Elance.com และ oDesk.com สะดวกสุด คุณโพสต์โปรเจค บอกไปเลยว่าต้องการอะไรแล้ว freelance ที่อยู่ใน niche นั้นๆมาเห็นก็จะเข้ามาเสนอตัวให้ freelance ที่หมุนเวียนกันในเว็บเหล่านี้มี skill แตกต่างกันไปการะจายไปใน niche ต่างๆ เรื่องสุนัขผมเชื่อว่าหาไม่ยากเพราะเป็น category ฮิตในต่างประเทศครับ
แต่ Elance.com และ oDesk.com เขามีระบบพอสมควรคุณต้องสมัครและ setup และ verify+activate ระบบ payment ต่างๆกับทางเว็บให้สมบูรณ์ก่อนจึงจะเริ่มจ้างงานได้ เขาทำแบบนี้เพื่อความปลอดภัยของทั้ง ผู้จ้าง และ ผู้ถูกจ้าง ป้องกันการโกงกัน oDesk ผมไม่ถนัด แต่ถ้า Elance คุณจ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ครับ โดยการ set-up Credit card payment term แล้วเขาจะส่ง activate key มาให้ในใบแจ้งหนี้ธนาคาร
การเขียนบทความโดยแท้จริงแล้วคิดเป็น ชม. แต่ถ้าอยากรู้คร่าวๆว่าบทความ 2000 คำจะได้กี่บาทให้เอา Rate/Word per Hour
ยกตัวอย่าง ผมคิดค่าเขียน $15/ชม.(แค่สมมุตินะครับผมไม่ได้รับเขียนบทความนะครับ) และผมเขียน ENG 800 คำต่อ ชม.ก็คือ คำละ $0.019 ถ้าบทความ 2000 คำ เท่ากับคุณต้องเตรียมเงินไว้จ่ายค่าเขียน $38-$48 ครับ แต่อย่าลืมว่าการเขียนบทวามคุณภาพต้องอาศัย research ฉะนั้นจำนวนชั่วโมงที่เขาต้องไปค้นคว้าก็อาจถูกนำมารวมด้วยทำให้ range มันกว้างออกไปอย่างที่บอก คือ xx - xx
แต่ถ้าอยากเริ่มต้นง่ายๆ Textbroker.com ก็ดีครับ เป็นแบบ Self-Service คุณเข้าไปตั้ง Project กำหนด แนวเรื่อง ไตเติ้ล และคีย์เวิร์ด จำนวนคำ ฯลฯ เลือก level ของนักเขียน คุณจะรู้ล่วงหน้าทั้งหมดว่าคุณต้องจ่ายเท่าไร จากนั้นก็รอนักเขียนมารับงานจากคำสั่งที่คุณตั้งไว้ ผมเคยลองแล้วใช้เวลา 5-7 วันกว่าจะเสร็จได้รับบทความ (นักเขียนอิสระบางคนเหมือนจะหยุดเสาร์อาทิตย์ด้วยอ่ะ) แต่ก็สะดวกดี คุณภาพดีครับ
สำหรับ Textbroker.com คุณต้องวางเงินก่อนนะครับ 20-30 เหรียญนี่แหละ จ่ายผ่าน credit หรือ paypal
ขอบคุณครับ ที่อ่านๆมา elanc.com น่าจะคุณภาพดีกว่า textbroker.com รึป่าวครับ
คุณภาพจะพอๆกันครับ มีทั้ง low medium และ high skill writer ซึ่งเรากำหนดได้ว่าต้องการ level ไหน ราคาจะเป็นเครื่องสะท้อนคุณภาพในเบื้องต้น การใช้ text broker จะให้อารมณ์คล้ายการ shopping online ช็อปหานักเขียนแล้ว process ต่างๆจะเป็นไปตามระบบจบเป็น jobๆ text broker จะเหมาะแบบนี้... elance ให้ความรู้สึกเหมือนคุณเป็นนายจ้างระดมทีมมาทำโปรเจคแบบ on-going บางคนก็ประกาศจ้างนักเขียนแบบระยะยาวไปเลยครับเช่นประกาศต้องการนักเขียนประจำบล็อกป้อน 30-50 บทความต่อเดือนอะไรก็จะมีคนมีเสนอตัวตามลำดับ มันจะยากกว่าในเรื่องของการคัดคนมาร่วมงานแต่เหมาะกับการทำงานระยะยาวและมี detail เยอะ