.ศ. 2006 โลกได้กำเนิดมนุษย์กึ่งหุ่นยนต์ทั้งเพศชายและเพศหญิงเป็นครั้งแรก ทั้งคู่ได้สูญเสียแขนจากอุบัติเหตุ คลาวเดีย มิทเชล (Claudia Mitchell) เล่าว่าในช่วงแรกที่เธอกลับมาใช้ชีวิตที่มีแขนข้างเดียว เวลาจะรับประทานกล้วย เธอต้องเอาเท้าทั้งสองจับกล้วยแล้วใช้มือขวาที่เหลืออยู่ปอกกล้วย “การปอกกล้วยเข้าปากไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างที่เคยคิด” ถึงแม้ในที่สุดเธอจะยังสามารถทำภารกิจแบบนี้ได้ มันก็มักจะทำให้อารมณ์เธอแปรปรวนทุกครั้ง แต่ตอนนี้เธอเพียงแต่เอาแขนกลมาอยู่ใกล้ๆ กล้วยแล้วพยายามคิดที่จะจับกล้วย แขนกลนั้นจะตอบสนองคำสั่งจากสมองของเธอด้วยการจับกล้วยลูกนั้น ก่อนที่เธอจะใช้มือจริงของเธอปลอกเปลือกมันออกเพื่อรับประทาน ทหารผ่านศึกพิการจากสงครามในอิรักของสหรัฐอเมริกาจำนวนหลายร้อยคน ต่างก็รอคอยการกลับไปใช้ชีวิตที่ถึงไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียงกับสิ่งที่เคยทำ อยู่เดิม เทคโนโลยี Bionics จักเป็นความหวังให้ผู้พิการทางร่างกายทั่วโลก ได้ใช้ชีวิตเทียบเท่ากับคนธรรมดา

อันดับที่ 3
 
Global Municipal Wi-Fi
 http://www.youtube.com/watch?v=0GW4NecZJrg

เครือ ข่ายระบบไร้สายทั่วโลก หรือ Wi-Fi(WLAN = Wireless Local Area Network) เป็นแนวคิดการเปลี่ยนทุกที่ในโลกในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สารให้เป็น แบบบริการสากล โดยใช้โปรแกรมเครือข่ายไร้สาร อุปกรณ์ทุกตัวที่ต่างยี่ห้อกันจะสามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยไม่ประสบ ปัญหา โดยระบบการสื่อสารข้อมูลแบบไร้สารนี้มีความคล่องตัวมาก เพราะใช้การส่งคลื่นความถี่วิทยุในย่านวิทยุ RF และ คลื่นอินฟราเรด ในการรับและส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ผ่านอากาศ ทะลุกำแพง เพดานหรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ โดยปราศจากความต้องการของการเดินสาย อีกทั้งยังสามารถทำงานได้โดยสะดวก ไม่เหมือนระบบ LAN แบบใช้สาย ที่ต้องใช้เวลาและการลงทุนในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งการใช้งานเครื่อง คอมพิวเตอร์ แต่เทคโนโลยีดังกล่าวนั้นอาจไม่สามารถเป็นจริงได้เพราะขาดความเข้าใจกัน ระหว่างบริษัท เอกชน และรัฐบาล ที่ไม่สนับสนุนเท่าใดนัก

อันดับที่ 2
 
Transatlantic tunnel
 
http://www.youtube.com/watch?v=frYWTrEfPRs
อุโมงค์ ข้ามหมาสมุทรแอตแลนติก เป็นอุโมงค์ของรถไฟฟ้าที่คิดจะสร้างขึ้นเพื่อใช้ข้ามระหว่างทวีปอเมริกา เหนือและทวีปยุโรป โดยรถไฟฟ้านั้นจะใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง 300 ถุง 5000 mph(500 ถึง 8000 km/h) พูดง่ายๆ ก็คือสามารถเดินทางจากนิวยอร์กไปลอนดอนได้โดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง หรือจัดส่งสินค้าต่างประเทศได้อย่างสะดวกสบาย ความเป็นไปได้ของโครงการดังกล่าวนี้ความจริงไม่เกินความสามารถของเรา หากแต่อุปสรรคสำคัญในการสร้างอุโมงค์ดังกล่าวคือค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ประมาณ 12,000,000,000,000 ดอลลาร์(เลขศูนย์ครบทุกตัว)และเทคโนโลยีที่จำเป็นต้องใช้วัสดุอย่างดี พร้อมระยะเวลาในการสร้างที่ยาวนานซึ่งบางทีอาจใช้เวลา 3,000 ปี 

อันดับที่ 1
 
Ocean Colonization
 http://www.youtube.com/watch?v=WwfQoaq_JJw

หาก วันหนึ่งน้ำท่วมโลกเราจะไปอยู่ที่ไหน คำตอบคือเทคโนโลยี “การสร้างอาณานิคมใต้น้ำ” จะดีขนาดไหนที่เราสามารถสร้างโลกใต้น้ำโดยไม่ต้องกังวลน้ำท่วมได้ Ocean Colonization เป็นทฤษฏีที่มีความคิดว่ามนุษย์น่าจะสามารถสร้างชุมชนถาวรขนาดใหญ่ที่สามารถ จุคนได้เป็นแสคนในโลกใต้ทะเลได้โดยไม่ต้องกลัวเรื่องความกดดันอากาศของน้ำ หรือเรื่องอากาศหายใจ โดยอาณานิคมนั้นใช้พลังงานหมุนเวียน ทำให้เกิดแสงสว่างเสมือนกับหนึ่งโลกข้างบน(ความจริงความหมายนี้รวมไปถึงการ สร้างอาณานิคมที่พื้นน้ำด้วย) แน่นอนว่าเทคโนโลยีนี้ก็ยังคงเป็นทฤษฏีในฝันต่อไปเนื่องจากความเป็นไปได้ต่ำ มาก ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมอารยธรรมและสภาพเศรษฐกิจและสังคมใน อาณานิคม การสร้างสิ่งมีชีวิตที่สามารถปรับตัวกับโลกใต้ทะเล ระบบพลังงานมหาศาล การขนส่งทางทะเล
มีวิดีโอประกอบน่าจะได้อัถรสกว่า  Smiley
บันทึกการเข้า
ratanon
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 44
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 353



ดูรายละเอียด
« ตอบ #14 เมื่อ: 07 กันยายน 2010, 20:26:20 »

 wanwan001 wanwan001 wanwan001
บันทึกการเข้า

บริการส่งอีเมล์จำนวนมาก ค่าบริการฉบับละ 10 สตางค์ ส่งเข้า Inbox ทุกฉบับ
ส่งไม่เข้า Inbox ยินดีคืนเงิน สนใจ pm มาได้ครับ
ร้อยศพสยบแทบเท้า
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 60
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,495



ดูรายละเอียด
« ตอบ #15 เมื่อ: 07 กันยายน 2010, 20:49:49 »


Ok เดียวไปจดโดเมน ดักไว้ก่อน ดีกว่า

 Shocked

จดไปจะได้ใช้ไหมเนี่ย
บันทึกการเข้า
Fallen
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 162
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,751



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 08 กันยายน 2010, 18:17:47 »

น่าสนใจมากครับ Shocked
บันทึกการเข้า

rayjung
Verified Seller
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 51
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 688



ดูรายละเอียด
« ตอบ #17 เมื่อ: 08 กันยายน 2010, 19:49:19 »

ผมคิดว่าตอนนี้ก็คงมีคนกำลังทำอยู่มั้งแต่แบบเงียบๆแหละ
บันทึกการเข้า
ohmohm
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 170
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,098



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 09 กันยายน 2010, 23:24:07 »

Global Municipal Wi-Fi ผมว่า น่าจะเป็นไปได้นะ เทื่อก่อนเคยได้ยินมาว่าวิทยุสมัครเล่น (ham) เอามาทำเป็น modem packet radio ได้
เดี๋ยวนี้เป็น hinternet ( ham + Internet ) ใช้ wireless routers ทำเอา
http://en.wikipedia.org/wiki/High-speed_multimedia_radio

Transatlantic tunnel เราว่า ใช้ "ยานบินเี่รี่ยผิวน้ำ" Ekranoplan ขนส่ง น่าจะเป็นไปไ้ด้มาก่อนกว่า
What is an Ekranoplan?
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์