ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comความรู้ทั่วไปE-commerce ขายสินค้าแบบ e-commerce ต้องเสียภาษีอย่างไร???
หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ขายสินค้าแบบ e-commerce ต้องเสียภาษีอย่างไร???  (อ่าน 5844 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ae18
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 13
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 325



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2010, 17:17:35 »

ขายสินค้าแบบ e-commerce ต้องเสียภาษีอย่างไร? ตอนนี้ทำงานประจำกับขายของทางเน็ตด้วย คิดอยากจะลงมาทำแบบเต็มตัว แต่อยากรู้เรื่องการเสียภาษีในการขายของแบบ e-commerce เพราะธุรกิจที่ทำทางเน็นอยู่ตอนนี้มีแนวโน้มไปได้ดี แม้ผลตอบแทนจะได้ไม่มากเท่าไหร่ เผื่อธุรกิจที่ทำอยู่ก้าวหน้าเกินคาด จะได้ไม่ต้องมาห่วงกับเรื่องการเสียภาษีย้อนหลัง ไม่ทราบว่าพอจะมีพี่ๆในที่นี้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเสียภาษีแบบขายของทางเน็ตให้ได้บ้างไหม???   Kiss
บันทึกการเข้า

FernanZdo
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 294



ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2010, 17:21:58 »

ผมจดทะเบียนการค้าครับ 50 บาท ต่างจังหวัดไปจดที่ อบจ แต่กทมไม่ทราบเหมือนกันว่าจดที่ไหน

จดเสร็จแล้วรอ1เดือนเพื่อรับCODEมาติดเว็บของเรา เมื่อติดแล้วจะเป็นสัญลักษณ์ของกรมัฒนาธุรกิจการค้าเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บของเรา

ดูได้ที่นี่เลยครับ http://www.thairegistration.com/mainsite/


 wanwan020
บันทึกการเข้า

ความลับสุดยอด
beatyserum
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20



ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2010, 18:12:49 »

ทำไมต้องจดทะเบียน

                    กองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการส่งเสริมและสนับสนุนพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มและขยายช่องทางการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการ จากการดำเนินงานที่ผ่านมาพบว่า พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทยยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก สาเหตุหนึ่งเกิดจากการขาดความน่า เชื่อถือของผู้ประกอบการ ทำให้ผู้บริโภคขาดความมั่นใจ เพราะไม่สามารถรู้หรือทราบได้ว่าผู้ประกอบการเป็นใคร อยู่ที่ไหน กรณีมีปัญหาหรือข้อพิพาทต่าง ๆ ไม่สามารถตรวจสอบการมีตัวตนของผู้ประกอบการได้

                    ดังนั้น จะเห็นว่า ความเชื่อถือและเชื่อมั่นดังกล่าว ถือเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การที่จะช่วยกระตุ้นให้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้รับความแพร่หลายในประเทศไทย เกิดการทำธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น จะต้องมีการสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้ประกอบการ ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจในการตัดสินใจทำธุรกรรมพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงได้กำหนดให้ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีสถานประกอบการตั้ง อยู่ในประเทศไทย ต้องมา จดทะเบียนพาณิชย์ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบการมีตัวตนของผู้ประกอบการได้ว่า ผู้ประกอบการมี ตัวตนจริงหรือไม่ เป็นใคร อยู่ที่ไหน ทำธุรกรรมอะไรบ้าง

ประโยชน์ของการจดทะเบียน

                    1. สร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้ประกอบการในระดับหนึ่ง โดยกรมฯ จะจัดทำเลขทะเบียน พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (เครื่องหมาย Registered) จัดส่งให้แก่ผู้ประกอบการ (ส่งทางe-Mail ในรูปแบบ Source Code) เพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปแสดงไว้บน Web Site หรือ Home Page เพื่อแสดงว่าได้ จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแล้ว เมื่อผู้บริโภค (ผู้ซื้อ) เห็นเครื่องหมาย Registered แล้ว จะเกิดความมั่นใจในการทำธุรกรรมเพิ่มมากขึ้น โดยเมื่อ click ที่เลขทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบจะเชื่อมโยงมายังฐานข้อมูลกรมฯ และแสดงข้อมูลทางทะเบียนของผู้ประกอบการ เพื่อให้ ประชาชนสามารถตรวจสอบสถานะและการมีตัวตนของผู้ประกอบการได้
                    2. กรมฯ จะนำรายชื่อเว็บไซต์ที่ขึ้นทะเบียน มาจัดทำเป็นฐานข้อมูล แยกตามประเภทธุรกิจ
(www.dbd.go.th/edirectory ) นำไปเผยแพร่แก่ผู้ประกอบการและประชาชนผู้สนใจผ่านสื่อต่าง ๆ เพื่อเป็นการช่วยเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ให้แก่ผู้ประกอบการอีกทางหนึ่ง
                    3. ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่จดทะเบียนแล้ว สามารถยื่นขอใช้เครื่อง หมายรับรองความน่าเชื่อถือ (Trustmark) จากกรมฯ ได้ ซึ่งเครื่องหมาย Trustmark นี้จะมีความ น่าเชื่อถือสูงกว่าเครื่องหมาย Registered กล่าวคือ จะออกให้แก่เว็บไซต์ที่มีคุณสมบัติตามที่กรมฯ กำหนด เท่านั้น เพื่อเป็นการยกระดับผู้ประกอบการของไทยให้เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ (www.trustmarkthai.com )
                    4. การได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ เช่น การเข้าร่วมการอบรมสัมมนา การได้รับคำแนะนำ และการได้รับข้อมูลข่าวสารด้านการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

ผู้มีหน้าที่จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

                    คือ บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในประเทศไทย ซึ่งประกอบพาณิชยกิจในเชิงพาณิชย์อันเป็นอาชีพปกติ ดังนี้
                    (1) ซื้อขายสินค้าหรือบริการ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ได้แก่ บุคคลที่มีเว็บไซต์เพื่อทำการซื้อขายสินค้าหรือบริการ
                    (2) บริการอินเทอร์เน็ต (ISP : Internet Service Provider)
                    (3) ให้เช่าพื้นที่ของเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Web Hosting)
                    (4) บริการเป็นตลาดกลางในการซื้อขายสินค้าหรือบริการ โดยวิธีการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (e-Marketplace)

เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการจดทะเบียน

                    1. คำขอจดทะเบียนพาณิชย์ (แบบ ทพ.) และ รายละเอียดเกี่ยวกับเว็บไซต์ (เอกสารแนบ)
                    2. สำเนาบัตรประจำตัว
                    - กรณีบุคคลธรรมดา ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
                    - กรณีนิติบุคคล ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวผู้จัดการของห้างหุ้นส่วน หรือของกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด (ไม่ต้องแนบหนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล)
                    3. หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
                    4. หนังสือชี้แจง (กรณียื่นล่าช้าหรือเกินกำหนด)

กำหนดเวลาการยื่นคำขอจดทะเบียน

                    ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ยังไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ ให้ยื่นขอจดทะเบียนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันเริ่มประกอบการ

สถานที่ยื่นจดทะเบียน

                    (1) ผู้ประกอบการที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครให้ยื่นจด ทะเบียนต่อ สำนักงานบริการจดทะเบียนธุรกิจ 1-7 หรือ ส่วนจดทะเบียนธุรกิจกลาง สำนักทะเบียนธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยจะเลือกยื่นต่อสำนักงานใดก็ได้
                    ส่วนจดทะเบียนธุรกิจกลาง (ชั้น 10 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สนามบินน้ำ นนทบุรี) โทร. 0 2547 5153-5
                    สำนักงานบริการการจดทะเบียนธุรกิจ 1 (อาคารธนาลงกรณ์ ถ.บรมราชชนนี)โทร.0 2446 8160-9
                    สำนักงานบริการการจดทะเบียนธุรกิจ 2 (อาคาร ถ.พระราม 6) โทร. 0 2618 3345
                    สำนักงานบริการการจดทะเบียนธุรกิจ 3 (อาคารปรีชาคอมเพล็กซ์ ถ.รัชดาภิเษก) โทร. 0 2276 7268
                    สำนักงานบริการการจดทะเบียนธุรกิจ 4 (อาคารวรวิทย์ ชั้น 8 โซน A-B) โทร. 0 2234 2951-3
                    สำนักงานบริการการจดทะเบียนธุรกิจ 5 (อาคารปรีชาคอมเพล็กซ์ ถ.รัชดาภิเษก) โทร. 0 2276 7255
                    สำนักงานบริการการจดทะเบียนธุรกิจ 6 (อาคารโมเดิอร์นฟอร์ม ถ.ศรีนครินทร์) โทร. 0 2722-8366-7
                    สำนักงานบริการการจดทะเบียนธุรกิจ 7 (อาคารปรีชาคอมเพล็กซ์ ถ.รัชดาภิเษก) โทร. 0 2276 7253

                    (2) ผู้ประกอบการที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่จังหวัดอื่น นอกจากกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะตั้งอยู่อำเภอใด ให้ยื่นต่อสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดนั้น ๆ เพียงแห่งเดียว

ตัวอย่างเว็บไซต์ประเภทซื้อขายสินค้าหรือบริการที่ต้องจดทะเบียน

- มีระบบการสั่งซื้อ เช่น ระบบกรอกฟอร์ม ระบบตะกร้า e-mail หรืออื่น ๆ
- มีระบบการชำระเงิน ออฟไลน์ หรือ ออนไลน์ เช่น การโอนเงินผ่านระบบบัญชี การชำระด้วยบัตรเครดิต หรือ e-cash , e-wallet เป็นต้น เป็นต้น
- มีระบบสมัครสมาชิก เพื่อรับบริการข้อมูลหรืออื่น ๆ โดยมีการคิดค่าใช้จ่าย (ถือเป็นการขายบริการ) เช่น บริการข่าวสาร/บทความ/หนังสือ การรับสมัครงานผ่านทางอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
- มีวัตถุที่ประสงค์หลักในการรับจ้างโฆษณาสินค้าหรือบริการของผู้อื่น และมีรายได้จากการโฆษณานั้น
- รับจ้างออกแบบเว็บไซต์ หรือเพียงโฆษณาว่าเป็นผู้รับจ้างออกแบบเว็บไซต์ เพราะถือว่าการออกแบบเว็บไซต์นั้นมีช่องทางการค้าปกติบนอินเทอร์เน็ต
- เว็บไซต์ให้บริการเกมส์ออนไลน์ที่คิดค่าบริการจากผู้เล่น (เจ้าของเว็บไซต์ต้องจดทะเบียน)
- เว็บไซต์ที่มีการส่งมอบสินค้าหรือบริการผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เช่น การ Download โปรแกรม เกมส์ Ringtone Screensaver SMS เป็นต้น

ตัวอย่างเว็บไซต์ประเภทซื้อขายสินค้าหรือบริการที่ไม่ต้องจดทะเบียน

- มีเฉพาะหน้าร้านโชว์สินค้าของตนเอง แต่ทำการค้าในช่องทางปกติ (ไม่ใช่อินเทอร์เน็ต) แม้จะมีข้อความแจ้งว่าให้ติดต่อได้ เช่น สนใจโทร.ติดต่อ… หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ….
- การโฆษณาสินค้าของตนเอง โดยลักษณะของการโฆษณานั้นไม่ใช่วัตถุที่ประสงค์หลักของกิจการและไม่ใช่ช่อง ทางค้าปกติ แม้จะมี banner ของผู้อื่นมาติดและมีรายได้จาก banner ก็ตาม
- การประชาสัมพันธ์หรือเผยแพร่ข้อมูลแก่สมาชิกหรือบุคคลทั่วไป โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายหรือบริการ เช่น เพื่อการสอน ประกาศรับสมัครงาน
- การประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท หรือสินค้า
- เว็บไซต์ส่วนตัว (ส่วนบุคคล) ที่สร้างขึ้นเพื่อเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัว การงาน การศึกษา หรือความสนใจส่วนตัว
- เว็บไซต์ที่เป็นสื่อกลางด้านข้อมูล โดยมีจุดประสงค์ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยไม่มีการเสียค่าสมาชิกหรือ ค่าใช้จ่ายใด ๆ
- ร้านอินเทอร์เน็ตที่ให้บริการในการเล่น net ที่เจ้าของร้านได้รายได้จากค่าชั่วโมงการเล่นอินเทอร์เน็ต (อินเทอร์เน็ตคาเฟ่) และ เกมส์คอมพิวเตอร์ ประเภทนี้ เจ้าของร้านอินเทอร์เน็ตฯ ไม่ต้องจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ให้จดทะเบียนพาณิชย์ ปกติ (ถือเป็นพาณิชยกิจธรรมดา ในช่องทางปกติ ไม่ใช่ e-Commerce )

ที่มา http://www.thaimarketpress.com/index.php?topic=22.0
บันทึกการเข้า
ae18
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 13
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 325



ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2010, 21:08:09 »

ขายสินค้าแบบ e-commerce ต้องเสียภาษีอย่างไร? ...

ที่ผมอยากรู้คือ การขายของทางอินเตอร์เน็ตเนี้ย ต้องไปเสียภาษียังไง เพราะกลัวเรื่องภาษีย้อนหลังมาก  wanwan009  และขอบคุณมากครับ สำหรับเรื่องการจดทะเบียนการค้า ตัวนี้ผมไปจดมาเรียบร้อยแล้ว   wanwan019 ยังเหลือแต่เรื่องภาษีนี่แหละครับ รบกวนพี่ๆ ที่ขายของทางเน็ต ที่พอจะมีความรู้เรื่องพวกเหล่านี้ มาแนะนำน้องบ้างครับ  wanwan012
บันทึกการเข้า

OXYGEN2
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 22
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 599



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2010, 21:49:26 »

ขายสินค้าแบบ e-commerce ต้องเสียภาษีอย่างไร? ...

ที่ผมอยากรู้คือ การขายของทางอินเตอร์เน็ตเนี้ย ต้องไปเสียภาษียังไง เพราะกลัวเรื่องภาษีย้อนหลังมาก  wanwan009  และขอบคุณมากครับ สำหรับเรื่องการจดทะเบียนการค้า ตัวนี้ผมไปจดมาเรียบร้อยแล้ว   wanwan019 ยังเหลือแต่เรื่องภาษีนี่แหละครับ รบกวนพี่ๆ ที่ขายของทางเน็ต ที่พอจะมีความรู้เรื่องพวกเหล่านี้ มาแนะนำน้องบ้างครับ  wanwan012
รอสรรพากรมาตาม แล้วค่อยเสียภาษีครับ รับรองไม่มีย้อนหลังแน่นอนครับ ผมขายของทางเน็ตมาเกือบ 5 ปีแล้วครับ

ถ้าของที่ซื้อมาขายต่อไม่มี vat ซื้อ หรือขอ vat ซื้อไม่เต็มจำนวน ก็เสียภาษีแบบเหมารายปีถูก ๆ ครับ

ถ้าสรรพากรยังไม่มาไม่ต้องไปบอกครับ
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์