ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comความรู้ทั่วไปEbay | PayPalขายebay workสำหรับคนที่เป็นผู้ผลิตเท่านั้นหรือเปล่า*
หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ขายebay workสำหรับคนที่เป็นผู้ผลิตเท่านั้นหรือเปล่า*  (อ่าน 6709 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
cookieMonster
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 16



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2007, 14:02:23 »

เพิ่งเริ่มขายe-bayอ่ะค่ะ แต่ก้อยังไม่มีคนซื้อ เสียค่าแปะไปก้อเยอะ คิดว่าคนที่เค้ามีกำไรหรือว่าพวกที่เป็นpower sellerเนี่ย ส่วนใหญ่จะเป็นพวกผู้ผลิตใช่หรือเปล่าคะ คือมีสินค้าอยู่แล้ว ต้นทุนถูก เพราะลำพังถ้าเป็นคนที่ซื้อของมาอีกต่อหนึ่งต้องลงทุนสูงกว่าจะขายได้ แล้วพวกที่โพสต์ราคาเริ่มต้น 0.01$ 0.99$ เนี่ย เค้าจะมีกำไรมาจากไหน เพราะถ้าหวังจากshipping cost แล้วตั้งshipping costสูงๆก็ไม่มีคนซื้ออยู่ดี หรือว่าเป็นพวกที่หวังโฆษณาbrandตัวเองทางช่องทางe-bayเท่านั้น ไม่ได้หวังกำไรจริงๆจังๆจากช่องทางe-bayหรอก คิดว่ายังไงกันเอ่ย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 กรกฎาคม 2007, 17:29:23 โดย bubbleball » บันทึกการเข้า
ปรายฟ้า
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 51



ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2007, 14:07:44 »

จริงๆอีเบย์ แข่งขันกันสูง
วิธีการคือ หาสินค้าที่มีคนซื้อขายกันอยู่แล้ว
แล้วก็เข้าไปทุ่มตลาด ตัดราคา ไม่มาก

หากเราได้ทุนต่ำ ก็กำไรมากค่ะ

ว่างๆก็ search ดูว่ามีอะไรขายได้ดีบ้าง
ซึ่งสินค้าตัวนั้น คุณสามารถหาได้ ในราคาที่ต่ำ เวลาไปเดิน ห้าง / ตลาด
ก็หมั่นสำรวจราคาสินค้า แล้วกลับมาดู ที่อีเบย์
ส่วนมากที่ขายอยู่
ต้นทุนมา 100 ก็คุณ 2 ไปเลย นั่นคือราคา ที่จะตั้งขาย
(ป.ล.สูตรนี้ใช้ไม่ได้กับสินค้าที่หนักๆ)

ปัจจัยที่ว่าผู้ผลิต ก็มีส่วน
แต่ลองนึกถึงเมืองไทย ผู้ผลิต ก็ไม่ได้มานั่งขายอีเบย์นะ

คุณต้องขยันมองหา
แล้วจะได้โอกาสค่ะ
บันทึกการเข้า

korpai
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 306



ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2007, 16:33:14 »

มาฟันธงครับ

ไม่ work ทั้งผู้ผลิตและรายย่อยครับ เพราะ

1. ค่าธรรมเนียมแพง
2. ปีนี้ตลาด down ไปมาก
3. ต้อง stock ของ ต้องมีของส่งตลอด
4. คิดต่อหัวแล้ว ผ่าน adwords คุ้มกว่า ช่องทางโปรโมตฟรีมีมากกว่า
5. มี่ทางเลือกที่ดีกว่าจาก adsense ใช้สมองนิดนึง รวยกว่า เหนื่อยน้อยกว่าเยอะครับ

ถ้าไม่ใช่พวก gem โอกาสรอดยากครับ 99% ของ user ในไทยขาย gem ครับ เห็นขายกันดีเอาๆ ส่วนสินค้าอย่างอื่นขายไปก็เหนื่อยเปล่าครับ หลายๆคนที่ขายหนีมาทำ adsense กันหมดแล้วครับ คนในที่นี้หลายคนมาจาก thaiebay กันหลายคนครับ ลี้ภัยมาพึ่งใบบุญพี่กูกันหมดแล้ว ผมเชียร์ว่าถ้าคุณทำได้ไปขาย gem หรือ พวก stone เถอะครับ เห็นฝรั่งมันมาทำแล้วโกยเงินกันเป็นว่าเล่น ผมเองเคยไปสัมมนาที่อีเบย์จัดในไทยมาแล้วเห็นแต่มันขาย gem กันหมดครับนึกว่างานสัมมนาพลอย


อ้างถึง
จริงๆอีเบย์ แข่งขันกันสูง
วิธีการคือ หาสินค้าที่มีคนซื้อขายกันอยู่แล้ว
แล้วก็เข้าไปทุ่มตลาด ตัดราคา ไม่มาก

หากเราได้ทุนต่ำ ก็กำไรมากค่ะ

ว่างๆก็ search ดูว่ามีอะไรขายได้ดีบ้าง
ซึ่งสินค้าตัวนั้น คุณสามารถหาได้ ในราคาที่ต่ำ เวลาไปเดิน ห้าง / ตลาด
ก็หมั่นสำรวจราคาสินค้า แล้วกลับมาดู ที่อีเบย์
ส่วนมากที่ขายอยู่
ต้นทุนมา 100 ก็คุณ 2 ไปเลย นั่นคือราคา ที่จะตั้งขาย
(ป.ล.สูตรนี้ใช้ไม่ได้กับสินค้าที่หนักๆ)

ปัจจัยที่ว่าผู้ผลิต ก็มีส่วน
แต่ลองนึกถึงเมืองไทย ผู้ผลิต ก็ไม่ได้มานั่งขายอีเบย์นะ

คุณต้องขยันมองหา
แล้วจะได้โอกาสค่ะ

ผมมองอีกทางนึงนะ ว่าการตัดราคาเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง คนในไทยอีเบย์ถึงต้องหนีมาทำ adsense กันหมดนี่แหละครับ (ขอระบายหน่อยครับ)

ถ้าจะขายอะไร แนะนำให้หาสินค้าใหม่ครับ ที่มันขายได้ราคาดี ค้าขายแบบญี่ปุ่นดีกว่าครับเค้ามีศักดิ์ศรีในการค้า ถ้าใครลอกเลียนเค้าจะละอายใจ แค่โกงนิดเดียวก็ฮาราคีรีแล้วครับ สู้ด้วยความแตกต่างดีกว่าครับ ถ้าไม่เข้าใจลองไปหาหนังสือทาง business อ่านดู เรื่อง price กับ differentiation ของไทยยังมีดีๆอีกเยอะครับ แล้วมั่นใจว่าขายได้

ที่สำคัญคุณส่ง price ไปสู้ เอาสินค้าที่เค้าขายดีๆมาขายตัดราคา พอคุณทุ่มตลาดได้ คนอื่นๆเค้าก็ลดราคามาสู้ สุดท้ายก็เจ็บตัวกันหมด เอาแบบที่ดีที่สุด สมมติว่าคุณทุ่มตลาดได้แต่ทุ่มตลาดแน่นอนส่วนมากขาดทุน คุณได้ตลาด คุณขึ้นราคากลับมา รายเก่าเค้าก็เข้ามาอยู่ดี แล้วจะไปเอากำไรตอนไหนครับ เพราะส่วนมากมันก็มาจากโรงงานเดียวกันทั้งนั้นแหละครับ (ของเข้าจากจีนเกือบหมดแหละเมืองไทยเดี๋ยวนี้ หาไทยแท้ยาก) คุณไม่ใช่ผู้สร้างสินค้า ก็ควรรักษาราคาไว้ให้ผู้สร้างเค้าบ้างครับ อย่าคิดแต่จะเอาๆ

อะไรที่ฝรั่งมันไม่รู้ก็ฟันมันเยอะๆครับ work กว่า ดีกว่ามาฆ่าคนไทยกันเอง แล้วที่สำคัญ โอกาสที่คนเก่าๆเค้าจะโต้ตอบคุณก็มีครับ ส่วนมากเค้าได้ต้นทุนต่ำกว่ารายใหม่อยู่แล้วหละ เพียงแต่เค้าไม่ขายต่ำเอง

ส่วน การสร้างแบรนด์เค้าไม่ค่อยสนใจกันเท่าไรครับ เห็นขายส่วนมากก็ของ copy กัน

จริงๆเรื่องนี้อยู่ในตำราเรียนเสดสาดขั้นกลาง คุณลองไปหาอ่านดูเพิ่มเติมก็ได้ครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นใน ebay มาแล้ว

ลองคิดภาพง่ายๆนะครับ ถ้าคนเอาสคริปปั่นมาขายตัดราคากัน สุดท้ายแล้วคนทำสคริปปั่นก็ไม่เหลืออะไร แล้วใครจะมีกำลังทำของดีๆมาให้พวกท่านใช้กันหละครับ แต่สคิรปปั่นยังดีหน่อยตรงที่ว่ามันค่อนข้าง different ดังนั้น price จึงไม่ใช่ประเด็นสุดท้าย

แล้วสุดท้ายอยากฝากไว้ให้คิดนิดนึงครับ ว่าทำไมคนจาก thaiebay จึงกลายมาเป็นคน thaiseoboard แทนหลายท่านอยู่ในวันนี้ครับ ไม่เชื่อถามคุณเอกได้ เพราะผลตอบแทนตรงนี้ work กว่าเยอะ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอาเวลาอันมีค่าไปลงกับโปรเจคที่ rate of return ต่ำกว่า

หวังว่าคงได้ idea นะครับ ผมมองอีกมุมนึง ในฐานะคนทำ ebay แล้วหนีมาทำ adsense มาก่อน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 กรกฎาคม 2007, 16:36:54 โดย korpai » บันทึกการเข้า
asiram
เมียสั่งรวย
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 240
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,146



ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2007, 16:36:47 »

ผมเคยคิดจะไปทำ ebay
แต่ดูแล้ว ขี้เกียจต้องมานั่งคอย take care ลูกค้า
เลยไม่ได้ทำ
แต่ตอนนี้ กำลังหาวิธีการอยู่
แต่ทำเป็น aff ebay.com กิน% ใน cj
 Smiley
บันทึกการเข้า
FeelGood
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 297



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2007, 17:38:28 »

งั้นไม่ไป ebay ดีก่า

รอ กิน adsense ก้แล้วกัน อังกิดก้ยิงไม่ได้เรื่อง   Lips Sealed
บันทึกการเข้า

doh
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2007, 20:24:19 »

ผมว่าเราถ้าเราพิจารณาให้ดีแล้ว eBayถือว่าเป็นตลาดที่ให้โอกาสในการโปรโมต, ประชาสัมพันธ์, โฆษณา, เรียกtraffic และขายสินค้า ที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ ผมอยากให้พิจารณาว่า การที่เราไม่successกับeBay แล้ว แสดงว่ามันไม่ดีจริง อย่างนั้นรึครับ ในมุมมองของผม แสดงว่าเราได้เรียนรู้ที่จะประสบความสำเร็จอีกระดับนึงแล้ว เพราะสิ่งที่ทำให้เราไม่success นั้นบางครังปัจจัยอาจจะเกิดมาจากตัวเราเองก็ได้ครับ เช่น เขียนโฆษณษาที่น่าสนใจรึไม่, การวางรูปแบบlayout เป็นอย่างไร, รูปภาพที่ถ่ายชัดเจน มองเห็นหลายๆมุมมองหรือไม อย่าลืมว่าbuyer เค้าไม่ได้สัมผัสกับตัวสินค้าโดยตรง เค้าก็ต้อง การเห็นสินค้าในหลายๆมุมมอง, ถ้าสินค้าเรามีลูกค้าเก่าๆเคยเขียน testimonial มาให้ก็ใส่ลงไปได้เลยครับ จะเป็น referral ให้คนที่จะซื้อสินค้ามั่นใจยิ่งขึ้น, สินค้าเรามี return policy หรือ satisfaction guarantee  หรือไม่, ที่สำคัญต้องไม่โกหกลูกค้าครับ ถ้าทำได้ก็บอกว่าได้ ไม่ได้ก็ต้องบอกตรงๆแล้วเสนอทางเลือกอื่นให้ลูกค้า เค้าจะมองเราเป็นpartnerครับ

:Smiley

กรณีที่สินค้าเราเหมือนกับผู้ขายรายอื่น ลองเพิ่ม value-added เล็กๆน้อยเข้าไปก็เป็นทางเลือกที่ดีนะครับ เช่น หาpackaging  สวยๆ ราคาไม่แพง (ถ้าทำเองได้ยิ่งดี) แล้วอย่าลืมใส่รูปถ่ายตอนสินค้าเราอยู่ในบรรจุภัณฑ์สวยๆ เข้าไปด้วย ก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการขาย และฉีกหนีคู่แข่งได้นะครับ ที่สำคัญเรายังมีโอกาสในการupราคาสินค้าให้สูงขึ้นด้วย หรือถ้าไม่ขึ้นราคา แต่สินค้าเราดูดีกว่า็(packaging สวยกว่า) เราก็มีโอกาสจะขายได้มากกว่าครับ หรืออาจจะแถมของแถมเล็กๆน้อยที่บ้านเมืองเค้าไม่มีก็ได้ครับ ช่วยจูงใจให้ซื้อสินค้าเราได้

Kiss

เวลาในการแปะสินค้าก็เหมือนกัน เราต้องดูด้วยนะครับว่า สินค้าที่เราแปะขายนั้นมัน expire เมื่อไหร่ ถ้าexpireตอนวันธรรมดา โดยเฉพาะวันศุกร์ (ที่ฝรั่งชอบออกไปpartyนอกบ้าน) exposure ของสินค้าเราก็น้องลง โอกาสจะขายก็น้อยลง แนะนำเป็นช่วงบ่ายๆวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์ครับ น่าจะมีโอกาสมากขึ้น

อีกวิธีที่ผมว่าน่าสนใจก็คือ ทำรายละเอียดในหน้า about me ครับ แสดงตัวว่าเราเป็นใคร ทำธุรกิจอะไร ทำมานานเท่าใดแล้ว ที่ตั้งหรือสถานที่อยู่ที่ใด เชี่ยวชาญอะไรเป็นพิเศษ จะcontactเราได้อย่างไร ก็ช่วยให้เรามีความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นครับ

อ้อแล้วอีกอย่าง ถ้าจำไม่ผิด eBayได้เพิ่มหน้า My Worldขึ้นมาด้วยครับ จะเป็นmoduleคล้ายกับBlogนี่แหละ เขียนแนะนำตัวเอง hobbyที่ชอบ หนังที่ชอบดู เพลงที่ชอบฟัง ธุรกิจที่เราทำอยู่ สินค้าที่ขาย
***เวลาเขียนข้อมูลเหล่านี้ลงใน My World  มันจะเป็น tag (ตัวหนา ขีดเส้นใต้) เวลาeBayer รายอื่นsearchหาคนที่มีfavorite hobbyหรือสิ่งที่สนใจเหมือนกัน ก็จะlinkติดรายละเอียดของเราไปด้วยครับ***

Grin

สุดท้ายนี้ ในความคิดของผม ถ้าผมจะขายสินค้าสักตัวนึง ผมจะไม่ถามตัวเองว่า "สินค้าตัวนี้จะขายได้หรือไม่" แต่จะถามว่า "ผมจะขายสินค้าตัวนี้อย่างไร" มันต่างกันนะครับ ถ้าคำตอบของคำถามแรกคือ ไม่   ทุกอย่างก็จบครับ ไม่มีการคิดตอ่ยอด
แต่ถ้าเป็นคำถามที่สอง มันเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้คิดต่อยอด หาหนทางในการขายต่อไป บางทีเราอาจจะได้เป็น power seller ในเร็ววันก็ได้นะครับ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ค่อยเรียนรู้ครับ ทุกคนเริ่มจากศูนย์กันหมดอยู่แล้ว นักรบที่เก่งที่สุดคือนักรบที่มีแผลเป็นเยอะที่สุดนะครับ เอาใจช่วยทุกๆคนครับ

Cool

***การที่ำeBayขึ้นค่าFee นั้น ทุกคนโดนเหมือนกันหมดครับ แต่ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะมีวิธีการ ไหวพริบการเอาตัวรอดได้อย่างไร
ถ้าเรามองแต่ภาพใหญ่(อยากขายสินค้าให้ได้) โดยไม่สนใจรายละเอียดหรือองค์ประกอบเล็กๆน้อยๆ (จะขายอย่างไร)ดังที่ผมเขียนมาข้างต้น แล้วภาพใหญ่มันจะสมบูรณืได้อย่างไรครับ jigsawมันก็ไม่ลงตัวนะครับ***

สู้โว๊ย
ถ้าผมเขียนอะไรที่ผิดพลาดไป ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ ท่านใดมีข้อเสนอแนะอื่นๆ ยินดีรับฟังครับ
บันทึกการเข้า

สอนทำธุรกิจ MLM ออนไลน์โดยไม่ต้องออกไปไล่ล่าใคร ด้วยวิธี Attraction Marketing --> http://Detnarong.com
korpai
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 306



ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2007, 21:37:30 »

ผมว่าเราถ้าเราพิจารณาให้ดีแล้ว eBayถือว่าเป็นตลาดที่ให้โอกาสในการโปรโมต, ประชาสัมพันธ์, โฆษณา, เรียกtraffic และขายสินค้า ที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ ผมอยากให้พิจารณาว่า การที่เราไม่successกับeBay แล้ว แสดงว่ามันไม่ดีจริง อย่างนั้นรึครับ ในมุมมองของผม แสดงว่าเราได้เรียนรู้ที่จะประสบความสำเร็จอีกระดับนึงแล้ว เพราะสิ่งที่ทำให้เราไม่success นั้นบางครังปัจจัยอาจจะเกิดมาจากตัวเราเองก็ได้ครับ เช่น เขียนโฆษณษาที่น่าสนใจรึไม่, การวางรูปแบบlayout เป็นอย่างไร, รูปภาพที่ถ่ายชัดเจน มองเห็นหลายๆมุมมองหรือไม อย่าลืมว่าbuyer เค้าไม่ได้สัมผัสกับตัวสินค้าโดยตรง เค้าก็ต้อง การเห็นสินค้าในหลายๆมุมมอง, ถ้าสินค้าเรามีลูกค้าเก่าๆเคยเขียน testimonial มาให้ก็ใส่ลงไปได้เลยครับ จะเป็น referral ให้คนที่จะซื้อสินค้ามั่นใจยิ่งขึ้น, สินค้าเรามี return policy หรือ satisfaction guarantee  หรือไม่, ที่สำคัญต้องไม่โกหกลูกค้าครับ ถ้าทำได้ก็บอกว่าได้ ไม่ได้ก็ต้องบอกตรงๆแล้วเสนอทางเลือกอื่นให้ลูกค้า เค้าจะมองเราเป็นpartnerครับ

:Smiley

กรณีที่สินค้าเราเหมือนกับผู้ขายรายอื่น ลองเพิ่ม value-added เล็กๆน้อยเข้าไปก็เป็นทางเลือกที่ดีนะครับ เช่น หาpackaging  สวยๆ ราคาไม่แพง (ถ้าทำเองได้ยิ่งดี) แล้วอย่าลืมใส่รูปถ่ายตอนสินค้าเราอยู่ในบรรจุภัณฑ์สวยๆ เข้าไปด้วย ก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการขาย และฉีกหนีคู่แข่งได้นะครับ ที่สำคัญเรายังมีโอกาสในการupราคาสินค้าให้สูงขึ้นด้วย หรือถ้าไม่ขึ้นราคา แต่สินค้าเราดูดีกว่า็(packaging สวยกว่า) เราก็มีโอกาสจะขายได้มากกว่าครับ หรืออาจจะแถมของแถมเล็กๆน้อยที่บ้านเมืองเค้าไม่มีก็ได้ครับ ช่วยจูงใจให้ซื้อสินค้าเราได้

Kiss

เวลาในการแปะสินค้าก็เหมือนกัน เราต้องดูด้วยนะครับว่า สินค้าที่เราแปะขายนั้นมัน expire เมื่อไหร่ ถ้าexpireตอนวันธรรมดา โดยเฉพาะวันศุกร์ (ที่ฝรั่งชอบออกไปpartyนอกบ้าน) exposure ของสินค้าเราก็น้องลง โอกาสจะขายก็น้อยลง แนะนำเป็นช่วงบ่ายๆวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์ครับ น่าจะมีโอกาสมากขึ้น

อีกวิธีที่ผมว่าน่าสนใจก็คือ ทำรายละเอียดในหน้า about me ครับ แสดงตัวว่าเราเป็นใคร ทำธุรกิจอะไร ทำมานานเท่าใดแล้ว ที่ตั้งหรือสถานที่อยู่ที่ใด เชี่ยวชาญอะไรเป็นพิเศษ จะcontactเราได้อย่างไร ก็ช่วยให้เรามีความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นครับ

อ้อแล้วอีกอย่าง ถ้าจำไม่ผิด eBayได้เพิ่มหน้า My Worldขึ้นมาด้วยครับ จะเป็นmoduleคล้ายกับBlogนี่แหละ เขียนแนะนำตัวเอง hobbyที่ชอบ หนังที่ชอบดู เพลงที่ชอบฟัง ธุรกิจที่เราทำอยู่ สินค้าที่ขาย
***เวลาเขียนข้อมูลเหล่านี้ลงใน My World  มันจะเป็น tag (ตัวหนา ขีดเส้นใต้) เวลาeBayer รายอื่นsearchหาคนที่มีfavorite hobbyหรือสิ่งที่สนใจเหมือนกัน ก็จะlinkติดรายละเอียดของเราไปด้วยครับ***

Grin

สุดท้ายนี้ ในความคิดของผม ถ้าผมจะขายสินค้าสักตัวนึง ผมจะไม่ถามตัวเองว่า "สินค้าตัวนี้จะขายได้หรือไม่" แต่จะถามว่า "ผมจะขายสินค้าตัวนี้อย่างไร" มันต่างกันนะครับ ถ้าคำตอบของคำถามแรกคือ ไม่   ทุกอย่างก็จบครับ ไม่มีการคิดตอ่ยอด
แต่ถ้าเป็นคำถามที่สอง มันเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้คิดต่อยอด หาหนทางในการขายต่อไป บางทีเราอาจจะได้เป็น power seller ในเร็ววันก็ได้นะครับ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ค่อยเรียนรู้ครับ ทุกคนเริ่มจากศูนย์กันหมดอยู่แล้ว นักรบที่เก่งที่สุดคือนักรบที่มีแผลเป็นเยอะที่สุดนะครับ เอาใจช่วยทุกๆคนครับ

Cool

***การที่ำeBayขึ้นค่าFee นั้น ทุกคนโดนเหมือนกันหมดครับ แต่ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะมีวิธีการ ไหวพริบการเอาตัวรอดได้อย่างไร
ถ้าเรามองแต่ภาพใหญ่(อยากขายสินค้าให้ได้) โดยไม่สนใจรายละเอียดหรือองค์ประกอบเล็กๆน้อยๆ (จะขายอย่างไร)ดังที่ผมเขียนมาข้างต้น แล้วภาพใหญ่มันจะสมบูรณืได้อย่างไรครับ jigsawมันก็ไม่ลงตัวนะครับ***

สู้โว๊ย
ถ้าผมเขียนอะไรที่ผิดพลาดไป ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ ท่านใดมีข้อเสนอแนะอื่นๆ ยินดีรับฟังครับ

ส่วนมากถ้าไปอบรมเค้าก็จะพูดแบบนี้แหละครับ มันเป็น basic ที่เค้าแนะนำกัน สิ่งที่คุณแนะนำมาถูกต้องครับ ใช้กับตลาดทั่วไปได้ แต่ตลาดนี้มีความจำเพาะ ไม่สามารถใช้ pattern ทั่วไปได้

ebay ลด fee ลงมา แต่ hidden costs ยังสูงเหมือนเดิมครับ ไม่ได้ต่างกันมาก แต่มันเป็นการส่งสัญญาณว่าขาลงแล้วนะ เลยลดราคาเรียกลูกค้า แต่ไม่ค่อย effect เท่าไรหรอกครับ

สำหรับคนไทยแล้ว ebay เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะกระแสว่า เฮ้ย ขายได้โปรโมตได้ คือเค้าไม่ได้พูดให้จบว่ามันขายอะขายได้จริงครับ แต่ถ้าคำนึงถึง hidden costs ถ้าคุณคิด cover ทั้งหมดแล้วมันไม่คุ้มครับ เพราะคุณต้องคิดถึงเวลาที่คุณเสียไป คุณเอาเวลาเหล่านี้ไปทำอย่างอื่นได้ครับ นับเป็นค่าเสียโอกาสด้วย คือ คุณขายของได้จริง แต่คุณขาดทุนเพราะ Fee ที่เสีย ณ จุดต่างๆเยอะมาก ล่าสุดเพื่อนผมที่เป็นฝรั่งเพิ่งถอนตัวออกมาอีกรายเมื่อ 3 วันที่แล้ว

แต่ถ้าลองขายจริงๆ แล้วจะไม่ง่ายครับ ที่มาฟันธงให้เพราะไม่อยากให้คนหลงตามกระแสเกินไป เห็นมีคนเขียนหนังสือออกมา แล้วก็เขียนตามกันเป็น Fashion ในตลาด ลองขายกันแล้วก็เจ็บตัวกันไปเป็นแถวเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ตลาดนี้แข่งกันด้วยราคาครับ Value-add ไม่มีผลเท่าไรเท่าที่สังเกตนะครับ เห็นคนทำแล้วก็เจ็บตัวกันไปตามๆกันเยอะครับมีรอดอยู่ไม่กี่ราย โอกาสไปสู้กับรายเก่ายากครับ เพราะเค้าทำมานานมี volume ต้นทุนเค้าต่ำกว่าอยู่แล้ว

ถ้าติดตามตลาดนี้จริงๆ thai user success น้อยมาก ส่วนมากเป็นฝรั่งเมียไทยขายพลอย และเค้ามีฐานลูกค้าอยู่แล้ว
ไม่อยากให้ตามกระแส เพราะต้องดูด้วยว่าตอนนี้เป็นขาลงแล้ว ไม่ใช่ขาขึ้นเหมือนแต่ก่อน ถ้าคุณอยู่ไทยอีเบย์ ด้วยจะเห็นว่าความคึกคักลดลงไปมากหนีมาอยู่ thaiseoboard หมด

ผมเองก็มี powerseller account ครับเมื่อก่อน เป็นสิ่งที่ทำไม่ยาก เห็นเค้าก็มีกันหมดนะ แต่ต้องถอน เพราะมันไม่คุ้มเมื่อเทียบกับ ADSENSE (Power seller หนีมาทำ Adsense กันหมดแล้ว) พวกนี้แต่ละคนไม่ธรรมดาครับ ทำ description กันเนียนมาก และขายขั้นเทพกันทั้งนั้น ต่างเห็นพ้องกันว่าไม่คุ้ม  มันเป็นตลาดที่คนในอยากออก คนนอกอยากเข้าครับ

ADSENSE นี่ลงยังไงก็ไม่เห็นทางเจ็บตัวเลยครับ ส่วน ebay ลงหนะได้มันได้ครับ แต่ ADSENSE หรือ AFFILIATE คุ้มกว่าเยอะ เงินที่ได้ก็เรียกว่าเกือบจะเป็นกำไรล้วนๆ ครับ ถ้าฝึกฝนหน่อย จะเข้าใจครับ ผมไม่ค่อยเห็นคนอยากเลิกทำเท่าไรเลยครับ adsense เนี่ย 

ถ้ามีทางเลือกที่ไม่เสี่ยง ก็ควรเลือกที่ไม่เสี่ยงดีกว่าไม่ใช่หรือครับ เพราะทางเลือกที่เสี่ยงก็ไม่การันตีว่าจะได้ผลมากกว่า ใน case นี้มันไม่ใช่ high risk, high return. มันมีแต่ low risk (high risk google banned), medium return กับ high risk, low return (ebay)  ครับ

ก็แค่อยากเตือนไม่อยากให้ตามไปเจ็บตัวกันเปล่าๆ ฟันธงครับ ทำ adsense คุ้มกว่า เอาเวลานั่งปั่นเวบดีๆดีกว่า
บันทึกการเข้า
doh
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2007, 22:48:02 »

ผมว่าเราถ้าเราพิจารณาให้ดีแล้ว eBayถือว่าเป็นตลาดที่ให้โอกาสในการโปรโมต, ประชาสัมพันธ์, โฆษณา, เรียกtraffic และขายสินค้า ที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ ผมอยากให้พิจารณาว่า การที่เราไม่successกับeBay แล้ว แสดงว่ามันไม่ดีจริง อย่างนั้นรึครับ ในมุมมองของผม แสดงว่าเราได้เรียนรู้ที่จะประสบความสำเร็จอีกระดับนึงแล้ว เพราะสิ่งที่ทำให้เราไม่success นั้นบางครังปัจจัยอาจจะเกิดมาจากตัวเราเองก็ได้ครับ เช่น เขียนโฆษณษาที่น่าสนใจรึไม่, การวางรูปแบบlayout เป็นอย่างไร, รูปภาพที่ถ่ายชัดเจน มองเห็นหลายๆมุมมองหรือไม อย่าลืมว่าbuyer เค้าไม่ได้สัมผัสกับตัวสินค้าโดยตรง เค้าก็ต้อง การเห็นสินค้าในหลายๆมุมมอง, ถ้าสินค้าเรามีลูกค้าเก่าๆเคยเขียน testimonial มาให้ก็ใส่ลงไปได้เลยครับ จะเป็น referral ให้คนที่จะซื้อสินค้ามั่นใจยิ่งขึ้น, สินค้าเรามี return policy หรือ satisfaction guarantee  หรือไม่, ที่สำคัญต้องไม่โกหกลูกค้าครับ ถ้าทำได้ก็บอกว่าได้ ไม่ได้ก็ต้องบอกตรงๆแล้วเสนอทางเลือกอื่นให้ลูกค้า เค้าจะมองเราเป็นpartnerครับ

:Smiley

กรณีที่สินค้าเราเหมือนกับผู้ขายรายอื่น ลองเพิ่ม value-added เล็กๆน้อยเข้าไปก็เป็นทางเลือกที่ดีนะครับ เช่น หาpackaging  สวยๆ ราคาไม่แพง (ถ้าทำเองได้ยิ่งดี) แล้วอย่าลืมใส่รูปถ่ายตอนสินค้าเราอยู่ในบรรจุภัณฑ์สวยๆ เข้าไปด้วย ก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการขาย และฉีกหนีคู่แข่งได้นะครับ ที่สำคัญเรายังมีโอกาสในการupราคาสินค้าให้สูงขึ้นด้วย หรือถ้าไม่ขึ้นราคา แต่สินค้าเราดูดีกว่า็(packaging สวยกว่า) เราก็มีโอกาสจะขายได้มากกว่าครับ หรืออาจจะแถมของแถมเล็กๆน้อยที่บ้านเมืองเค้าไม่มีก็ได้ครับ ช่วยจูงใจให้ซื้อสินค้าเราได้

Kiss

เวลาในการแปะสินค้าก็เหมือนกัน เราต้องดูด้วยนะครับว่า สินค้าที่เราแปะขายนั้นมัน expire เมื่อไหร่ ถ้าexpireตอนวันธรรมดา โดยเฉพาะวันศุกร์ (ที่ฝรั่งชอบออกไปpartyนอกบ้าน) exposure ของสินค้าเราก็น้องลง โอกาสจะขายก็น้อยลง แนะนำเป็นช่วงบ่ายๆวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์ครับ น่าจะมีโอกาสมากขึ้น

อีกวิธีที่ผมว่าน่าสนใจก็คือ ทำรายละเอียดในหน้า about me ครับ แสดงตัวว่าเราเป็นใคร ทำธุรกิจอะไร ทำมานานเท่าใดแล้ว ที่ตั้งหรือสถานที่อยู่ที่ใด เชี่ยวชาญอะไรเป็นพิเศษ จะcontactเราได้อย่างไร ก็ช่วยให้เรามีความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นครับ

อ้อแล้วอีกอย่าง ถ้าจำไม่ผิด eBayได้เพิ่มหน้า My Worldขึ้นมาด้วยครับ จะเป็นmoduleคล้ายกับBlogนี่แหละ เขียนแนะนำตัวเอง hobbyที่ชอบ หนังที่ชอบดู เพลงที่ชอบฟัง ธุรกิจที่เราทำอยู่ สินค้าที่ขาย
***เวลาเขียนข้อมูลเหล่านี้ลงใน My World  มันจะเป็น tag (ตัวหนา ขีดเส้นใต้) เวลาeBayer รายอื่นsearchหาคนที่มีfavorite hobbyหรือสิ่งที่สนใจเหมือนกัน ก็จะlinkติดรายละเอียดของเราไปด้วยครับ***

Grin

สุดท้ายนี้ ในความคิดของผม ถ้าผมจะขายสินค้าสักตัวนึง ผมจะไม่ถามตัวเองว่า "สินค้าตัวนี้จะขายได้หรือไม่" แต่จะถามว่า "ผมจะขายสินค้าตัวนี้อย่างไร" มันต่างกันนะครับ ถ้าคำตอบของคำถามแรกคือ ไม่   ทุกอย่างก็จบครับ ไม่มีการคิดตอ่ยอด
แต่ถ้าเป็นคำถามที่สอง มันเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้คิดต่อยอด หาหนทางในการขายต่อไป บางทีเราอาจจะได้เป็น power seller ในเร็ววันก็ได้นะครับ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ค่อยเรียนรู้ครับ ทุกคนเริ่มจากศูนย์กันหมดอยู่แล้ว นักรบที่เก่งที่สุดคือนักรบที่มีแผลเป็นเยอะที่สุดนะครับ เอาใจช่วยทุกๆคนครับ

Cool

***การที่ำeBayขึ้นค่าFee นั้น ทุกคนโดนเหมือนกันหมดครับ แต่ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะมีวิธีการ ไหวพริบการเอาตัวรอดได้อย่างไร
ถ้าเรามองแต่ภาพใหญ่(อยากขายสินค้าให้ได้) โดยไม่สนใจรายละเอียดหรือองค์ประกอบเล็กๆน้อยๆ (จะขายอย่างไร)ดังที่ผมเขียนมาข้างต้น แล้วภาพใหญ่มันจะสมบูรณืได้อย่างไรครับ jigsawมันก็ไม่ลงตัวนะครับ***

สู้โว๊ย
ถ้าผมเขียนอะไรที่ผิดพลาดไป ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ ท่านใดมีข้อเสนอแนะอื่นๆ ยินดีรับฟังครับ

ส่วนมากถ้าไปอบรมเค้าก็จะพูดแบบนี้แหละครับ มันเป็น basic ที่เค้าแนะนำกัน สิ่งที่คุณแนะนำมาถูกต้องครับ ใช้กับตลาดทั่วไปได้ แต่ตลาดนี้มีความจำเพาะ ไม่สามารถใช้ pattern ทั่วไปได้

ebay ลด fee ลงมา แต่ hidden costs ยังสูงเหมือนเดิมครับ ไม่ได้ต่างกันมาก แต่มันเป็นการส่งสัญญาณว่าขาลงแล้วนะ เลยลดราคาเรียกลูกค้า แต่ไม่ค่อย effect เท่าไรหรอกครับ

สำหรับคนไทยแล้ว ebay เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะกระแสว่า เฮ้ย ขายได้โปรโมตได้ คือเค้าไม่ได้พูดให้จบว่ามันขายอะขายได้จริงครับ แต่ถ้าคำนึงถึง hidden costs ถ้าคุณคิด cover ทั้งหมดแล้วมันไม่คุ้มครับ เพราะคุณต้องคิดถึงเวลาที่คุณเสียไป คุณเอาเวลาเหล่านี้ไปทำอย่างอื่นได้ครับ นับเป็นค่าเสียโอกาสด้วย คือ คุณขายของได้จริง แต่คุณขาดทุนเพราะ Fee ที่เสีย ณ จุดต่างๆเยอะมาก ล่าสุดเพื่อนผมที่เป็นฝรั่งเพิ่งถอนตัวออกมาอีกรายเมื่อ 3 วันที่แล้ว

แต่ถ้าลองขายจริงๆ แล้วจะไม่ง่ายครับ ที่มาฟันธงให้เพราะไม่อยากให้คนหลงตามกระแสเกินไป เห็นมีคนเขียนหนังสือออกมา แล้วก็เขียนตามกันเป็น Fashion ในตลาด ลองขายกันแล้วก็เจ็บตัวกันไปเป็นแถวเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ตลาดนี้แข่งกันด้วยราคาครับ Value-add ไม่มีผลเท่าไรเท่าที่สังเกตนะครับ เห็นคนทำแล้วก็เจ็บตัวกันไปตามๆกันเยอะครับมีรอดอยู่ไม่กี่ราย โอกาสไปสู้กับรายเก่ายากครับ เพราะเค้าทำมานานมี volume ต้นทุนเค้าต่ำกว่าอยู่แล้ว

ถ้าติดตามตลาดนี้จริงๆ thai user success น้อยมาก ส่วนมากเป็นฝรั่งเมียไทยขายพลอย และเค้ามีฐานลูกค้าอยู่แล้ว
ไม่อยากให้ตามกระแส เพราะต้องดูด้วยว่าตอนนี้เป็นขาลงแล้ว ไม่ใช่ขาขึ้นเหมือนแต่ก่อน ถ้าคุณอยู่ไทยอีเบย์ ด้วยจะเห็นว่าความคึกคักลดลงไปมากหนีมาอยู่ thaiseoboard หมด

ผมเองก็มี powerseller account ครับเมื่อก่อน เป็นสิ่งที่ทำไม่ยาก เห็นเค้าก็มีกันหมดนะ แต่ต้องถอน เพราะมันไม่คุ้มเมื่อเทียบกับ ADSENSE (Power seller หนีมาทำ Adsense กันหมดแล้ว) พวกนี้แต่ละคนไม่ธรรมดาครับ ทำ description กันเนียนมาก และขายขั้นเทพกันทั้งนั้น ต่างเห็นพ้องกันว่าไม่คุ้ม  มันเป็นตลาดที่คนในอยากออก คนนอกอยากเข้าครับ

ADSENSE นี่ลงยังไงก็ไม่เห็นทางเจ็บตัวเลยครับ ส่วน ebay ลงหนะได้มันได้ครับ แต่ ADSENSE หรือ AFFILIATE คุ้มกว่าเยอะ เงินที่ได้ก็เรียกว่าเกือบจะเป็นกำไรล้วนๆ ครับ ถ้าฝึกฝนหน่อย จะเข้าใจครับ ผมไม่ค่อยเห็นคนอยากเลิกทำเท่าไรเลยครับ adsense เนี่ย 

ถ้ามีทางเลือกที่ไม่เสี่ยง ก็ควรเลือกที่ไม่เสี่ยงดีกว่าไม่ใช่หรือครับ เพราะทางเลือกที่เสี่ยงก็ไม่การันตีว่าจะได้ผลมากกว่า ใน case นี้มันไม่ใช่ high risk, high return. มันมีแต่ low risk (high risk google banned), medium return กับ high risk, low return (ebay)  ครับ

ก็แค่อยากเตือนไม่อยากให้ตามไปเจ็บตัวกันเปล่าๆ ฟันธงครับ ทำ adsense คุ้มกว่า เอาเวลานั่งปั่นเวบดีๆดีกว่า

ขอบคุณมุมมองของผู้มีประสบการณ์ครับ  Smiley
บันทึกการเข้า

สอนทำธุรกิจ MLM ออนไลน์โดยไม่ต้องออกไปไล่ล่าใคร ด้วยวิธี Attraction Marketing --> http://Detnarong.com
เดี๋ยวจะบอกว่าชื่ออะไร
~*มาเฟีย บอร์ดเสียว*~
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 206
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,266



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2007, 23:26:25 »

ผมเคยทำ แต่ไม่ค่อยรุ่งเท่าไรครับ
บันทึกการเข้า

เศรษฐีผู้รวยด้วยหนูตายหนึ่งตัว บริการรีวิว เพิ่มคำวิจารณ์ 5 ดาวแฟนเพจ ขายชิบ ไพ่เท็กซัส
เกิดในที่...ที่ดี...นั้นดีแน่ 
เกิดในที่...ที่แย่...ก็ดีได้  
เกิดที่ดี...แล้วแย่...มีถมไป  
เกิดที่ไหน...ก็ดีได้ถ้าใฝ่ดี
ปรายฟ้า
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 51



ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2007, 02:01:39 »

มาฟันธงครับ

ไม่ work ทั้งผู้ผลิตและรายย่อยครับ เพราะ

1. ค่าธรรมเนียมแพง
2. ปีนี้ตลาด down ไปมาก
3. ต้อง stock ของ ต้องมีของส่งตลอด
4. คิดต่อหัวแล้ว ผ่าน adwords คุ้มกว่า ช่องทางโปรโมตฟรีมีมากกว่า
5. มี่ทางเลือกที่ดีกว่าจาก adsense ใช้สมองนิดนึง รวยกว่า เหนื่อยน้อยกว่าเยอะครับ

ถ้าไม่ใช่พวก gem โอกาสรอดยากครับ 99% ของ user ในไทยขาย gem ครับ เห็นขายกันดีเอาๆ ส่วนสินค้าอย่างอื่นขายไปก็เหนื่อยเปล่าครับ หลายๆคนที่ขายหนีมาทำ adsense กันหมดแล้วครับ คนในที่นี้หลายคนมาจาก thaiebay กันหลายคนครับ ลี้ภัยมาพึ่งใบบุญพี่กูกันหมดแล้ว ผมเชียร์ว่าถ้าคุณทำได้ไปขาย gem หรือ พวก stone เถอะครับ เห็นฝรั่งมันมาทำแล้วโกยเงินกันเป็นว่าเล่น ผมเองเคยไปสัมมนาที่อีเบย์จัดในไทยมาแล้วเห็นแต่มันขาย gem กันหมดครับนึกว่างานสัมมนาพลอย


อ้างถึง
จริงๆอีเบย์ แข่งขันกันสูง
วิธีการคือ หาสินค้าที่มีคนซื้อขายกันอยู่แล้ว
แล้วก็เข้าไปทุ่มตลาด ตัดราคา ไม่มาก

หากเราได้ทุนต่ำ ก็กำไรมากค่ะ

ว่างๆก็ search ดูว่ามีอะไรขายได้ดีบ้าง
ซึ่งสินค้าตัวนั้น คุณสามารถหาได้ ในราคาที่ต่ำ เวลาไปเดิน ห้าง / ตลาด
ก็หมั่นสำรวจราคาสินค้า แล้วกลับมาดู ที่อีเบย์
ส่วนมากที่ขายอยู่
ต้นทุนมา 100 ก็คุณ 2 ไปเลย นั่นคือราคา ที่จะตั้งขาย
(ป.ล.สูตรนี้ใช้ไม่ได้กับสินค้าที่หนักๆ)

ปัจจัยที่ว่าผู้ผลิต ก็มีส่วน
แต่ลองนึกถึงเมืองไทย ผู้ผลิต ก็ไม่ได้มานั่งขายอีเบย์นะ

คุณต้องขยันมองหา
แล้วจะได้โอกาสค่ะ

ผมมองอีกทางนึงนะ ว่าการตัดราคาเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง คนในไทยอีเบย์ถึงต้องหนีมาทำ adsense กันหมดนี่แหละครับ (ขอระบายหน่อยครับ)

ถ้าจะขายอะไร แนะนำให้หาสินค้าใหม่ครับ ที่มันขายได้ราคาดี ค้าขายแบบญี่ปุ่นดีกว่าครับเค้ามีศักดิ์ศรีในการค้า ถ้าใครลอกเลียนเค้าจะละอายใจ แค่โกงนิดเดียวก็ฮาราคีรีแล้วครับ สู้ด้วยความแตกต่างดีกว่าครับ ถ้าไม่เข้าใจลองไปหาหนังสือทาง business อ่านดู เรื่อง price กับ differentiation ของไทยยังมีดีๆอีกเยอะครับ แล้วมั่นใจว่าขายได้

ที่สำคัญคุณส่ง price ไปสู้ เอาสินค้าที่เค้าขายดีๆมาขายตัดราคา พอคุณทุ่มตลาดได้ คนอื่นๆเค้าก็ลดราคามาสู้ สุดท้ายก็เจ็บตัวกันหมด เอาแบบที่ดีที่สุด สมมติว่าคุณทุ่มตลาดได้แต่ทุ่มตลาดแน่นอนส่วนมากขาดทุน คุณได้ตลาด คุณขึ้นราคากลับมา รายเก่าเค้าก็เข้ามาอยู่ดี แล้วจะไปเอากำไรตอนไหนครับ เพราะส่วนมากมันก็มาจากโรงงานเดียวกันทั้งนั้นแหละครับ (ของเข้าจากจีนเกือบหมดแหละเมืองไทยเดี๋ยวนี้ หาไทยแท้ยาก) คุณไม่ใช่ผู้สร้างสินค้า ก็ควรรักษาราคาไว้ให้ผู้สร้างเค้าบ้างครับ อย่าคิดแต่จะเอาๆ

อะไรที่ฝรั่งมันไม่รู้ก็ฟันมันเยอะๆครับ work กว่า ดีกว่ามาฆ่าคนไทยกันเอง แล้วที่สำคัญ โอกาสที่คนเก่าๆเค้าจะโต้ตอบคุณก็มีครับ ส่วนมากเค้าได้ต้นทุนต่ำกว่ารายใหม่อยู่แล้วหละ เพียงแต่เค้าไม่ขายต่ำเอง

ส่วน การสร้างแบรนด์เค้าไม่ค่อยสนใจกันเท่าไรครับ เห็นขายส่วนมากก็ของ copy กัน

จริงๆเรื่องนี้อยู่ในตำราเรียนเสดสาดขั้นกลาง คุณลองไปหาอ่านดูเพิ่มเติมก็ได้ครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นใน ebay มาแล้ว

ลองคิดภาพง่ายๆนะครับ ถ้าคนเอาสคริปปั่นมาขายตัดราคากัน สุดท้ายแล้วคนทำสคริปปั่นก็ไม่เหลืออะไร แล้วใครจะมีกำลังทำของดีๆมาให้พวกท่านใช้กันหละครับ แต่สคิรปปั่นยังดีหน่อยตรงที่ว่ามันค่อนข้าง different ดังนั้น price จึงไม่ใช่ประเด็นสุดท้าย

แล้วสุดท้ายอยากฝากไว้ให้คิดนิดนึงครับ ว่าทำไมคนจาก thaiebay จึงกลายมาเป็นคน thaiseoboard แทนหลายท่านอยู่ในวันนี้ครับ ไม่เชื่อถามคุณเอกได้ เพราะผลตอบแทนตรงนี้ work กว่าเยอะ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอาเวลาอันมีค่าไปลงกับโปรเจคที่ rate of return ต่ำกว่า

หวังว่าคงได้ idea นะครับ ผมมองอีกมุมนึง ในฐานะคนทำ ebay แล้วหนีมาทำ adsense มาก่อน


เป็นเรื่องธรรมดาของโลกนะคะ
เรื่องลอก/ตัดราคา มีกันทั่วไป ไม่ต้องใน ebay ก็มีอยู่
ถ้าได้ลองมาค้าขายบนโลกจริงจะเข้าใจ

อย่าไปกักความคิดคน
ให้ลงมือทำแล้วถ้ามีปัญญาเค้าจะสานต่อได้เอง
หรือท้อเพราะไม่เกทไอเดียก็จะพับไป

รายได้จากอีเบย์ สัปดาห์นึง กำไร 1 แสน
ไม่ได้ขาย พลอย ด้วย
บันทึกการเข้า

7
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 16
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,353



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2007, 03:25:10 »

อิอิ ไม่อยากแซว Cheesy
บันทึกการเข้า

korpai
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 306



ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2007, 09:19:40 »

อ้างถึง
เป็นเรื่องธรรมดาของโลกนะคะ
เรื่องลอก/ตัดราคา มีกันทั่วไป ไม่ต้องใน ebay ก็มีอยู่
ถ้าได้ลองมาค้าขายบนโลกจริงจะเข้าใจ

อย่าไปกักความคิดคน
ให้ลงมือทำแล้วถ้ามีปัญญาเค้าจะสานต่อได้เอง
หรือท้อเพราะไม่เกทไอเดียก็จะพับไป

รายได้จากอีเบย์ สัปดาห์นึง กำไร 1 แสน
ไม่ได้ขาย พลอย ด้วย

มันเป็นธรรมดาของโลกจริงๆแหละครับ ทุกที่มีการตัดราคา
เพียงแต่สิ่งที่นำออกมาเสนอเพราะตลาดนี้มีความเฉพาะ ตัดไปก็ตายเอง
เห็นแล้วตะหงิดๆ อยากให้แนะนำในสิ่งที่ถูกต้องแค่นั้นแหละครับ
เราต่างก็รู้กันดีว่าบางอย่างเก็บไว้ดีกว่า เป็นสิ่งที่ไม่ควรชี้โพรงให้กระรอกไปตายครับ ผมสงสาร
ถ้าจะตายให้ลองแล้วตายเองยังดีกว่า

แค่ออกมาเตือนว่าอย่าให้หลงกระแส  ไม่ได้กักความคิด แต่มาฟันธงให้ว่าอะไรเป็นอะไรจะได้ไม่หลงทาง แล้วขอรบกวนกลับไปอ่านอีกรอบนะครับ และที่ฟันธงไม่ใช่ว่าไม่ดีแค่รอดยากและเพราะโดยส่วนใหญ่แล้วเท่าที่ check Adsense กับ Affiliate ทำแล้วได้กำไรดีกว่าและโอกาสรอดเนื้อๆกว่าครับ เน้นๆเลย ขอให้ตั้งใจทำจริงๆ ทำอะไรก็ทำให้ดีไปสักอย่างโอกาสสำเร็จมันสูงกว่าครับ

นอกจากนี้มันยังเรื่องของค่าเงิน และอีกหลายๆปัจจัยภายนอกครับ บางอย่างบอกตรงๆว่าเอามาลงที่นี่ไม่ได้

ไปลองทำดูก็ได้ครับ จะได้เข้าใจว่ามันรอดยาก สงสารไม่อยากให้เอาทุนไปจม ผ่านมาเยอะแล้วครับ ทุนเท่ากันทำ adsense หรือ aff ได้ ROI สูงกว่าเยอะ กินยาวกว่าด้วยครับ ถ้าต้องเลือกผมคิดว่า Adsense work กว่านะ

Ps. พวกขายพลอยขายดีจริงๆครับ กำไร 1 แสนสำหรับพวกเค้าเป็นเหมือนของเล่นครับ ผมนั่งคิดคร่าวๆ ดูแล้วครับ ส่วนมากถ้าทำการค้าไม่ว่าจะอินเตอร์เน็ต หรือบนโลกจริงๆ และไม่มีใครเอาตัวเลขจริงๆมาบอกกันหรอกครับ  ของพวกนี้ต้องไปประเมินเอง

อย่าคิดแต่ทางได้ ให้คิดทางที่เสียด้วยครับ ลองคำนวณความเสี่ยงและความคุ้มทุนก่อนเริ่มดำเนินการก็ดีครับ จะได้เข้าใจที่ผมอธิบาย และอย่าตั้งอะไรเกินจริงครับ ไม่เช่นนั้นเหมอืนเอาเงินไปทิ้ง

ตอนนี้มีข้อมูล 2 ทางและ debate จบแล้ว อย่างไรลองไปพิจารณากันดูเองครับ 

case มุมมองต่างๆไม่มีใครผิด แล้วแต่มุมมอง คิดว่าคงได้ idea กันไปไม่มากก็น้อย

ถ้าทุกคนได้หมด คงไม่มีคนจนบนโลกและความแตกต่าง อันนี้เป็นสัจจธรรม

เมื่อมีคนได้มาก็มีคนต้องเสียไป สุดท้ายอยู่ที่คุณเลือกครับ !

ผมฟันธง Adsense ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 กรกฎาคม 2007, 10:25:41 โดย korpai » บันทึกการเข้า
moneyjr
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 46
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,275



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2007, 10:06:03 »

เก่งทางใหน ทำทางนั้น ครับ
ผมเองก้ออยู่รอดด้วย ebay มาหลายปี ตอนนี้ก้อยังหากิน กะ ebay อยู่ แถมได้ adsense แถมมาด้วย
แต่พอไปขาย amazon cj ขาดทุนยับ ครับ
เอาเป็น จะทำทางใหน ก็ทำให้รู้จนเชี่ยวชาญ ก่อน แล้วถ้ายังไม่ได้ผล ก้อเปลี่ยนแนว ก้อได้ครับ อย่างน้อย ก้อได้ความรู้ (แถมความรู้เปลี่ยนเป็นเงินได้ด้วย )
บันทึกการเข้า

cookieMonster
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 16



ดูรายละเอียด
« ตอบ #13 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2007, 11:12:19 »

ขอบคุณที่แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ค่ะ เฮ้อ ไว้มีตังค์อีกซักก้อนจะลองลุยอีกรอบ ตอนนี้ก้อศึกษาตลาดไปพลางๆก่้อนละกัน  :-\
บันทึกการเข้า
thaiebayuser
Moderator
ก๊วนเสียว
*****

พลังน้ำใจ: 12
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 381



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2007, 11:30:31 »

Adsense เหมาะกับกลุ่มที่มีศักยภาพทางเทคนิค และมีความรู้ด้านทำเว๊บไซต์

eBay เหมาะกับกลุ่มพ่อค้า แม่ค้า ที่ไม่มีความรู้ด้านเทคนิค แต่ชอบค้าขาย


ดังนั้นแล้วแต่ความเหมาะสม ผมเจอลูกศิษย์หลายคนที่ได้ทำการเรียน การสอนมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา คนผ่านจากการสอนผมไปเป็นหลายร้อยคน ยอมรับว่ามีทั้งประสบความสำเร็จ และไม่สำเร็จ กลุ่มส่วนใหญ่ที่เข้ามามักจะเป็นคนทำงานประจำกันเยอะ และทำเว๊บไซต์กันไม่เป็น แต่มีความรู้ด้านอินเทอร์เน็ทเบื้องต้น

ผมเป็นกลางทั้ง 2 ฝ่าย การหารายได้ทั้ง Adsense และ eBay ทุกทางมีรายได้ด้วยกันทั้งหมด เพียงแต่ว่าใครจะหาไลน์สินค้าและทำเนื้อหาน่าสนใจมากกว่ากัน Adsense ถ้าเรามองอีกมุมก็ต้องเห็นใจคนที่ไม่สามารถทำเว๊บไซต์ได้ และไม่ได้เก่งด้านคอมโดยตรง ผมเองก็เคยคิดอยากให้เขามาร่วมทำ Adsense แต่แล้วมองว่าไปสร้างภาระเขาเปล่าๆ

ต้องแล้วแต่คนจะเลือกพิจารณา สำหรับผมเองก็มองทั้ง 2 อย่างดีหมด ไม่ได้ฟันธงไปด้านใด ด้านหนึ่ง ทุกทางมีเส้นทางของมัน ขึ้นอยู่เราจะเลือกและใช้มันอย่างมีประโยชน์สูงสุดแค่ไหนล่ะครับ
บันทึกการเข้า

hit behind the kitchen
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 17



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2007, 23:16:20 »

ผมก้ออีกคนนึงละครับที่ขายของ บนebay ถือว่าประสปความสำเร็จพอสมควร
ทางรอดในการขายในebay มันก้อยังมีอยู่
ผมไม่ใช่ผู้ผลิต ก้อไปเอาของมาจากที่ขายส่งแล้วมาขาย
ว่างๆ ก้อ ว่าจะลอง adsense ดูกะเค้าบ้าง แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
บันทึกการเข้า

bkkball
korpai
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 306



ดูรายละเอียด
« ตอบ #16 เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2007, 00:12:01 »


ซื้อสคริปปั่น แล้วลุยโลดครับ ผมมองว่ายังไงก็คุ้มชัวร์

ผมกะว่าปั่นมาแล้ว แต่งๆเนื้อหา unique ไปอีกหน่อยจะได้อยู่ได้ยาวๆ

Nice5ive ก้อดูดีครับ  Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley คุณ Tee++ ตอบเร็วมาก  ไม่ต้องกลัวใช้ไม่เป็นครับ ยังไม่ได้ใช้เลย แต่เชียร์อีกคนคงไม่ว่ากันนะครับ
บันทึกการเข้า
punggy
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 30



ดูรายละเอียด
« ตอบ #17 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2007, 17:22:54 »

เก่งทางใหน ทำทางนั้น ครับ
ผมเองก้ออยู่รอดด้วย ebay มาหลายปี ตอนนี้ก้อยังหากิน กะ ebay อยู่ แถมได้ adsense แถมมาด้วย
แต่พอไปขาย amazon cj ขาดทุนยับ ครับ
เอาเป็น จะทำทางใหน ก็ทำให้รู้จนเชี่ยวชาญ ก่อน แล้วถ้ายังไม่ได้ผล ก้อเปลี่ยนแนว ก้อได้ครับ อย่างน้อย ก้อได้ความรู้ (แถมความรู้เปลี่ยนเป็นเงินได้ด้วย )

นี่คือเรื่องจริงค่ะ ดูตัวเองว่าสนใจด้านไหนจะดีสุดค่ะ ขายอีเบย์ก็สนุกนะคะ งานmanual ก็มีให้ขยับร่างกายบ้าง(เช่นคัดเลือกสินค้าและส่ง) มือใหม่อีเบย์แรกๆ อย่าทุ่มทุนลงในสินค้าเฉพาะกลุ่ม ลองมองกว้าง ๆ นะคะ เราเป็นคนนึงที่อยู่ในวงการอีเบย์มาพอสมควร ไม่เคยเป็นผู้ผลิตเลย ไม่เคยต้องไปนั่งเฝ้าหน้าร้านเหมือนการขายอื่นๆ เดินทางไปต่างจังหวัด ต่างประเทศ เราก็ยังขายของได้ตลอดเวลา
บันทึกการเข้า

--------No Inferior--------
goldmine
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 103



ดูรายละเอียด
« ตอบ #18 เมื่อ: 02 กันยายน 2007, 21:39:23 »

ผมยังหากินกับ eBay พอได้อยู่ แต่ผมไม่เหมือนชาวบ้าน คือ ผม bid ได้สินค้ามาถูกๆแล้วส่งมาขายคนไทยอีกที ใช้ช่วงเวลาค่าเงินแบบนี้ ของในเมกาถูกลงเยอะเลยครับ
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์